หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   ICU : Interesting Creative Usergroup
   Post reply ( Re: ถ้าตัวคุณ(หมอ) HIV +ve จะทำอย่างไร )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/07/07 เวลา 21:12:58
เพื่อนๆหมอเคยคิดไหมครับ ว่าวันหนึ่งถ้าเรากลับมามีเชื้อ HIV เราจะสามารถทำงานหนักได้อย่างเดิมไหม แล้วเราจะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนไข้ได้หรือไม่ แล้วสุดท้าย เราควรจะเป็นหมอต่อไปหรือไม่
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/07/07 เวลา 22:06:14
26 มค. 49 เป็นวันแรกที่ผมรู้่ว่าผลเลือดผิดปกติ ซึ่งจริงจริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจอยากจะเจาะเลือดเท่าไร แค่เจาะไปตามหน้าที่ แต่พี่เฉาฝ่ายการพยาบาลบอกว่า หมอต้องไปเจาะให้ครบครบนะ หมอโดนเข็มตำมา พี่ต้องเขียนรายงานให้ผู้้้้้อำนวยการ มันทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าผมไม่ยอมไปเจาะเลือดคงทำให้พี่เฉาลำบาก
 
เช้าวันนี้ผมก็ไปเจาะเลือดเหมือน3ครั้้งก่อน ผมเดินไปที่่ห้องฉุกเฉิน เข้าไปหาพี่อาร์ทให้ช่วยเจาะเลือดให้ พี่อาร์ทป็นพยาบาลสาวสวยใจดีที่น่ารกมากคนนึง ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่อาร์ทมือเบาขนาดนี้ ผมแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย ทุกอย่างช่างเป้นไปอย่างเรียบร้อย ผมฝากเลือดไปส่งที่ห้องแล็ป เดินออกจากห้องฉุกเฉินอย่างสบายใจเพราะผมคงไม่ต้องมาเจาะเลือดอีก ครั้งนี้แหละ ครั้งสุดท้ายที่เราจะเจ็บตัว
 
 ผมกลับไปนั่งตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยนอก วันนี้เป็นวันที่คนไข้มากจริงจริง ที่นั่งรอก็เต็ม ทั้งคนไข้และญาติก็ยืนรอกันเกะกะไปหมด วันนี้ผมคงต้องรีบตรวจหน่อยแล้ว ไม่งั้นคนไข้คงจะรอแย่ซะก่อน แต่พอตรวจไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง คุณพรชัยโทรจากห้องแล็ปว่าอยากพบผม ถ้ามีเวลาขอให้รีบไปที่ห้องแล็ปด้วย ในตอนแรกผมคิดว่าเลือดคงไม่พอ ขอตรวจใหม่่ ซึ่งคุณพรชัยบอกว่าขอเจาะเลือดใหม่จริงจริง แต่เหตุผลกลับไม่ใช่ คุณพรชัยบอกว่าผลมันเป็น weakly positive อยากจะขอตรวจใหม่ด้วยวิธี ELISA โดยใช้น้ำยาตัวใหม่ หลังจากได้ยินคำขอ ผมก็รีบเดินไปที่โต๊ะเจาะเลือดอย่างรวดเร็วราวได้รับคำสั่งมา ท่วงท่าผมไม่มีความกังวลใจเลยซักนิด แต่ในใจนั้นกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนไม่มีอะไรอยู่รอบตัว ห้องเจาะเลือดที่คาคร่ำไปด้วยผู้คนกลับเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ซักคนเดียว ผมกลับมาคิดถึงคำพูดคุณพรชัยเมื่อกี๊ว่าประโยคที่พูดเมื่อครู่มันหมายถึงอะไ รกันแน่ มันน่าแปลกที่แพทย์ใช้ทุนปี3อย่างผมไม่เข้าใจคำว่า weakly positive แปลว่าอะไร ในวินาทีนั้นผมแปลว่ามันคือ false positive หมายความว่าคุณพรชัยคงตรวจผลเลือดผมผิด แล้วไม่มั่นใจเลยขอตรวจซ้ำด้วยน้ำยาที่ดีกว่าเก่าเพื่อจะได้ยืนยันผลให้ผม ผมเดินกลับหอพักคนเดียว แต่วันนี้มันเป็นตัวคนเ ดียวที่ไม่เหมือนทุกวัน ใจกับตัวมันไม่ได้มาด้วยกัน ขาว่าก้าวไป แต่ใจอยากเดินกลับไปถามอีกรอบว่าที่คุณพรชัยพูดมันแปลว่าอะไร ตกลงผม HIV positive หรือไม่ ผมเดินมาถึห้อง นั่งลงบนเตียง คิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดในชั่วครู่หลายสิบรอบ... ผมลืมกลับไปตรวจคนไข้ต่อ... ผมลืมไปroundเย็น... ผมไม่ได้รบโทรศัพท์ที่รพ.ตาม... ผมกำลังทำอะไรที่นี่!!!
 
