แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 38000: active vs passion vs passive income  (จำนวนคนอ่าน 1977 ครั้ง)
« เมื่อ: 12/23/19 เวลา 14:33:20 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

จากกรณีคุณหมอ Teetotal แซวมาว่า กระทู้การลงทุนมีน้อย
 
เลยมาช่วยตั้งบ่อยหน่อยนะครับ ช่วงนี้ Ha
 
=active income=
 
เป็นรายได้ที่ใช้แรงและเวลาแลกมา มักจะเป็นงานที่จำเป็นต้องทำ
อาจจะไม่ใช่งานที่รักหรือชอบมากนัก  แต่ยอมทำเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงชีพ
คนกลุ่มนี้เขาจะทำงานเพื่อหวังเงินเป็นหลัก เขาจะคอยมองดูนาฬิกาบ่อยๆ
ว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลางาน เขามักจะเป็นทุกข์กับงาน  
เขาจะใช้เงินที่ได้มาไปหาความสุข เพราะงานไม่ให้ความสุขกับเขา  
แล้วเขาก็ต้องวนกลับมาทำงานที่เป็นทุกข์...ไม่รู้จบ
 
จนกว่าเขาจะได้คิด...และวางแผนเพื่อหาทางหลุดพ้นออกมา
 
=passion income=
 
คนที่ค้นพบตัวเองว่ารักอะไร ชอบอะไร ถนัดอะไร และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักชอบ ซึ่งงานนั้นจะเป็นรางวัลในตัวมันเอง งานนั้นจะมอบความสุขให้กับเขา เขาจะสนุกกับมัน ทำมันได้ดี ไม่ย่อท้อ ไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะพัฒนาตัวเองจนเก่งเพราะเขารักมัน แล้วเงินจะหลั่งไหลมาอย่างมากมายมหาศาล
 
แต่ถึงอย่างไรคนกลุ่มนี้วันนึงเขาจะต้องแก่ตัวลง เจ็บป่วย  
จนทำงานที่เขารักไม่ไหว รายได้เขาก็จะลดลง  
 
=passive income=
 
เป็นรายได้ที่ไม่ต้องใช้แรงและเวลามากเข้าแลก  
แต่เป็นงานที่ใช้ความคิด มีตัวช่วยผ่อนแรง(leverage)  
ยังทำได้อยู่แม้อายุมากขึ้น มีเวลา มีอิสระ
 
....
 
ไม่ว่าจะกลุ่ม active income และ passion income ยังไงก็ควรสร้าง passive income เอาไว้รองรับ ในยามที่เราทำงานไม่ไหว
 
=โดยเฉพาะอาชีพแพทย์อย่างเราๆ=
 
อายุมากขึ้นสังขารเริ่มอยู่เวรไม่ไหว
ตามสภาพร่างกาย
อดนอนมากไม่ได้
ต้องโดนปลุกดึกๆดื่นๆ
นอนไม่ค่อยหลับหลังโดนปลุก  
วันรุ่งขึ้นต้องทำงานต่อ เพลีย ทำให้สุขภาพทรุดโทรมเร็ว
 
ปล.ความเห็นส่วนตน ผิดถูก discuss กันได้ครับ

"Whether you think you can,
or you think you can't--you're right."

-- Henry Ford--
ส่งโดย: <<GOOD LIFE>>
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 938  
   
125.27.181.*


« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 12/23/19 เวลา 21:16:06 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เรามองว่า รายได้ของเรา มาจากดวง ตอนที่เราฝากเงินไว้กับธนาคารหนึ่ง เรามีเงิน 4-5 ล้าน ธนาคารแนะนำให้เราซื้อหุ้นของธนาคาร ตอนนั้น หุ้นละ 400 บาท ราคาพาร์  100 บาท เราคิดว่า เป็นเรื่องของการออมเงินแบบหนึ่งของธนาคาร แต่พอรู้ว่า กลายเป็นหุ้น นอนไม่หลับ คิดว่า เงินเราสูญแล้ว เพราะไม่มีความรู้เรื่องหุ้น  
 
