« ความเห็นที่ #13 เมื่อ: 01/04/18 เวลา 12:48:47 » |
|
on 12/31/17 เวลา 20:53:41, 921684 wrote:มาถึงวันนี้ เราถึงได้รู้ว่า ตัวเองเป็นคนชั้นกลาง ที่ตกรถไฟมาถึงสามรุ่นแล้ว สวัสดีค่ะ จขกท จะขอแทนตัวเองว่าเรา นะคะ เราก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่ได้เข้ามาอ่านและใช้งาน pantip นี่ คือมีความเป็นชนชั้นกลาง (middle class) คงจะมีหลายคนสงสัยกับนิยามของชนชั้นกลาง และพยายามหาคำจำกัดความหรือตัวเลขต่างๆ มาตีกรอบ เพื่อจัดกลุ่มให้ชัดเจน ซึ่งต่างคนก็ต่างมีคำตอบของตัวเอง แต่สำหรับเรา ความเป็นชนชั้นกลาง มันไม่ได้มีตัวเลขตายตัว เรามีอะไรหลายอย่างที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต แต่ก็ขาดอีกหลายๆ อย่าง ที่อาจไม่จำเป็น แต่อยากได้ คงจะไม่ผิดนัก ถ้าเราจะบอกว่า เราเป็นชนชั้นกลางค่ะ เราโตมาในครอบครัวคนจีน ครอบครัวที่เน้นเรื่องความอุตสาหะเป็นหลัก ครอบครัวที่เชื่อมั่นในการศึกษา ถึงแม้ว่ารุ่นอากงจะเริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ แต่ท่านก็เพียรพยายามทำงานในหน้าที่ของตนในฐานะพนักงานบริษัท จนส่งเสียคุณพ่อและพี่น้องได้เรียนโรงเรียนที่ดี และจบมหาวิทยาลัยที่ดีได้กันทุกคน คือเป็นรากฐานสำคัญที่สุดที่ทำให้ความเป็นอยู่ของเราไม่ตกต่ำลงไปจากเดิม ตอนนี้รุ่นของอากงได้ผ่านไป แม้ไม่มีกิจการอะไรให้ดูแล แต่ก็เหลือทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ ให้ลูกหลานได้ไว้เก็บหอมรอมริบต่อบ้าง อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่ถึงเวลาของการเปลี่ยนชนชั้นไปอีกระดับได้ ในรุ่นที่สอง รุ่นของคุณพ่อเรา และลุงป้าน้าอา ก็ได้ค่านิยมเรื่องความอุตสาหะมาอย่างเหนียวแน่น แม้ว่าทุกคนจะยังดำเนินแนวทางเดียวกับบรรพบุรุษ คือการทำงานประจำกินเงินเดือน และไม่ได้สร้างกิจการใดๆ (วิศวกร แพทย์ วิทยาศาสตร์) ท่านก็ถือว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สามารถเลี้ยงดูลูกให้โตมาอย่างที่คุณภาพ มีการศึกษาที่ดีพอ เฉกเช่นเดียวกับรุ่นที่ผ่านมา ให้รุ่นต่อสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ อย่างน้อยก็ไม่อดตาย เช่นเดียวกัน นี่ก็ยังไม่ถึงเวลาของการเปลี่ยนชนชั้นได้ มาถึงรุ่นเรา แม้เพียงจะพึ่งเริ่มต้นทำงานกันไม่นาน แต่ก็คงไม่มีอะไรที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมานัก ทำงานประจำ ทำหน้าที่ของตนให้ดี ชีวิตมั่นคง เป็นสูตรสำเร็จที่พิสูจน์แล้วว่า valid และเราคิดว่าบ้านเรามีพอแล้ว ไม่มีปัญหาทางการเงิน เพียงแต่ ... เมื่อถึงเวลานึง เมื่อเราโตขึ้น และโลกมันแคบลง เราเห็นหลายๆ คนในเฟซบุ๊ค ไปต่างประเทศบ่อยมาก เราเห็นหลายๆ คนขับรถยุโรปดีๆ สามสี่ล้าน