ThaiClinic.Com - Post reply

หน้าแรกเว็บบอร์ด
   News
   Today News
   Post reply ( Re: ทำไมถึงต้อง “เสริมคางแผลใน” ? )

หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:

Add YABBC tags:
Add Smileys:	<more...>
ข้อความ:	[quote author=totheworld link=board=news;num=1609835725;start=0#0 date=01/05/21 เวลา 15:35:25][url=https://onemaiclinic.com/service/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%87-chin-augmentation/]เสริมคางแผลใน[/url] – แผลนอก คือ 2 รูปแบบการทำศัลยกรรมความงามให้กับใบหน้า ให้ได้ทรงสวย เรียกคืนความมั่นใจให้กลับมา โดยในบทความนี้นั้น เราจะมาพูดกันว่าทำไมถึงควรที่จะศัลยกรรมคางแผลด้านในมากกว่าด้านนอกกัน ถ้าพร้อมแล้ว งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า ! [b]เสริมคางแผลใน คือ ?[/b] การ ‘ผ่าตัดเสริมคาง’ สำหรับแผลในนั้น จะผ่าตัดบริเวณระหว่างซอกเหงือกกับริมฝีปากล่าง จากนั้นก็เลาะเนื้อเยื่อและเยื่อหุ้มกระดูกออก ก่อนที่จะใส่ซิลิโคนเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก ‘เท่านั้น’ ก่อนจะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลายก็เป็นอันเสร็จสิ้น [b]ทำไมถึงต้อง ‘เสริมคาง’ ใต้เยื่อหุ้มกระดูกเท่านั้น ?[/b] เพราะถ้าเสริมซิลิโคนใต้ผิวหนัง อาจทำให้ซิลิขยับ เคลื่อนตัว จนทำให้คางดูเบี้ยวได้ ดังนั้นแล้วถ้าไม่อยากกลับมา ‘แก้คาง’ ให้เจ็บตัว เสียเงิน เสียเวลา ก็ควรที่จะเลือกคลินิกที่ให้บริการผ่าตัดเสริมซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูกไปเลย เพราะเยื่อหุ้มที่ว่านั้นจะทำหน้าที่เป็นตัวล็อคซิลิโคนไปในตัว ช่วยลดโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนตัว ซึ่งก็ไม่ใช่แค่คางเท่านั้นที่ควรทำวิธีนี้ หากแต่ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมจมูก สะโพก หรือหน้าอกเองก็ควรทำเช่นกัน เพื่อจะได้ดูสวยเนียน เป็นธรรมชาติ ไม่ขึ้นขอบ [b]ข้อดีของการ ‘เสริมคางแผลใน’ คือ ?[/b] - ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ เหมาะกับผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องใช้ใบหน้า - เนียนสวย [b]ข้อเสียของการ ‘เสริมคางแผลใน’ คือ ?[/b] - มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าการ ‘เสริมคางแผลนอก’ เนื่องจากแผลต้องสัมผัสกับน้ำลายตลอดเวลา - ในช่วง 5 วันแรกรับประทานอาหารได้ค่อนข้างลำบาก - อาจทำให้รอยช้ำหายช้า ด้วยรอยแผลที่กว้าง - มีการดูแลหลังผ่าตัดที่ยุ่งยากกว่าอีกวิธี [b][u]คำถามที่พบบ่อย[/u][/b] [b]ใช้เวลาผ่าตัดนานไหม ?[/b] ไม่นาน ใช้เวลาเพียงแค่ 45 -60 นาที และเมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เลย ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลแต่อย่างใด [b]กินอาหารอีกทีได้เมื่อไหร่ ?[/b] หลังผ่าตัด 6-8 ชม.จึงจะสามารถกลับมารับประทานอาหารได้อีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นสามารถดื่มน้ำได้เลย (ควรเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น) [b]เมื่อไหร่ถึงจะหายบวม ?[/b] โดยปกติแล้วบริเวณที่ผ่าตัดเสริมคางจะมีอาการบวมขึ้นในช่วง 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด ก่อนที่จะค่อย ๆ ยุบลง และดูดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปราว ๆ 3 เดือน [b]การดูแลหลังผ่าตัด[/b] ในช่วง 3 วันแรกที่มีอาการบวม ให้ใช้ประคบเย็น เมื่อเข้าวันที่ 4 ให้ใช้ประคมร้อนแทน งดทานอาหารที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยวจนกว่าแผลจะหายดี บ้วนปากบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารสุก ๆ ดิบๆ ทั้งหลาย เป็นเวลา 2 สัปดาห์หรือจนกว่าแผลจะหาย ในช่วง 1 เดือนแรก ให้นอนหนุนหมอนสูง หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง [b]สรุป[/b] เป็นยังไงกันบ้างกับข้อดี ข้อเสีย และจุดเด่นของการ ‘เสริมคางแผลใน’ ? คิดว่าน่าสนใจกันบ้างหรือเปล่า ? ถ้าสนใจละก็ งั้นแล้วก็อย่ารอช้า ไปหาคลินิกที่ถูกใจ เพื่อเสริมความมั่นใจให้คุณได้งามในแบบที่ต้องการกันดีกว่า !!! [/quote]

