Thaiclinic.com

Thaiclinic Logo bannermedbiblewelcomeclr.gif (19991 bytes)
Main PageWhat's NewMedical BibleClinic OnlineHealth ConferenceQuestion-MallThaiclinic Newsfoldspaceup.gif (292 bytes)Contact Me,Dr.OU

ภาวะมีบุตรยาก
มีลูกยาก ปวดประจำเดือน ไข่ endometriosis , infertile , gift , blastocyst ,icsi , medbible

 

ภาวะมีบุตรยาก


โดยทั่ว ๆ ไปนั้น อัตราเฉลี่ยของการมีบุตรยากที่ 10-20% ของประชากรทั่ว ๆ ไปนั้น ตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากคนแต่งงานกันช้าลง มีภาระด้านการงานมากขึ้น รวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทางด้านการแพทย์ ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถแก้ไปปัญหาดังกล่าวให้กับคู่สมรสได้ ความเชื่อที่ว่า การแก้ไขปัญหาภาวะดังกล่าวมีความยุ่งยาก ความเสี่ยงสูง และค่าใช้จ่ายสูง แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ติดตามคำตอบได้ที่นี่ครับ

ภาวะมีบุตรยากคืออะไร แค่ไหนถึงเรียกว่าคู่สมรสคู่นั้น ๆ ตกอยู่ในภาวะมีบุตรยาก

ปกติแล้วจะดูอายุของฝ่ายหญิงเป็นหลัก สำหรับผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี มีเพศสัมพันธ์กับสามีอย่างสมาเสมอเป็นเวลา 1 ปี แล้วยังไม่มีบุตร จัดอยู่ในกลุ่มที่ควรเข้ามารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการมีบุตรยากแล้ว แต่ถ้าผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไปนั้น ถ้า 6 เดือนแล้ว ยังไม่ตั้งครรภ์ ก็จัดอยู่ในกลุ่มมีบุตรยากแล้ว เพราะถือว่าคนในวัยนี้ โอกาสในการที่จะมีบุตรยากนั้นสูงกว่าอีกกลุ่มหนึ่งอยู่แล้ว

สาเหตุที่ภาวะการมีบุตรยากนั้นมุ่งประเด็นไปที่ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ปกติแล้วผู้ชายจะผลิตอสุจิเป็นประจำทุกวัน แต่สำหรับผู้หญิงนั้น จำนวนไข่ที่ผลิตออกมาจากรังไข่ถูกกำหนดตายตัวมาตั้งแต่เกิดแล้ว และจะมีการตกไข่ออกมาเดือนละใบไปเรื่อย ๆ โดยในระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมาคนเราจะผ่านสิ่งแวดล้อม รังสี และสารอาหารต่าง ๆ ที่มากระทบ รังไข่ก็จะมีการเสื่อมคุณภาพ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสที่จะได้ไข่สมบูรณ์ก็น้อยลง การมีบุตรก็จะยากขึ้น 

ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อม การทำงานหนักของคู่สมรส กับปัจจัยความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย สิ่งไหนเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยากมากกว่ากัน

ส่วนใหญ่จะประกอบเข้าด้วยกัน ซึ่งถ้าจะแยกออกมานั้น จะแบ่งเป็นปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยปัจจัยภายในนั้น ได้แก่เรื่องของไข่ โพรงมดลูก และท่อนำไข่ ซึ่งเป็นเรื่องของผู้หญิง ส่วนเรื่องของผู้ชาย เป็นเรื่องอสุจิ ส่วนปัจจัยภายนอกก็คือสิ่งแวดล้อมและการดำเนินชีวิต

มาดูเรื่องของคุณผู้หญิงก่อน สิ่งแรกคือไข่ เวลายิ่งเวลาผ่านไปไข่ก็จะเริ่มเสื่อมลง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของยาที่ใช้ คือยาคุมกำเนิด ซึ่งอาจไปกดการทำงานของรังไข่ ทำให้เมื่อหยุดยาแล้ว โอกาสที่จะกลับมามีบุตร บางครั้งจะช้ากว่าปกติ ตลอดจนเรื่องของโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะทำอันตรายต่อโพรงมดลูกและท่อนำไข่ให้ตีบตัน 