ซึ่งราคามันเท่ากับตัวบ้านที่เราอยู่ เราเห็นหลายๆ คนได้อยู่อาศัยในที่ที่ exclusive หมู่บ้านดีๆ คอนโดหรูๆ ทั้งหมดนั้นเราเคยเห็นมาแล้ว บนสุขุมวิทก็มีรถแพงๆ คอนโดแพงๆ เยอะแยะ และไม่เคยได้สนอะไร แต่พอรู้ว่า คนที่เรียนคณะเดียวกันมา คนใกล้ตัวที่เห็นหน้าค่าตา ครอบครองสิ่งเหล่านี้อยู่ .. มันทำให้เรารู้สึก รู้สึกว่าเราไม่มี .. และเราก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า เราจะทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้างกับตัวเรา หากเราเลือกที่จะเดินแต่ทางเดิมๆ มันก็ไม่ต่างจากการย่ำไปบนดินโคลนที่มีรอยเท้าเดิมอยู่ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างจากเดิม สามเจเนอร์ชั่นได้พิสูจน์แล้วว่า การเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือน แม้ไม่อดตาย ... แต่ไม่รวย รุ่นแรก ขับรถญี่ปุ่น c-segment รุ่นที่สอง ก็ญี่ปุ่น c-segment และรุ่นเรา ก็ยังเป็นรถญี่ปุ่น seg เดิม และจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ามีลูกหลาน เราเองเป็นหมอค่ะ และได้เคยเขียนไว้ในกระทู้ก่อนหน้าแล้ว ว่ารายได้เดือนนึง ก็ไม่ต่างจากพนังงานบริษัทดีๆ อาจจะแย่กว่าอีกตรงที่ ไม่มีโบนัส ยังไงก็คงไม่สามารถหารถยุโรปมาขับ หรือไป ตปท บ่อยๆ ได้ นี่จึงเป็นที่มาว่า เราต้องศึกษาเรื่องการลงทุน เพื่อเปลี่ยนชนชั้นของเรา ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถก้าวเป็น upper class ได้ ขอแค่เป็น upper middle ได้ก็ยังดี ได้ขับรถสามสี่ล้าน โดยไม่เบียดเบียนเงินในส่วนอื่น เท่านี้เราก็พอใจแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบ เราก็คงไม่ต่างจากคนที่ตกรถไฟมาเป็นรุ่นที่สาม ซึ่งมันไม่ควรเป็นแบบนั้น มันน่าแปลกใจ เพราะถ้าเป็นเมืองนอก คนที่ทำสัมมาอาชีพ หรืองานที่อาศัยความเฉพาะทางสูง ก็ควรจะสามารถมีทุกอย่างที่กล่าวมาได้แล้ว โดยไม่ต้องไปดิ้นรนลงทุนหรือเปลี่ยนไปเป็นเจ้าของกิจการแต่อย่างใด ในขณะที่เมืองไทย ทำงานประจำอย่างเดียว มันไม่พอเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องการลงทุนนี้เป็นเรื่องยากค่ะ หลายคนแม้มีความตั้งใจ ก็กลับล้มเหลว ขาดทุนย่อยยับ อย่างที่บ้านเราไม่สนับสนุนหรือปลูกฝังสิ่งอื่นเลยนอกจากการทำงานประจำ เพราะเคยมีช่วงหนึ่งที่ผ่านการลองผิดลองถูก จนผิดพลาดหนักและเงินจมมาก่อน ดังนั้นเราจะไม่ชอบมากๆ เวลาเจอคนที่ลงทุนสำเร็จแล้วออกมาบอกคนอื่นว่าทำไมไม่ลงทุน ทำไมไม่ออกมาจากงานประจำ พูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ อย่าไปพูดแบบนี้เลยค่ะ |
| ลูกคุณโตขึ้นจะเป็นชนชั้นล่างครับ พอถึงเวลาที่เค้าทำงาน ตอนนั้นจะไม่มีชนชั้นกลางอีกแล้วครับ มีแต่คนรวยกับคนจน
|
|