หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   ICU : Interesting Creative Usergroup
   Post reply ( Re: ใบรับรองแพทย์ 5 โรค แบบผู้ขอมีส่วนร่วมประกาศใช้แล้วครับ..โหลดได้ที )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:25:21
ใบรับรองแพทย์ 5 โรคใหม่ 2551 โดยแพทยสภา

 
ออกแบบโดย คณะอนุกรรมการใบรับรองแพทย์ครับ  
มีท่านอัยการ ทนาย นักกฎหมายและราชวิทยาลัย รับรองแก้ไขให้  
เพื่อให้รับรองสุขภาพได้จริงโดยประชาชนมีส่วนร่วมรับรองสุขภาพตนเอง  
สามารถเริ่มใช้ได้เลยครับ (ถ้าใครมีแบบเดิมจะใช้ไปก่อนก็ได้ครับ)
ป้องกันความผิดพลาดจากการที่ผู้ป่วยไม่ให้ประวัติได้  
โดยแพทย์ที่ไม่ทราบ จากการที่ผู้ป่วยไม่แจ้งไม่ต้องรับผิดที่ตนเองไม่รู้  
และต้องลง vital sign พร้อม น้ำหนักส่วนสูงทุกราย กันใบปลอมครับ
ท่านสามารถ โหลด file ได้จากด้านล่างนี้ครับ  
ตรงท้ายของหน้า
http://www.mat.or.th/news_detail.php?news_id=1997  
 
ส่วนใบรับรองสำหรับใบขับขี่ ได้ส่งให้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกแล้ว  
จะรับรองโดย พรบ.กรมการขนส่งทางบกก่อน
และตั้งกรรมการแพทย์ของ ขนส่งทางบกแล้วจึงประกาศครับ  
ถ้ามีผู้สนใจอาจจะขอกรรมการมาลงให้ดูว่ามีอะไรบ้าง..  
 
หน้าตา แบบ ด้านล่างนี้
มีข้อแตกต่งคือ
1.ให้คนขอ ลงประวัติตนเอง
2.ใช้ได้ 1 เดือนครับ
3. มี vital sign
4.ส่วนโรคเรื้อนวัณโรค เท้าช้างนั้น ผมจะเอาออกเป็นอย่างแรก  
แต่เอาออกไม่ได้เพราะ มีใน พรบ.ข้าราชการหลายฉบับ
พรบ.กีฬา  ทุน การศึกษา และ อื่นๆครับ  
ต้องทนมีไปก่อนนะครับ ให้เขาแก้กฎหมายอื่นๆ(ที่ออกมาโบราณมาก)ที่มีชื่อโรคไปก่อน
ผมถึงเอาออกจาก ใบรับรองแพทย์ของเราได้
 
หลายท่านเห็นแล้ว อย่างพึ่งบ่นนะครับ..ทนรับรองไปก่อน
 
โหลดไปพิมพ์ใช้ได้เลยครับ

 716'16

 

 
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 
 
 
กระบะ ซิ่งฝ่าสายฝน ชนท้ายรถเทอร์เลอร์ ดับอนาถ 7 ศพ สลดแม่กอดลูกวัย 3 เดือนดับคาซากรถ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี
 
รถทัวร์มรณะ ทอดกระถิน สยอง หลุดโค้งตายหมู่ กว่า 20ศพ
 
สิบล้อชนรถปิกอัพส่งนักเรียน ดับสยอง 4ศพ พ่อแม่ร้องไห้ระงม  
 
รถอ้อยหลับในพุ่งชนห้องแถวริมถนน เจ้าของบ้านถูกอัดก๊อปปี้ตายสยอง

 
 
 
 
สืบเนื่องจากความล้าสมัยของใบรับรองแพทย์5 โรค
และการรับรองสุขภาพที่ให้คนทั่วไปทำใบขับขี่ใช้ใบเดียวกัน

เป็นเหตุให้ มีโอกาสที่ผู้ที่มีความผิดปกติ เช่นลมชัก ตามองเห็นข้างเยว หูตึง ขับรถได้  
 
และอาจขับรถนักเรียน ส่งลูกๆ คุณ
 
หรือ ขับรถบรรทุกแกส หรือน้ำมันวิ่งตามหลังรถของคุณอยู่ (ลองหันไปดูหน่อยซิครับ)
หรือกำลังขับรถทัวร์ พาคุณ พ่อแม่ลูก ไปพักผ่อนในวันหยุด ต่างจังหวัดด้วยความสำราญ  
 
ก่อนจะเกิดความสูญเสียใหญ่หลวงตามมา..

 
แพทยสภาตั้งคณะทำงานขึ้น revise ใบรับรองแพทย์ และใบรับรองสุขภาพสำหรับทำใบขับขี่..โดยมีข้อเท็จจริงดังนี้..
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:26:29

ข้อมูลเพิ่มเติมการออกข้อบังคับสำหรับใบรับรองแพทย์เพื่อขออนุญาตขับขี่ยานพ าหนะ
สรุปรายละเอียดเกี่ยวกับใบรับรองสุขภาพสำหรับทำใบอนุญาตขับขี่
 
 
1.      ในปัจจบันหลักเกณฑ์การออกใบรับรองสุขภาพแต่ละประเทศแตกต่างกันไป ของไทยมีแค่ 5โรครับรอง
 
2.      การรับรองสุขภาพขั้นต้นมักต้องกรอกและรับรองด้วยตัวผู้ขออนุญาตเองซึ่งมีคว ามสำคัญมาก เนื่องจากแพทย์ไม่สามารถทราบประวัติทั้งหมดก่อนมารับการตรวจได้
•      ในกรณีที่มีโรคซึ่งต้องรักษา กินยาต่อเนื่อง และผ่าตัด จะต้องแจ้งให้ทราบ
•          หากผู้ขออนุญาตรับรองว่าไม่มีประวัติโรคแล้ว เป็นเท็จ จะถูกลงโทษ(ในยุโรปจะปรับสูงถึง 1,000 ปอนด์ และยึดใบขับขี่)
 
3.            รายการโรคที่เป็นปัญหาต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เมื่อผู้ขออนุญาตแจ้งว่าจำเป็นจะต้องขอคำรับรองจากแพทย์ผู้ดูแลโดยตรง อาทิเช่น
•      โรคเบาหวาน    
•      โรคเกี่ยวกับการมองเห็น
•      โรคทางสมอง เช่น ลมชัก เป็นต้น
 
4.            ในการตรวจรับรองสุขภาพในต่างประเทศนั้น มีฟอร์มชัดเจนให้แพทย์กรอกเช่นเดียวกับประกันชีวิต โดยระบุโรคต่างๆ และให้แพทย์ทำเครื่องหมายถูกผิด โดยง่าย และสะดวกที่สุด มีการลงลงรายการนอกเหนือจากส่วนสูงและน้ำหนัก ประกอบไปด้วย
•      การสูบบุหรี่    การดื่มสุรา
•      ระดับน้ำตาลในเลือด
•      ชื่อโรคและสถานพยาบาลที่รักษา (ถ้ามี)
 
5.            รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรค เช่น  
•      สุขภาพด้านสายตา (ตาสั้น ยาว ใส่แว่น หนังตาตก หรือภาพซ้อน ตามองเห็นข้างเดียว)
•      ระบบประสาท เช่น ประวัติลมชัก หมดสติ อัมพฤต อัมพาต เนื้องอกสมอง ผ่าตัดสมอง ความจำเสื่อม และพาร์กินสัน เป็นต้น
•      โรคเบาหวาน การรักษา กินยา ฉีดยา และอวัยวะที่เสื่อมจากโรค เช่น จอประสาทตาเสื่อม มือเท้าชา ประวัติน้ำตาลต่ำและเป็นลม เป็นต้น
•      ประวัติทางจิตเวช เช่น การกินยาทางโรคจิต ประวัติโรคซึมเศร้า ติดสุราเรื้อรังภายใน 3 ปี ติดยานอนหลับทุกชนิด เป็นต้น
 
6.      ประวัติโรคหัวใจ ได้แก่ หัวใจขาดเลือด ผ่าตัดหัวใจขยายเส้นเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ใจสั่น เป็นลม หรือใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ประวัติลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด โดยมีลิ่มเลือดไปอุดปอด ประวัติการตรวจหัวใจ รวมถึงการรักษาความดันโลหิตสูงด้วย
 
7.            การตรวจร่างกายโดยทั่วไปจะเพิ่มเติมบางรายการ เช่น
•      ความผิดปกติของโครงสร้าง มือเท้า แขนขาพิการ กระดูกสันหลังผิดปกติ
•      โรคหูตึง หูหนวก
•      โรคตับ โรคไตวาย
•      โรคมะเร็งเนื่องอกต่างๆ ระหว่างการรักษา ถ้ามี เป็นต้น ดังรายการเอกสารตามแนบ
 
8.            ในหน่วยงานต่างประเทศนั้นมักมีคู่มือชัดเจนระบุความผิดปกติแต่ละชนิด (ดังตัวอย่าง)
ในสหรัฐอเมริกามีการควบคุมอายุของผู้ขับขี่ โดยถ้าหากอายุมากกว่า 60 ปี และ 70 ปี จะมีการตรวจพิเศษเพิ่มขั้นให้สอดคล้องกับอายุ และตรวจสอบความเสื่อมอวัยวะต่างๆ เช่น สายตา สมอง ความคิด ความเร็วของระบบประสาท เพื่อป้องกันอุบัติเหตุมิให้เกิดกับตัวผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน
 
9.            ในต่างประเทศและในการขับขี่อากาศยาน ปกติจะมีการตรวจเป็นระยะ ขึ้นกับอายุ โดยผู้ตรวจต้องกรอกฟอร์มรับรองตัวเองทุกครั้ง หากมีโรคผ่าตัดหรือรักษา จะต้องนำใบรับรองแพทย์และการรักษาโรคมาร่วมด้วยในการพิจารณา และหากโรคนั้นแก้ไขได้ เช่น โรคทางประสาทสัมผัส จะมีรายละเอียดการแก้ไขมาให้ด้วย เช่น (ใส่แว่นตา)  
 
10.      ใบรับรองแพทย์เดิมสำหรับรับรอง 5 โรคนั้น ไม่สามารถลดอุบัติเหตุหรือสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน ได้ เนื่องจากมีโรคหลายโรคซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่ได้อยู่ในชุดตรวจสุขภาพดั งกล่าว และเป็นการยากที่จะให้แพทย์ซักถามประวัติการเจ็บป่วยทั้งหมดของผู้ขออนุญาตก ่อนจะทำการเซ็นต์ใบรับรองสุขภาพให้ได้ เนื่องจากแต่ละท่านมีความหลากหลายในประวัติเป็นอย่างมาก
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:27:25