ส่วนเชื้ออสุจิของฝ่ายชายก็มีหลายสาเหตุ เรื่องของการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า ความเครียด ก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้เช่นกัน 

นอกจากนี้ การทำงานหนักพักผ่อนน้อย และความเครียดนั้น มีผลโดยตรงต่อการหลั่งฮอร์โมนร่างกายทั้งของหญิงและชาย ถ้าฮอร์โมนไม่ดี จะมีปัญหาการเจริญพันธุ์ บางรายไข่ไม่ตก บางรายไข่ตกแต่ไม่สมบูรณ์ บางรายไข่ไม่สามารถฝังตัวที่มดลูกได้ ก็ทำให้ไม่เกิดการตั้งครรภ์

โอกาสที่ผู้หญิงที่ไม่มีไข่ตกมีบ้างหรือไม่

มี และเป็นปัจจัยที่พบได้ใน 30% ของผู้ที่มีบุตรยาก โดยมีสาเหตุจากฝ่ายหญิง ถ้าไข่ไม่ตก ระดับฮอร์โมนไม่สมาเสมอ สังเกตได้จากการที่ผู้หญิงคนนั้นมีประจำเดือนไม่เป็นรอบ มีกระปริดกระปอย นี่จะเป็นอาการหนึ่งที่ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนได้เลยว่า ผู้หญิงรายนั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องของไข่ได้ นอกจากนั้น ในผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก ๆ ปริมาณไขมันในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลง ฮอร์โมนเพศในร่ายการก็จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจุดนี้จะมีฤทธิ์ไปต่อต้านและยับยั้งการสร้างฮอร์โมนโดยปกติ ทำให้การตกไข่ไม่สมบูรณ์ ตลอดจนมีปัญหาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกผิดที่ ซึ่งพบได้มากขึ้น โดยจะมีอาการแสดงให้เห็นคือ การปวดประจำเดือน ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ก็เป็นสาเหตุให้มีบุตรยากได้ด้วยเช่นกัน

อาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกได้ว่า เราอาจจะตกอยู่ในกลุ่มของผู้มีบุตรยาก

ขั้นแรก คือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก ๆ โดยเฉพาะในฝ่ายหญิง โดยวัดง่าย ๆ เอาความสูงตั้ง ลบด้วย 110 ถ้ามากกว่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักมากกว่าปกติ

อย่างที่สองให้สังเกตประจำเดือนว่ามาสม่ำเสมอดีหรือไม่ ปริมาณของประจำเดือนมีความสม่ำเสมอหรือไม่ เช่น ไม่มากบ้าง น้อยบ้าง และ

ประการที่ 3 คือผู้ที่มีปัญหาเรื่องการปวดประจำเดือน ถ้าปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขึ้นต้องฉีดยา อาการพวกนี้ ทำให้เราสามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า เราอาจจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มมีบุตรยากได้ นอกจากนี้ ยังมีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง กลุ่มนี้ก็จะมีบุตรยากเช่นกัน

ถ้ารู้ตัวล่วงหน้าว่ามีความเสี่ยง เราสามารถป้องกันหรือเตรียมการล่วงหน้าได้หรือไม่

ปัจจุบันจะมีการแนะนำคู่สมรส ให้วางแผนโดยการไปพบแพทย์ทางด้านสูตินารี เพื่อขอคำปรึกษา และรับการตรวจร่างกาย ตรวจโรคต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของการมีบุตรยาก รวมไปถึงโรคที่มีความเสี่ยงต่อการที่จะทำให้ทารกที่เกิดมามีความพิการ โดยผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจเลือด ส่วนผู้ชายจะตรวจน้ำอสุจิ ซึ่งจะมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่แล้ว เช่นว่า น้ำอสุจิ ควรจะมีปริมาณ 2.5-5 ซีซีต่อครั้ง มีปริมาณอสุจิมากกว่า20 ล้านตัวต่อซีซี รูปร่างปกติมากกว่า 60% การเคลื่อนไหวมากกว่า 60% ซึ่งค่าใช้จ่ายในการตรวจนั้น ไม่มากอย่างที่คิดโดยจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท 

