ThaiClinic.Com - ระบบการคัดเลือกเพื่อรับทุนเรียนต่อควรปรับปรุงไหม

หัวข้อ 37324: ระบบการคัดเลือกเพื่อรับทุนเรียนต่อควรปรับปรุงไหม (จำนวนคนอ่าน 2705 ครั้ง)

« เมื่อ: 11/17/18 เวลา 11:24:14 »

ปีนี้มีข่าวInternฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้ทุนเรียนต่อ
ควรมีมาตรการป้องกันอะไรไหม

เพราะกว่าจะสร้างหมอได้แต่ละคนต้นทุนมหาศาล แต่มีการเสียชีวิตเท่ากับรัฐลงทุนไปขาดทุน

The day you went away . . .

ส่งโดย: SantaNiCo female

สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 1378

182.52.126.*

« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 11/17/18 เวลา 13:31:55 »

ปัญหาน่าจะอยู่ที่บุคคลมากกว่า ถ้าเข้าไปเรียนได้เดี๋ยวก็ถูกด่าจนdepress หาว่าถูกbullying

ส่งโดย: Chang
สถานะ: Newbie

จำนวนความเห็น: 7

223.24.15.*

« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 11/17/18 เวลา 14:22:40 »

ทำไมไม่ได้ทุนต้องฆ่าตัวตาย

ส่งโดย: megacure
สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 2283

49.229.152.*

« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: 11/17/18 เวลา 15:29:58 »

ผมฟรีเทรนตลอดตั้งแต่สมัครdentกะfellow ตอนไปสมัครdentก็รู้ว่าตัวเองโปรไฟล์ไม่ได้ดีมาก ก็ไปสมัครที่ที่เค้าไม่แย่งกันเยอะ สมัครรอบแรกก็ได้เรียน

ตอนไปสมัครfellow ครั้งแรกไปสัมภาษณ์มาทุกที่ไม่มีใครรับเรียนเลย ตอนนั้นfailมาก ทำไมในสายตาอาจารย์ผมมันแย่มากเลยเหรอ ถึงไม่มีใครรับไปเรียน

ตอนนั้นเพื่อนๆในรุ่นได้เรียนfellowหลังจบdent3กันเกือบหมด ก็แอบๆนอยด์นิดๆเพื่อนมีที่เรียนกันหมด

คิดในใจคนบนฟ้าคงกำหนดมาแล้วให้เป็นแบบนี้ แค่ผิดหวัง แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป โลกคงไม่ถล่มทลาย กลับบ้านต่างจังหวัดไปเลี้ยงลูกก็ได้ ตอนนั้นลูกคนโตอายุได้ 1ปีกว่าๆพอดี เลยกลับไปทำงานเอกชนแถวบ้านๆ ชีวิตก็มีความสุขดี ไม่คิดอยากจะกลับไปเรียนfellowอีก

ทำงานเป็นgen med มาได้3ปี อยู่ๆโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งที่เคยไปสมัครแล้วไม่ได้เรียนโทรมาหาว่ามาสัมภ าษณ์fellowไหม สนใจจะเรียนที่นี่ไหม ก็เลยไปสมัคร สรุปปีนั้นมาสัมภาษณ์3คน เค้ารับ3ตำแหน่งพอดี คนที่มาสัมภาษณ์ได้มาเรียนกันหมด แต่รุ่นน้องถัดจากปีผม หลังๆมาสัมภาษณ์กันเกิน10คนตลอดแต่ยังรับ3คนเท่าเดิม มีแต่คนแย่งกันเรียน โปรไฟล์ก็ดีๆกันทั้งนั้น ผมคงสู้เค้าไม่ได้ นี่ถ้าคิดจะมาเรียนปีหลังๆนี่คงอด

บางทีมันก็เป็นจังหวะโอกาสของชีวิต ชีวิตเวลาจะยากก็ยาก เวลาจะง่ายก็ง่าย ขอแค่เราอดทนแล้วรอโอกาสเข้ามาแล้วคว้าไว้ให้ได้ Wink

« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 11/17/18 เวลา 19:44:34 by น้ำเน่าในเงาจันทร์ »

ส่งโดย: น้ำเน่าในเงาจันทร์ male

สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 6054

110.77.137.*

« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: 11/18/18 เวลา 12:23:17 »

Free train ว่าวมา 2 รอบ ยังไม่แคร์ครับ 555

ส่งโดย: kengkung
สถานะ: Full Member

จำนวนความเห็น: 142

182.232.160.*

« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 11/19/18 เวลา 09:37:05 »

