Topic Summary
|
จากคุณ: SantaNiCo |
โพสเมื่อวันที่: 11/17/18 เวลา 11:24:14 |
ปีนี้มีข่าวInternฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้ทุนเรียนต่อ ควรมีมาตรการป้องกันอะไรไหม เพราะกว่าจะสร้างหมอได้แต่ละคนต้นทุนมหาศาล แต่มีการเสียชีวิตเท่ากับรัฐลงทุนไปขาดทุน
|
จากคุณ: Chang |
โพสเมื่อวันที่: 11/17/18 เวลา 13:31:55 |
ปัญหาน่าจะอยู่ที่บุคคลมากกว่า ถ้าเข้าไปเรียนได้เดี๋ยวก็ถูกด่าจนdepress หาว่าถูกbullying
|
จากคุณ: megacure |
โพสเมื่อวันที่: 11/17/18 เวลา 14:22:40 |
ทำไมไม่ได้ทุนต้องฆ่าตัวตาย
|
จากคุณ: Something in the rain |
โพสเมื่อวันที่: 11/17/18 เวลา 15:29:58 |
ผมฟรีเทรนตลอดตั้งแต่สมัครdentกะfellow ตอนไปสมัครdentก็รู้ว่าตัวเองโปรไฟล์ไม่ได้ดีมาก ก็ไปสมัครที่ที่เค้าไม่แย่งกันเยอะ สมัครรอบแรกก็ได้เรียน ตอนไปสมัครfellow ครั้งแรกไปสัมภาษณ์มาทุกที่ไม่มีใครรับเรียนเลย ตอนนั้นfailมาก ทำไมในสายตาอาจารย์ผมมันแย่มากเลยเหรอ ถึงไม่มีใครรับไปเรียน ตอนนั้นเพื่อนๆในรุ่นได้เรียนfellowหลังจบdent3กันเกือบหมด ก็แอบๆนอยด์นิดๆเพื่อนมีที่เรียนกันหมด คิดในใจคนบนฟ้าคงกำหนดมาแล้วให้เป็นแบบนี้ แค่ผิดหวัง แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป โลกคงไม่ถล่มทลาย กลับบ้านต่างจังหวัดไปเลี้ยงลูกก็ได้ ตอนนั้นลูกคนโตอายุได้ 1ปีกว่าๆพอดี เลยกลับไปทำงานเอกชนแถวบ้านๆ ชีวิตก็มีความสุขดี ไม่คิดอยากจะกลับไปเรียนfellowอีก ทำงานเป็นgen med มาได้3ปี อยู่ๆโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งที่เคยไปสมัครแล้วไม่ได้เรียนโทรมาหาว่ามาสัมภ าษณ์fellowไหม สนใจจะเรียนที่นี่ไหม ก็เลยไปสมัคร สรุปปีนั้นมาสัมภาษณ์3คน เค้ารับ3ตำแหน่งพอดี คนที่มาสัมภาษณ์ได้มาเรียนกันหมด แต่รุ่นน้องถัดจากปีผม หลังๆมาสัมภาษณ์กันเกิน10คนตลอดแต่ยังรับ3คนเท่าเดิม มีแต่คนแย่งกันเรียน โปรไฟล์ก็ดีๆกันทั้งนั้น ผมคงสู้เค้าไม่ได้ นี่ถ้าคิดจะมาเรียนปีหลังๆนี่คงอด บางทีมันก็เป็นจังหวะโอกาสของชีวิต ชีวิตเวลาจะยากก็ยาก เวลาจะง่ายก็ง่าย ขอแค่เราอดทนแล้วรอโอกาสเข้ามาแล้วคว้าไว้ให้ได้
|
จากคุณ: kengkung |
โพสเมื่อวันที่: 11/18/18 เวลา 12:23:17 |
Free train ว่าวมา 2 รอบ ยังไม่แคร์ครับ 555
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/19/18 เวลา 09:37:05 |
จำนวนผู้สมัครเรียนต่อในสาขาและสถาบันยอดนิยมนั้นมากกว่า จำนวนที่เค้าจะรับได้เยอะครับ...เช่น เมดจุฬาฯ รับสมัครปีละประมาณ 40 คน แต่ว่ามีคนมาสมัครประมาณ 200 คน หรือ ศัลย์จุฬา รับสมัครปีละประมาณ 20 คน แต่มีคนมาสมัครปีละประมาณ 100 คน ดังนั้น หากจะมาสมัครเรียนที่สถาบันหรือ สาขาดังกล่าว แล้วโดยเฉพาะหากไม่มีเส้นที่แข็งแรง หรือโปรไฟล์ที่เลิศหรู จึงต้องเผื่อใจไว้มากๆๆๆอยู่แล้วครับ (จะฆ่าตัวตายทั้ง 160 หรือ 80 คน ที่สมัครไม่ได้รึเปล่า ก็ไม่นะครับ)
|
จากคุณ: หมอเมืองสยาม |
โพสเมื่อวันที่: 11/19/18 เวลา 12:06:26 |
ไม่ได้เทรน ทำไง ? - หนทางไม่ไกลแต่คนไกลหนทาง อย่าอยู่ไกลหนทาง ครับ จี้ติดไปเรื่อยๆ...