นั่งอยู่เปล่าเปลี่ยว     วนเวียนว้าวุ่น ทบทวนความหลัง  ว่าเราเป็นอะไร
เรามาทำอะไรที่นี่ เป็นหมอแล้วดีตรงไหน  หากไม่เป็นแล้วเราจะทำอะไร   แต่ยังไงคงไม่่เป็นเอดส์ซะเอง
 
จากคุณ: Burawat T. โพสเมื่อวันที่: 07/07/07 เวลา 22:49:35
ชอบสอนไหมครับ อาจจะไปเป็นอาจารย์สอน pre clinic  
หรือชอบทำงานเช่นเป็น pathologist, radiologist  
หรือชอบบริหารเช่นเป็น ผอ
จากคุณ: raindrops โพสเมื่อวันที่: 07/07/07 เวลา 23:49:12
เป็น กำลังใจให้  ไม่รู้ จะพูดไร ให้ รุ้สึกดีกว่านี้ แล้ว ล่ะ ค่ะ  Embarassed
ขอให้ เพื่อน ผ่านสิ่ง เลวๆร้ายๆ ไปได้ นะ
จากคุณ: pimmala โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 00:15:26
คงลองนั่งทบทวนตัวเองอีกทีว่าจริงๆแล้วชีวิตเราอยากทำอะไรกันแน่  
 
ถ้าเป็นพิมเอง  คิดว่าคงอยู่กับอาชีพนี้ไปเรื่อยๆแต่คงไม่สามารถรับภาระหนักๆอย่างการตรวจ OPD วันละเป็นร้อยได้  เพราะไม่ดีต่อสุขภาพเรา ถ้าเราเกิดไม่สบายขึ้นมาก็เสี่ยงต่อคนไข้ด้วย
 
คงหาทางที่จะทำงานที่เบาลง  เชื่อว่าความรู้แพทย์เป็นวิชาชีพน่าจะหาทางได้ไม่ยากถ้าอยากจะทำต่อ  
 
แต่ก็คงต้องผ่านช่วงแรกที่ยังเป็น shock - denial stage ไปก่อน  
 
เป็นกำลังใจให้นะคะ  Smiley
 
ลองคิดซะว่าถึงไม่ HIV+ve เราอาจจะโดนรถชนตายวันพรุ่งนี้ก็ได้  
การได้รู้ว่าเรากำลังป่วยหรือกำลังจะตายอาจทำให้เราเตรียมใจรับสภาพได้ดีกว่ าก็ได้นะคะ  จริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่ความตายที่เรากลัวก็ได้ แต่เพราะเราเจอสภาพคนไข้ HIV ที่น่ากลัวกันมามากๆ ทำให้เรากังวลไปก่อนหรือเปล่าว่าเราจะทรมาน
 
อ้อ! ถ้าเป็นพิม ที่จะทำอีกอย่างคือ กลับไปอ่านหนังสือ AIDS diary อีกซักรอบหรือ 2 รอบ อย่างคนที่เข้าใจหมูแก้วมากขึ้น  Wink
จากคุณ: Mona โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 01:43:22
confirm แล้วหรอคะ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ Smiley
จากคุณ: kkcontrol โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 03:04:41
เป็นกำลังใจให้คับ
จากคุณ: life_is_beautiful โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 05:20:06
ขอให้เป็น false positive na ka
 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: mr.love โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 07:43:52
ขอให้เป็น true negative ไปเลยนะครับ
จากคุณ: SweetRocktor โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 09:07:42
ถ้าเป็น Sweet เอง
 