จำนวนผู้สมัครเรียนต่อในสาขาและสถาบันยอดนิยมนั้นมากกว่า จำนวนที่เค้าจะรับได้เยอะครับ...เช่น เมดจุฬาฯ รับสมัครปีละประมาณ 40 คน แต่ว่ามีคนมาสมัครประมาณ 200 คน หรือ ศัลย์จุฬา รับสมัครปีละประมาณ 20 คน แต่มีคนมาสมัครปีละประมาณ 100 คน
ดังนั้น หากจะมาสมัครเรียนที่สถาบันหรือ สาขาดังกล่าว แล้วโดยเฉพาะหากไม่มีเส้นที่แข็งแรง หรือโปรไฟล์ที่เลิศหรู จึงต้องเผื่อใจไว้มากๆๆๆอยู่แล้วครับ (จะฆ่าตัวตายทั้ง 160 หรือ 80 คน ที่สมัครไม่ได้รึเปล่า ก็ไม่นะครับ)

« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 11/20/18 เวลา 10:29:03 by Dr._Panya »

ส่งโดย: Dr._Panya male

สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 1916

110.169.202.42 fwd for 192.168.14.*

« ความเห็นที่ #6 เมื่อ: 11/19/18 เวลา 12:06:26 »

ไม่ได้เทรน ทำไง ? - หนทางไม่ไกลแต่คนไกลหนทาง อย่าอยู่ไกลหนทาง ครับ จี้ติดไปเรื่อยๆ...

ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 11432

171.96.189.*

« ความเห็นที่ #7 เมื่อ: 11/19/18 เวลา 12:41:59 »

แก้แบบไม่ต้องใช้ปัญญา เปลี่ยนหลักสูตรแพทย์เป็น 9 ปี เรียนแพทย์ 6 ปี แล้วแยกสาขาต่อบอร์ดที่ชอบอีก 3 ปีไปเลย ได้เรียนทุกคน ใครไม่ชอบสาขาที่จับฉลากได้ก็เรียน 6 ปีแล้วไปทำงานหาเงิน

Good surgeons know how to operate.
Better ones know when to operate.
Best ones know when not to operate

ส่งโดย: anantom
สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 10525

118.173.52.*

« ความเห็นที่ #8 เมื่อ: 11/19/18 เวลา 12:54:41 »

on 11/19/18 เวลา 12:41:59, anantom wrote:

อันนี้เห็นด้วยครับ ผมว่าGPเรามีพอแล้ว ที่ต้องการคือspecialistที่พร้อมรับกับโรคยากๆมากขึ้น

ส่งโดย: น้ำเน่าในเงาจันทร์ male

สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 6054

110.77.137.*

« ความเห็นที่ #9 เมื่อ: 11/19/18 เวลา 19:23:45 »

ผลิตมากเกินครับ. สมัยก่อนจบกับที่เรียนพอๆกัน. แสดงว่าต้องการให้เป็นfamily. Med. จึงบีบแพทย์รุ่นใหม่. ฉะนั้นแพทย์รุ่นgen. Y. ต้องปรับตัวครับ.

ส่งโดย: crv01
สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 1964

182.232.28.*

« ความเห็นที่ #10 เมื่อ: 11/20/18 เวลา 21:59:07 »

ผมมองว่ายังไม่พอนะครับถึงจำนวนมากขึ้นแต่วิเคราะห์กันดีๆ ทำไมรพ ยังขาด ผมมองว่า จบมากขึ้น 3 เท่าแต่ 10%ทำสกิน 15% ทำงานอื่นเช่นงานบริหาร หายไป25%แล้ว และงานหมอสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนทุกคนต้องการเรียนต่อเพื่องานสบายขึ้น แต่งานคนไข้ก้เยอะกว่าสมัยก่อนเมื่อก่อนเจ็บหนักถึงมาสมัยนี้เจ็บนิดหน่อยก็ มาแถมยังเพิ่มงานเอกสาร งานส่งเสริม ป้องกัน ซึ่งเมื่อก่อนไม่เน้น ส่วนในภาคเอกชน gp ยังอยู่ได้เพราะยังไงเอกชนเน้นวินิจฉัยถ้าไม่แน่ใจส่งปรึกษาspecialist หรือส่งให้รักษารพ รัฐต่อ ผมว่ารพ เอกชนหลายแห่งคงไม่จ้าง specialist มาตรวจแบบคัดกรองหรอกนะมันต้องจ้างแพงกว่าแถมลาออกแล้วหาคนแทนยากอีก

ส่งโดย: Xanz
สถานะ: Junior Member

จำนวนความเห็น: 66

223.205.118.*

« ความเห็นที่ #11 เมื่อ: 11/22/18 เวลา 14:14:49 »

ไม่ได้เทรน ? - " ทุกคนย่อมเคยล้มลุกคลุกคลาน ครับ"....

ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 11432

171.96.189.*

« ความเห็นที่ #12 เมื่อ: 11/23/18 เวลา 22:25:56 »

สรุปคืออ่อนแอก็แพ้ไปสินะคะ

The day you went away . . .

ส่งโดย: SantaNiCo female

สถานะ: Executive Member

จำนวนความเห็น: 1378

180.180.194.*

Page(s) : 1

Reply this Topic reserved for registed member only. Register

Thai Medical Trading ขายเครื่องมือแพทย์มือสอง /และของใหม่ /ประกัน1ปี

ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง
ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม "แจ้งลบกระทู้"
เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