หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   ICU : Interesting Creative Usergroup
   Post reply ( Re: "จากหมอถูกตบหน้าจนถึงหมอถูกจำคุก"          โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข   )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: นกแก้ว โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 10:11:27
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10874
 
"จากหมอถูกตบหน้าจนถึงหมอถูกจำคุก"
 
โดย พญ.ชัญวลี ศรีสุโข chanwaleesrisukho@hotmail.com
 
 
 
ต้นเดือนพฤศจิกายน 2550 ที่ จ.ปทุมธานี ญาติคนไข้ไม่พอใจการรักษาญาติที่ป่วยด้วยโรคชรา ได้ต่อว่าหมอว่า อาการคนไข้ไม่ดีขึ้นเลย สถานที่ก็แออัด ร้อนอบอ้าว หมอหญิงไม่ต่อล้อต่อเถียง ได้เดินหนี ญาติจึงเดินเข้ามากระชากคอเสื้อหมอ บีบคอ และตบซ้ำ (สำนักข่าวที-นิวส์)  
 
ต้นเดือนธันวาคม 2550 ศาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พิพากษาจำคุกแพทย์หญิงโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ หลังฉีดยาชาให้คนไข้เพื่อผ่าตัดไส้ติ่ง ศาลพิพากษาว่าแพทย์หญิงผิดจริงเพราะกระทำการโดยประมาท ตัดสินจำคุก 3 ปี (หนังสือพิมพ์ข่าวสด)
 
การถูกทำร้ายร่างกาย และการถูกตัดสินจำคุกเป็นการถูกสังคมลงโทษอย่างรุนแรง ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ ทั้งๆ ที่ไม่มีแพทย์คนไหนจงใจอยากให้คนไข้ไม่สุขสบาย ไม่หายจากโรคหรือเสียชีวิต จากปัญหา หรือความผิดพลาดต่างๆ
 
แพทย์ไม่ใช้สัพพัญญู การแพทย์ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่นอกเหนือกฎแห่งธรรมชาติ แม้ป้องกันเต็มที่ เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ก็อาจเกิดขึ้นและไม่เฉพาะการแพทย์ของเมืองไทย แต่เป็นการแพทย์ทั่วโลก
 
การรักษาคนไข้ไม่หาย การรักษาคนไข้ไม่เป็นไปดังความต้องการของคนไข้และญาติ การรักษาคนไข้แล้วคนไข้และญาติไม่พึงพอใจ การรักษาแล้วคนไข้ตาย ไม่ได้หมายความว่าแพทย์เป็นคนเลว คนทำผิดเสมอไป น้อยรายที่เกิดจากแพทย์มีสันดานชั่ว ละโมบ ไม่ระมัดระวัง ประมาท ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาของระบบ ที่เอื้อให้เกิดปัญหาตามมาด้วยการลงโทษแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น
 
นโยบายการเมือง ตั้งแต่ 30 บาทรักษาทุกโรค จนถึงรักษาฟรีทุกโรค ส่งผลให้จำนวนคนไข้เพิ่มมากขึ้น จนไม่เหมาะสมกับจำนวนผู้ให้บริการ การทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ส่งผลให้เกิดปัญหาและความผิดพลาดเพิ่มขึ้น
 
ความล้มเหลวของนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในด้าการผลิตและการกระจายกำลังทำให้ขา ดแคลนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ผู้ที่ออกปฏิบัติงานในชนบท ส่วนใหญ่เป็นผู้น้อย ด้อยทั้งความรู้และประสบการณ์
 
ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้งบประมาณทางด้านสาธารณสุขมีน้อย งบในการจัดซื้อเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยไม่เพียงพอ โรงพยาบาลหลายแห่ง อย่าว่าแต่งบประมาณปรับปรุงสถานที่เลย แม้แต่อุปกรณ์สำคัญในการช่วยรักษาชีวิตคนไข้ที่มีราคาแพง ก็ยังไม่อาจจัดหามาได้
 
ปัญหาการจัดสรรงบประมาณทางสาธารณสุข ตามรายหัวของประชาชนลงสู่โรงพยาบาลระดับต่างๆ ที่ยังไม่เป็นธรรม ทำให้หลายโรงพยาบาลต้องรัดเข็มขัด เพื่อความอยู่รอด
 
ปัญหาขาดแคลนแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในระบบราชการ เนื่องจากมีแรงจูงใจและความกดดันทำให้แพทย์ลาออกจากราชการ ทำให้โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปัจจุบันยังไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่แก้โดยการผลิตแพทย์เพิ่ม ซึ่งเกิดคำถามว่า ปริมาณที่เพิ่มนั้นมาพร้อมกับคุณภาพหรือไม่
 
ความไม่เท่าเทียมกันของความเจริญระหว่างเมืองกับชนบทและการขาดสวัสดิการที่จ ำเป็นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แพทย์ในชนบทขาดแคลน อย่าว่าแต่แพทย์เลย คนทั่วไปถ้าเป็นไปได้ก็อยากเลือกอยู่ในเมืองที่มีความเจริญ มีการศึกษาที่ดีให้ลูกหลาน
 
ปัญหาค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนไป อาชีพแพทย์ไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ฝากผีฝากไข้เชื่อถือได้ เท่าสมัยก่อน มีตัวอย่างของการฟ้องร้อง เอาผิดทางอาญา ทางแพ่ง มีคำแนะนำในการฟ้องร้องแพทญ์อย่างเป็นขั้นตอน มีเครือข่ายให้คำปรึกษา
 
ปัญหาความรู้ ความเข้าใจ การศึกษาของประชาชน ประชาชนบางคนถือว่าการดูแลรักษาโรคเป็นเรื่องของแพทย์ ไม่ดูแลสุขภาพพื้นฐานตนเอง ทำร้ายตนเอง โดยการดื่มเหล้า สุบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน ฯลฯ มาพบแพทย์เมื่ออาการหนักแล้ว บางคนไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจธรรมชาติของโรค มีอคติต่อแพทย์และการแพทย์
 
ปัญหารสื่อสาร บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนมีข้อด้อยในการสื่อสาร การแจ้งข่าวร้ายการปลอบโยน บ้างเห็นใจให้ความหวังคนไข้มากไป บ้างให้ความหวังน้อยไป
 
ปัญหาการขาดหน่วยงานที่เป็นกลาง (ที่ไม่ใช่ศาล) เพื่อไกล่เกลี่ยเมื่อมีปัญหาระหว่างคนไข้และแพทย์ ที่คนไข้เชื่อถือและพอใจ อันที่จริงมีหน่วยงานสำหรับร้องทุกข์เมื่อคนไข้และญาติเกิดปัญหามากมาย เช่น แพทยสภา กระทรวงสาธารณสุขจังหวัด กระทั่งหน่วยงานหรือโรงพยาบาลที่เกิดปัญหา รวมทั้งมาตรา 41 ที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เบื้องต้นจากความเสียหายทางการแพทย์ แต่บางส่วนไม่เป็นที่เชื่อถือ ไม่ทำให้คนไข้และญาติพอใจ
 
ความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดเดาได้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันเป็นสากล ว่ามีอัตราเสี่ยง เช่น แพ้ยาผลการรักษาที่ไม่เป็นไปตามคาด ภาวะแทรกซ้อนของโรค ฯลฯ
 