บทสรุป
1. ปัจจุบันอุบัติเหตุทางการจราจรเป็นอัตราตายอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการขับขี่ ซึ่งมีส่วนหนึ่งเกิดจากสุขภาพผู้ขับขี่ยานพาหนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซึ่งต้องรับผิดชอบพาหนะขนาดใหญ่ที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก  เช่น รถเมล์ รถทัวร์ รถนักเรียน หรือผู้ที่รับผิดชอบรถบรรทุกที่มีวัสดุอันตราย เช่น รถน้ำมัน รถแก๊ส เป็นต้น ควรจะมีมาตรการดูแลกลุ่มนี้เป็นพิเศษ
2. ใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ในการรับรองสุขภาพในปัจจุบันไม่สามารถป้องกันอุบัติเห ตุที่เกิดจากโรคที่ควรห้ามมิให้ขับขี่ รถยนต์ได้ซึ่งมีหลายอย่าง ดังรายละเอียดของแต่ละประเทศ
3. เนื่องจากผู้ป่วยย่อมรู้ประวัติของสุขภาพของตนเองดีที่สุด ควรใช้การกรอกฟอร์มเพื่อรับรองตนเองเช่นนานาประเทศปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ป่วยซึ่งมีโรคที่อาจเกิดอุบัติเหตุการจราจรได้แสดงตนก่อนให้แพทย ์ซักถาม และหากมีประวัติเพิ่มเติม ควรให้แพทย์ผู้อนุญาต (กรมการขนส่งทางบก) สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ เพื่อคุ้มครองประชาชน (ดังเช่น การออกใบขับขี่ของผู้บังคับอากาศยาน โดยกรมการขนส่งทางอากาศ)
นายแพทย์ ...
เลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาใบรับรองแพทย์ แพทยสภา
3 มีนาคม 2551
 
ขั้นตอนการดำเนินการ
 
1. เชิญกรมขนส่งทางบก ผู้แทนอัยการ ตำรวจ และ ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมทำร่าง ฉบับ 1 (มีค.51)
2. ส่งร่างรายละเอียดเบื้องต้นไปยังราชวิทยาลัย ขอความเห็น เพิ่มเติม และให้ส่งกลับ (เมษ.51)
3. นำความเห็นจากราชวิทยาลัยมารวบรวม สรุป นำเข้าประชุม (เมษ.51)
4. ประชุมสรุป ในอนุกรรมการ ใบรับรองแพทย์ ( เมษ.-พค.51)
5. นำเสนอที่ประชุม กรรมการบริหารแพทยสภา (มิย.51)
6. กรณีใบรับรองแพทย์ทั่วไป (กค.-สค.2551)
6.1 เตรียมข้อมูล อบรมแพทย์ให้เข้าใจตรงกัน  
6.2 เตรียมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ หลักการ และ เหตุผลตรงกัน  
6.3 ออกเป็นข้อบังคับแพทยสภา
7. กรณี ใบขับขี่ เชิญ กรมขนส่งทางบกมาร่วมพิจารณาร่าง ที่แก้ไขแล้ว และแนวทางปฏิบัติ โดยออก กำหนดการเปลี่ยนแปลงการใช้ ใบรับรองแพทย์ใหม่ และจัดการประชาสัมพันธ์(กค.-สค.2551)
 7.1 เตรียม ข้อมูล เพื่ออบรม เจ้าหน้าที่ ขนส่งทางบก และปรับขั้นตอนการทำงาน
 7.2 เตรียมข้อมูล อบรมแพทย์ให้เข้าใจตรงกัน  
 7.3 เตรียมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจ หลักการ และ เหตุผลตรงกัน
7.4 ออกเป็นข้อบังคับแพทยสภา  
 
*กรณี ใบขับขี่ อาจมีการจัดทำคู่มือแนวทางการตรวจให้แพทย์  และหรือ อบรมแพทย์ ที่เป็นผู้ออกใบรับรองแพทย์ทั่วประเทศ โดยเป็นโครงการร่วม แพทยสภา กับกรมการขนส่งทางบก  เพื่อรณรงค์ คุ้มครองประชาชนผู้ใช้ถนน และชี้ให้เห็นปัญหาจากผู้ขับขี่ที่สุขภาพไม่สมบูรณ์
 
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:31:02
ขั้นตอนนี้ อยากขอความเห็น เพื่อนๆใน thaiclinic ว่าอยากให้มีรายละเอียดอะไรบ้างสำหรับ  
  1. แบบฟอร์มการออกใบรับรองแพทย์ของแพทยสภา ซึ่งเดิมกำหนดโรคในใบรับรองแพทย์จำนวน 5 โรค ท่านมีความเห็นสมควรเพิ่ม เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไข โรคตามที่กำหนดไว้ หรือไม่ อย่าง  
ไร  
  2. แบบฟอร์มสำหรับความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ในการอนุญาต ผู้ขับขี่รถยนต์ส่วน และขับรถสาธารณะ ท่านมีความเห็นสมควรเพิ่มเติม  เปลี่ยนแปลง  หรือแก้ไข ใบรับรองแพทย์เดิม (5โรค) ว่าโรคใดบ้างที่น่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคในการขับรถตามเพื่อเสนองกรมการขนส่  งทางบก พร้อมคำแนะนำครับ  
 
ขอบคุณล่วงหน้านะครับ  
 
     Grin Smiley Grin
จากคุณ: ดญ.ดอกแก้ว โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:38:23
เห็นด้วยทุกประการค่ะ
 
 
จากคุณ: D_HRT โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:48:39
Grinเห็นด้วยคับ Grin
จากคุณ: Mr.LOVE  -  GP .. ผู้ยิ่งใหญ่ โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 17:57:36
ปัจจุบันให้หมอทราบเอาเอง(หมอเทวดา)
เห็นได้จากชาวบ้านต่างอำเภอมาขอใบรับรอง
เกิดความสงสัยว่าทำใมไม่ไปเอาที่รพ.อำเภอของตัวเอง
ฉะนั้นเห็นด้วยที่ควรมีแบบฟอร์มให้ผู้ป่วยรับรองตัวเอง
 
 
แต่สาเหตุที่มากที่สุดคือ  เมาแล้วขับ
ชาวบ้านถูกจับ   แต่ลูกนักการเมือง/ดาราไม่โดน
 
 
ถ้าจะแก้สาเหตุหลักต้องไปแก้กฏหมายเกี่ยวกับ
บทลงโทษของพวกเมาแล้วขับ   Cool Cool Cool
 
ส่วนใบรับรองแพทย์ก็เห็นด้วย   Cool
จากคุณ: กะปิคุง โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 18:03:25
วัณโรค ในกรณีที่ขับรถสาธารณะ  Tongue
จากคุณ: pumpu โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 18:36:13
เคยดื่มสุรา  
เคยมาปรี้ดแตกที่ รพ หงุดหงิดง่าย
ประวัติการบาดเจ็บ ทางสมอง ทางร่างกายที่อาจมีผลต่อการขับขี่
ประวัติขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุประจำ
โรคประจำตัว endocrine เช่น ไทรอยด์  ฟีโอโครโม  
มีประวัติจำชื่อ บุพการีไม่ได้  กูลูกใครหว่า
 
 Grin Grin Grin
จากคุณ: RETINA โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 20:10:45

น่าจะมีใบให้กรอก    รายละเอียดการวัดสายตา/ลานสายตา การวัดการได้ยิน  การตรวจตาบอดสี  การทำแบบตรวจสอบสุขภาพจิต  ตรวจยาเสพติดในเลือดและปัสสาวะ  
 
ที่สำคัญ  กรมการขนส่ง ควร เข้มงวดและแยกประเภทใบขับขี่ให้หลากหลายกว่านี้ เช่น  ใบขับขี่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลชนิดเกียร์ออโต้  /  เกียร์ธรรมดา  เป็นต้น
 
 
 และควรให้  ขนส่งร่วมกับตำรวจและสาธารณสุข ช่วยกันออกแบบใบรับรองแพทย์ว่าต้องการอะไรบ้างค่ะโดยอาจพิจารณาจากสาเหตุของ อุบัติเหตุจากสถิติและข้อมูลที่มี
จากคุณ: U-MILK โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 20:23:35
Smiley
จากคุณ: Nice gil โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 20:26:12
Smileyบ่อยมากที่เหมือนนั่งเทียนเขียน เพราะไม่เคยป่วยมารพ.(นี้)
จากคุณ: หมอ shit โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 20:37:45
เคยเห็นคนที่เป็น phocomelia แล้วขับรถโดยใช้เท้าได้มาออกรายการโทรทัศน์ว่า
หมอว่าไม่ยอมออกใบรับรองแพทย์ให้  lสักพัก็มี sms มีตามมาด่าหมอกันอีกเพียบเลยครับ
 
คิดว่าแพทย์คงไม่ใช่คนตีความว่าใครจะขับรถได้หรือไม่ได้ เรามีหน้าที่เขียนใบว่ามีประวัติโรคประจำตัวอะไร หรือตรวจเจออะไรได้ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ใบขับขี่กรมขนส่งคงต้องมีตัวกฏหมายรองรับครับ
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 20:52:10
เห็นด้วย
 
แต่กลัวว่าจะทำไม่ได้จริงในโรงพยาบาลชุมชนค่ะ
 
อาจจะต้อง refer เพื่อตรวจตา Embarassed
จากคุณ: I-SPY โพสเมื่อวันที่: 03/07/08 เวลา 21:54:10
Shocked Shocked
โอ้โฮ  ถ้าจริงๆละก้อ คงต้องใช้เวลาซักครึ่งวันกว่าจะได้ใบรับรองแพทย์
ตรวจทุกอย่าง
ก็ดีนะ จะได้ซื้อได้ยาก โดยเฉพาะที่คลินิก
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 01:35:41
on 03/07/08 เวลา 21:54:10, I-SPY wrote:
Shocked Shocked
โอ้โฮ  ถ้าจริงๆละก้อ คงต้องใช้เวลาซักครึ่งวันกว่าจะได้ใบรับรองแพทย์
ตรวจทุกอย่าง
ก็ดีนะ จะได้ซื้อได้ยาก โดยเฉพาะที่คลินิก