การแก้ไขปัญหาการมีบุตรยากนั้น สามารถทำได้สำเร็จในทุก ๆ กรณีปัญหาหรือไม่

ไม่ทั้งหมด แต่โดยทั่วไปแล้ว ประมาณ 60-70% พอทราบสาเหตุ และแก้ไปตามสาเหตุ มักจะประสบความสำเร็จทุกราย แต่อีกประมาณ 40% ที่เหลือ มักจะมีหลายสาเหตุ หลายปัจจัยประกอบกัน ทำให้ลกบากยิ่งขึ้นในการแก้ไข

วิธีการรักษาภาวะการมีบุตรยาก

ลำดับการรักษาอย่างแรกเราต้องดูก่อนว่าปัญหาเกิดจากฝ่ายไหน กรณีฝ่ายชาย จะตรวจเชื้ออสุจิ ถ้าตรวจแล้วผ่านตามเกณฑ์ เราก็จะข้ามมาดูที่ผู้หญิงเลย ซึ่งในการแก้ไขปัญหามีหลายระดับ

ระดับแรก ในกรณีที่ทั้งคู่ ได้รับการตรวจแล้ว ไม่พบความผิดปกติเลย เราจะกำหนดวันไข่ตกให้ และแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์กันในวันไข่ตก ซึ่งปัจจุบันมีการใช้การตรวจวัดไข่ด้วยอัลตร้าซาวน์ ซึ่งให้ผลที่แน่นอน และไม่ก่อให้เกิดความเครียดจากการที่คู่สมรสต้องมาคอยวัดอุณหภูมิ เพียงเท่านี้ ก็มักจะแก้ไขปัญหาได้ แต่ก็จะมีบางครั้ง ที่เกิดความซับซ้อนขึ้นมามากกว่านั้น คือท่อจับไข่ไม่ได้ กรณีนี้ อาจจะมีการฉีดเชื้ออสุจิให้ โดยก่อนหน้าที่ฝ่ายหญิงจะไข่ตก แพทย์จะนัดฝ่ายชายมาเก็บเชื้ออสุจิ และคัดตัวที่แข็งแรงไว้ จุดนี้จะช่วยแก้ปัญหาการที่ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิน้อยเกินไปได้ด้วย ซึ่งสองขั้นตอนนี้ เป็นการรักษาที่ง่าย สะดวกและค่าใช้จ่ายต่ำ ให้ผลสำเร็จสูง แต่ถ้าผ่านการฉีดเชื้อ 3 ครั้งขึ้นไปแล้วยังไม่สำเร็จ ก็จะขยับขึ้นไปใช้วิธีที่สูงกว่านั้น ที่เรียกว่า กิฟต์ และเด็กหลอดแก้ว 

ขั้นที่สูงขึ้นไปอย่างแรกคือ กิฟต์ เป็นการกระตุ้นให้มีการตกไข่หลาย ๆ ใบ จากนั้นจะเก็บไข่ พร้อม ๆ กับเชื้ออสุจิ ฉีดเข้ามาบริเวณท่อ ซึ่งจะต้องมีการเจาะช่องท้อง มีการผ่าตัดเกิดขึ้น ผลสำเร็จของมันอยู่ที่ 30% แต่เรามีวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ากว่านั้น คือการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นการเก็บไข่ เก็บเชื้อมาผสมข้างนอก จะเลี้ยงข้างนอกจนได้ตัวอ่อนแล้ว จึงใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก ไม่มีการผ่าตัด แต่เป็นการใส่ตัวอ่อนเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งวิธีนี้ อัตราการตั้งครรภ์จะเพิ่มเป็น 30-35% ส่วนค่าใช้จ่ายไม่แตกต่างกันมากคือประมาณแสนกว่าบาทต่อ 1 รอบ 