สรุป
 
การตบแพทย์และการจำคุกแพทย์เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เนื่องด้วยรากเหง้าของปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากสันดานของแพทย์ แต่เกิดจากปัญหาของบริบทโดยรวม ดังนั้น แม้แพทย์จะมุ่งมั่นทำงานเพียงใด เป็นคนดีในสังคมเพียงใด เหตุการณ์ที่ถูกสังคมลงโทษอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้นได้
 
แม้เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น แพทย์จำนวนมากยังมุ่งมั่นกับการทำงานปิดทองหลังพระอยู่ทั่วประเทศต่อไป แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบทางลบ บั่นทอนขวัญและกำลังใจแพทย์ทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากความหวาดหวั่น ยังมีผลต่อเวชปฏิบัติของแพทย์  
 
ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบคนไข้ที่ต้องอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของแพทย์ตามมาเป็น ลูกโซ่
 
หน้า 6
http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01act01181250&a mp;day=2007-12-18&sectionid=0130
จากคุณ: นกแก้ว โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 10:17:41
เมื่อวาน เข้า มติชน ไม่ได้ทั้งวัน  Huh
 
 
เมื่อวานมี 2 บทความ คือ บทความนี้และ ของ นพ. ประเวศ วะสี  ซึ่ง สมาชิกได้อ่านกันแล้ว  Roll Eyes
 
 
ด้วยความเชื่อมั่นว่า การให้ความรู้  จะสามารถขจัดความไม่รู้ อวิชชาได้  Smiley
 
 
การค่อยๆ สร้างเข้าใจที่ถูกต้อง แล้วค่อยๆ ขยายวงกว้างออกไป  แม้เพียงน้อยนิด  ดีกว่าไม่มีการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเลย   Roll Eyes
จากคุณ: sinbad โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 11:15:11
Undecided
จากคุณ: GImed2be โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 11:19:03
ดูในละครเกาหลีกะละครฝรั่งเห็นกระชากคอเสื้อ ชกหน้ากันมากมายเหมือนเรื่องปกติเลยอะค่ะ แต่ไม่เห็นถึงขั้นเข้าคุก
จากคุณ: preterm โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 11:33:53
เห็นด้วยทุกประการ
 
ทุกวันนี้ หมอทำงานด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง ดังที่กล่าวข้างบน Undecided Undecided Undecided Undecided
จากคุณ: Mr.LOVE -DEFENSIVE MED. BOARD โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 11:35:13
มาดูแลและปกป้องตัวเองกันเถิด...................
จากคุณ: Dr.STM โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 11:49:23
Angry Angry
จากคุณ: ^.^ Eagle คุง ^.^ โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 12:16:38
Embarassed Embarassed Embarassed Embarassed
จากคุณ: ~ FOF ~ โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 12:25:25
Cry Cry Cry
จากคุณ: Ingram_to_cute โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 12:40:40
ไม่รู้ว่าพวกที่อยู่บนหอคอยงาช้างจะได้อ่านกันป่าว
จากคุณ: Dr K โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 12:42:24
แล้ว พวกบ่าง อย่างเครือ กล้วย พวกนั้นหละ
มีวิธีจัดการ หรือ เปลี่ยนทัศนคติ เค้าหรือป่าว Angry
จากคุณ: gopause โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 12:44:43
ข้อจำกัดทางการแพทย์มันช่างทำให้คนทั่วไปเข้าใจยากเสียจริง
 
แถมโดนด่าว่าแก้ตัวอีก  เครียดเลย
จากคุณ: jeaะ โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 13:00:06
Quote:
ปัญหาค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนไป อาชีพแพทย์ไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ฝากผีฝากไข้เชื่อถือได้ เท่าสมัยก่อน

ปัญหานี้สาเหตุสำคัญ มองว่าไม่ใช่นโยบาย 30 บาท  
แต่เป็นการสร้างกระแสให้สังคม(ฐานคะแนนเสียง)รู้สึกว่าตัวเองเป็นเยี่ยงพลเม ืองชั้นหนึ่ง บุคคลากรแพทย์เป็นแค่พลเมืองชั้นสอง โขกสับได้  Sad
 
 
Quote:
มีตัวอย่างของการฟ้องร้อง เอาผิดทางอาญา ทางแพ่ง มีคำแนะนำในการฟ้องร้องแพทญ์อย่างเป็นขั้นตอน มีเครือข่ายให้คำปรึกษา[

ปัญหานี้สาเหตุสำคัญคือ การเปิดช่องให้มนุษย์แสดงความโลภ ความหลงผิด และความเห็นแก่ตัวได้ง่ายขึ้น  
เมื่อมีช่องทางให้ได้เปรียบได้ง่ายขึ้น แน่นอนย่อมมีมนุษย์ส่วนหนึ่งฉวยเอาไว้ ถ้าไม่ใช่ด้วยตัวผู้เสียหายเองโดยลำพัง ก็มักมาจากมือที่สาม  สี่  ห้า ......
ดังนั้น ถ้ามนุษย์คิดจะเอา  กรรมดี คำอธิบายดี relationship ที่ดี และอื่นๆที่ดี ก็อาจโดนบดบังหรือลืมหรือทำเป็นไม่เข้าใจได้ เพราะเขาจะเอา
จากคุณ: P.jearanumchoke โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 13:15:47
Wink
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 14:12:17
Lips Sealed
จากคุณ: anantom โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 14:17:10
Angry Angry ใครรู้บ้างคดีมากระชากคอเสื้อหมอ บีบคอ และตบซ้ำ ดำเนินการอย่างไร
หรืออโหสิเพราะใครบางคน Huh Huh Huhขอ
จากคุณ: Yoyo55 โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 15:04:20
เศร้าใจในระบบสาสุข Cry
 
ไม่เป็นไร..อีกไม่นานก็จะออกแล้ว Grin
จากคุณ: zepher โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 15:12:21
Angry Angry Angry
จากคุณ: PomP  I love  รักแห่งสยาม โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 15:26:51

 
ขอบคุณพี่ชัญวลีครับ Smiley
จากคุณ: meddy โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 16:26:39
พรุ่งนี้ใส่หมวกกันน็อคไปตรวจคนไข้ดีก่า  
 
