หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   News
   Today News
   Post reply ( Re: ลูกร้องไม่หยุด อาจไม่ใช่เรื่องปกติ เช็คให้แน่ใจ ใช่อาการโคลิคหรือไม่ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: unyana โพสเมื่อวันที่: 02/11/20 เวลา 22:34:06
การเลี้ยงดูทารกในช่วง 3 เดือนแรกถือเป็นเรื่องท้าทายที่สุดช่วงหนึ่งของครอบครัว เป็นช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวเรียนรู้และทำความเข้าใจกับพฤติกรรมของลูกน้อยที ่เพิ่งลืมตาดูโลก โดยลูกน้อยของเรายังพูดไม่ได้จึงใช้การร้องไห้เป็นการสื่อสารว่าลูกมีอาการห ิว ปวดท้อง หรือง่วง  ซึ่งพ่อแม่ก็จะค่อย ๆ เข้าใจความต้องการของลูกน้อยมากขึ้นตามระยะเวลา
 แต่หากในช่วง 3 เดือนแรกนี้ ลูกน้อยของเรามีอาการลูกร้องไม่หยุด อย่างต่อเนื่องยาวนานนับชั่วโมง และเป็นในเวลาเดิม ๆ แทบทุกวัน เช่นช่วง 6 โมงเย็น หรือ 3 ทุ่ม คุณพ่อคุณแม่ก็อาจต้องนึกไปถึง อาการโคลิค แน่อนเลย
  เอกสารของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีการอธิบายความหมายของโคลิคไว้ว่ ามีรากศัพท์มาจากคำว่า “โคลอน”ในภาษากรีกซึ่งแปลว่าลำไส้ เพราะมีความเข้ากันใจว่า เด็กร้องไห้ จากการที่ลำไส้ทำงานไม่ดีจึงปวดท้อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทารกร้องไห้ แบบโคลิคนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องการการทำงานของลำไส้แต่อย่างใดเลย  
 เมื่อลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุแบบโคลิค สิ่งที่พ่อแม่จะช่วยให้ลูกสงบขึ้นได้ก็คือ การเข้าปลอบลูกโดยทันทีอุ้มเด็กไว้และให้เคลื่อนไหวโยกไปมาเบา ๆ โยกเป็นจังหวะหรือเต้นตามเสียงเพลง, พาไปอยู่ในที่เงียบ ๆ , หาเสื้อผ้าที่แห้งไม่อับชื้นให้ลูกสวมใส่, วางลูกบนตักแล้วค่อย ๆ ลูบหลังอย่างแผ่วเบา, อาบน้ำอุ่นแล้วห่อตัวให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและสบาย โดยจะช่วยให้ลูกของเราผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น  
 แต่หากลองทุกวิธีการแล้ว ลูกยังคงร้องไห้รุนแรงกระสับกระส่าย หน้าแดง ขาหดงอ ตัวซีดหรือเขียว หรือเริ่มหายใจผิดปกติ พ่อแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจและควรรีบนำลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อตรวจระบบต่าง ๆ ในร่างกายว่าทำงานปกติหรือไม่ เพื่อให้แพทย์ได้วินิจฉัยว่าลูกน้อยของเราเป็นอะไร โดยแพทย์ก็จะให้คำปรึกษาถึงการตอบสนองลูกน้อยอย่างเหมาะสมต่อไป เพราะอาการที่เกิดขึ้นกับทารกส่วนใหญ่จะทอดยาวจนอายุย่างเข้าเดือนที่ 4-6 นั่นหมายถึงพ่อแม่ต้องใช้ความอดทนและการปรับตัวมากพอสมควรในการรับมือกับเรื ่องนี้ หากเกิดความเครียดที่มากเกินไปก็แนะนำลองสลับคนปลอบโยนลูกของเราแทนได้ ที่สำคัญคือต้องตระหนักเสมอว่าเด็กที่มีอาการนี้นั้น ไม่ถือเป็นความผิดปกติ เพราะเมื่ออายุประมาณ 4 – 6 เดือนแล้วอาการเหล่านี้จะหายไป


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by