จะศึกษาข้อมูลทุกอย่างของโรคนี้
และทำยังไงก็ได้ที่จะหยุดวงจรระบาดโรคนี่ซะ
 
 
 
 
 
 
 
 
เป็นกำลังใจให้พี่เหมือนกันคะ
จากคุณ: 2-U โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 09:32:46
เป็นกำลังใจให้ครับ ถ้าให้แน่ใจต้อง comfirm test ก่อน นั่นเป็นแค่ screening เท่านั้น
จากคุณ: bigbangkup โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 09:38:05
เป็นกำลังใจให้อีกคนคับ
จากคุณ: makam โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 09:59:38
อืม ผลตรวจอาจจะพลาดกันได้ รอดูผลอีกทีนะ  เอาใจช่วย
 
ถ้าช่วงนี้ไม่สบายใจที่จะทำงานเพราะดูเหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล ้ว
 
ลาพักร้อนดีกว่า  กลับไปนอนพักที่บ้านสักวันสองวัน จะซึมจะเศร้ายังไงก็ปล่อยมันออกมาให้หมด  ทำใจรอดูผล
 
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 10:25:51

พี่เคยตรวจหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ทุกที ...  เข้าใจความรู้สึกของ น้อง bvm ว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร ... Lips Sealed
 
อยากให้กำลังใจกับน้อง อย่าพึ่งคิดไปไกลมากนัก ตอนนี้ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็บอกพี่ ๆ เพื่อน ๆ ว่าจะลดงาน หรือ จะพักงานไปเที่ยว กลับบ้าน ทำอะไรก็ได้ แต่อย่าให้ว่าง หางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำ หาเพื่อนที่ไว้ใจได้ พูดคุยปรึกษา ...
 
 
ขอให้น้องแคล้วคลาดปลอดภัย ...
จากคุณ: DSIC โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 10:58:01
มาเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ
ขอให้พระคุ้มครองให้เป็นlab error
และถึงแม้ว่าถ้าเกิดติดจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ  
เราก็ยังทำงานของเราต่อไปได้ แต่ต้องuniversal precautionและได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิดจากหมอID  
ซึ่งตอนนี้ยาดีๆก็พัฒนาไปมากด้วยครับ  
สู้ๆนะครับ
จากคุณ: MANTA_RAY โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 11:02:28
ตอนนี้ไม่รู้คืบหน้าไปแค่ไหน
.
.
.
แต่ถ้ามันมีจริงๆ..พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะครับ Embarassed
จากคุณ: CRV โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 11:27:04
เหตุเกิดตอน 26 มค. 49  แสดงว่าเจ้าของกระทู้น่าจะรู้ผลELISAแล้วนะครับถ้าผลบวกแล้วยังอดทนทำงานต่อ มาได้อีก 1 ปีนี่ถือว่าสุดยอดจริงๆแม้ช่วงแรกอาการของโรคนี้ไม่มีอะไร แต่ในแง่ของสภาพจิตใจ เราคงทำงานต่อไม่ไหวแน่ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้แล้วกันนะครับ
จากคุณ: Dr.Tum โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 11:30:40
Undecided  อิม weakly positive เคยเจอหลายคนอยู่  ตรวจviral loadไปเลยดีกว่าไหมครับ จะได้สบายใจ Wink
จากคุณ: pinkiebobo โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 12:45:59
ขอให้ผลออกมาปกตินะคะ
 
เคยโดนเข็มตำตอนปี 4 ตอนเจาะ dtx คนไข้ในเมด
แต่คนไข้ตรวจ anti-hiv negative ค่ะ
แต่ถึงจะ negative ก็ทำให้เรามี trauma ทางจิตใจมาก
หลังจากนั้นไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหัตการ
ที่ต้องเย็บหรืออะไรอีกเลย  
เกลียดศัลย์กับสูติมาก
 