เวลาโดนตบจะได้ไม่เจ็บมาก แล้วญาติคนไข้จะมาฟ้องเราไม๊เนี่ย ถ้าตบเราแล้วมือเค้าบาดเจ็บอะ
จากคุณ: e-doctor โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 17:08:43
Angry
จากคุณ: Dr.Tum.....ณ. สยาม โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 17:29:43
Wink Wink Wink
จากคุณ: dilemma123 โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 17:36:11
Grin
จากคุณ: เฝ้ามอง โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 18:00:33
 คนเราหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา การจะแก้ปัญหาก้ต้องแก้ที่สาเหตุ ถ้าแก้ไขที่ปลายเหตุปัญหาก็จะไม่มีวันหมดไป พูดบ่นไปวันๆก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ไม่พูดถึงคดีร่อนพิบูลย์ เคยสงสัยมั๊ยว่าสังคมนี้มันชักวุ่นวายผิดปกติในระยะ1-2ปีมานี้ อะไรที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดก็เกิด จากสังคมที่ฉลาดก็เกิดจตุคามขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว นับแต่นั้นมายิ่งหลังๆมานี้ยิ่งหนักข้อ หมอก็ถูกคนไข้ตบ  ตำรวจไประงับเหตุวิวาทยังถูกลุมกระทืบต้องหามเข้ารพ. ไปตามท้องถนนรู้สึกไหมว่าพวกคนชั่วๆมันกร่างกันน่าดู เวลาตรวจคนไข้เดี๋ยวนี้รู้สึกไหมว่าทำไมพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง อธิบายอะไรก็เข้าใจยาก แถมยังทำตัวเป็นนักเลงยังไงไม่รู้  ยิ่งคนขาดสติ ขาดปํญญามากเท่าไหร่ งานของเราก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้น  เกิดการฟ้องร้องได้ง่ายขึ้น เผลอๆอาจถูกตบเป็นรายต่อไป
 ในฐานะที่เป็นเหตุการณืในยุคสมัยของเรา เราควรจะรู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่ใช่แม้แต่คนร่วมยุคสมัยก็ไม่รู้ แต่นักประวัติศาสตร์ในอนาคตมาเที่ยวพูดเป็นคุ้งป็นแคว  ถ้าคุณรู้สาเหตุคุณก็จะเข้าใจเองแหละว่าทำไมสังคมทุกวันนี้มันถึงวุ่นวายวิป ริตขนาดนี้ จะมองเห็นทุกอย่างอย่างทะลุปรุโปร่ง  แต่ก่อนอื่นต้องดึงเอาสติปัญญาของตัวเองกลับมาก่อนดีมั๊ย เพราะคุณอาจเป็นเหยื่อเหมือนคนอื่นๆ การดึงสติก็ตามหลักสติปัฏฐาน4นั่นแหละ ดูอินทรีย์(กาย)ที่ไม่สงบ,ดูจิตที่ไม่สงบ กระเพื่อมหวั่นไหว,ดูเวทนา(ความรู้สึก)ที่เกิดขึ้นและต้องเชื่อมัน,และดูธรร ม(ความเป็นไปทั้งหลาย)ว่าผิดหรือถูก อย่าให้โลภ โกรธ หลง ครอบงำ แต่ในสายตาดิฉันปัญหาใหญ่ของคนในประเทศนี้ขณะนี้คือความหลง ไม่รู้จะหลงอะไรกันหนักหนา ขึ้นชื่อว่าความหลงไม่ว่าหลงอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น เพราะมันขาดสติ ขาดปัญญา
   ตอบคำถามนี้ให้ได้
  1.จตุคามเกิดขึ้นได้ยังไง--ในเมื่อสังคมไทยเป็นสังคมที่ภาพรวมเรียกว่ามีปัญ ญามาตลอด คนที่เล่นพระก็เป็นกลุ่มเล็กๆเท่านั้น ทำไมอยู่ดีๆสติปัญญาของคนในประเทศนี้ถึงหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆกัน  บ้าคลั่งอย่างไม่มีเหตุผล มันต้องมีสาเหตุ ถ้าไม่มีสาเหตุมันควรอาศัยเวลานานกว่านี้เป็นสิบๆหรือเป็นร้อยปี และสิ่งที่เป็นสาเหตุนั้นต้องมีอิทธิพลกับคนทั้งประเทศนี้ อะไรที่กดปัญญาของคนในประเทศนี้ลงพร้อมๆกัน
   2.คนชั่วๆโดยเฉพาะไอ้ที่อยู่บนรถหาเสียงมันกลับมาได้ยังไง ในเมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนกำหราบไปแล้ว อะไรที่ทำให้พวกมันกลับมาและเพราะคนชั่วเหิมเกริมนี่แหละหมอถึงถูกตบ ตำรวจถึงถูกกระทืบ เพราะคนดียังไงก็ไม่ทำเรื่องแบบนี้
 ถ้าคิดออกคุณก็จะรู้เองแหละ ว่าอะไรที่มันทำให้คนทุกวันนี้เป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้ คนชั่วเหิมเกริมถึงขนาดนี้ และเมื่อรู้แล้วลงมือแก้ซะ เพราะความเป็นไปของสังคมส่วนรวมเป็นเรื่องที่คนในสังคมช่วยกันทำ เมื่อจะแก้ก็ต้องช่วยกันแก้ ขอให้คิดออกนะ โชคดี
จากคุณ: dahome โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 19:25:55
ต่อไปจะตรวจและรักษาเฉพาะตามหน้าที่เท่านั้น ผ่าตัดให้น้อยที่สุด
จากคุณ: เฝ้ามอง โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 19:27:56
ทางแก้คือ  อย่าให้ใครมาชี้นำเราไปในทางผิดๆ อย่าเห็นว่าความหลงใหลเป็นเรื่องดี  เพราะเมื่อสติปัญญาหายไป สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายก็พร้อมจะเกิดขึ้น สังคมถึงมีสภาพอย่างทุกวันนี้ สิ่งที่ผิดจากหลักธรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็จงอย่าทำ เพราะมันจะชักนำให้คนอื่นทำตาม และหลงตามกันไป และเราต้องช่วยกันต่อสู้ เพราะเรา และคนดีๆทั้งหลายคือคนที่ต้องมารับเคราะห์
จากคุณ: T-REX โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 20:26:36
Lips Sealed
จากคุณ: Dormicum โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 22:15:26
Undecided Undecided Undecided
 
ดีใจใกล้ไปเรียนต่อรอ count down
จากคุณ: drbento โพสเมื่อวันที่: 12/19/07 เวลา 22:33:21
เห็นด้วยคับ  Wink
จากคุณ: Dr.R โพสเมื่อวันที่: 12/20/07 เวลา 11:47:24
Sad
จากคุณ: Karl von Clausewitz โพสเมื่อวันที่: 12/20/07 เวลา 13:55:36

 
Less Is More
 
ทำเป็นน้อย ย่อมปลอดภัยมาก
 
จากคุณ: วันนี้วันสุข รักฮานะเสมอจ๊ะ.. โพสเมื่อวันที่: 12/20/07 เวลา 17:21:24
on 12/19/07 เวลา 10:11:27, นกแก้ว wrote:

 
 ปัญหาค่านิยมของสังคมที่เปลี่ยนไป อาชีพแพทย์ไม่ได้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ฝากผีฝากไข้เชื่อถือได้ เท่าสมัยก่อน มีตัวอย่างของการฟ้องร้อง เอาผิดทางอาญา ทางแพ่ง มีคำแนะนำในการฟ้องร้องแพทญ์อย่างเป็นขั้นตอน  มีเครือข่ายให้คำปรึกษา
 
ปัญหาความรู้ ความเข้าใจ การศึกษาของประชาชน ประชาชนบางคนถือว่าการดูแลรักษาโรคเป็นเรื่องของแพทย์ ไม่ดูแลสุขภาพพื้นฐานตนเอง ทำร้ายตนเอง โดยการดื่มเหล้า สุบบุหรี่ เที่ยวกลางคืน ฯลฯ มาพบแพทย์เมื่ออาการหนักแล้ว บางคนไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจธรรมชาติของโรค มีอคติต่อแพทย์และการแพทย์
 
ปัญหารสื่อสาร บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนมีข้อด้อยในการสื่อสาร การแจ้งข่าวร้ายการปลอบโยน บ้างเห็นใจให้ความหวังคนไข้มากไป บ้างให้ความหวังน้อยไป
 
ปัญหาการขาดหน่วยงานที่เป็นกลาง (ที่ไม่ใช่ศาล) เพื่อไกล่เกลี่ยเมื่อมีปัญหาระหว่างคนไข้และแพทย์ ที่คนไข้เชื่อถือและพอใจ อันที่จริงมีหน่วยงานสำหรับร้องทุกข์เมื่อคนไข้และญาติเกิดปัญหามากมาย เช่น แพทยสภา กระทรวงสาธารณสุขจังหวัด กระทั่งหน่วยงานหรือโรงพยาบาลที่เกิดปัญหา รวมทั้งมาตรา 41 ที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เบื้องต้นจากความเสียหายทางการแพทย์ แต่บางส่วนไม่เป็นที่เชื่อถือ ไม่ทำให้คนไข้และญาติพอใจ
 
 

 
 

 
 
 
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...
 