-อยู่ไปสักหน่อย หุ้นแตกพาร์ เป็นสิบบาท ขายกันที่ 170 บาท ถามผู้จัดการธนาคารว่า เป็นอย่างไร เราเข้าใจว่า เงินเราจาก 100 บาท เหลือสิบบาท แต่กลายเป็นว่า เราทำเงินได้ สิบเจ็ดล้าน เมื่อเราบอกขายให้หมด เพราะอยากจะนอนหลับสนิท หลังจากนั้น เราไม่เคยเข้าในตลาดหุ้นเลย เพราะเราทำเงินได้จากความไม่รู้เรื่อง และเชื่อใจคนอื่นอย่างโง่ๆ ถ้าเรามีความรู้เรื่อง และไม่เชื่อใจใคร เราคงจะทำเงินไม่ได้  
 
-หลังจากนั้น เรามีความสุขมาก เพราะดอกเบี้ยในธนาคาร ให้ร้อยละ 14-15% รายได้ของเราเฉพาะดอกเบี้ยก็ปีละ 2.5 ล้าน และยังได้จากทางอื่นอีก
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.249.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 12/23/19 เวลา 21:17:33 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

แต่เรามีเงินมากขึ้นมาก เมื่อตอนปี 2540 เมื่อธนาคารค่อยๆลดดอกเบี้ยเหลือประมาณ 1-2% ทำให้เรามีเงินได้มากเลย
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.249.*


« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 10:44:15 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

Passion income เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกครับ  ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ  
 
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
180.180.68.*


« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 10:59:56 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 12/23/19 เวลา 21:16:06, 6699 wrote:
เรามองว่า รายได้ของเรา มาจากดวง ตอนที่เราฝากเงินไว้กับธนาคารหนึ่ง เรามีเงิน 4-5 ล้าน ธนาคารแนะนำให้เราซื้อหุ้นของธนาคาร ตอนนั้น หุ้นละ 400 บาท ราคาพาร์  100 บาท เราคิดว่า เป็นเรื่องของการออมเงินแบบหนึ่งของธนาคาร แต่พอรู้ว่า กลายเป็นหุ้น นอนไม่หลับ คิดว่า เงินเราสูญแล้ว เพราะไม่มีความรู้เรื่องหุ้น  
 
-อยู่ไปสักหน่อย หุ้นแตกพาร์ เป็นสิบบาท ขายกันที่ 170 บาท ถามผู้จัดการธนาคารว่า เป็นอย่างไร เราเข้าใจว่า เงินเราจาก 100 บาท เหลือสิบบาท แต่กลายเป็นว่า เราทำเงินได้ สิบเจ็ดล้าน เมื่อเราบอกขายให้หมด เพราะอยากจะนอนหลับสนิท หลังจากนั้น เราไม่เคยเข้าในตลาดหุ้นเลย เพราะเราทำเงินได้จากความไม่รู้เรื่อง และเชื่อใจคนอื่นอย่างโง่ๆ ถ้าเรามีความรู้เรื่อง และไม่เชื่อใจใคร เราคงจะทำเงินไม่ได้  
 
-หลังจากนั้น เรามีความสุขมาก เพราะดอกเบี้ยในธนาคาร ให้ร้อยละ 14-15% รายได้ของเราเฉพาะดอกเบี้ยก็ปีละ 2.5 ล้าน และยังได้จากทางอื่นอีก

 
เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของ passive income ซึ่งมาได้จากหลายๆทาง
 
ขอบคุณอาจารย์ 6699 มากครับ ที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ได้เรียนรู้

"Whether you think you can,
or you think you can't--you're right."

