ไมเกรน
ปวดศีรษะ
headache migraine ประสาท สมอง brain ์neurology
,
medbible
|
เชื่อว่าไม่มีใคร ไม่เคยปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะนั้น พบได้กับทุกเพศวัย นับตั้งแต่ปวดจากการป่วยไข้ ไม่สบาย ไปจนถึงปวดเพราะความเครียด ความกังวล เรียกได้ว่ามีสาเหตุนับร้อยเลยทีเดียว ที่ทำให้คนเราปวดศีรษะได้ แต่อาการปวดศีรษะที่คนในสังคมเมืองพูดถึงกันบ่อย ๆ อย่างหนึ่งก็คือปวดไมเกรน โดยหลายคนพอมีอาการปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมา ก็จะคิดว่าตนเองเป็นไมเกรนไปเสียแล้ว ซึ่งโดยแท้จริงแล้ว ไมเกรนนี้ เป็นอันตรายหรือเปล่า แก้ไขได้อย่างไร
และอาการปวดข้างเดียวของเท่านั้น จัดอยู่ในกลุ่มของไมเกรนด้วยหรือไม่
มาติดตามกันเลยครับ
|
อาการปวดศีรษะสามารถเกิดจากอะไรได้บ้างและแบ่งกว้าง ๆ ออกมาได้กี่แบบ
|
อาการปวดศีรษะโดยคร่าว ๆ นั้น แบ่งออกเป็น 2-3 อย่าง ที่พบบ่อยที่สุดคือ เกิดจากกล้ามเนื้อตึงตัว จากการนอกนดึก ความเคร่งเครียด ซึ่งจะปวดตามท้ายทอย ปวดรอบเบ้าตา ร้าวไปกลางศีรษะ จากขมับ ไปข้างหลัง ซึ่งจะพบบ่อย มักจะเกิดจากการที่เราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือบางทีคนไข้จะบอกว่ามันวิ่งจี๊ดไปมา
แบบที่สอง เป็นการปวดซึ่งเกิดจากการที่หลอดเลือดขยายตัว แต่จะไม่เกี่ยวกับเส้นเลือดตีบ พวกอัมพฤก อัมพาต ซึ่งอาการเส้นเลือดที่ศีรษะขยายตัวที่เรารู้จักกันดีก็คือ ไมเกรน ซึ่งอาการจะกล่าวถึงต่อไป
แบบที่สาม เป็นอาการปวดเนื่องจากมีอะไรอยู่ในสมอง เช่นเนื้องอก
พยาธิ หรืออะไรก็ตามที่มาทำให้ความดันในศีรษะเพิ่มขึ้น อาการปวดแบบนี้จะปวดตื้อ ๆ ลึก ๆ อยู่ข้างใน ที่สำคัญคือจะปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ คือเริ่มแรกอาจจะไม่ปวดเท่าไหร่ แต่ต่อมาอาจจะปวดถึงขั้นอาเจียร หรือเห็นภาพซ้อน ซึ่งโดยมากแล้วจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น แขนขาอ่อนแรง ชัก
แบบแรกอาการปวดตุบ ๆ แถว ๆ ขมับ หรือลึก ๆ อยู่แถวเบ้าตา เหมือนหัวใจเต้น และจะปวดในระดับกลางถึงมาก ซึ่งนี่เป็นลักษณะเด่นของการปวดไมเกรน แต่ถ้าปวดพอรำคาญ ไม่มากนัก โอกาสเป็นไมเกรนจะน้อย นอกจากนี้ อาการปวดแบบไมเกรนนั้น เมื่อหายปวดจะหายสนิท โดยในช่วงที่ปวดนั้น อาจจะปวดได้นาน 2-3 วันตามทฤษฎี แต่โดยทั่วไป อาจจะปวดแค่ 2-3 ชั่วโมง หรืออาจจะ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้อาจมีอาการอาเจียร เห็นแสงแวบ ๆ เป็นสีเหลือง ๆ หรือเป็นหยัก ๆ ในช่วงก่อนปวด เรียกได้ว่าเป็นอาการนำ แต่อาการแบบนี้ไม่พบในคนไข้ทุกคน
ความเชื่อที่ว่าปวดหัวข้างเดียวเป็นไมเกรน |
ในความเป็นจริงแล้ว อาการปวดข้างเดียวไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกอะไรเลยว่าเป็นไมเกรน ปวดข้างเดียวนี้ อาจะเป็นเนื้องอก หรือเกิดจากล้ามเนื้อตึงตัวก็ได้ ตกหมอน หรือได้รับอาการบอบช้ำ คนที่ปวดหัวข้างเดียวเพราะไมเกรนนั้น จริง ๆ แล้วมีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของคนไข้ทั้งหมด ปวดสองข้างก็เป็นไปได้