ที่ระบายแดงด้านบน น่าจะเป็นเหตุให้ต้องจำคุกด้วยคับ..
 
 
 
on 12/18/07 เวลา 18:27:46, วันนี้วันสุข รักฮานะเสมอจ๊ะ.. wrote:
   
ผู้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์
จริง ๆ แล้ว..
ไม่ว่าใครก็ควรได้รับการช่วยเหลือแหละ..
แม้ว่าแพทย์จะไม่ผิดก็ตาม..  
เขาก็น่าสงสารอยู่ดีช่ายปะ ?
 
( ถ้าเขาเป็นคนดี รับฟังเหตุผล และไม่ใช้ defence mechanism โดยการโทษคนอื่น  แก้ไขความขัดแย้งในใจตนเองด้วยการโทษคนอื่น ไม่ฟังเหตุผล ฟ้องไว้ก่อนเผื่อได้ผลประโยชน์ หรือ anger  หรือ  ฯลฯ ต่าง ๆ นานา )
 
 
 
เพราะงั้น...
 
เครือข่ายที่ถูกต้อง
 
น่าจะเป็น
 
เครือข่าย " เพื่อการช่วยเหลือ " ผู้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์  
 
มากกว่า...
 
 
 
 
ไม่ใช่ " เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ "
ซึ่งชื่อของเครือข่ายทำให้รู้สึกว่า " การแพทย์เจตนาทำให้พวกเขาเสียหาย "
 
ซึ่งเครือข่ายจะกลายเป็นที่รวมตัวกันของผู้ไม่พอใจ
ในประสบการณ์การรักษาที่ผ่านๆ มา
( รวมทั้งอาจไม่พอใจกับโรคที่ตนเองเป็น ไม่พอใจที่รักษาไม่ได้อย่างใจ ไม่พอใจที่เป็นโรคที่รักษาไม่ได้แล้วหมอรักษาไม่หาย ไม่พอใจที่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เลี่ยงไม่ได้ขึ้น  ไม่พอใจที่แพทย์ไม่ให้ยาที่ตนอยากได้  ฯลฯลฯลฯลฯ  )
 
แล้วมารวม ๆ ตัวกันสร้างกระแสบางอย่าง ให้แรงยิ่ง ๆ ขึ้น...
ซึ่งอาจจะเป็นโทษต่อระบบสาสุขไทยมากกว่า [ และสุดท้ายก็จะเป็นผลเสียต่อประชาชนคนไทย ]    
เช่นทำให้เกิดการแพทย์แนว defence medicine เกิดขึ้น
 

 
 
แน่นอน...
ผู้เกิดภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่...
( ต่อให้ว่าความเสียหายไม่ได้เกิดจากแพทย์เลยก็ตามที )  
แต่เขาก็ย่อมต้องการคนเห็นใจ...  
ต้องการคนเข้าใจ...
ต้องการหมอดี ๆ สักคน...
เพื่อดูแลรักษาเขาต่อไป...
 
 
ฉะนั้น..
 
ให้เขาเหล่านั้นได้มีที่พึ่ง
โดย เครือข่าย"เพื่อการช่วยเหลือ"
ที่เกิดจากการรวมตัวกันของหมอ ทันตะ เภสัช พยาบาล นักกายภาพ นักจิต นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ  
และรวมถึงตัวคนไข้เองด้วย ( เพื่อนช่วยเพื่อน ย่อมเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกัน และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ได้เป็นอย่างดี )
 
ก็น่าจะดีกว่าไปเข้าเครือข่าย
ที่เกิดจากการรวมตัวกันของผู้ที่ไม่พอใจหรือมีความโกรธแค้นอยู่ในใจ  
หรือมีอคติผิด ๆ ต่าง ๆ นานา...  
ที่อาจจะเข้าใจการแพทย์บ้างไม่เข้าใจบ้าง หรือเข้าใจผิด ๆ บ้างก็ดี
 
 
ซึ่งจะยิ่งทำให้พวกเขามีแต่ unresolve anger หรือ unresolve grief  
ทำให้ชีวิตอยู่กับความทุกข์ไม่รู้จบรู้สิ้น...
 
 
ที่ผ่านมาผมเคยคิดแต่จะตั้ง เครือข่ายประมาณว่า " หมอช่วยหมอ " ( ประมาณนี้ )
 
แต่วันนี้... ผมว่า..
 
หมอเรา ( และสหสาขาวิชาชีพ ) น่าจะช่วยกันตั้ง  
 
" เครือข่ายเพื่อการช่วยเหลือผู้ได้รับภาวะแทรกซ้อนจากการแพทย์ "
 
กันดีกว่า...
 
 
ผมคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีให้คนไข้
และดีกว่าจะไปเข้า เครือข่ายประมาณว่า
" เพื่อการแก้แค้นหรือระบายความไม่พอใจใส่หมอ "  
หรือประมาณว่า
" เพื่อการดักซุ่มจับผิด และรอฟ้องเรียกเงินจากหมอ "  
ซะอีกนะ...
 
 Smiley  
 

 
 

 
on 12/19/07 เวลา 22:34:32, nong-pang wrote:
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ห้ามแพทยสภาและ กทสธ มายุ่งเกี่ยว และห้ามนักกฏหมายมาเกี่ยวข้อง  ตั้งเป็นองกรอิสระ ของบจากรัฐบาลแบบ สสส. มีประชาชนหลากหลายอาชีพเป็นกรรมการเชิญเครือข่ายมาร่วมกันแก้ปัญหา ทำงานขนานกับแพทยสภาโดยที่แพทยสภาทำหน้าที่ดูแลด้านมาตรฐานวิชาชีพไม่ต้องมา ยุ่งเรื่องการเสียหายทางการแพทย์  กรรมการมีแพทย์  พยาบาล เภสัช ทันตะ รังสี พ่อค้าประชาชน  ตำรวจทหารนักวิชาการ กรรมการสิทธิ  ตัวแทนเครือข่าย นักหนังสือพิมพิ์  สื่อสารมวลชน  พระ  โต๊ะอิหม่าม  ตัวแทนทุกศาสนา  ตัวแทนนิสิตนักศึกษา  เป็นต้น  โดยมีข้อแม้ห้าม แพทยสภา  กทสธ  มายุ่งเกี่ยว   ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้ทุกคนเริ่มเห็นชัดแล้วว่า  หมอไม่สามารถเอาชนะประชาชนได้ และประชาชนก็ขาดหมอไม่ได้เช่นกัน  สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ศิริมาศ - สุทธิพร  ความพ่ายแพ้เกิดแก่ประชาชนตาดำๆ  เพราะแพทย์จะต้องทำในสิ่งที่ปกป้องตนเองมากกว่าสิ่งอื่นใด  การที่หมอติดคุกเราก็เสียเงินภาษีไปโดยเปล่าประโยชน์ในการผลิตแพทย์แต่ละคน   ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ หมอต้องเห็นใจผู้เสียหาย และผ็เสียหายก็ต้องเข้าใจการทำงานของหมอซึ่งก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง มิใช่เทวดาที่ใหน  ก็ย่อมต้องมีผิดพลาดได้โดยไม่มีเจตนาแต่อย่างใด การแก้วิกฤตทางการแพทย์ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของหมอและประชาชนเท่านั้น