-- Henry Ford--
ส่งโดย: <<GOOD LIFE>>
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 938  
   
125.26.201.*


« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 11:29:11 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 12/25/19 เวลา 10:44:15, positive wrote:
Passion income เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกครับ  ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ  
 

 
ยินดีครับ

"Whether you think you can,
or you think you can't--you're right."

-- Henry Ford--
ส่งโดย: <<GOOD LIFE>>
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 938  
   
125.26.201.*


« ความเห็นที่ #6 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 12:38:13 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ผมเองมีมุมมองส่วนตัวว่า  
 
ช่องทางสร้าง Passive income นั้น ก็ไม่ได้สร้างแล้วก็จะคงอยู่ไปตลอด  
 
ดังนั้น เราต้องเฝ้าสังเกต ติดตาม ปรับปรุง เรียนรู้ตลอดไป  
 
และ เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจมา  Passive income ก็อาจจะหายไป
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
180.180.68.*


« ความเห็นที่ #7 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 14:11:42 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 12/25/19 เวลา 12:38:13, positive wrote:
ผมเองมีมุมมองส่วนตัวว่า  
 
ช่องทางสร้าง Passive income นั้น ก็ไม่ได้สร้างแล้วก็จะคงอยู่ไปตลอด  
 
ดังนั้น เราต้องเฝ้าสังเกต ติดตาม ปรับปรุง เรียนรู้ตลอดไป  
 
และ เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจมา  Passive income ก็อาจจะหายไป

 
ใช่ครับ Passive income เองก็ยังต้องคอยติดตามดูอยู่ ห่างๆ  
 
เพียงแต่สามารถเอาตัวเราออกมาจากสมการ (ตัวเรา X เวลา=รายได้)  
แล้วให้อะไรบางอย่างเข้าไปแทนตัวเรา
 
สิ่งที่พอจะช่วยลดความเสี่ยงลงได้บ้าง  
ก็น่าจะเป็นการกระจายการลงทุนให้สมดุล (มีทั้ง passive แบบกองหน้า กองกลาง กองหลัง และผู้รักษาประตู)
 
เพื่อสร้างรายได้ต่อไป แม้ในยามเกิดวิกฤติ และเตรียมเงินสดไว้รอโอกาสที่ดีในการลงทุน
 
เป็นการสร้างเรือที่แข็งแกร่งไว้รอ เตรียมพร้อมรับในวันที่พายุมา

"Whether you think you can,
or you think you can't--you're right."

-- Henry Ford--
ส่งโดย: <<GOOD LIFE>>
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 938  
   
125.26.201.*


« ความเห็นที่ #8 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 18:49:59 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

-ตอนที่เราได้เงินจากธนาคารดอกเบี้ยร้อยละ10+ กว่า แต่เงินปันผลจากสหกรณ์ ได้ร้อยละ 6 ผู้จัดการธนาคาร บอกว่า ดอกเบี้ยเงินจะเหลือประมาณ 1-2% และเราจะทำเงินได้ก้อนใหญ่ คำถามที่เราถามผู้จัดการคือเกิดอะไรขึ้น เขาตอบว่า เงินอยู่สามที่ คือธนาคาร และหุ้น และที่ดิน เมื่อดอกเบี้ยในธนาคารเหลือ 1-2% เงินจะไปสองที่คือที่ดิน และ หุ้น แต่เราไม่ชอบเรื่องหุ้น ทางผู้จัดการ แนะนำให้ซื้อที่ดินแทน ตัวเรา ซื้อที่ดินไป ประมาณ 4000 ไร่ ต้นทุนตอนนั้น ไร่ละ 8000-10000 บาท ธนาคารให้กู้ยืมเงิน ปลอดดอกเบี้ย เป็นเวลาหกเดือน หลังจากนั้นค่อยคิดดอกเบี้ย  
-คนที่รู้จักกับเรา ต่างมองว่า เราเพี้ยนไปแล้ว ซื้อที่ดิน 4000 ไร่ จำได้ ตอนนั้น เราทำสำเนาโฉนดประมาณ 35 แฟ้มห้าห่วง  
-เหตุผลที่เราซื้อที่ดิน เพราะผู้จัดการบอกเราว่า ที่ดินพวกนี้เป็นที่นา เอาให้เขาทำนา ได้ผลตอบแทนประมาณไร่ละ ข้าวหนึ่งกระสอบ หรือประมาณห้าร้อยบาท เท่ากับ ผลตอบแทนประมาณ 5% และไม่มีความเสี่ยง
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.220.*