|
จากคุณ: anantom |
โพสเมื่อวันที่: 11/19/18 เวลา 12:41:59 |
แก้แบบไม่ต้องใช้ปัญญา เปลี่ยนหลักสูตรแพทย์เป็น 9 ปี เรียนแพทย์ 6 ปี แล้วแยกสาขาต่อบอร์ดที่ชอบอีก 3 ปีไปเลย ได้เรียนทุกคน ใครไม่ชอบสาขาที่จับฉลากได้ก็เรียน 6 ปีแล้วไปทำงานหาเงิน
|
จากคุณ: Something in the rain |
โพสเมื่อวันที่: 11/19/18 เวลา 12:54:41 |
on 11/19/18 เวลา 12:41:59, anantom wrote:แก้แบบไม่ต้องใช้ปัญญา เปลี่ยนหลักสูตรแพทย์เป็น 9 ปี เรียนแพทย์ 6 ปี แล้วแยกสาขาต่อบอร์ดที่ชอบอีก 3 ปีไปเลย ได้เรียนทุกคน ใครไม่ชอบสาขาที่จับฉลากได้ก็เรียน 6 ปีแล้วไปทำงานหาเงิน |
| อันนี้เห็นด้วยครับ ผมว่าGPเรามีพอแล้ว ที่ต้องการคือspecialistที่พร้อมรับกับโรคยากๆมากขึ้น
|
จากคุณ: crv01 |
โพสเมื่อวันที่: 11/19/18 เวลา 19:23:45 |
ผลิตมากเกินครับ. สมัยก่อนจบกับที่เรียนพอๆกัน. แสดงว่าต้องการให้เป็นfamily. Med. จึงบีบแพทย์รุ่นใหม่. ฉะนั้นแพทย์รุ่นgen. Y. ต้องปรับตัวครับ.
|
จากคุณ: Xanz |
โพสเมื่อวันที่: 11/20/18 เวลา 21:59:07 |
ผมมองว่ายังไม่พอนะครับถึงจำนวนมากขึ้นแต่วิเคราะห์กันดีๆ ทำไมรพ ยังขาด ผมมองว่า จบมากขึ้น 3 เท่าแต่ 10%ทำสกิน 15% ทำงานอื่นเช่นงานบริหาร หายไป25%แล้ว และงานหมอสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนทุกคนต้องการเรียนต่อเพื่องานสบายขึ้น แต่งานคนไข้ก้เยอะกว่าสมัยก่อนเมื่อก่อนเจ็บหนักถึงมาสมัยนี้เจ็บนิดหน่อยก็ มาแถมยังเพิ่มงานเอกสาร งานส่งเสริม ป้องกัน ซึ่งเมื่อก่อนไม่เน้น ส่วนในภาคเอกชน gp ยังอยู่ได้เพราะยังไงเอกชนเน้นวินิจฉัยถ้าไม่แน่ใจส่งปรึกษาspecialist หรือส่งให้รักษารพ รัฐต่อ ผมว่ารพ เอกชนหลายแห่งคงไม่จ้าง specialist มาตรวจแบบคัดกรองหรอกนะมันต้องจ้างแพงกว่าแถมลาออกแล้วหาคนแทนยากอีก
|
จากคุณ: หมอเมืองสยาม |
โพสเมื่อวันที่: 11/22/18 เวลา 14:14:49 |
ไม่ได้เทรน ? - " ทุกคนย่อมเคยล้มลุกคลุกคลาน ครับ"....
|
จากคุณ: SantaNiCo |
โพสเมื่อวันที่: 11/23/18 เวลา 22:25:56 |
สรุปคืออ่อนแอก็แพ้ไปสินะคะ
|