จากคุณ: Dr.Suntiparb_Chaiw โพสเมื่อวันที่: 12/20/07 เวลา 20:38:44
ตาม มาอ่านด้วย
จากคุณ: bigbird โพสเมื่อวันที่: 12/20/07 เวลา 23:43:56
SmileyMost of the doctors in the state healthcare unit in this country are doing best for their job. Some are with medical error but willing to exhibit an open and straight forward solution in between. It is because of the unfaithful intention and activities of the Thai Medical Council and it's allied healthcare personal that try playing game in forming a bias and misunderstanding in getting the fair and straight forward solution on-going. On the contrary the Thai Medical Council is making a mass misleading and misunderstanind among doctors in the state health office to become allied in controversy with the patient. In parallel and as a result this also hide away all the fraud and illegal procedures performed by the Thai Medical council years back
 
The Thai Medical Council with the conflict of interest on fraud procedure in handling complaints; which mostly are against the interest of individual member of the council as owner of counter part hospital in most every complaint filed at this office are the core of controversy of the on-going fight between the Thai patients and the Thai doctors community so far.
จากคุณ: ZtahC โพสเมื่อวันที่: 12/21/07 เวลา 12:03:26
on 19 ธ.ค. 2550 เวลา 22:34, nong-pang wrote:
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ห้ามแพทยสภาและ กทสธ มายุ่งเกี่ยว และห้ามนักกฏหมายมาเกี่ยวข้อง  ตั้งเป็นองกรอิสระ ของบจากรัฐบาลแบบ สสส. มีประชาชนหลากหลายอาชีพเป็นกรรมการเชิญเครือข่ายมาร่วมกันแก้ปัญหา ทำงานขนานกับแพทยสภาโดยที่แพทยสภาทำหน้าที่ดูแลด้านมาตรฐานวิชาชีพไม่ต้องมา  ยุ่งเรื่องการเสียหายทางการแพทย์  กรรมการมีแพทย์  พยาบาล เภสัช ทันตะ รังสี พ่อค้าประชาชน  ตำรวจทหารนักวิชาการ กรรมการสิทธิ  ตัวแทนเครือข่าย นักหนังสือพิมพิ์  สื่อสารมวลชน  พระ  โต๊ะอิหม่าม  ตัวแทนทุกศาสนา  ตัวแทนนิสิตนักศึกษา  เป็นต้น  โดยมีข้อแม้ห้าม แพทยสภา  กทสธ  มายุ่งเกี่ยว   ผมเชื่อว่า ณ เวลานี้ทุกคนเริ่มเห็นชัดแล้วว่า  หมอไม่สามารถเอาชนะประชาชนได้ และประชาชนก็ขาดหมอไม่ได้เช่นกัน  สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ศิริมาศ - สุทธิพร  ความพ่ายแพ้เกิดแก่ประชาชนตาดำๆ  เพราะแพทย์จะต้องทำในสิ่งที่ปกป้องตนเองมากกว่าสิ่งอื่นใด  การที่หมอติดคุกเราก็เสียเงินภาษีไปโดยเปล่าประโยชน์ในการผลิตแพทย์แต่ละคน   ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ หมอต้องเห็นใจผู้เสียหาย และผ็เสียหายก็ต้องเข้าใจการทำงานของหมอซึ่งก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง มิใช่เทวดาที่ใหน  ก็ย่อมต้องมีผิดพลาดได้โดยไม่มีเจตนาแต่อย่างใด การแก้วิกฤตทางการแพทย์ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของหมอและประชาชนเท่านั้น  
 
 
โดยหน้าที่แล้ว  แพทยสภา ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
แพทยสภามีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานวิชาชีพ และจริยธรรม
 
แต่ทำอย่างไรประชาชนถึงจะเข้าใจ และแพทยสภาจะประกาศให้ชัด ไม่แบ่งรับแบ่งสู้คลุมเครือ
เพื่อแก้ปัญหาการเสี้ยมจากเครือข่ายฯ ที่อัดแพทยสภาทุกวัน ก็ยังนิ่งเป็นกระสอบทราย
 
กระทรวงสาธารณสุขต้องเป็นแม่งานแก้เรื่องนี้ เพื่อนำทุกฝ่ายมารวมกันเพื่อแก้ปัญหา  ไม่ใช่ทำให้มาตีกัน
จากคุณ: Jutt_Star โพสเมื่อวันที่: 12/21/07 เวลา 17:10:08
เฮ้อ....... Undecided Cry Cry
จากคุณ: nat-nat โพสเมื่อวันที่: 12/21/07 เวลา 19:45:24
ต่อไปต้องใช้กฎหมายกับเงินในการแก้ปัญหา
เงิน:-
-ต้องใช้ทำประกัน
-ต้องใช้สำรองจ่ายเวลาถูกเรียกเงินและปรึกษาทนาย
-เวลาตกงาน(อาจโดนพักงานยาว โดยเฉพาะรพ.เอกชน)
 
กฎหมาย:-
-หมดสมัยแล้วที่จะใช้เครดิตความเป็นหมอ(หญ่ายยย)
-จรรยาแพทย์กับกฎหมายไม่ใช่อันเดียวกัน กระแสสังคมแรงกว่ามาก
-พยายามทำตามกฎหมาย เช่น
+ไม่เคยมีใครบอกให้คุณต้องตรวจผป.วันละ100+คน แบบขอไปที
+มีแต่คุณต้องทำงานตามเวลาราชการ เพราะจ่ายเงินเดือนตามเวลาทำงาน
+ถ้าคุณต้องเดา นั่นคุณกำลัง take risks อย่างร้ายแรง ศาลต้องการdocumentเท่านั้น
+ไม่มีใครสนใจคุณหรอกถ้าคุณต้องแก้ปัญหายากๆ(โดยเฉพาะ emergency case) ทำดีรอดตัวไป
+ฯลฯ
 Wink
จากคุณ: LMA โพสเมื่อวันที่: 12/22/07 เวลา 02:35:14
เศร้าใจจังค่ะ  ทุกวันนี้ไม่ได้รู้สึก "ยินดี" เลย  เวลาได้ข่าวญาติพี่น้องสอบติดแพทย์  รู้สึกเป็นห่วงอนาคตของเค้า  พอๆกับหวาดเสียวกับตัวเอง  อยากเลิกเป็นแพทย์แล้วเหมือนกัน    
 
แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรดี Smiley
จากคุณ: Nada_sou โพสเมื่อวันที่: 12/22/07 เวลา 14:28:12
ข้อคิดหนึ่งที่อยากเสนอ คือ ตอนนี้ก็เป็นคนไข้อยู่ แต่อยากให้หมอเข้าใจความรู้สึก ของคนไข้ที่สงสัยในอาการของตัวเอง ข้อเสียของคนที่เป็นหมอส่วนใหญ่ มักจะคิดถึงสิ่งที่ตัวเองสงสัยมากกว่าสิ่งที่เจ้าของร่างกายสงสัย ถ้าอธิบายจุดนั้นไปได้ ปัญหา น่าจะลดลง  ยกเว้นคนบางคนพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็คงต้องมีหน่วยงานของโรงพยาบาลที่คอยอธิบาย และให้คำแนะนำและต้องมีความรู้ในระดับหนึ่งด้วย  
การเอาใจใส่ตั้งคำถาม ซักประวัติ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเป็นหัวใจของการรักษาเพราะคนไข้ก็คงจะเล่าอาการที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมด คงไม่มีคนไข้อยากมีปัญหากับหมอหรอก ถึงมีความรู้แค่ไหนบางครั้งขาดจุดเล็กๆ ไปก็อาจทำให้พลาดเปลี่ยนการวินิจฉัยไปก็ได้  จริงๆ แล้วก็อยากเสนอ ให้มีการตั้งกองทุนที่คล้ายคลึงกับประกันสังคม คือประกันการรักษาพยาบาลในบุคคลที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างโดยให้เค้าร่วมออกเงิน อัตราค่าใช้จ่าย ก็คงต้องคิดกัน สวัสดิการอาจด้อยกว่าประกันสังคมก็ได้ แต่ให้คนที่พอมีรายได้ แต่ไม่ได้เป็นลูกจ้างที่มีสัญญาอะไรตามกฎหมายได้ดูแลตัวเอง ไม่จำเป็นต้องชดเชยรายได้ เมื่อตกงาน ไม่ต้องมีอนุญาต ลาคลอด ลาป่วย  แต่เมื่อเข้ารักษาพยาบาลตามสถานพยาบาลที่กำหนด ก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนประกันสังคม เราว่ายังมีคนที่อยู่ในกลุ่มนี้อีกมาก ที่เขาอาจจะยอมจ่ายเพื่อให้มีหลักประกันต่อการรักษา แทนที่จะเหมาให้สามสิบบาทรักษาทุกคน และถ้าต้องการใช้ยาที่นอกเหนือบัญชีก็ให้ร่วมจ่ายเพิ่ม ตัดสิทธิ์เมื่อขาดส่งเงินเข้ากองทุนกี่เดือนก็ว่าไป อย่างน้อยก็ได้กองทุนเพิ่มอีกหนึ่ง คิดว่าคนรวยๆ ก็คงไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น คงไม่มีใครอยากเข้าคิวมารักษาแบบนี้ หรอก ให้สำหรับคนที่รายได้ไม่สูงนัก แต่พอไม่มีสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม  ส่วน 30  บาทก็ไว้สำหรับคนที่ไม่มีจริงๆ  อาจจะคิดตื้นๆ แต่ก็ลองเสนอดู
จากคุณ: Dr.Freaks โพสเมื่อวันที่: 12/23/07 เวลา 14:16:05
เห็นด้วยมากครับกับบทความนี้
 
แต่จริงๆแล้วอยากทราบรายละเอียดแท้จริงถึงกรณีที่อ้างถึง มากกว่านี้นะครับ และคิดว่าผมคงจะไปค้นหารายละเอียดครับ
 
หมอก็เป็นคน ถ้าถูกตบหน้าโดยมูลเหตุแค่นั้นนี่ เป็นเรื่องสะเทือนใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายครับ ไม่ใช่เพียงหมออย่างเดียว
 
 
มีอาจารย์หมอบางท่านกล่าวว่า
"เวลาเป็นหมอแล้ว มักจะละเลย ลืมนึกไปว่าคนไข้เป็นคน ที่ย่อมมีเรื่องมีปัญหาอยากพูดอยากคุยมากเหมือนคนทั่วไป
แต่หมอด้วยความไม่มีเวลา ก็มักจะทำเหมือนคนไข้เป็นหลอดทดลอง ค้นหาแต่ผลการทดลอง วินิจฉัยและรักษาเพียงอย่างเดียว"
 
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับศิลปะของแต่ละบุคคลครับ
 
ทักษะแพทย์ที่สำคัญที่สุด อย่างหนึ่ง คือ"การสื่อสาร" ครับ
 
 
และเวลาโดนเรียกร้อง หรือฟ้องอย่างไรก็ตาม
สำคัญ ต้องเข้มแข็งครับ
แม้ว่าแพทย์จะมีความมั่นใจในตนเอง มีทิฐิสูงก็ตาม แต่ถ้าเปิดใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะดีขึ้นครับ ให้เข้าใจว่าผู้ป่วยจริงๆต้องการอะไร ทนายต้องการอะไร
 
 
 
สิ่งที่ทำให้แพทย์หนักใจ ส่วนใหญ่เกิดจากมือที่สาม หรือวิชาชีพ "ทนายความ" ครับ ไม่มีงานทำ ไม่มีความให้ว่า
เลยมีทนายหัวใสจำนวนมาก ร่วมมือกันมายุแยงผู้ป่วยให้ฟ้องเรียกเงิน อันนี้เชื่อว่าทุกท่านก็ทราบกันดีถึงวิธีการ กระบวนการ แก็งหน้าเดิม
 
 
สำหรับแพทย์ทุกท่านที่ติดตามการเมือง และนโยบายแก้ไขในส่วนนี้
รวมถึงการประชุมร่วมกันที่แพทยสภาในปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว
 
ผมเชื่อว่ารัฐบาลหน้า(อภิสิทธิ์) ถ้าจัดตั้งกองทุนในส่วนชดเชยให้ผู้ป่วย ผู้เสียหาย ได้ตามที่พูดจริงๆ ก็จะลดปัญหาไปได้เยอะครับ
พอผู้ป่วยได้รับเงินแล้ว แม้ทนายจะขอให้ฟ้องต่อ ผู้ป่วยก็คงสงสารหมอครับ
 
 
ปัญหาทั้งหมดนี้ น่าจะริเริ่ม เกิดจากรัฐบาลที่แล้วกับ นโยบาย30บาท ตายทุกโรค แท้ๆเลยครับ ส่งผลเสียต่อวงการทุกวงการไปเป็นระยะยาว10-20 ปีไม่จบสิ้นครับ
 