คนสูงอายุจะไม่ค่อยเป็นกันมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาของวัยรุ่น คนหนุ่มสาวมากกว่าคนสูงอายุหลายเท่า คนที่เป็นไมเกรนนั้น จะเป็นได้ตั้งแต่เด็ก อายุ 7-8 ขวบ แต่ที่พบบ่อยจะเป็นช่วงวัยรุ่นอายุ 10 - 25 ขึ้นไป และจะเป็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่พออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ อาการจะน้อยลง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนบางอย่าง ผู้หญิงบางคนเป็นมาตลอด พอมาถึงวัยหมดประจำเดือนกลับหายจากอาการไปเลย
ยังไม่มีการยืนยันสาเหตุที่แน่นอนออกมา แต่ทฤษฎีหลักนั้น เชื่อว่า เกิดจากการมีปัจจัยไปกระตุ้นให้เส้นประสาทในสมองหลั่งสารบางอย่างออกมา และสารพวกนี้ไปทำให้เส้นเลือดขยายตัว และการที่เส้นเลือดขยายตัวนี้เอง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เนื่องจากในเส้นเลือดของเรา จะมีเส้นเลือดเล็ก ๆ ฝอย ๆ เป็นเส้นประสาทพันรอบเส้นเลือดด้วย พอเส้นเลือดขยาย ก็จะไปยืดเส้นประสาทที่พันรอบเส้นเลือดนี้ด้วย ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้
อันตรายของไมเกรนกับการพัฒนาไปเป็นโรคร้ายอื่น ๆ |
ถ้าเป็นไมเกรนแท้ ๆ จะไม่อันตราย เพียงแต่จะทรมาน แต่ทั้งนี้ก็เคยมีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างไมเกรนกับโรคหลอดเลือดสมองตีบบางชนิดว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า พบว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันได้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเป็นไมเกรน จะมีโอกาสเป็นเส้นเลือดในสมองตีบทุกรายได้
ปัจจัยที่มากระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน |
ปัจจัยกระตุ้นมีหลายอย่าง
แต่ที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก นอนไม่หลับ ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นไมเกรนแล้ว ยังไปกระตุ้นอาหารปวดกล้ามเนื้อด้วย นอกจากนั้นยังมีปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ อีกอย่างเช่น อาหาร โดยอาหารที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรนในคนไทยนั้นพบไม่บ่อย แต่ในชาวต่างชาติจะพบมากกว่า คืออาหารจำพวกช๊อกโกแลต เนยแข็ง ไวน์แดง และฟาสต์ฟูด ไส้กรอก แฮม เพราะอาหารพวกนี้จะมีสารบางอย่างมากระตุ้นทำให้เกิดไมเกรนได้ อีกอย่างที่สำคัญคือผงชูรส แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าอาหารเหล่านี้จะกระตุ้นอาการไมเกรนของทุกคน นั่นคือไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นไมเกรนห้ามรับประทานอาหารพวกนี้ คนที่เป็นแล้วรับประทานแต่ไม่เกิดอาการใด ๆ ก็สามารถทานต่อไปได้
ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งคืออากาศร้อน ถ้าอยู่ในกลางแดดจ้า ๆ อากาศร้อน ๆ ก็มีโอกาศจะเกิดอาการขึ้นมาได้ เคยมีชาวต่างชาติวิจัยออกมาว่าสาเหตุที่สำคัญนั้นไม่ใช่อากาศร้อน แต่จะเป็นเพราะความกดอากาศ สภาพแวดล้อมของอากาศ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงจากอากาศเย็นเป็นอากาศร้อน ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน เพราะจะทำให้มีอาการหด หรือขยายตัวของเส้นเลือด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องยา ยาอะไรก็ตามที่ทำให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้