« ความเห็นที่ #9 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 18:53:22 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ตอนนั้น เรามีทางเลือกสองทาง คือหาซื้อที่ดินประมาณ 30000 ไร่ และทำโรงสีของเราเอง เพราะโรงสีขนาดปานกลางต้องใช้ที่นาประมาณ 30000 ไร่ ถึงจะทำการสีข้าวได้ตลอดทั้งปี โรงสีปกติจะสีข้าวแค่สามเดือน ข้าวก็หมดแล้ว ปล่อยเครื่องจักรเอาไว้เฉยๆ 6-9 เดือน
 
หรือบริหารจัดการที่ดิน 4000 ไร่ให้คุ้มค่า ภายในหกเดือน เงินที่เราจ่ายประมาณ 40 ล้าน ภายในหนึ่งเดือน เราเริ่มนอนไม่หลับอีกครั้งหนึ่ง
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.220.*


« ความเห็นที่ #10 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 18:57:21 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เราตัดใจทำการตลาดขายที่ดินไปสองพันไร่  
แนวคิดของเราคือ ที่ดินเหล่านี้ เป็นที่ประมาณ แปลงละ 20 ไร่ เขาเขียนจดหมายลงทะเบียนตอบรับให้เจ้าของเดิมมาทำการซื้อที่ดิน ตอนนั้น เราขายไร่ละ 30000-50000 บาท  
ภายในหกเดือน เราขายที่ดินของเราไป 2000 ไร่ ได้เงินมา พอที่จะใช้ค่าที่ดินทั้งหมด และเหลือพอที่จะทำการซื้อบ้านหรูที่เชียงใหม่ได้อีกหนึ่งหลัง
และมีตึกแถวเพิ่มมาอีก 10 ห้อง ตึกตอนนั้นขายห้องละ 1 ล้านบาท  
และที่สำคัญ ยังได้ที่ดิน เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก อีกสองพันไร่
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.220.*


« ความเห็นที่ #11 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 19:04:09 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ที่ดิน 2000 ไร่ของเรา ให้คนเขาปลูกข้าว และให้บริษัทโรงงานน้ำตาลเช่าปลูกอ้อย ปีละ 1500 บาท แต่เรารับจริง ไร่ละ 1000 บาท อีก 500 บาท ให้เป็นค่าบริการ  
 
เรื่องของเรา เรามองว่า เป็นเรื่องของดวงเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเรื่องทักษะหรือความรู้อะไรเลย ถ้าให้เราย้อนกลับ เราก็ทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว  
แต่เราก็ตอบแทนสังคม โดยการที่เราไม่ได้ทำการเปิดร้าน หรือทำส่วนตัว เพราะเรามองว่า เราน่าจะมีความสุขในการรักษาผู้ป่วยได้ ถึงอาจจะไม่ได้เงิน แต่ก็ทำให้เราไม่เสียเงิน ตลอดสิบปีมานี้ เฉลี่ยแล้ว เราช่วยเหลือผู้ป่วยใหม่ให้รอดชีวิต หรืออาการดีขึ้นวันละ 1-2 คน  
 
เนื่องจากเราไม่มีครอบครัว เราคิดว่า เมื่อเราไม่มีอยู่ในโลกนี้ เงินของเราส่วนหนึ่ง ไม่น้อยกว่า ครึ่งหนึ่ง เราจะบริจาคให้แก่สาธารณะ
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.220.*


« ความเห็นที่ #12 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 19:25:14 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เป็นเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจมากครับ  อาจารย์ 6699    
 
ว่าแต่ทำอย่างไรธนาคารถึงให้กู้ซื้อที่ดินเปล่าได้มากขนาดนั้นครับ ?  
 