พอก่อนแค่นี้ละกันครับ ขอบคุณครับ
จากคุณ: sailormoon โพสเมื่อวันที่: 12/24/07 เวลา 23:29:37
ท้อแท้ หดหู่ สู้ตรวจต่อไป  Smiley
จากคุณ: softmail โพสเมื่อวันที่: 12/26/07 เวลา 11:01:09
 การคิดเปรียบเทียบ  
เห็นข่าวแล้วมาลองนั่งคิด เปรียบเทียบเพื่อให้เป็นการใกล้เคียงกัน  
1.ผู้หญิงคนหนึ่งเดินไปพบคนตกบ่อน้ำ เห็นเชือกอยู่ข้างบ่อจับโยนลงไปช่วยผู้ที่ตกอยู่ข้างล่างช่วยดึงให้ขึ้นมา ในขณะที่กำลังช่วยอยู่นั้นเชือกเจ้ากรรมดันขาดขึ้นมา ทำให้คนผู้ตกลงไปในบ่อน้ำนั้นเสียชีวิต แต่ไม่ยอมรับผิดว่าทำให้คนๆนั้นตาย เพราะว่าเชือกมันขาด
2.ชายคนหนึ่งอดหลับอดนอน ขับรถมาระหว่างทาง เกิดหลับในขึ้นมาชนคนข้างถนนตกลงไปในบ่อน้ำเสียชีวิต เดินเข้าไปถามดูและยอมรับว่าทำผิดไปเป็นคนทำเอง  
3.ชายอีกคนหนึ่งเห็นแฟนตนเองเดินมากับชายอื่น โมโหหยิบไม้ได้ไล่ตี จนตกบ่อน้ำเสียชีวิต มีคนมาพบแล้วยอมรับว่าทำผิดไปเป็นคนทำเอง
สรุปแล้ว ทั้ง 3 กรณี ก็มีผู้เสียชีวิตเหมือนกัน แต่จะควรจะเห็นใจหรือลงโทษใครดี
ระหว่าง ผู้หญิงคนหนึ่ง ชายคนหนึ่ง ชายอีกคนหนึ่ง  
เห็นข่าวแล้วมาลองนั่งคิด เปรียบเทียบเพื่อให้เป็นการใกล้เคียงกัน ระหว่าง หมอแพทย์หญิง นักร้องคนหนึ่ง อาจารย์ท่านหนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด
อยากให้สังคมมีการเห็นใจและเข้าใจกันมากกว่านี้
 
จากคุณ: U-MILK โพสเมื่อวันที่: 12/26/07 เวลา 18:45:51
Cry Cry Cry
จากคุณ: drnobeta โพสเมื่อวันที่: 12/27/07 เวลา 15:44:38
Lips Sealed
จากคุณ: Rursegy โพสเมื่อวันที่: 12/28/07 เวลา 12:23:06
ชวนให้หางานทำใหม่  Undecided
จากคุณ: marchantia โพสเมื่อวันที่: 12/29/07 เวลา 16:22:28
Happy New Year 2008
ขอให้เพื่อนแพทย์ทุกท่าน  
ได้พบแต่คนไข้ที่น่ารัก ตลอดทั้งปี
ด้วยรักและห่วงใย Grin
จากคุณ: penfold_bin407 โพสเมื่อวันที่: 12/30/07 เวลา 17:43:25
ไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องตนเอง
ต้องแจ้งความเอาผิดกับผู้ตบ ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของรัฐขณะปฏิบัติราชการ
หรือไม่ก็แต่งทนายความฟ้องร้องคดีเอง ผ่านเครือข่ายที่มีอยู่
ถึงเวลาต้องลุกขึ้นปกป้องตนเองครับ
จากคุณ: nat-nat โพสเมื่อวันที่: 12/30/07 เวลา 18:47:31
ต้องรวมตัวกันได้แล้ว
การที่เราไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น เท่ากับลอยแพตัวเอง
วิชาชีพของแพทย์ไม่ใช่อาชีพศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
เราต้องกำหนดมาตราฐานของเราเองให้ได้
จากคุณ: MadHippo โพสเมื่อวันที่: 12/31/07 เวลา 11:58:32
Happy new year 2008  Cheesy Cheesy Cheesy
  "strong ! strong! strong!"
จากคุณ: penfold_bin407 โพสเมื่อวันที่: 12/31/07 เวลา 23:52:34
สิ่งที่แพทย์จะต้องพิจารณาเสมอคือ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
สิทธิมนุษยชน และ ความเสมอภาคในการใช้สิทธิทางศาล
ไม่มีทางที่จะมีกฎหมายใด จำกัดสิทธิของบุคคล ด้วยเหตุผลทางอาชีพ
เพราะขัดรัฐธรรมนูญ
หากพิจารณารัฐธรรมนูญมาตรา๕๑ วรรค๑และวรรค๒ให้ดี  
นี่คือหัวใจของการให้บริการสาธารณสุขใน พ.ศ. นี้
" บุคคลย่อมมีสิทธิสเสมอกันในการรับบริการสาธารณสุขที่เหมาะสมและ
ได้มาตรฐาน" ขอเน้นคำว่า เหมาะสม และ มาตรฐาน
ต้องพิจารณา สองคำนี้ให้ดี (ใช้พิจารณญาณให้ดี)
ในวรรคสองจะเน้นคำว่า ต้องมีประสิทธิภาพด้วย
 
เมื่อพวกท่านรับร่างรัฐธรรมนูญนี้แล้ว  
ก็ต้องปฏิบัติตามครับ
จากคุณ: tutankhamun โพสเมื่อวันที่: 01/01/08 เวลา 04:03:39
...ในฐานะที่เป้นหมอดมยาคนนึงนะครับ..อยากบอกว่าตอนเรียนอ่ะอาจารย์ท่านก็บอ กว่าเรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดได้เสมอ..เพราะมันไม่มีอะไรบอกได้แน่นอนว่าเคสนี้จะเกิดหรือไม่เกิด..อาจารย์เคยเล่าให้ฟังในมืออาจารย์เองก็เคยเกิดเลยครับ
จากคุณ: nat-nat โพสเมื่อวันที่: 01/01/08 เวลา 17:34:35
.....
จากคุณ: nong-pang โพสเมื่อวันที่: 01/02/08 เวลา 07:16:12
Grin
จากคุณ: banana_number9 โพสเมื่อวันที่: 01/06/08 เวลา 14:23:31
Embarassed
จากคุณ: OK-OK โพสเมื่อวันที่: 01/11/08 เวลา 14:01:34
จะระวังตัวมากมากค่ะ
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 01/13/08 เวลา 11:16:13

 
มีบทความ ของ นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ในวารสาร medical pregress  ฉบับที่ ๑ เดือน มค. เรื่อง  
 
จุดบอด ของการต่อสู้ คดีอาญา ของแพทย์
 
อยากให้พวกเราลองไปหาอ่านกัน มีอะไรน่าสนใจเยอะเลยครับ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับ ประเด็นร้อน คดีหมอสุทธิพร จะได้พอรู้ว่า ทำไม ถึงแพ้คดี ในศาลชั้นต้น  ...  
 
แล้วก็เผื่อจำเป็น ต้องใช้ ถ้าถูกฟ้อง ( อ่านไว้ให้รู้ แต่หวังว่า คงไม่ต้องใช้ ) ...  
 
 
 
ปล.  
 
อยากให้แพทย์ทุกคนได้อ่าน  
 
"  กฏหมายกับการประกอบวิชาชีพเวชกรรม "  
 
 
 ของ คุณหมอ เมธี ด้วยนะครับ .. จริงๆ แล้ว น่าจะถือว่าเป็น หนังสือ ที่ต้องอ่าน สำหรับ แพทย์ที่ยังประกอบวิชาชีพอยู่ ทุกคนเลย ก็ว่าได้
จากคุณ: palwin โพสเมื่อวันที่: 01/18/08 เวลา 23:09:25
จะเรียนศัลย์ต่อหรือนิติต่อดีว่าตรู
 
โห่ยยย เซ็งเลย
จากคุณ: Dr.Freaks โพสเมื่อวันที่: 01/22/08 เวลา 20:51:27
รู้สึกเสียใจนะครับ ที่สมัยนี้
หมอต้องเรียนรู้กฎหมายกันมากขึ้น เพื่อป้องกันตนเอง
 
ตอนเรียนโรงเรียนแพทย์ ระบบการเรียนการสอนแพทย์ที่ dehumanize พวกเราอยู่แล้ว ที่ทำให้เราชินชากับผู้ป่วย มากขึ้นทุกวันๆ จนวันหนึ่งหลายคนลืมความรู้สึกสมัยได้ซักประวัติผู้ป่วยครั้งแรก
 