 
คิดว่าคงมากกว่าครึ่งวันอีกอ่ะค่ะ แปลงร่างเป็น referologist ส่งไปตรวจตา ตรวจสุขภาพจิต และอื่น ๆ ที่ รพช.ตรวจมะได้โลด
จากคุณ: ppom โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 09:03:35
ก่อนอื่นสงสัยว่าการเข้าทำงาน ทำไมจึงต้องมีใบรับรองแพทย์ 5 โรค ในเมื่อคนไข้ AIDS ยังต้องให้เค้าทำงานได้ ไปไล่เค้าออกอาจโดนฟ้อง คนไข้พิการยังให้เค้าทำงานได้ แล้ว 5 โรคนั้น  ทำงานไม่ได้หรืออย่างไร
 
ดังนั้นใบรับรองแพทย์เข้าทำงานอาจต้องเป็นไปตามลักษณะงานที่ทำตามข้อกำหนดขอ งแต่ที่ทำงานมั้ย อย่างเช่น ทำอาหารต้องตรวจอะไรพิเศษบ้าง  
 
อย่าลืมช่องให้ลงเลขบัตรประชาชนและช่องให้เจ้าตัวเซ็นชื่อด้วย ป้องกันตัวปลอม เจอมาแล้ว
 
ส่วนใบรับรองขับขี่ ควรมีช่องให้กรอกเลขบัตรประชาชนด้วย ป้องกันตัวปลอม อาจดูแบบจากใบรับรองทำประกัน ที่มีช่องให้ติ๊ก มาดัดแปลงคำถามให้เหมาะสมกับการขับรถ (เคยเจอมาแล้วคนไข้เป็นลมชัก ชักขณะขับรถ เกิดอุบัติเหตุ) เลือกคำถามให้เหมาะสม
 
แล้วให้คนไข้เซ็นรับรองว่าที่ตอบมาทั้งหมดเป็แความจริง อย่างใบตรวจทำประกัน
 
และอย่างน้อยต้องตรวจสายตา เพื่อ R/O คนที่ตาบอดข้างเดียวออกไป การตรวจสายตาต้องระวังด้วย เพราะเจอมาแล้วคนไข้ท่องจำได้ตอบคล่อง ตอนวักสายตา พอตรวจโดยให้นับนิ้ว ตอบไม่ได้ว่ากี่นิ้ว
จากคุณ: ตัวกลม...ไม่อยากจ่ายภาษีอ่ะ โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 10:15:25
เห็นด้วยครับ ปัจจุบันมัน screen อะไรไม่ได้เลย
 
อยากจะให้ทำเป็นแบปบระกันชีวิตเหมือนกัน ละเอียดดี...แต่อาจต้องคำนึงถึงเวลาตรวจด้วยครับโดยเฉพาะรพช.ที่คนไข้ปัจจุบ ันก็น้อยเหลือเกิน!!!
 
และอยากให้เมื่อฝ่ายเราตั้งใจทำแล้ว ฝ่ายกรมการขนส่งก็ควรจะเห็นความสำคัญด้วย ตอนผมไปทำใบขับขี่ ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าในใบรับรองแพทย์ของผมเขียนว่าอะไรบ้าง...เหมือนขอแค่มีก็ พอ รายละเอียดไม่ต้อง...ถ้าเป็นซะอย่างนี้ก็ไม่รู้จะละเอียดไปทำไม
 
ส่วนถ้าผ่านพิจารณาแล้ว การจัดอบรมอย่างเดียวไม่เพียงพอ ปัจจุบันแค่หมอคนนึงไปอบรม คนอื่นๆก็อ่วมแล้ว อยากทำเป็น Guildline แจกหมอทุกคน อาจแนบไปทางแพทยสภาสารก็ได้ หรือก็บรรจุเป็นหลักสูตรสอน Extern ก่อนจบเลย ยิ่งดี ทุกคนที่จบออกมาก็ต้องมีการเขียนใบรับรองแพทย์อยู่แล้วครับ
 
ลงทุนหน่อยเพื่อผลที่ดี...หรือไม่ก็เปิดจุด download ที่ทุกคนเข้าถึงได้ก็ได้...อันนี้เสนอนะครับ
 
และ Guideline ผมอยากให้ระบุไปเลยว่าตรวจอะไรมั่ง...เช่นแบบปัจจุบันที่ต้องดูว่า active TB หรือไม่ ดูจากประวัติอย่างเดียวก็ไม่ได้ ถ้าตรวจไปสมัครงาน-สมัครธกส. ผมก็ต้อง CXR ดู...แต่บางคนก็ไม่ทำ คนไข้ก็เอาไปเปรียบเทียบว่าทำไมคนนี้ทำ คนนี้ไม่ต้องทำ (เพราะต้องเสียเงินค่า film เพิ่ม) อยากให้มันเขียนชัดๆไปเลยว่าทำยังไง กรณีไหนต้องทำ เพราะถ้าขอไปทำใบขับขี่ผมก็ไม่ film นะ
จากคุณ: Dr.999 โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 10:15:27
คนๆหนึ่งเมื่อไม่เป็น5โรคที่ว่านั่นสามารถสมัครงานได้ ได้งานทำแล้วแต่ใบขับขี่ไม่ผ่านจะไปทำงานได้อย่างไรในเมื่อขี่มอเตอร์ไซด์ไป ก็จะโดนจับปรับฐานไม่มีใบขับขี่ โดนปรับทุกวันเงินเดือนก็คงไม่เหลือเพื่อซื้อข้าวกิน
มีตัวอย่างให้เห็นแล้วคนที่แขนขาไม่ครบแต่ขับรถได้อย่างระมัดระวังไม่เคยเกิ ดอุบัติเหตุ คนที่ขับรถเกิดอุบัติเหตุมักเป็นจากกินเหล้าจนเมาแล้วขับรถ ถ้ากำหนดโทษให้คนจำพวกนี้ถูกประหารชีวิตน่าจะแก้ปัญหาได้ชะงัดกว่า
คนที่เป็นลมชักตัวเขาเองและคนในครอบครัวน่าจะต้องดูแลกันเองอย่าให้ขับรถจะด ีกว่า ไม่จำเป็นต้องมาเอาใบสั่งจากหมอว่าไม่ควรให้ขับรถ
ถ้าห้ามคนประเภทที่ว่ามาทั้งหมดขับรถ ถนนคงจะว่างกว่านี้อีกมากและคนที่คิดว่าปกติสามารถขับรถได้เร็วจี๋ อุบัติเหตุจากการขับรถเร็วก็จะเพิ่มขึ้นอยู่ดีคู่คี่กับสาเหตุเมาแล้วขับไปซ ะอีกต่างหาก
ถ้าต้องตรวจทุกโรคที่รพ.เอกชนใหญ่ๆกว่าคนๆหนึ่งจะได้ใบรับรองแพทย์ไปขอใบขับ ขี่คงต้องจ่ายหลายพันหรือเป็นหมื่น สู้ขับไปตามดวงดีกว่าคอยหลบตำรวจจราจรให้พ้นไปวันๆตามประสาคนรายได้ไม่ค่อยพ อรายจ่ายของคนชั้นกลาง
นี่คือข้อมูลที่ได้จากคนที่มาขอใบรับรองแพทย์ไปขอทำใบขับขี่ จะให้ใช้ได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่กรมการขนส่งเถอะ หมอก็ทำเท่าที่หมอทำได้
จากคุณ: Doctor Che โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 11:00:53
ใบรับรองแพทย์สำหรับขอไปทำใบขับขี่เห็นด้วยว่าคงต้องทำแบบฟอร์มแยกมาเฉพาะอี กต่างห่าง
 
แต่เพื่อให้ปฏิบัติได้ คงไม่ต้องให้กรอกมากมาย เอาจุดเน้นๆสำคัญไปเลย เช่น โรคที่จะมีปัญหาถ้าขับขี่เช่น ลมชักที่ควบคุมไม่ได้ , อาการทางสายตา , โรคจิต ..อื่นๆ
 
แล้วอีกอันก็คือให้ระบุเรื่องพฤติกรรมการดื่มสุรา ซึ่งอันนี้น่าจะมีผลสูงกว่าโรคซะอีก
 
เพียงแต่ว่าพอใช้งานจริง คนไข้จะโกหกว่าไม่ดื่ม แล้วหมอจะลงยังไง หรือว่าแม้ระบุว่าดื่ม แต่ก็ยังไปทำใบขับขี่ได้ เพราะทางขนส่งเขาไม่อ่าน .... อันนี้น่าคิดนะครับ  Cool
จากคุณ: FAT_DOCTOR โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 12:35:37
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ  Grin
จากคุณ: kkcontrol โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 13:44:08
Smiley
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 15:41:49

โรค ๕ โรคนั้น มาจาก โรคติดต่อ ร้ายแรง ตามที่กฏหมายกำหนด นะครับ ...
 
 
 
เป็นไปได้หรือเปล่า ที่จะกำหนด ให้แพทย์ ที่ รพท. เป็นผู้จัดการตรวจ เพราะต้องมาทำที่ ขนส่ง (จังหวัด) อยู่แล้ว . และเครื่องมือ ก็พร้อมกว่า .. จัดเป็นช่วงไปเลย เช่น บ่ายวันพุธ เป็นแผนกตรวจต่างหาก .. รพ.ก็คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สัก ๑๐๐ บาท  Roll Eyes
 