เคยมีเพื่อนตอนเป็นนศพ. โดนหลายคน
ต้องกินยาก็มีแต่ก็รอดมาได้ มีพี่เล่าให้ฟังว่า
ยังไม่ได้เคยได้ยินว่าแพทย์ได้รับเชื้อจากโดนเข็มตำนะคะ
แต่มีพี่พยาบาลที่ราชบุรีโดนอะ
 
ยังไงขอให้เจ้าของกระทู้โชคดีนะคะ
จากคุณ: snow2006 โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 14:31:48
ทางกระทรวงสาธารณสุขน่าจะมีเงินทดแทนให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ได้รับการติ ดเชื้อเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการติดเชื้อต้องกังวลเรื่องเศรษฐกิจอีก เพราะพอทราบว่าติดเชื้อ ก็มีเรื่องให้กังวล ให้คิดเยอะอยู่แล้ว  ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนนี้จะเทียบไม่ได้เลยกับอนาคตที่หักเหไป  Cry  Cry
จากคุณ: neuroP โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 15:30:14
เราก็โดนหลายที แต่เราไม่กล้าตรวจ ปล่อยมันไป อยู่แบบสบายใจดีกว่า
จากคุณ: เกียดเป๋ง โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 17:26:16
มาให้กำลังใจคุณ bvm ครับ  
 
ถึงอย่างไรชิวิตก็ต้องดำเนินต่อไป จึงอยากให้เดินแบบนักสู้ครับ อาจจะไปทำงานวิจัย งานสอน หรืองานประชาสัมพันธ์รณรงค์ต่างๆ ต้องเดินหน้าสู้ต่อไปจะไม่อยูอย่างคนท้อแท้หรืออสงสารตัวเองให้มันนานเกินไป  เหมือนอย่างที่เคยเห็นคนไข้บางคนออกโทรทัศน์แล้วมีกำลังใจดี มีทัศนคติที่ดีในการดำเนินชีวิต
 
เป็นกำลังใจให้อย่างสุดซึ้งแม้ผมจะไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบเดียวกับคุณ  bvm ก็ตาม ผมเชื่อว่าคุณทำได้ครับ
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 17:51:56

 
Quote:
ทางกระทรวงสาธารณสุขน่าจะมีเงินทดแทนให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ได้รับการติ ดเชื้อเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่

 
ถ้าพิสูจน์ว่า เกิดจากการทำหน้าที่ ขณะปฏิบัติราชการ ก็จะมีเงินชดเชยให้ครับ ... ผมไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ แต่ว่า เป็นล้าน เหมือนกัน ....
จากคุณ: 2-U โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 18:01:18
เพื่อนแพทย์มี incidence positive เท่าไหร่ใครทราบบ้าง
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 18:24:44
ผมยังนั่่งสับสนอยู่บนเตียงคนเดียว ผมคิดอะไรไม่ออก แต่จริงจริงแล้วคงต้องบอกว่าไม่รู้ว่าควรเริ่มคิดจากตรงไหน ผมตัดสินใจปรึกษาเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม ผมเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างช้าๆ ตั้งแต่ว่าผมโดนเข็มตำนิ้วกลางมือซ้ายตั้งแต่ มิย 48 ตอนนั้นผมทำผ่าตัด appendectomy ให้กับคนไข้ผู้หญิง HIV infection อายุ 24 ปีซึ่งตอนนี้ไปทำงานที่ฟิลิปปินส์ ผลการเจาะเลือดครั้งแรกของผมนั้น HIV neg  ทางรพ.ก็มีguidelineในการตรวจเลือดซ้ำตอน 1เดือน ,3เดือน และ 6เดือน ผมกินยาเป็นสูตร 4ตัว กินครบ1เดือน ตรวจเลือดซ้ำที่ 1,3 เดือน ผลHIV ก็ยัง neg อยู ตอนนั้นผมคิดว่าผมคงรอดแล้วล่ะ เพราะคำบอกเล่าจากเพื่อนฝูงก็บอกว่า บางคนไม่กินยายังไม่เป็นเลย แล้วมึงจะเป็นได้ยังไง ผม consult พี่infectious ในรพ. เค้าก็บอกว่าตั้งแต่เค้าดูมาเค้ายังไม่เคยเจอ HIV positive จากโดนเข็มตำเลย่ ที่สำคัญที่สุดคือเลยwindow period ไปแล้วซึ่งผมคงสบายแล้วล่ะ
 