แล้วทำไมแนวทางนี้ถึงทำซ้ำไม่ได้อีกครั้งครับ ?
 
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
101.109.104.*


« ความเห็นที่ #13 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 20:25:55 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 12/25/19 เวลา 19:25:14, positive wrote:
เป็นเรื่องการลงทุนที่น่าสนใจมากครับ  อาจารย์ 6699    
 
ว่าแต่ทำอย่างไรธนาคารถึงให้กู้ซื้อที่ดินเปล่าได้มากขนาดนั้นครับ ?  
 
แล้วทำไมแนวทางนี้ถึงทำซ้ำไม่ได้อีกครั้งครับ ?
 

เป็นนโยบายธนาคาร ต้องการปลดหนี้สูญ และเงินที่เราฝากอยู่พอที่จะค้ำประกันได้ และที่ดินเหล่านี้ เป็นหนี้ของธนาคาร ที่ต้องการกำจัดออก ผู้จัดการธนาคาร มีสิทธิให้แขวนดอกเบี้ยได้สามเดือน แต่เราขอเป็นหกเดือน ที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย  
 
ทำไม่ได้ เพราะต้องประกอบหลายอย่าง และต้องมองเห็นภาพว่า เมื่อดอกเบี้ยธนาคาร ลดจาก 12% เหลือแค่ 1-2% เงินจะไหลจากธนาคาร เข้าสู่ที่ดิน ทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้น จากไร่ละห้าพัน เป็นไร่ละห้าหมื่น ตอนนั้น ไม่มีใครจะเชื่อว่า ดอกเบี้ยธนาคารจะลดลงเหลือ 1-2%  ความรู้สึก เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อว่า พรุ่งนี้ พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก  ต้องรู้ข้อมูลจากผู้จัดการธนาคาร  ต้องกล้าเสี่ยง ต้องมีเงินสดที่ไม่ได้ใช้ ต้องมีประสบการณ์ในการเก็งกำไร  
 
แนวทางเหล่านี้
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.220.*


« ความเห็นที่ #14 เมื่อ: 12/25/19 เวลา 20:34:23 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดช่องโหว่  
เมื่อเกิดช่องโหว่ เราจะผ่านช่องโหว่นี้ได้หรือไม่
ถ้าเราผ่านด่านนี้ได้ เราก็สามารถทำกำไรได้  
 
ถ้าเราผ่านไม่ได้ เราต้องมีการป้องกันทางลบ หมายถึงว่า เราจะขาดทุนเท่าไหร่สำหรับการเล่นเกมครั้งนี้ งานนี้ ถ้าหากว่า เราแพ้ เราก็ยังได้ผลตอบแทนประมาณ ร้อยละ ห้าต่อปี  เพราะที่นาหนึ่งไร่ เราจะได้ข้าวหนึ่งกระสอบ เมื่อเราขายข้าวหนึ่งกระสอบ เราจะได้เงินประมาณ 500 บาท หรือผลตอบแทนประมาณ 5% ยังไม่รวมกับที่เราได้ประกันราคาข้าวจากรัฐบาล แต่ส่วนนี้ เราให้คนที่ทำนาของเราไป  ตอนนั้นเงินฝากธนาคารได้ดอกเบี้ย ร้อยละ 12 ต่อปี  แต่เรามองว่า ผลตอบแทนนี้ ไม่ยั่งยืน เพราะ Interbank rate มีความผันผวนมาก และที่ญี่ปุ่น เริ่มให้ดอกเบี้ยร้อยละ 1 จริงๆ  
ส่งโดย: 6699
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1520  
   