นอกจากนี้มีวิธีการที่สูงกว่าเด็กหลอดแก้วคือ บลาสโตซิส คัลเจอร์ เป็นการเลี้ยงตัวอ่อนไปจนถึงระยะสุดท้าย ก่อนที่จะฝังตัวเป็นเด็ก คือประมาณ 5 วัน ตรงนี้จะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้สูงกว่า 50% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่ต่างกันมากคือระดับแสนต้น ๆ และเป็นวิธีการที่ไม่เจ็บตัว

สถานที่ที่สามารถแก้ไขปัญหามีบุตรยากได้

จะมีทั้ง ร.พ.เอกชน และสถาบันการแพทย์ใหญ่ ๆ ของทางราชการที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เช่น รามา จุฬา ศิริราช โดยราคาที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น เป็นราคาของ ร.พ.เอกชน ซึ่งถ้าหากเข้ารับการรักษาตามโรงเรียนแพทย์ ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่านี้

คำถามที่ถามบ่อย

- กรณีกระตุ้นไข่ให้ตกมากกว่า 1 ใบมีอันตรายหรือไม่ :

ปกติแล้วการกระตุ้นเพื่อให้ไข้ตกด้วยการให้ยารับประทานนั้น จะทำให้ไข่ตก 3-4 ใบ สำหรับการฉีดเชื้อ แต่สำหรับเทคโนโลยีขั้นสูง คือกิฟต์ เด็กหลอดแก้ว และบลาสโตซิส จะใช้การกระตุ้นด้วยการฉีดยา ซึ่งจะทำให้ไข่ตก 8-10 ใบ ปริมาณเหล่านี้ ถ้าอยู่ในความดูแลของแพทย์จะไม่เกิดอันตรายใด ๆ อีกทั้งจะไม่มีผลระยะยาวต่อเนื่องกับสุขภาพของฝ่ายหญิงด้วย ซึ่งวีธีการนี้เป็นการสร้างโอกาสในการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นเท่านั้น

- กรณีของการเกิดเด็กแฝดจากการแก้ไขภาวะมีบุตรยาก : 

มีโอกาสเกิดได้ แต่โอกาสไม่สูง เพราะคนกลุ่มนี้ จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีบุตรยากอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่เราผสมข้างนอก อย่างเด็กหลอดแก้ว หรือบลาสโตซิสนี้ เราเลือกใส่ได้ ตามจำนวนที่คู่สมรสต้องการ

- มดลูกคว่ำทำให้มีลูกยาก : 

มดลูกคว่ำนั้นเป็นเพียงปัจจัยประการหนึ่งเท่านั้น ที่ทำให้มีบุตรยาก แต่โดยหลักแล้วปัญหาเรื่องท่าของมดลูกไม่มีผลอะไร ถ้าหากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอดขณะที่มีเพศสัมพันธ์ เพราะจะมีการหลั่งของน้ำเมือกออกมาจากมดลูกของฝ่ายหญิงปริมาณจำนวนมาก เมื่อเชื้ออสุจิฉีดเข้าไปที่เมือก เมือกจะเป็นตัวพาให้อสุจิเคลื่อนเข้าไปในตัวโพรงมดลูก ในท่อ เพื่อไปพบกับไข่ได้ นี่เป็นปัจจัยสำคัญมากกว่าการที่ตัวมดลูกงอ 

โดย นพ.พูนศักดิ์ สุชนวานิช สูติ-นรีแพทย์
จากรายการ ThaiClinic.com วันเสาร์ที่ 4 ส.ค. 44  ตอน ภาวะมีบุตรยาก

Main PageWhat's NewMedical BibleClinic OnlineHealth ConferenceQuestion-MallThaiclinic Newsfoldspacebottom.gif (372 bytes)Contact Me,Dr.OU

This web is created and designed by หมออู๋
18 November 2001

Copyright (c) 1998-2001, ThaiClinic.com. All Right Reserved.