Disable Smilies

Topic Summary
จากคุณ: totheworld	โพสเมื่อวันที่: 01/05/21 เวลา 15:35:25
เสริมคางแผลใน – แผลนอก คือ 2 รูปแบบการทำศัลยกรรมความงามให้กับใบหน้า ให้ได้ทรงสวย เรียกคืนความมั่นใจให้กลับมา โดยในบทความนี้นั้น เราจะมาพูดกันว่าทำไมถึงควรที่จะศัลยกรรมคางแผลด้านในมากกว่าด้านนอกกัน ถ้าพร้อมแล้ว งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า ! เสริมคางแผลใน คือ ? การ ‘ผ่าตัดเสริมคาง’ สำหรับแผลในนั้น จะผ่าตัดบริเวณระหว่างซอกเหงือกกับริมฝีปากล่าง จากนั้นก็เลาะเนื้อเยื่อและเยื่อหุ้มกระดูกออก ก่อนที่จะใส่ซิลิโคนเข้าไปใต้เยื่อหุ้มกระดูก ‘เท่านั้น’ ก่อนจะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลายก็เป็นอันเสร็จสิ้น ทำไมถึงต้อง ‘เสริมคาง’ ใต้เยื่อหุ้มกระดูกเท่านั้น ? เพราะถ้าเสริมซิลิโคนใต้ผิวหนัง อาจทำให้ซิลิขยับ เคลื่อนตัว จนทำให้คางดูเบี้ยวได้ ดังนั้นแล้วถ้าไม่อยากกลับมา ‘แก้คาง’ ให้เจ็บตัว เสียเงิน เสียเวลา ก็ควรที่จะเลือกคลินิกที่ให้บริการผ่าตัดเสริมซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูกไปเ ลย เพราะเยื่อหุ้มที่ว่านั้นจะทำหน้าที่เป็นตัวล็อคซิลิโคนไปในตัว ช่วยลดโอกาสที่ซิลิโคนจะเคลื่อนตัว ซึ่งก็ไม่ใช่แค่คางเท่านั้นที่ควรทำวิธีนี้ หากแต่ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมจมูก สะโพก หรือหน้าอกเองก็ควรทำเช่นกัน เพื่อจะได้ดูสวยเนียน เป็นธรรมชาติ ไม่ขึ้นขอบ ข้อดีของการ ‘เสริมคางแผลใน’ คือ ? - ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ เหมาะกับผู้ที่ทำอาชีพที่ต้องใช้ใบหน้า - เนียนสวย ข้อเสียของการ ‘เสริมคางแผลใน’ คือ ? - มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าการ ‘เสริมคางแผลนอก’ เนื่องจากแผลต้องสัมผัสกับน้ำลายตลอดเวลา - ในช่วง 5 วันแรกรับประทานอาหารได้ค่อนข้างลำบาก - อาจทำให้รอยช้ำหายช้า ด้วยรอยแผลที่กว้าง - มีการดูแลหลังผ่าตัดที่ยุ่งยากกว่าอีกวิธี คำถามที่พบบ่อย ใช้เวลาผ่าตัดนานไหม ? ไม่นาน ใช้เวลาเพียงแค่ 45 -60 นาที และเมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เลย ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลแต่อย่างใด กินอาหารอีกทีได้เมื่อไหร่ ? หลังผ่าตัด 6-8 ชม.จึงจะสามารถกลับมารับประทานอาหารได้อีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นสามารถดื่มน้ำได้เลย (ควรเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น) เมื่อไหร่ถึงจะหายบวม ? โดยปกติแล้วบริเวณที่ผ่าตัดเสริมคางจะมีอาการบวมขึ้นในช่วง 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด ก่อนที่จะค่อย ๆ ยุบลง และดูดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปราว ๆ 3 เดือน การดูแลหลังผ่าตัด ในช่วง 3 วันแรกที่มีอาการบวม ให้ใช้ประคบเย็น เมื่อเข้าวันที่ 4 ให้ใช้ประคมร้อนแทน งดทานอาหารที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยวจนกว่าแผลจะหายดี บ้วนปากบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารสุก ๆ ดิบๆ ทั้งหลาย เป็นเวลา 2 สัปดาห์หรือจนกว่าแผลจะหาย ในช่วง 1 เดือนแรก ให้นอนหนุนหมอนสูง หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง สรุป เป็นยังไงกันบ้างกับข้อดี ข้อเสีย และจุดเด่นของการ ‘เสริมคางแผลใน’ ? คิดว่าน่าสนใจกันบ้างหรือเปล่า ? ถ้าสนใจละก็ งั้นแล้วก็อย่ารอช้า ไปหาคลินิกที่ถูกใจ เพื่อเสริมความมั่นใจให้คุณได้งามในแบบที่ต้องการกันดีกว่า !!!

Thai Medical Trading ขายเครื่องมือแพทย์มือสอง /และของใหม่ /ประกัน1ปี

BeautyDeviceศูนย์รวมเครื่องมือแพทย์

ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง
ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม "แจ้งลบกระทู้"
เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