 
ตอนนี้ ที่คลินิก ผมก็ไม่เขียนใบรับรองแพทย์ เพื่อทำใบขับขี่ เพื่อสมัครณาปนกิจ คัดเลือกนักเรียน ฯลฯ ...  Lips Sealed
จากคุณ: format โพสเมื่อวันที่: 03/08/08 เวลา 19:16:53
Cheesy
จากคุณ: nong-pang โพสเมื่อวันที่: 03/09/08 เวลา 10:12:16
Shocked
จากคุณ: golf77 โพสเมื่อวันที่: 03/12/08 เวลา 16:15:02
น่าจะเป็นทางหนึ่งที่จะลดสาเหตุของการเกิดอุบัติทางจราจรที่ป้องกันได้
แต่ทางขนส่งเองน่าจะมีมาตรการอย่างอื่นอีก เพื่อไม่ให้มีการซื้อใบขับขี่(ชาวบ้านเอามาเล่าให้ฟัง)
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 03/12/08 เวลา 21:58:30
ขอบคุณทุกความเห็นครับ..และหากมีเพิ่มเติมกรุณาลงต่อได้เลยครับ
และใบรับรองแพทย์ใหม่หลังจากสรุปจะลงที่นี่ ให้สมาชิก TCC ดูก่อนใครครับ
 Smiley
จากคุณ: newny_law3107 โพสเมื่อวันที่: 03/12/08 เวลา 23:10:40
คงจะต้องออกแบบใบรับรองแต่ละเรื่องๆแยกกันไป   แต่ที่สำคัญถ้ายุ่งยากมากนักก็คงไม่มีใครอยากออกใบรับรอง   ไม่คุ้มค่าเสียเวลา   ค่าออกก็ไม่กี่สิบบาท  
ส่วนใบรับรองสำหรับใช้ทำใบขับขี่มีหนังสือคู่มือออกใบรับรองแพทย์แล้ว  ของ  อ.สมชัย บวรกิตติ  อ.สนธยา  พรึงลำภู  เป็นผู้เรียบเรียง  ลองหาอ่านดูกันได้       Smiley Wink Cheesy
จากคุณ: OD_2020 โพสเมื่อวันที่: 03/13/08 เวลา 06:22:51
    กับตัวเองก็เคยพบปัญหาอย่างกรณีที่คนไข้ไม่สามารถขอใบขับขี่รถส่วนบุคคลได้เ พราะไม่ผ่านการตรวจในเรื่องของการเห็นสีแต่สามารถบอกสีได้ถูกต้อง (แดง-เหลือง-เขียว) มีสายตาดี (20/20) และลานสายตาสมบรูณ์ (HVF)  คนไข้อยู่ต่างจังหวัดห่างไกลจากตัวเมืองก็พยายามไปขอใบรับรองแพทย์จากโรงพย าบาลของจังหวัดแต่ไม่ได้เพราะไม่ผ่านการเห็นสี (เจ้าตัวรู้อยู่แล้ว) ซึ่งทำให้ครอบครัวคนไข้เนี่ยเดือดร้อนมาก บางทีควรระบุให้ชัดเจนขึ้นว่าอาการบกพร่องในการเห็นสีระดับไหนจึงไม่ควรรับร องให้ได้หรือจำเป็นต้องจำกัดใบขับขี่ให้อยู่ในรูปแบบใด  Undecided ที่เห็นว่าควรระวังให้มากได้แก่พวกรับใบขับขี่ทีขับรถสาธารณะ รถรับจ้างและรถบรรทุกซึ่งผู้ขีบขี่รถประเภทนั้นต้องมีความพร้อมทางสมรรถภาพม ากกว่าผู้ที่ต้องการทำใบขับขี่ส่วนบุคคล
จากคุณ: เด็กดื้อ โพสเมื่อวันที่: 03/13/08 เวลา 14:36:10
เห็นด้วยคนดิ.........
จากคุณ: tortui โพสเมื่อวันที่: 03/14/08 เวลา 23:08:30
สู้สู้ครับ
<a href="http://www.amazon.com/gp/redirect.html?ie=UTF8&location=http%3A%2F%2 Fastore.amazon.com%2Fmedical-books00-20&tag=medical-books00-20&linkCode=ur2&camp=1789&creative=9325">Medical Textbooks Store</a><img src="http://www.assoc-amazon.com/e/ir?t=medical-books00-20&amp;l=ur2& amp;o=1" width="1" height="1" border="0" alt="" style="border:none !important; margin:0px !important;" /> Smiley
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 03/15/08 เวลา 19:09:16
       ใบรับรองแพทย์ทั่วไปนั้น  ชื่อก็บอกทนโท่ว่า "ทั่วไป "  แปลว่า   ไม่จำเพาะเจาะจง    หากจะมีอะไรที่ใครประสงค์ตรวจจำเพาะ   อย่างเช่น   ใบขับขี่อะไรนั่น   กระผมหมอเมืองสยามก็เห็นว่าทางกรมขนส่งควรจัดห้องตรวจจำเพาะ "ณ.ที่สอบใบขับขี่"เองโน่น   มันถึงจะตรงเผง    
        แหม....มิใช่ทะเรอทะร่าเอะอะโยนกลองให้แพทย์ทั่วประเทศนับหมื่นๆคนเป็นธุระป ะปังไม่เข้าเรื่อง    ซึ่งออกจะแผ่ซ่านยุ่งยากและขี้ทื่อเกินกว่าเหตุ  หรือ  ผลไม่สมเหตุด้วยประการฉะนี้    หรือคุณๆว่างัย?...
จากคุณ: soon_soon โพสเมื่อวันที่: 03/16/08 เวลา 10:06:21
ในกรณี ตาบอดสี ที่เจอกัน บ่อย คื อ  ตาบอดสี เขียว ที่เจอ ราว 1 % และ พร่องการมองเห็นสีเขียว มีราว 5% บอดสีแดง ราว 1% และ พร่องสีแดง ราว 1% พบมากใน ชาย มากกว่าหญิง เพราะ ยีน อยู่ใน โครโมโซม เพศ หญิง ชาย ที่มี เอกซ์ ตัวเดียว จึง เป็นโรค ง่าย แต่ หญิงเป็น พาหะ คนที่ บอดสี คือ ยีน นั้นๆ ขาดหายไปทั้งหมด เขา จึงไม่มี โคนเซล ที่ เป็นตัวรับแสงสี ใน สี ดังกล่าว ดังนั้น สีที่เขา ขาด เขา จะเห็น เป็นสีอื่นๆ ( ตามแต่ ชนิด และ ความรุนแรง ของการขาดยีน/ โคนเซล )      
แต่ บางที เขา อาจจะ บอกชื่อสี ได้ ถูกเพราะ เรียนมาตั้งแต่ เด้กว่า อันนี้ คือ สีแดง/เขียว /เทา/ดำ แต่ ในบางสภาวะ เช่น ในที่ สลัวๆ หรือ เอา ของที่มีสี คล้ายกัน มาให้เลือกจับว่า เสื้อนี้ สีอะไร เขา จะ หยิบผิด เพราะ ดูว่า เป็น สีที่เหมือนกัน ทั้งๆที่ คน ทั่วไป แยกแยะกันได้ง่าย
 
เคยมี คนบอกว่า คนที่ ตาบอดสีแดง เห็นไฟแดง เป็น เหมือน โคมไฟที่ ติดแบบ ริบหรี่ สีออกไม่แดงเข้มเหมือน คนทั่วไป ( ผมเอง ไม่ใช่ คนตาบอดสี ก็ บรรยาย ไม่ถูกเหมือนกัน )
 
ภาวะบอดสีเป็นเรื่องของความรู้สึกของการเห็นสีที่แตกต่างกันผู้ที่บอดหรือ degree น้อยกว่าที่เรียกว่าพร่องสีแดงนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นสีแดงเลย แต่เขาเห็นสีแดงออกเป็นสีอื่นที่ไม่เหมือนคนปกติ และเนื่องจากแม้เขาไม่เห็นเหมือนคนอื่นแต่เขาเห็นของสีอย่างนั้นตั้งแต่กำเห นิด เห็นสีแดงเป็นสีอื่นก็จริงแต่ถูกสอนว่าสีที่เห็น้นั้นเรียกว่าแดง
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 03/16/08 เวลา 19:32:12

รู้สึกว่า เคยอ่านเรื่องแบบนี้ที่ไหน .. เลยไปค้น ๆ ดู ก็เป็นจาก วารสารคลินิก .เห็นว่า น่าสนใจ ก็ลองนำมาให้ดูกัน ..
จากคุณ: RETINA โพสเมื่อวันที่: 03/19/08 เวลา 22:06:48

 
ความเห็นหนูโดนลบไปค่ะ
 
ไม่รู้ว่าเขียนไรผิดไป
 
งงนิดๆ
 
 Smiley
จากคุณ: oishi โพสเมื่อวันที่: 03/20/08 เวลา 14:43:46
เห็นด้วยๆ
จากคุณ: ei8ht โพสเมื่อวันที่: 03/20/08 เวลา 21:04:16
แบบเก่าก็ใช้ได้แล้วหล่ะ..
ใช้.." screen " คนที่พิการด้อยสมรรถภาพและสังคมรังเกียจออกไปคร่าวๆ
 
ถ้าพบอาการที่น่าสงสัย ก็ส่งตรวจละเอียดเป็นรายๆไป
..  ไม่ใช่จับตรวจละเอียดซะทุกราย
 
ส่วนในรายที่พิการบางส่วน  
..อาจจะ อนุญาตให้ทำใบขับขี่ประเภทพิเศษแล้วแต่กรณี
พวกนี้ก็ ใช้ใบรับรองแพทย์อีกแบบนึง แยกออกไปซะ  Grin Cool
จากคุณ: ei8ht โพสเมื่อวันที่: 03/20/08 เวลา 21:06:47
ไม่ควรสร้างภาระให้ประชาชนโดยไม่จำเป็น
ไม่ควรเพิ่มงานให้หมอโดยไม่จำเป็น
ไม่ควรคาดหวังว่าจะลดอุบัติเหตุได้ด้วยใบรับรองแพทย์
.. เห็นด้วยกับคุณหมอเมืองสยามครับ..  Cool Grin
จากคุณ: pjc โพสเมื่อวันที่: 03/23/08 เวลา 05:51:06
ถ้าท่านเป็นนายจ้าง   ท่านอยากให้คนเป็นเอดส์  tbc  โรคจิตรเข้ามาทำงานในบ้านท่านไหม  มันขึ้นกับว่าเขาจะไปสมัครงานอะไรด้วยนะ  เห็นเน้นแต่ตามาก
แล้วแพทย์ต้องรู้ด้วยว่าเขาไปสมัครงานอะไร
จากคุณ: Dr.Tum.....ณ. สยาม โพสเมื่อวันที่: 03/23/08 เวลา 22:40:16
Roll Eyes Roll Eyes Grin
จากคุณ: valentile โพสเมื่อวันที่: 03/25/08 เวลา 11:31:11
1. คงต้องมีแบบฟอร์มให้คนไข้กรอกเอง แล้วลงชื่อกำกับ ไว้เป็นหลักฐานเรื่องของประวัคิ การรักษา การผ่าตัด ในโรคต่างๆที่แพทย์ไม่สามารถทราบได้ เช่น มีประวัติโรคลมชัก โรคเบาหวานรักษาที่ไหนหรือไม่เท่าใด เพราะบางโรคถ้าจะรู้ต้องตรวจ
2.ต้องมีส่วนของการตรวจร่างกายโดยแพทย์ คล้ายกับฟอร์มประกันชีวิต
3.ต้องมีส่วนการตรวจlab เพิ่มสอดคล้องกับที่กรมขนส่งต้องการ เช่น สารเสพติด ระดับน้ำตาล รวมถึงแบบทดสอบตาบอดสีมาตรฐาน  
4.สรุปความเห็นเป็นช่องให้แพทย์ติ๊ก ให้เลือกเช่น สุขภาพแข็งแรง 2 มีโรคประจำตัวดังต่อไปนี้ ....แต่ได้รับการรักาษาควบคุมได้ 3 มีความพิการทางร่างกาย.....แต่น่าจะขับรถได้สำหรับรถพิเศษ 4.ไม่สามารถขับรถได้
 