บัดนี้ยิ่งถูกซ้ำเติม เป็นระบบหลังการเรียนการสอนแพทย์
 
สังคมที่ถูก dehumanized ก็ทำให้หมอลำบากกันมากขึ้นนะครับ
จากคุณ: la-moon โพสเมื่อวันที่: 02/03/08 เวลา 22:12:50
Angry
จากคุณ: mabumxr โพสเมื่อวันที่: 02/03/08 เวลา 23:00:58
น่าเห็นใจค่ะ
 
สงสัยกว่าหมอจะได้รักษาคนไข้
อาจจะต้องมานั่ง lecture ญาติคนไข้ซัก 3 ชั่วโมงหละมั้งงง
จากคุณ: cmu06 โพสเมื่อวันที่: 02/04/08 เวลา 13:45:25
การนั่ง lecture ผู้ป่วยอย่างเดียว ก็อาจจะช่วยได้บ้างในการทำให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจ แต่การสื่อสารทางการแพทย์นั้น ต้องคำนึงถึงส่วนประกอบอื่นๆด้วยดังนี้
 
การสื่อสารในทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับอะ ไรบ้าง
 
1."สาร"ที่ต้องการจะสื่อ ต้องขัดเจน เข้าใจง่าย  
 2.ผู้ส่งสาร (แพทย์) มีการส่งสารที่ดีทั้งภาษากาย ภาษาพูด ภาษาเขียน มีท่าทีอบอุ่น เป็นมิตร และไม่ต้องเร่งรีบ
 3.ผู้รับสาร (ผู้ป่วยและครอบครัว) จะเข้าใจสาระของสารทีส่งมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความรู้ การศึกษา ผลประโยชน์ รวมทั้งอารมณ์ ความรู้สึก การยอมรับหรือการปฏิเสธความจริง หรือการ "เลือก"รับเฉพาะ "สาร"ที่ตนเองได้ประโยชน์เท่านั้น ถ้า "สาร" นั้นเป็นผลเสียแก่ตนและครอบครัวก็จะปฏิเสธ ไม่ยอมรับรู้ "สาร"นั้นตามสภาพความเป็นจริงตามสารนั้น แต่ผลักภาระให้เป็นความผิดของผู้ "ส่งสาร" หรืออาจจะเป็นผู้ "ตั้งใจบิดเบือน" สารนั้นเสียเองเพื่อปรธโยชน์ของตนและครอบครัว
 4.ผู้อื่นที่มีส่วนร่วมงาน เช่นพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่อื่นหรือแพทย์คนอื่น ที่ชอบออกความ "คิดเห็น" ของตนเอง โดยไม่รู้ความจริงหรือเหตุผลที่แท้จริงในกรณีนั้นๆ ก็อาจจะทำให้ "สาร" นั้นถูกบิดเบือนโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือโดยความตั้งใจที่จะ "โบ้ย" ความผิดให้คนอื่น
 5. "คนนอก" ที่เข้ามามีส่วน "วิพากษ์วิจารณ์สาร" เหล่านั้น ด้วยความเข้าใจผิดหรือต้องการบิดเบือน "สาร" นั้นๆ ด้วยอคติหรือผลประโยชน์ของฝ่ายตน
 6เวลาในการ "รับและส่งสาร"  ถ้าผู้ส่งสาร (แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์)
มีเวลาที่จะ "ส่งสาร" โดยไม่ต้องรีบร้อน และมีเวลาพูดหรือเขียน จนผู้ป่วย(ผู้ที่จะรับสาร) เข้าใจความจริงที่ไม่ถูกบิดเบือนจากทั้งผู้ส่งและผู้รับสารแล้ว ก็คงจะช่วยลดปัญหา "ความไม่เข้าใจ"ของผู้ป่วยได้มากขึ้น
จากคุณ: Hotman โพสเมื่อวันที่: 02/09/08 เวลา 12:21:30
เห็นด้วยทุกประการครับบ
จากคุณ: linus โพสเมื่อวันที่: 02/22/08 เวลา 18:52:43
Smiley Roll Eyes
จากคุณ: KILLLER โพสเมื่อวันที่: 02/25/08 เวลา 23:31:25
เหอะเอีออ... ทำไมมันไม่โทษ แพทยสภาว้ะ ที่ไม่ยอมเพิ่มปริมาณการผลิตแพทย์ให้เยอะมากขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้
 
สมัยก่อนมันไม่ยอมเพิ่มปริมาณแพทย์ ข้ออ้างคือกลัวกว่าแพทย์จะท่วมตลาด
 
เกิดการแย่งลูกค้าดัมพ์ราคาค่ารักษากัน...
 
พูดความจริงออกมาบ้างสิครับ ท่านหมอทั้งหลาย
 
ต้องด่าพวกอจ.หมออออ ทั้งหลายที่ไปนั่งกันหน้าสลอนในแพทยสภาโน่น
จากคุณ: pitlok โพสเมื่อวันที่: 02/29/08 เวลา 14:07:17
ผู้คนยกย่องแพทย์เป็นเทวดานางฟ้าที่ต้องสามารถทำให้ตนเองและญาติหาย
จากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ แต่ถ้าทำไม่ได้แพทย์ก็จะกลายเป็นซาตานที่จะต้อง
สำเร็จโทษอย่างน้อยติดคุกอย่างมากประหารชีวิต เพื่อเหตุผลให้เป็นเยี่ยง
อย่าง จะได้ไม่มีใครต้องเป็นเหมือนครอบครัวตนอีก  
ไม่มีใครคิดว่าแพทย์เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนตนเองเลย
จากคุณ: E-guana โพสเมื่อวันที่: 03/10/08 เวลา 13:29:23
Grin Grin เค้าเรียกว่าเป้านิ่ง  Cool Cool
จากคุณ: mootood โพสเมื่อวันที่: 03/17/08 เวลา 17:01:54
เห็นด้วยอย่างมากกับพี่หมอค่ะ ไม่มีแพทย์คนไหนที่รักษาคนไข้แล้วอยากให้ คนไข้เป็นอะไร แต่ แพทย์ไม่ใช่เทวดาทำได้ทุกอย่าง การลงโทษบางอย่างต่อแพทย์น่าจะดูให้แน่ชัดก่อน เพราะด้วยเจตนา ไม่มีแพทย์คนไหนจะมีเจตนาเป็นฆาตกรแน่นอน บางครั้งก็อยู่ในภาวะลำบากในการตัดสินใจ บางกรณี รอช้าก็ไม่ได้ เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยอีก แต่ถ้าตัดสินใจทำแล้ว เกิดปัญหวามไม่พร้อมล่ะ แพทย์ต้องรับผิดชอบทุกเรื่องใช่หรือไม่ มันเป็นเช่นนั้นหรือ
จากคุณ: Melody_of_life โพสเมื่อวันที่: 12/01/08 เวลา 08:29:10
Undecided Lips Sealed
จากคุณ: luzeus โพสเมื่อวันที่: 12/03/09 เวลา 17:07:34
คนไทย  Angry Undecided Lips Sealed
จากคุณ: tm_kkh โพสเมื่อวันที่: 06/12/10 เวลา 17:40:41
ขอให้ปลอดภัยครับ ทุกคคน


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by