แต่บางสิ่งในชึวิตมันกลับไม่เหมือนในตำรา เราเดินไปตรงๆแต่เราก็หลุดจากเส้นทางได้ถ้าเราลืมดูว่าจริงจริงแล้วมันเป็นท างโค้ง ที่ในหนังสือเค้าบอกว่าถ้าเกิน 3เดือนจากการcontactเชื้อ แสดงว่าปลอดภัย แต่จริงจริงเค้าศึกษาใน normal population ไม่ใช่คนที่กิน ARV ครบ1เดือน จึงไม่่น่าแปลกใจที่ผลHIVจึง positive ที 6 ่เดิอน (เค้าถึงให้เจาะเลือดที่6เดือนไงล่ะ)
 
ผมคุยกับเพื่อนอยู่นาน สุดท้ายผมตัดสินใจที่จะไปหาที่เจาะเลือดในรพ.เอกชนเพื่อยืนยันผลการตรวจ ที่นั่นทำให้ผลได้รับคำตอบ คำตอบที่เป็นความจริง ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ความจริงที่ผมมี HIV
 
ผลการยืนยันสรุปว่าผมติดเชื้อจริง… ติดเชื้อจริงจริง…. ติดเชื้ือจริงจริงเหรอ….. ผมถามประโยคนี้กับตัวเองในทุกๆก้าวที่เดิน ผมเดินกลับมาถึงรถ ผมขับรถไม่ไหวแล้ว ตาผมมองไปข้างหน้าแต่กลับมองไม่เห็นแสงไฟมาจากที่ใด ผมสงสัยว่าทำไมต้องเป็นผม มีคนเป็นอย่างผมอีกหรือไม่  ผมทำผิดอะไรไว้สิ่งนี้จึงเกิดกับผม ผมควรจะโทษตัวเองที่เอาเข็มทิ่มนิ้วตัวเอง หรือว่าโทษพ่อแม่ทีผลักดันจนผมได้มาเรียนหมอ หรือว่าโทษกรรมเก่าที่คนเราชอบอ้างถึงแต่ไม่มีใครตอบได้ว่ามันคืออะไร  ผมนิ่งเงียบ เพื่อนผมพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะปลอบได้ยังไง………..ผลกลัวตายครับ……..ผมเพิ่งรู้สึกจริงจริงกับตัว ว่่าผมกลัว ถึงแม้เรารู้ว่าซักวันนึงเราตองตาย แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้ ผมเพิ่งอายุ 26 ผมยังไม่อยากตาย ผมกลัว PCP ผมไม่อยากเป็น Crypto meningitis ผมกลัวแม้แตเป็น PPE ...ผมกลัว
 
ความตายไม่ใช่เรื่องเล่นเล่นอย่างที่เราเคยเข้าใจซะแล้ว พวกเราอยู่กับความเจ็บป่วยมานาน  สิ่งที่เราทำกันอยู่ในปัจจุบันคือรักษาโรคแต่เพียงอย่างเดียว จนลืมไปแล้วว่าจริงจริงเรารักษาคน เราดูแต่เจ้าของร่างกายโดยที่เราลืมรักษาจิตใจที่ร่วมมาด้วย ผมย้อนคิดไปถึงอดีตที่ดูแลคนไข้ มีคนไข้จำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคที่อาจทำให้เสียชีวิต แต่เรากลับบอกพวกเขาสั้นๆว่า คุณป้าเป็นมะเร็งครับ คุณติดเชื้อ HIV ครับ มันพอแล้วหรือหรือเปล่า ผมไม่เคยเข้าใจความรู้สึกนี้มาก่อนจนกระทั่งวันที่เจอกับตัว การที่รู้ว่าเราต้องตายถึงแม้จะอีกนาน แต่มันก็ทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มันไม่มีความสุขสักนิด ทุกสิ่งรอบตัวที่เคยดูสวยงาม ตอนนี้มันไม่มีความหมาย ผมเดินผ่านมันไป ดูเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น
 