ข้อคิดเห็น ภาระส่วนใหญ่ต้องให้ประชาชนยอมรับให้ได้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ไม่ว่า ค่าlab ค่าตรวจตาบอดสี และความยุ่งยากมากขึ้น  เรื่องตาบอดสีอีกระดับการตรวจแค่ไหนเช่นใช้ ตัวทดสอบIsihara แต่ขนส่งใช้ชี้จุดได้ก็พอเป็นต้น และต้องไปตรวจที่คนไข้รักษาโรคประจำต่อเนื่องหรือไม่ เพราะแพทย์ไม่สามารถทราบได้หรอกว่า รักษาความดันมาก่อนหรือไม่ถ้าทานยาควบคุม ได้  
และเสนอแบบฟอร์มที่ตรวจเสร็จแล้วนั้น ปิดผนึกซองคล้ายประกันชีวิตแล้วมีการเซ็นผนึกกำกับไว้ โดยฟอร์มนั้นกรมขนส่งต้องผลิตแจก  ให้โรงพยาบาลหรือคลีนิคมาเก็บไว้แน่ ที่สำคัญผมว่า สุดท้าย จะตรวจได้เฉพาะที่โรงพยาบาล คลีนิคคงไม่อยากตรวจเพราะได้รายได้แค่ 50 บาทต้องยุ่งยาก เสี่ยงมากขึ้น เสียเวลามากขึ้น สุดท้ายประชาชนก็ลำบากเต็มที่
 
แต่ยังไงก็เห็นด้วยกัการปรับมาตรฐาน การออกใบรับรองแพทย์ใบขับขี่ เพื่อให้คนขับ คนบนถนนคนอื่นปลอดภัยทั่วกัน
 
และที่สำคัญกรมขนส่งควรปรับปรุงตัวเองบ้างมากๆก็ดี เช่น เปิดบริการเสาร์ อาทิตย์บ้าง เพราะเดี๋ยวนี้เก็บอัตราบริการก็แพงขึ้นมากน่าจะนำไปใช้มีการเพิ่มเวรบ้าง เหมือน สาธารณสุข ทำงานอยู่เวรกันตลอด เดือนหนึ่งหยุดแค่ 1- 2วัน เพราะต้องอยู่เวร
จากคุณ: valentile โพสเมื่อวันที่: 03/25/08 เวลา 11:40:30
อธิบดีกรมขนส่งรู้สึกจะเป็นถึงแพทย์นะ น่าจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร น่าจะพัฒนากรมขนส่งบ้างไปติดต่ออะไรทีก็ต้องหยุดงาน  รอก็ร้อนเพราะไม่มีบริการติดแอร์ เจ้าหน้าที่ก็ดุมากๆ  รอก็นานโดยเฉพาะช่วงบ่าย ต้องรอให้เอกสารมาหลายคิวแล้วค่อยเอาไปให้คนใหญ่คนโตเซ็นทีเดียวแย่มากๆ เอาไหมละถ้าพวกนี้มาโรงพยาบาลจะให้นั่งรอ10 คนแล้วค่อยตรวจ ดีไหมโรงพยาบาลปิดบริการวันหยุดเสาร์อาทิตย์นักขัตฤกษ์  รับเฉพาะฉุกเฉินจริงๆ OPDนอกเวลาก็ไม่ตรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกลับไปบริการแบบ 20 ปีที่แล้วซึ่งเหมือนกับขนส่งปัจจุบัน (ไม่มีservicemind)
จากคุณ: anantom โพสเมื่อวันที่: 03/25/08 เวลา 12:39:40
Grin Grin Grin
ระวังสิทธิ ผป ด้วยนะครับ
จากคุณ: blitzs โพสเมื่อวันที่: 03/26/08 เวลา 15:25:57
   ไร้สาระครับ  ความปลอดภัยอยู่ที่ความรับผิดชอบครับ  ไม่ได้อยู่ที่ระบบกีดกันคนไม่สมประกอบไปขับรถ  พวกขับย้อนศร ไม่ใส่หมวก เมาแล้วขับ คุณมีปัญญาจับเขาไหม  แล้วจะมาลงโทษกลั่นแกล้งคนส่วนใหญ่ที่ปกติดี  ต้องโดนตรวจสารพัดเพื่ออะไร  ค่าตรวจโรคอีกเท่าไหร่ที่จะจ่าย นี่ไม่ใช่ความสูญเปล่าหรอกหรือ
    บังคับกีดกันมากๆ  นึกหรือว่าเขาจะสอบใบขับขี่กัน  คนไม่รับผิดชอบก็ไม่ไปสอบมันสะเลย แล้วมีปัญญาจับหรือเปล่า
   ใบรับรองมันบอกแค่เรื่องในอดีตบางส่วน  ต่อไปข้างหน้าคนที่มาตรวจ ตาแย่ลง เบาหวานแย่ลง ไอ้ที่กีดกันไว้ตอนแรกจะมีประโยชน์อะไร  สุดท้ายก็มีคนที่มีภาวะเสี่ยงขับรถอีกอยู่ดี
    ที่สำคัญคือประเทศนี้มีทางเลือกให้คนที่ไม่ขับรถเองหรือเปล่า ขนส่งมวลชนนะมีพอเพียงแล้วเหรอ  ห้ามเขาขับรถ  แล้วมีรถให้นั่งหรือเปล่า  บางที่รอรถสองชั่วโมงถึงมีรถมาคัน  มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ
     อย่ามองด้านเล็กๆด้านเดียว แล้วสร้างความลำบากให้คนส่วนใหญ่เลยครับ  ถ้าจะรับรองคือให้คนไข้รับรองตัวเองว่าไม่มีโรคต้องห้ามก็พอแล้ว (listมาให้ชัดๆ) การโยนภาระให้หมอตรวจ บางอย่างใครจะไปตรวจได้เช่นโรคจิตที่มีอาการบางครั้ง มันไม่มีเหตุผลเมื่อปฏิบัติจริง
จากคุณ: ^.^ Eagle คุง ^.^ โพสเมื่อวันที่: 03/27/08 เวลา 17:23:24
ให้กรอกใบ screening เป็นลายมือผู้มารับการต้รวจเป็นลายลักษณ์อักษรแน่ชัด หากมีปัญหาภายหลังจากการแจ้งรายละเอียดเท็จในการตรวจที่ยังไ่สามารถระบุได้แ ต่แรกว่าเป็นโรค
ผู้ให้บริการจะได้รับรายละเอียดที่ถูกต้องเป็นจริงมากขึ้นครับ  Smiley
จากคุณ: แฉล้มป์ โพสเมื่อวันที่: 03/31/08 เวลา 08:46:32
ผมมีความเห็นอย่างนี้ครับพี่
 
1. การซักประวัตื ตรวจร่างการ ตลอดจน ส่งแล็ป เช่น FBS ให้ละเอียดมากขึ้นนั้น ไม่แน่นักว่าจะสามารถป้องกันอุบัติเหตุได้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ การลงทุนลงแรงที่ต้องเพิ่มขึ้น  
 
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดให้เห้นกันโดยมากนั้น ไม่ได้เกิดเพราะ โรคของผู้ขับขี่ แต่เกิดเพราะความประมาทของผู้ขับขี่มากกว่า  
 
จะเห็นว่า ผู้ขับขี่ที่ได้รับอุบัติเหตุ ส่วนมากแล้ว(ผมว่ามากว่า90%) เป้นคนปกติ แม้จะทำการตรวจมากขึ้น คนกลุ่มนี้ก็จะไม่สามารถถุกคัดออกโดยใบรับรองแพทย์อยู่ดี
 
ส่วนผู้ป่วยเช่นโรคลมชักนั้น จะเป็นผู้ขับขี่จนได้รับอุบัติเหตุนั้น ผมพบน้อยมาก  ผุ้ป่วยลมชักที่ดูแลอยู่ แทบทุกคนก็ไม่ขับรถ เพราะเกรงว่าตนจะชักตัวเองจะตายได้ ผู้ป่วยที่ดื้อดึง ญาติก็จะห้ามไม่ให้ขับรถ แต่ถ้าจะถามประวัติโรคลมชัก แล้วเขียนในใบรับรองด้วย ก็เห็นด้วยครับ
 
2. การตรวจให้ละเอียดมากขึ้น เป็นภาระของประชาชน ยิ่งตรวจละเอียดมากขึ้นเท่าใด ยิ่งเป็นภาระมากขึ้นเท่านั้น  
 
ลำพังปัจจุบัน ประชาชนต้องมาทำใบขับขี่ที่ขนส่งจังหวัด บางอำเภอ ห่างออกไปร่วมร้อย กม. แค่นี้ก็เป็นภาระมากอยู่แล้ว หลายคนจึงไม่ทำใบขับขี่ แต่ขับรถเลย  
 
หากต้องตรวจร่างกายอีกเป็นวัน เสียเงินหลายร้อย(หรือเป็นพัน) คงแย่แน่ ผมว่าคนจนๆ เขาคงยอมเสียค่าปรับ ขับโดยไม่มีใบอนุญาต ดีกว่า  
 
ยิ่งถ้าเราต้องตรวจละเอียด เช่น FBS อย่างพี่ว่า (ผมว่า FBS ไม่น่าจะเกี่ยวมากนัก ไม่งั้นคนไข้เบาหวานจำนวนมากต้องหยุดขับรถ)
 
หรือหนักกว่านั้น ตรวจ EEG, visual field, psycho-test ด้วย ก็จะเป็นอันว่า รพช. จะตรวจไม่ได้ รพท. ก็ตรวจไม่ได้ ต้องส่ง รพศ.ทุกราย ประชาชนแทบทุกคนอยากมีใบขับขี่นะครับ จะไปตรวจกันไหวหรือ ภาระจะมากมายเพียงใด จะสิ้นเปลืองงบประมาณมากเพียงใด
 