223.205.220.*


« ความเห็นที่ #15 เมื่อ: 12/26/19 เวลา 08:42:22 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอบคุณครับ
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
101.109.104.*


« ความเห็นที่ #16 เมื่อ: 12/26/19 เวลา 10:59:31 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 12/25/19 เวลา 19:04:09, 6699 wrote:
ที่ดิน 2000 ไร่ของเรา ให้คนเขาปลูกข้าว และให้บริษัทโรงงานน้ำตาลเช่าปลูกอ้อย ปีละ 1500 บาท แต่เรารับจริง ไร่ละ 1000 บาท อีก 500 บาท ให้เป็นค่าบริการ  
 
เรื่องของเรา เรามองว่า เป็นเรื่องของดวงเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเรื่องทักษะหรือความรู้อะไรเลย ถ้าให้เราย้อนกลับ เราก็ทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว  
แต่เราก็ตอบแทนสังคม โดยการที่เราไม่ได้ทำการเปิดร้าน หรือทำส่วนตัว เพราะเรามองว่า เราน่าจะมีความสุขในการรักษาผู้ป่วยได้ ถึงอาจจะไม่ได้เงิน แต่ก็ทำให้เราไม่เสียเงิน ตลอดสิบปีมานี้ เฉลี่ยแล้ว เราช่วยเหลือผู้ป่วยใหม่ให้รอดชีวิต หรืออาการดีขึ้นวันละ 1-2 คน  
 
เนื่องจากเราไม่มีครอบครัว เราคิดว่า เมื่อเราไม่มีอยู่ในโลกนี้ เงินของเราส่วนหนึ่ง ไม่น้อยกว่า ครึ่งหนึ่ง เราจะบริจาคให้แก่สาธารณะ

 
ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องดวง...แต่เป็นเรื่องของพลังบางอย่างที่เรามองไม่เห็น
 
เขาเห็นว่าคนนี้..เป็นคนที่เป็นประโยชน์มีคุณค่าต่อผู้คน ต่อสังคม เป็นผู้ให้
 
บางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นนี้..เลยเท..ความมั่งคั่งความอุดมสมบูรณ์มาให้ อย่างล้นเหลือ...
support เพื่อให้บุคคลนี้ได้ทำตามจุดประสงค์แห่งชีวิตอย่างเต็มที่  
โดยไม่ต้องมาคอยวิตกกังวลเรื่องของปากท้องความเป็นอยู่

"Whether you think you can,
or you think you can't--you're right."

-- Henry Ford--
ส่งโดย: <<GOOD LIFE>>
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 938  
   
125.25.253.*


« ความเห็นที่ #17 เมื่อ: 12/26/19 เวลา 14:59:09 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

    ... passive income ?- คุ้ยขยะแดก ครับ  กำไรดี...
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
171.96.189.*


« ความเห็นที่ #18 เมื่อ: 12/27/19 เวลา 10:51:23 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

on 12/26/19 เวลา 14:59:09, หมอเมืองสยาม wrote:
                        ... passive income ?- คุ้ยขยะแดก ครับ  กำไรดี...

 
ขอบคุณ อ.หยาม..มากครับ
 
โอเค จบละ แยกย้ายกันไปคุ้ยขยะได้  Grin Grin

"Whether you think you can,
or you think you can't--you're right."