ผมตัดสินใจบอกแฟนผมเรื่องผลเลือด ผมไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้กับเค้าได้ ผมชอบเค้ามาก มากจนไม่สามารถเอาเค้าเข้ามาอยู่กับตัวผมได้อีก ผมเป็นแฟนกับเค้ามาเกือบสามปี เดือนหน้าก็จะป็นวันครบรอบสามปีพอดี ช่วงที่ผมไปใช้ทุนต่างจังหวัด ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ตอนนี้ใช้ทุนเกือบครบแล้วกลับต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ผมบอกกับเค้าว่า ผมขอโทษ ตอนนี้ผมไม่ได้มีทุกอย่างพร้อมเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ขาดไป่ไม่มีใครมาทำให้เป็นเหมือนเดิมได้้ ผมชอบโ…มาก แต่เราคงไ่ม่่สามารถใช้ชีวิตอยู่กันได้หรอก  ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่า ความรู้สึกของหมอกับคนไข้ที่ติดเชื้อ มันทำให้ผมรังเกียจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
 
เรื่องของโ…เป็นไปตามที่ผมวางแผนไว้ เธอโทรมาคุยกับผมนานนานครั้ง ห่างขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้บอกเลิกกันอย่างเป็นทางการทำให้ผมเข้าใจในการในการตะดสินใ จของเขา และก็ไม่เคยโกรธเขาแม้แต่ครั้งเดียว ความรู้สึกของผมต่อโ…ก็ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
 
 เปลี่ยนไปแล้ว  เปลี่ยนไป    
ความสดใส ไม่กลับมา
ความรัก กลับจากลา
เพราะเพียงว่า เราเปลี่ยนไป
จากคุณ: Bill-10 โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 19:07:48
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
 Cool
จากคุณ: Nothing โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 19:35:29
ขอร่วมเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ
 
คุณหมอ ต้องพยายามรักษาสุขภาพไว้ให้ดีด้วยนะครับ ความรู้ทางการแพทย์ในปัจจุบัน น่าจะสามารถทำให้ คุณหมอยังมีสุขภาพที่ดี ได้อีกหลายปี  
 
ไม่แน่ว่า อีก 5-10 ปีข้างหน้า วิทยาการรักษา HIV infection อาจจะก้าวไปไกลกว่านี้อีกมากๆ ก็เป็นได้นะครับ
 
พยายามทำในสิ่งที่ช่วยเสริมกำลังใจ เสริมความภาคภูมิใจในตนเอง
หลีกเลี่ยงการคิดคนเดียว ควรคุยกับเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง หรือผู้ร่วมงาน หากิจกรรมทำในยามว่าง จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน อาจจะลองศึกษาปฏิบัติธรรมเพื่อให้สามารถปล่อยวางเรื่องร้ายๆได้ดีขึ้น นะครับ
จากคุณ: jubjeab โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 19:37:10
Undecided Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry Cry
 
กระทู้นี้อ่านแล้วใจหายจริงๆ  
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องผ่าตัด ต้องสัมผัสเลือดทุกวัน
 
แล้วนี่ กระทรวง รัฐบาล รพ มีอะไรมาชดเชยให้หรือไม่
 
ถึงแม้ว่าจะเกิดจากความประมาทของแพทย์เอง
แต่ใครล่ะอยากให้มันเป็นอย่างนี้
ความประมาทในบางครั้งแทบจะเรียกได้ว่าสุดวิสัย
อาจารย์ที่ถูก นศพ.ทำเข็มโดนมือขณะคุมผ่าตัด
หรือเรซิเดน ที่ใช้มีดตัดเนื้อที่มีผังผืดเหนียวๆแล้วแฉลบมาโดนมือ
เย็บช่องคลอดที่ทั้งลึก ทั้งลื่น แคบ มองไม่ค่อยเห็น holderไม่ดี เข็มเบี่ยงไปเบี่ยงมา แล้วยังจำต้องใช้มือไปแหวกให้เห็นร่องแผล
หรือเย็บแผลแล้วเลือดกระเด็นเข้าตา ขนาดเป็นคนดูอยู่นอกๆฟิวด์ ยังเคยโดนมาแล้ว เวลาใหมมันสะบันเลือดกระเด็น
 