3. การเพิ่มการซักประวัติให้ละเอียดขึ้น อาจจะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากขึ้นบ้าง อย่างคุ้มค่า ส่วนการตรวจพิเศษเพิ่มเติมมากกว่านั้นทุกๆราย เห็นว่าไม่คุ้มค่า  
 
ในกรณีทั่วไปควรเพิ่มการถามประวัติเรื่องลมชัก สายตาผิดปกติ หรือความผิดปกติทางจิต-ประสาท น่าจะเพียงพอ  
 
หากมีประวัติสงสัยเรื่องใด จึงพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติมน่าจะดีกว่า เช่นมีประวัติ ลมชัก สายตาผิดปกติ หรือโรคทางจิต-ประสาท จึงค่อยส่งต่อไปตรวจ น่าจะดีกว่า
 
ครับผม
จากคุณ: Innominate โพสเมื่อวันที่: 04/03/08 เวลา 21:09:18
ใบรับรองเพื่อไปสอบใบขับขี่ ผมว่าก็กำหนดไปให้ทำการตรวจเบื้องต้น  
- พวกตรวจสายตา ตาสั้น ตาบอดสี ที่กรมขนส่งก็ตรวจเองอยู่แล้ว ไม่น่าไปโหลดภาระแพทย์ อาจจะต้องเพิ่มการตรวจ Visual field อีกอย่าง ซึ่งก็น่าจะสอนไม่ยาก หรือไม่ก็ซื้อเครื่องไว้จังหวัดละเครื่องไว้ตรวจก่อนให้ใบขับขี่
 
- ประวัติโรคประจำตัว เช่น เบาหวานที่มันมี Neuropathy เท้าชาไม่รู้สึก ทำให้ขับรถไม่ได้ ผมว่าก็ไม่ได้เกิดในคนไข้เบาหวานทุกคน แล้วก็ตรวจให้มันดีๆ ก็ต้องใช้เครื่องมือพิเศษนะครับ ส่วนคนไข้ลมชัก หรือโรคอื่นๆ ที่คิดว่าขับรถไม่ได้ ก็น่าจะลอง list ดู แล้วทำเป็น check list ว่า ไม่มีประวัติพวกนี้ เพราะว่าถ้าไม่ทำไว้หมอบางท่านอาจจะไม่ได้นึกว่าโรคพวกนี้มันไม่ควรขับรถ
 
- ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะคงยาก เพราะถ้าตั้งใจจะมาขอใบรับรองแพทย์ ก็คงหยุดยามาเกินระยะเวลาที่จะตรวจพบล่ะครับ  
 
- ส่วนที่ตรวจตอนนี้ แล้วในอนาคตโรค progress หรือมีโรคใหม่ ใช้การออกใบรับรองแพทย์ทุกครั้ง ก่อนต่ออายุใบขับขี่ ซึ่งตอนนี้ตรวจทุก 5 ปี ก็ได้
 
- ปัญหาในการ screen พวกนี้คือ ถึงเราจริงจังในการคัดกรอง แต่ถ้าคนไข้โกหกซะ ก็ตรวจไม่ได้ อย่างกินยาลมชักมานาน แต่พอไปขอใบรับรองแพทย์ ก็ไปที่ รพ. ที่ไม่ได้รับยาประจำ ไม่มีประวัติ ก็ตรวจสอบไม่ได้แล้ว  
 
ขอเสนอวิธีลดปัญหาอุบัติเหตุคือ ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการจราจร ให้เจาะ Blood alcohol level ทุกคน ถ้าเกินโดนยึดใบขับขี่ จนกว่าจะส่งตัวไปให้คลินิกเลิกเหล้า รับรอง โดยระหว่างนี้อาจออกใบแทนใบขับขี่ให้ใช้ได้ชั่วคราว เช่น ไม่เกิน 1 เดือนนับจากวันที่โดนยึดใบขับขี่ จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่องานประจำ น่าจะช่วยลดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับมากกว่าครับ
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 04/05/08 เวลา 00:41:48
ขอบคุณครับ
 Smiley
จากคุณ: somch โพสเมื่อวันที่: 04/07/08 เวลา 20:15:06
เห็นด้วยกะการตรวจ แต่ว่าจะต้องเสียเวลาและเงินเท่าไหร่อ่ะ กว่าจะได้ใบรับรองแพทย์ที่สมบูรณ์ ต้องพบหมอจิตเวช ต้องตรวจ Lab เท่าไหร่อ่ะX-ray ด้วยป่าว สงสัยว่าคงมีคนไปทำใบขับขี่น้อยลง ตำรวจคงมีรายได้เพิ่มอีกเอยะเลย
จากคุณ: somch โพสเมื่อวันที่: 04/11/08 เวลา 19:37:32
คราวนี้ภาระค่าใช้จ่ายของการตรวจก็ต้องตกไปอยู่กะใครอ่ะ ไม่พ้นประชาชนตาดำๆ ต้องตรวจLab ตรวจเฉพาะทาง ตรวจตั้งหลายอย่าง 50 บาทคงไม่คุ้มสำหรับแพทย์หรือโรงพยาบาลแน่ๆ ขนส่งน่าจะสกินเองในจุดที่คิดว่าสำคัญ ไม่น่าจะโยนภาระมาให้แพทย์เลย แพทย์มิใช่เทวดานิจะได้รู้ทุกอย่างรับรองทุกอย่างได้(หวังว่าคงไม่มีถ้อยคำร ุนแรงจนโดนลบอีกนะ) อยากรู้มากกกกกกกกกกกคือ ค่าใช้จ่ายสำหรับใบรับรองแพทย์อ่ะ ประมาณเท่าไหร่
จากคุณ: ปลาทอง.. โพสเมื่อวันที่: 04/12/08 เวลา 11:38:31
Wink
จากคุณ: dr.toto โพสเมื่อวันที่: 04/24/08 เวลา 08:28:12
อาจารย์ครับ ผมขอใบรับรองแพทย์ของคนขับเรือสาธารณะด้วยครับ
 
เขาเน้นให้ตรวจการมองเห็น และการได้ยิน  
 
ช่วยประสานกับกรมเจ้าท่าทำให้เป็นมาตรฐานด้วย เพราะชอบมาขอตามคลินิก แล้วไม่สามารถตรวจได้ครับ
จากคุณ: Santa_Claus โพสเมื่อวันที่: 04/24/08 เวลา 22:15:14
Shocked
 
เห็นด้วยครับ ทุกวันนี้จากประสบการณ์(น้อยอยู่)  
ผู้ที่มาขอใบรับรองแพทย์ต่างๆ  
มักจะเป็นประวัติใหม่ ทั้งนั้นเลยครับ
เลยทำให้ไม่ทราบโรคประจำตัว/ยา ที่ใช้เลย
เลยต้องเขียนแบบเลี่ยงๆว่า  
จากการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่า......
จากคุณ: Buzz โพสเมื่อวันที่: 04/28/08 เวลา 17:26:10
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
จากคุณ: Beer_Chang โพสเมื่อวันที่: 04/28/08 เวลา 20:07:23
ผมต้องออกใบรับรองแพทย์เพื่อสอบและต่อใบขับขี่ ทุกวันตอนนี้เพราะคลินิคอยู่ใกล้สนง.ขนส่งครับ
 
รู้สึกลึกๆช้างในว่าไม่มีประโยชน์เลย
 
นักฟุตบอลล์แน่นสนามแต่ไม่มีกติกา ก็เตะหน้าแข้งกันและกันสนุกไปเลย  คนใช้ยวดยานก็เหมือนๆกัน แน่นถนนมากขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่มีการเคารพกติกา  ชนกันวินาศสันตโร
 
simulater สำหรับ รถทุกชนิด  โดยเฉพาะรถโดยสารทุกขนาด  สสส.น่าจะซื้อแจก สนง.ขนส่งทุกๆจังหวัดครับ  เขียนโปรแกรมการสอบรวมถึงการแก้ปัญหาเมื่อมีภาวะคับขัน  การมีน้ำใจต่อพี่น้องร่วมถนนด้วย   สอบไม่ผ่าน  อีก 1 สัปดาห์มาสอบใหม่จนกว่าจะผ่าน
 
หมอๆจะได้ไปทำงานอื่นครับ
จากคุณ: anosognosia โพสเมื่อวันที่: 05/24/08 เวลา 16:58:21
น่าจะทำแบบทดสอบสภาพจิตด้วยนะคะ
 
เห็นรถพ่วง สิบล้อ ห้อตะบึงแล้ว เฮ้อ กลัวตายแทนเลยล
 
ส่วนใบรับรองแพทย์ 5 โรค เซ็งคร่า
 
ก็มีอะไรถูกได้บ้างล่ะ
 
ฟังปอดปกติก็เป็นวัณโรคได้
ผิวหนังปกติก็เป็นเรื้อนได้นะ
ไม่ใช้ยาเสพติด จะไปรู้ได้ไงจากตรวจร่างกายล่ะ
โรคจิตเป็นแล้วใครจะบอกง่า
 
เซ็นชื่อไปด้วยความเซ็ง
ครายคิดฟะ ใบรับรอง 5-7 โรคเนี่ย
จากคุณ: Freeman โพสเมื่อวันที่: 05/28/08 เวลา 19:18:25
Roll Eyes
จากคุณ: Wannabe Optometrist โพสเมื่อวันที่: 05/30/08 เวลา 13:45:17
เรื่องตาบอดสีเนี่ยไม่ควรเอาเป็นข้อบังคับในการไม่ออกใบขับขี่ประเภทส่วนบุค คลเพราะการบอดสีมีหลายระดับมาก โดยทั่วไปถ้าไม่บอดมากจริงๆแล้วก็จะไม่มีผลต่อการขับขี่ซึ่งหากบอดสีระดับสู งก็จะมีผลต่อความชัดเจนของตาอยู่ดี ดังนั้นเฉพาะเรื่องตาน่าจะเน้นที่ระดับความชัดเจนเมื่อแก้ไขแล้วและความปกติ ของลานสายตา แต่การตรวจลานสายตาใช้เฉพาะกรณีที่มีโรคตาหรือความชัดเจนมีปัญหาเท่านั้นก็พ อไม่ต้องตรวจทุกกรณี อย่างนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์
จากคุณ: *-*_banana_*-* โพสเมื่อวันที่: 06/10/08 เวลา 14:30:26
ดีค่ะ
 