-- Henry Ford--
ส่งโดย: <<GOOD LIFE>>
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 938  
   
125.25.228.*


« ความเห็นที่ #19 เมื่อ: 12/27/19 เวลา 10:53:34 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

จบฉีก  
 
 Grin Grin Grin
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
118.174.202.*


« ความเห็นที่ #20 เมื่อ: 12/27/19 เวลา 12:36:22 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

     passive income ? - "เรื่องแต่ง...มีไว้ต้มหมู ครับ "
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
124.122.194.*


« ความเห็นที่ #21 เมื่อ: 12/28/19 เวลา 12:41:39 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

     .........passive income นิยาม? - " ขี้เกียจได้ดี".....
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
124.122.187.*


« ความเห็นที่ #22 เมื่อ: 12/29/19 เวลา 10:08:24 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ผมว่าก็เป็นการตั้งคำ /ชื่อเรียก เอาไว้แบ่งรูปแบบของที่มาของรายได้  
 
จึงย่อมไม่ใช่เรื่องขายฝัน  
 
จริงๆแล้วคนเราส่วนใหญ่ก็มีรายได้หลายทาง (บางทางมันอาจจะเล็กน้อยจน ไม่มองดีๆก็จะไม่เห็น)  
 
แต่ถ้าเรา " ตระหนัก " ถึง " ที่มาของรายได้ " และ " เลือก " ที่จะแบ่งพลัง แบ่งความพยายาม ความเอาใจใส่ ให้เหมาะสมในส่วนต่างๆ ผลลัพธ์ก็อาจจะตามมา อย่างที่เราชอบก็ได้ครับ อย่างน้อยคนพยายาม กับ ไม่พยายาม ผลย่อมต่างกันแน่  
 
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
101.109.108.*


« ความเห็นที่ #23 เมื่อ: 12/29/19 เวลา 10:13:43 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

Passive income ผมคือ บ้านให้เช่า  
 
พอไม่มีผู้เช่า ไม่ออกผลรายเดือนให้บริโภคแล้ว จาก " Passsive " กลายเป็น " ภาระ " ซ่อมแซมที ค่าเช่าที่ได้มาหายวูบไปเลย  ปล่อยว่างไว้ก็เสี่ยงโจรกรรม
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
101.109.108.*


« ความเห็นที่ #24 เมื่อ: 12/30/19 เวลา 11:56:33 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

Passive income เป็น " รูปแบบ " ที่มาของรายได้ ที่ทรัพย์สินนั้นจะ generate ได้ ซึ่งจะต้องมี  " สภาวะ " ที่เหมาะสมด้วย ซึ่ง สภาวะมันไม่คงที่  
 
เฉกเช่นบ้านเช่าผม หาผู้เช่าไม่ได้ ก็ออกจาก " passive " ไป " ภาระ " เฉยเลย  ตอนเริ่มไม่ดี เราพยายามปรับปรุง เพื่อให้ให้มากกว่า ในราคาเท่ากัน  เพื่อให้ได้ผู้เช่าใหม่   แต่พอเศรษฐกิจไม่ดีมากๆ  ไม่มีผู้เช่า จะตกแต่งก็ต้องคิดให้หนัก เพราะไม่ได้แปลว่าจะมีผู้เช่า การลงเงินไปยิ่งจะทำให้ขาดสภาพคล่อง  
 
ส่งโดย: positive male
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1020  
   
101.109.129.*


« ความเห็นที่ #25 เมื่อ: 01/01/20 เวลา 12:41:32 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

    passive income ? -คล้ายๆคุ้ยขยะแดก  ขุดสมบัติ   ฯลฯ   คือว่า  นิทานตุ๋นเงินในกระเป๋าคุณ ครับ
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
171.96.191.*


« ความเห็นที่ #26 เมื่อ: 01/04/20 เวลา 13:37:05 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

   สำหรับวิชาชีพแพทย์   ไม่ต้องสนใจเรื่องเงินต่อเงิน  แค่ปกป้องเงินของคูณไว้ให้ดี  ก็พอ ครับ.......
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
124.122.192.*


« ความเห็นที่ #27 เมื่อ: 01/15/20 เวลา 16:07:43 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

       ลงทุนอะไร  เสี่ยงต่ำสุด ? - " ไม่มี "...
ส่งโดย: หมอเมืองสยาม
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 11432  
   
115.87.151.*


Page(s) : 1 


แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print



Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by