อย่างนี้ผมว่ามันเหลือวิสัย
 
ผมขอให้คุณเรียกร้องหรือฟ้องร้องค่าชดเชยจากรัฐบาล ให้เพียงพอกับชีวิตของคุณที่เหลืออยู่นะครับจ้างทนายดีๆ ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจ หากต้องการแรงหนุนผมพร้อมช่วยเป็นหนึ่งเสียงแน่นอน  
 
จากคุณ: ตรูไม่รู้ โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 19:47:16
เป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณเป็นหมอที่ดีมากค่ะ
จากคุณ: Dr.PS โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 20:56:43

 
...ขอให้เข้มแข็งและพร้อมรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนะครับ... Undecided Undecided
 
     ทุกเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้น เป็นบททดสอบสำหรับคนเข้มแข็งเสมอ...ขอเพียงเราเข้าใจ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้จิตใจของเราได้ทำใจ และสร้างสติให้พร้อมจะแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด...เราก็จะอยู ่กับความเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้...
 
     ...อย่าปฏิเสธว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น...ขอให้ยอมรับว่ามันเกิดขึ้น และตั้งสติรับมือกับมันให้ได้... Smiley Smiley
 
     เรื่องราวทางกายที่เกิดขึ้น...ถึงแม้ว่ามันจะรักษาไม่หาย แต่ปัจจุบัน การใช้ยาต้าน ก็ได้รับการยอมรับ และสามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ยาวนานหลายสิบปี...โดยไม่มี opportunistic infection ด้วยซ้ำ...ขอเพียงเรามีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีระเบียบวินัยในการทานยาให้ต่อเนื่อง...รักษาสุขภาพของเราให้เข้มแข็งที ่สุด ไม่ซ้ำเติมให้ร่างกายต้องอ่อนแอลงไปอีก...
     ...นั่นอาจจะทำให้เรามีชีวิตยืนยาวมากกว่าคนแข็งแรงที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทก ็ได้...
 
     เรื่องราวทางจิตใจที่เกิดขึ้น...คุณต้องมีความเข้มแข็ง และบอกตัวเองไว้เสมอว่า...
     ...คุณค่าของคุณ ไม่ได้ลดลงเพียงเพราะคุณติดโรคร้าย...
     คุณยังคงเป็นคนที่มีคุณค่า และมีประโยชน์สำหรับคนทุกคน...อย่างน้อย ก็สำหรับคนในครอบครัวคุณเอง...เพราะฉะนั้น คุณยังคงสร้างคุณค่าของตัวเองได้อยู่เรื่อย ๆ และสามารถจะทำให้ตัวคุณเองมีคุณค่ามากขึ้นได้...
     ...นั่นอาจจะทำให้คุณมีคุณค่ามากกว่าคนแข็งแรงที่เค้าไม่เคยคิดจะทำตัวเองให ้มีค่าเลยก็ได้...
 
     ...เป็นบททดสอบที่มีเพียงคนที่เข้มแข็ง และมีกำลังใจดีเท่านั้น...จึงจะผ่านไปได้...
 