แต่ถ้าเอาไปใช้ ต้องมีคนไข้บางคนหงุดหงิดแน่ๆ
จากคุณ: sealmed โพสเมื่อวันที่: 06/21/08 เวลา 20:03:07
มาขอซื้อใบรับรองแพทย์คะ...เจอคำพูดนี้บ่อยมาก Cry
จากคุณ: mireyu โพสเมื่อวันที่: 07/10/08 เวลา 21:29:17
มีได้จริงก็ดี
คนจะได้ขับรถกันน้อยลง เพราะใบขับขี่หายาก
ใช้รถสาธารณะ ลดมลภาวะ ประหยัดน้ำมันค่า
จากคุณ: Merbuda โพสเมื่อวันที่: 07/28/08 เวลา 02:22:42
เห็นด้วยกับความเห็นที่ 12 , 40  
# ควรออกว่าเป็นโรคอะไรบ้าง แล้วให้กรมการขนส่งเป็นผู้กำหนดเองว่าขับขี่ได้หรือไม่ได้
# การซักประวัติ นั้นไม่น่าจะได้ข้อมูลที่ดี คงไม่มีใครบอกหรอกครับว่า  หมอครับผมเป็นโรคลมชักจะมาขอใบรับรองแพทย์ ข้อนี้คงแก้ไขยาก เพราะส่วนใหญ่เขามักจะมาขอที่ รพ.เอกชนหรือclinic ต่างจังหวัด
#เห็นด้วยกับการปรับปรุงการออกใบขับขี่ให้ดีกว่าเดิม อยากให้มองในมุมของบุคคลที่สามที่ต้องมารับเคราะห์ไปด้วยถ้าเกิดอุบัติเหตุอ ย่ามองแต่เรื่องความสะดวกของผู้ทำใบขับขี่อย่างเดียว  แม้ว่ามันจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากขึ้นก็ตาม
# อุบัติที่เกิดขึ้นตอนนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากความประมาท บ้างก็เพราะดื่มสุราจนขาดสติ คงไม่เถียง แต่นี่คงไม่ใช่เหตุผลที่จะเอามาบอกว่า ใบขับขี่ไม่ควรจะมีการพัฒนาคุณภาพในการออกใบขับขี่
จากคุณ: khamkhun503 โพสเมื่อวันที่: 07/30/08 เวลา 16:17:51
ปัจจุบันมีแพทย์หลายคนเซ็นไบรับรองไว้หน้าสถานีขนส่งแล้วให้แม่ค้าเขียนว่าส ุขภาพแข็งแรงดี ผมไม่เห็นว่าเขาจะมีปัญหาเลย ผิดเห็น ๆ อย่างนี้ใครก็ทำใบขับขี่ได้  
ปล.ผมเพิ่งไปทำมาครับ จะเซ็นเองก็น่าเกียจ
จากคุณ: Beer_Chang โพสเมื่อวันที่: 07/30/08 เวลา 19:34:55
จังหวัดผมให้มอไซค์รับจ้างเอาบัตรประชาชนไปซื่อใบรับรองแพทย์ให้  90 บาทครับ  ไปซื้อเองไม่มีหมออยู่ตรวจ เซ็นต์เอาไว้แล้ว 40 บาทครับ
 
พี่ไทยนี่ยอดไหมครับ?
 
ยกเลิกไปเลยดีก่า ไอ้ใบรับรองเนี่ย
จากคุณ: DoctorWHO โพสเมื่อวันที่: 08/09/08 เวลา 23:35:07
ก่อนอื่นต้องพิจารณา2 กรณี
1. กรณีใบขับขี่ขับรถยนต์ /จักรยายยนต์ส่วนบุคคล
2. กรณีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
 
กรณีที่1 แพทย์ควรระดมความคิด จากผู้เชี่ยวชาญหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นจักษุแพทย์ แพทย์อายุรกรรม จิตแพทย์ เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกฎหมาย  +/-  เชิญตัวแทนจากกรมขนส่ง  แล้วจัดเป็นสัมนา ก่อนที่จะออกเป็นข้อบังคับแพทยสภา
 
กรณีที่2 ทางหน่วยงานที่ดูแลด้านอาชีวเวชศาสตร์ควรเข้ามามีบทบาทในการกำหนดด้วย เนื่องจากเป็นกรณีเกี่ยวข้องกับงานน่าจะมีข้อมูลทางด้านการป้องกันอุบัติเหต ุจากการทำงานในกลุ่มอาชีพนี้
 
 
ขอโทษทีที่ตอบช้าไป  Smiley
จากคุณ: River โพสเมื่อวันที่: 09/09/08 เวลา 22:08:32
เห็นด้วย
จากคุณ: Hideaki Takizawa โพสเมื่อวันที่: 10/12/08 เวลา 02:16:12
เห็นด้วยทุกประการครับ  Smiley
จากคุณ: โนบิตะ โพสเมื่อวันที่: 10/16/08 เวลา 22:28:11
Quote:
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นทักท้วงสักเล็กน้อบครับ  
 
เนื่องจาก รายละเอียดที่ให้กรอกเพิ่ม  
.. อาจจะ เป็นข้อจำกัดสิทธิของผู้ประสงค์ต่อใบอนุญาต  
.. หรือสมัครงาน  
 
จึงไม่ควรระบุในใบรับรองแพทย์ ให้เกิดข้อกังขาครับ  
 
เช่นขอใบรับรองแพทย์ไปสมัครงาน  
ถ้าหมอระบุว่า ความดันโลหิตสูงเล็กน้อย...  
.. อาจส่งผลให้นายจ้างเข้าใจคลาดเคลื่อน  
เป็นผลให้ผู้ขอฯ  เสียสิทธิที่จะได้งาน เกิดความไม่เป็นธรรม  
.. และฟ้องร้องแพทย์ได้ภายหลัง  
 
น้ำหนัก และส่วนสูง ก็เช่นเดียวกัน..  
ใช้ในโอกาสอื่น ไม่เป็นไร  
แต่ใช้ระบุ ในใบรับรองสิทธิ(ทำเอกสาร ใบอนุญาต สมัครงาน) ..  
ดูจะสร้างปัญหาได้มากกว่าที่จะเกิดประโยชน์ครับ  
 
ส่วนตัว คิดว่า ใบเก่า สร้างปัญหาให้แพทย์ น้อยกว่า  
 
ใบใหม่นี่ ระบุสิ่งที่กฎหมายไม่ได้กำหนดเป็นข้อห้าม ลงไปด้วย  
น่าจะสร้างปัญหา อาจจะเป็นการ จำกัดสิทธิ ของประชาชน โดยไม่ได้ตั้งใจครับ  
 
เช่น คนที่เคยผ่าตัดมา คนที่เคยป่วยหนักมา  
.. คนที่เคยอุบัติเหตุหนักๆมา  คนที่อ้วนกว่า ผอมกว่า เตี้ยกว่า
กฎหมายไม่ได้จำกัดสิทธิ  
แต่ใบรับรองแพทย์แบบนี้  
จะส่งผลต่อสิทธิที่พึงได้  
ไม่เท่าเทียมกับคนที่ประวัติดีกว่า
จากคุณ: โนบิตะ โพสเมื่อวันที่: 10/16/08 เวลา 22:34:39
Quote:
เขาไม่ได้ให้เรา ช่วยคัดคนที่แข็งแรง
แต่เขาให้เรา ช่วยคัดคนที่มีข้อห้าม ..
จากคุณ: 716:16 โพสเมื่อวันที่: 10/16/08 เวลา 23:17:49
on 10/16/08 เวลา 22:21:28, โนบิตะ wrote:
ขอความกรุณาช่วยทบทวนอีกครั้งนะครับ
ใช้แบบเก่า ก็ดีนะครับ  Grin Wink Cool

 
1.กรรมการภาคกฎหมาย ที่ไม่ใช่แพทย์ ทั้งอัยการ ทนาย นักกฎหมายมาประชุมและกำหนดให้เราครับ ไม่มีปัญหาเรื่องจำกัดสิทธิ แน่นอน  
 
จริงๆร่างแรกๆ จากมาตรฐาน นานาชาติยาวกว่านี้มาก ต้องเถียงกันนาน
ประชุมหลายครั้งตัดจนเหลือเท่านี้ครับ  
 
โดยให้ผู้ขอระบุข้อเท็จจริงให้แพทย์ทราบและเช่นเดียวกับการ apply ต่างๆ ในกรณีโรคที่สงวนสิทธิ เช่น aids ไม่มีลง เพราะกระทบสิทธิ
 
การผ่าตัดใหญ่นั้นมีผลกับการทำงานแน่ หน่วยราชการต่างๆ ต้องการมาเพื่อใช้ตัดสินใจครับ เช่นเดียวกับบริษัทประกันต่างๆ และฟอร์มของต่างชาติเป็นมากกว่านี้ครับ  
 
ถ้าคุณหมอไปต่างประเทศจะพบว่าวิธีการที่ให้หมอรับรองสุขภาพ ยาวเหยียด เพราะหมอไทยไม่ใช่หมอดู ดูแล้ว dx ทุกโรคได้นะครับ ต้องมีประวัติด้วย และเป็นโดยสมัครใจ
 
2.หากเจ้าตัวไม่ประสงค์ลงในรายการใด แพทย์เองก็ไม่ต้องรับผิดชอบส่วนนั้น  
 
3. vital sign  นน ส่วนสูง ใช้เทียบกับบัตรประชาชน และบอกได้ว่ามาตรวจจริง ไม่ได้ซื้อมา หรือปลอมมา เป็นตัวเช็คซ้ำครับ  
 
3. ท่านก็ทราบดีว่าใบรับรองเดิมนั้นแทบไม่สามารถบอกโรคอะไรได้เลย ในอนาคตแพทย์จะถูกฟ้องเรื่องรับรองว่าสมบูรณ์ ทั้งๆคนไข้มีโรคแน่นอนครับ เพราะไม่ได้ถาม (และคนไข้ก็ตอบว่า หมอไม่ถามเองนี่ ซึ่งจริงของเขา)  
 
ถ้าเกิดเรื่อง เช่นคุณหมอโนบิตะบอกว่าสมบูรณ์ ต้องรับผิดชอบเขาตามกฎหมายนะครับ  
นั่นคือที่กรรมการคิดกัน และนักกฎหมายเห็นด้วยว่า ไม่พบความผิดปกติที่เห็นได้ชัด ไม่ได้แปลว่าปกติ และสมบูรณ์ก็ไม่ได้แปลว่าปกติครับ
 
ยิ่งมีขายที่หน้าสถานศึกษา และขนส่ง 30-50 บาท ยิ่งเกิดปัญหามาก  
(กำลังจับกันอยู่ครับ)
 
4.ใบรับรองนี้ใช้ได้เลยครับ แต่ถ้าคุณฯหมออยากใช้แบบเดิมก็ยังใช้ได้ ไปถึงปีใหม่
หากแต่หลังจากนั้นบางแห่งอาจไม่ยอมรับได้ครับ  
เพราะเรื่องฟอร์มนี้จะแจ้งไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กพ. และหน่วยราชการอื่นๆตามกฎหมายครับ
 
5.การรับรองฟอร์มนี้จาก คณบดี คณะแพทย์ 16 แห่ง ราชวิทยาลัย ต่างๆ ปลัด สธ. อธิบดีกรมการแพทย์ กรมอนามัย เจ้ากรมแพทย์ 3 เหล่าทัพ และ อีกหลายหน่วยงานทางกฎหมาย รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข โดยชอบด้วยกฎหมาย  ใช้คนเป็นร้อยคนร่วมคิดปัญหาทุกมุมครับ  
 
คงต้องใช้ไปก่อน และดูปัญหา  
หากมีผลกระทบเช่นคุณหมอ โนบิตะว่ามา ก็จะต้องพิจารณาตั้งกรรมการพิจารณา และออกประกาศใหม่ต่อไปครับ  
เพราะไม่มีอะไรที่ดีครบทุกด้าน อันนี้ออกมาป้องกันคดี แพ่ง อาญา และผู้บริโภคครับ..
 
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ผมจะนำไปรวมเสนอ อาจารย์ผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งครับ
..
จากคุณ: โนบิตะ โพสเมื่อวันที่: 10/17/08 เวลา 08:37:46
Quote:
ขอบคุณครับ..  
 
ใบแพทย์เกี่ยวข้องกับ 4 ฝ่าย  
ผู้รับรอง .. ผู้ขอ .. ผู้รับ  .. ผู้กำกับดูแล  
 
ถ้าใบแพทย์ ยิ่งละเอียด ยิ่งรัดกุม  
.. ผู้รับรอง  ผู้รับ  และผู้กำกับดูแล ยิ่งทำงานง่าย  
แต่ผู้ขอ(ไม่ได้ร่วมออกแบบ)   ยิ่งจะยุ่งยาก ยิ่งสิ้นเปลือง ยิ่งเสียเปรียบ  
 
 
ส่วนคนที่จะทุจริต.. ยังไงมันก็ทุจริตได้วันยังค่ำ  
ควร ล่อซื้อ ปราบปราม ให้เข็ดหราบ  ..  
 
 
ขอบคุณครับ ที่รับฟัง  
จากคุณ: โนบิตะ โพสเมื่อวันที่: 10/17/08 เวลา 09:14:18
Quote:
1.กรรมการภาคกฎหมาย ที่ไม่ใช่แพทย์
 ทั้งอัยการ ทนาย นักกฎหมายมาประชุมและกำหนดให้เราครับ
..   .. บริษัทประกันต่างๆ และฟอร์มของต่างชาติเป็นมากกว่านี้  
จริงๆร่างแรกๆ จากมาตรฐาน นานาชาติยาวกว่านี้มาก

 
คงแล้วแต่ว่าจะเอาไปยื่นทำอะไรมังครับ ..  
ประเด็นของเรา น่าจะจำกัดอยู่แค่ใบแพทย์พื้นฐานๆ .กรอง..คร่าวๆ ..
.. เช่นที่ ส่วนใหญ่ ผู้ใช้แรงงานใช้สมัครงานกัน  
.. เช่นที่ นักเรียนต้องใช้สมัครเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไป
.. สมาชิกสระว่ายน้ำก็ใช้  บวชก็ใช้  สมาชิกชาปนกิจก็ใช้ ทำใบขับขี่ก็ใช้
(ใบแพทย์ เป็นคนละแบบกับ ผู้ที่จะไปเมืองนอก หรือไปสมัครเป็นนักบินแน่นอน)
 
Quote:
2.หากเจ้าตัวไม่ประสงค์ลงในรายการใด แพทย์เองก็ไม่ต้องรับผิดชอบส่วน

ผู้รับรองได้ประโยชน์
 
Quote:
3. vital sign  นน ส่วนสูง ใช้เทียบกับบัตรประชาชน และบอกได้ว่ามาตรวจจริง ไม่ได้ซื้อมา หรือปลอมมา เป็นตัวเช็คซ้ำครับ

.. นน ส่วนสูง ถ้าคนที่จะทุจริต ..กรอกกันเองก็ได้นา ..  
ทุจริต จับยาก  นอกจาก  ล่อซื้อ หรือมีวงจรปิดเก็บเสียง รูปหรือคลิ้ปไว้
 
Quote:
ใบรับรองเดิมนั้นแทบไม่สามารถบอกโรคอะไรได้เลย ในอนาคตแพทย์จะถูกฟ้องเรื่องรับรองว่าสมบูรณ์ ทั้งๆคนไข้มีโรคแน่นอน

จริงครับ แพทย์ไม่ควรรับรองว่าสมบูรณ์ครับ
ควรรับรองว่าตรวจเบื้องต้น ไม่พบความผิดปรกติ
แบบเก่าก็รับรองแบบนี้อยู่
 
Quote:
4.ใบรับรองนี้ใช้ได้เลยครับ แต่ถ้าคุณฯหมออยากใช้แบบเดิมก็ยังใช้ได้ ไปถึงปีใหม่  
หากแต่หลังจากนั้นบางแห่งอาจไม่ยอมรับได้ครับ  
เพราะเรื่องฟอร์มนี้จะแจ้งไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กพ. และหน่วยราชการอื่นๆตามกฎหมาย

จะให้ดี น่าจะแจ้งไปทุกหน่วยงาน ว่าใช้แบบฟอร์มใดก็ได้ ไปสักระยะหนึ่ง
เพราะบางหน่วยงานเพิ่งสั่งพิมพ์แบบเก่า จำนวนมากๆ
 
..
 
ไม่ได้ติดใจอะไรนะครับ .. discuss เล่นๆ  ไม่ serious    Grin Tongue Grin Grin
จากคุณ: แปะก้วย โพสเมื่อวันที่: 10/18/08 เวลา 03:25:26
ขอบคุณครับ ผมโหลดไปใช้แล้วนะครับ  Smiley
จากคุณ: BBQ โพสเมื่อวันที่: 10/23/08 เวลา 15:36:29
ขอWordingที่เป็นภาษาอังกฤษด้วยสิครับ
 
ขอบคุณครับ
จากคุณ: Beer_Chang โพสเมื่อวันที่: 10/23/08 เวลา 19:32:53
สำหรับผู้ขับขี่ยวดยานสาธารณะ ทั้ง 2 ล้อ หรือ 18 ล้อ
 
การผ่านการสอบโดย Simuletor จึงจะได้ใบอนุญาต เป็นเรื่องจำเป็นยิ่งยวด.....ขอบอก ( แต่ไม่มีใครฟัง)
 
ความรับผิดชอบต่อ(ต่อชีวิต)ผู้โดยสารตาดำๆ  เท่า นักบินนะครับ
 
ยังมีความรับผิดขอบต่อผู้ร่วมไช้ถนนอีก
 
ยังมีการทำตัวเป็นตัวอย่างแก่ผู้โดยสาร โดยเฉพาะเยาวชน  ยิ่งเป็นการลดปัญหาในการแก้ปัญหาในอนาคต แบบประหยัดที่สุด
 
ฝากกราบเรียน กรมการขนส่งฯ และ ส.ส.ส. ด้วยจ้า.........
จากคุณ: medicist โพสเมื่อวันที่: 11/09/08 เวลา 17:57:18
Grin
จากคุณ: AsylumSeeker โพสเมื่อวันที่: 11/11/08 เวลา 11:56:14
Grin Grin Grin Grin
จากคุณ: medicist โพสเมื่อวันที่: 11/15/08 เวลา 13:26:37
Grin Cheesy
จากคุณ: Kub_gnat โพสเมื่อวันที่: 11/29/08 เวลา 22:02:12
ถึงจะยังเรียนไม่จบเเต่ก็ เป็นข้อมูลที่ดีมากๆครับ
จากคุณ: dargon โพสเมื่อวันที่: 12/21/08 เวลา 16:58:02
เห็นด้วยคับทั่น Roll EyesBoxingBoxing
จากคุณ: kitty2521 โพสเมื่อวันที่: 12/24/08 เวลา 13:53:03
Roll Eyes
จากคุณ: toileto โพสเมื่อวันที่: 01/13/09 เวลา 14:56:13
จริงๆแล้วเรื่องใบรับรองแพทย์การออกใบอนุญาติขับขี่ยานพาหนะทุกอย่าง ไม่ใช่เรื่องของแพทย์ที่จะให้ความเห็นว่า คนคนนั้นสามารถขับขี่ได้ไม่ได้ แพทย์ควรทำแต่ว่าตรวจว่ามีโรคใดที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับขี่รถมากกว่าครับ  ส่วนการออกใบอนุญาติขับขี่เป็นอำนาจของกรมการขนส่งทางจราจรมากกว่านะครับ
     เห็นด้วยมั้ยครับ
จากคุณ: Dr_slum โพสเมื่อวันที่: 02/27/09 เวลา 10:56:11
test
จากคุณ: lene_marinet โพสเมื่อวันที่: 07/13/09 เวลา 14:47:52
ความเห็นต่างๆ ล้วนเป็นประโยชน์ และมีทั้งข้อถูกผิด
 
แต่ทว่า จะให้ตรวจมากมาย ถึงได้ใบรับรองแพทย์ มันจะไม่ไหวเอาทั้งเราๆ และ ท่านๆ (ค่าใช้จ่ายอีกอะ)
 
ป.ล. เมื่อไหร่เมืองไทย จะพัฒนาจิงจัง Shocked
จากคุณ: mamee โพสเมื่อวันที่: 08/13/09 เวลา 22:35:52
ดีใจครับที่มีการเปลี่ยนแปลง
 
แต่ก็อย่างที่ทราบ มันไม่ได้ชัดเจนลงไปว่าใช้สำหรับทำอะไรบ้าง
คือผมคิดว่าแต่ละที่ที่อยากให้แพทย์รับรองก็บอกมาเลยว่าจะให้รับรองอะไร ถ้าไม่แน่ใจคุณก็ส่งปรึกษาแพทย์สภาว่าจะระบุอย่างไร แล้วคุณก็ใช้แจกให้ผู้สมัครนำแบบฟอร์มนั้นมายื่นให้รพ.ตรวจดีกว่าน่ะครับ Grin


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by