     ...เป็นกำลังใจให้นะครับ... Smiley Smiley
จากคุณ: pinkiebobo โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 21:05:45
อ่านจบแล้ว
บอกไม่ถูกเลยค่ะ ว่ารู้สึกอย่างไร  
เสียใจแทนอย่างมาก
แต่อยากให้มีความหวังนะคะ
อย่าท้อ
 
เคยเข้าไปอ่าน webboard นี้ค่ะ
มีคนเป็นกำลังใจเยอะมาก กับคนติดเชื้อ
http://pha.narak.com/
ลองไปอ่านดูนะคะ ไม่รู้จะช่วยได้บ้างมั้ย
จากคุณ: anantom โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 21:28:00
เป็นกำลังใจให้ครับ
ผมมีคนไข้ hiv rx มานาน 20ปีแล้ว ทำงานมหาดไทย ออกท้องที่เกือบทุกวัน ตอนนี้ยังอยู่เป็นผู้บริหารของจังหวัดแล้ว ยังแข็งแรงดี  
ผู้ป่วย hiv ไม่ตายง่ายครับ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน อ่านหนังสือและเจาะเลือดทุก 3 เดือน กินยาเป็นช่วงๆ น้องสามารถทำงานด้านการแพทย์ได้ครับ อย่าท้อ โรคนี้ถ้ากินได้ นอนหลับ ร่างกายก็สู้ต่อได้ครับ
มีอะไรจะปรึกษา mail มาครับ สู้ๆครับ  what ever will be will be
anantachai@hotmail.com  Grin Grin Grin
จากคุณ: Dr.Little โพสเมื่อวันที่: 07/08/07 เวลา 23:54:35
ขอเอาใจช่วยอีกคนนะคะ
จากคุณ: CRV โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 00:05:43
เหมือนอย่างหลายๆคน อ่านจบแล้วไม่รู้ว่าจะพูดอะไร พูดได้คำเดียว "ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจครับ"
จากคุณ: Dr.716 โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 00:13:22
ขอให้คุณหมอหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนะครับ  
เนื่องจาก hiv ใน usa ไม่จัดเป็นโรค ลับที่ต้องปกปิดอีกแล้ว
สาเหตุเพราะการรักษาปัจจุบันทำให้  
ผู้ที่มี ผลเลือด+ นี้มีอายุยืนยาวกว่า 36 ปี  
โดยสามารถทำงานได้ตามปกติครับ ต่างกับผู้ที่เป็น CA เยอะมากครับ
เทคโนโลยีก้าวไกล แต่คุณหมอต้องติดตามและหารายละเอียด  
ปรึกษาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ และดูแลตนเองอย่างดีครับ
..
ความพยายามอย่างหนักในปัจจุบันในการศึกษาโรคนี้..
น่าจะส่งผลให้อีกไม่นานอาจมียารักษาให้หายขาด
เช่นโรค sysphilis ในอดีต ก็ได้นะครับ
..
คนไทยเองไม่เข้าใจโรคนี้ตามที่มันเป็นจริง  
หากแต่มองในแง่ลบด้านพฤติกรรมไว้ก่อน  
ค่านิยมที่ผิดพลาดนี้ทำให้ผู้ป่วยต้องรู้สึกทุกข์กับตัวโรคมากกว่าที่ควรจะเ ป็นครับ
..
อย่าปล่อยให้ความเศร้ามาทำลาย จิตใจอันดีงาม  
อนาคตข้างหน้า ความฝัน และความหวัง  
รวมถึงงานที่รับผิดชอบในสังคมของคุณหมอนะครับ
จงก้าวต่อไปครับ อย่างมั่นคง และเผชิญกับความจริงอย่างรอบคอบครับ
..
มีคนที่มีผลเลือด เช่นนี้อีกหลายแสนคนในประเทศครับ  
เป็นเหตุให้ประเทศเราต้องทำ CL ยา กลุ่มนี้ไงครับ..
คุณหมอเอาพลังที่รู้สึกสูญเสีย มาผลักดันสิ่งที่ดีๆให้กับสังคมได้นะครับ..
..
ความตาย ไม่น่ากลัวเท่ากับ..ความรู้สึกกลัวว่าจะต้องตายครับ..
อย่างไรเราทุกคนก็หลีกหนีความตายไม่พ้นครับ ช้าเร็ว ต่างกันเท่านั้นเอง
อย่ากังวลมากไปครับ..เป็นกำลังใจให้นะครับ..
จากคุณ: D_HRT โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 09:29:45
เป็นกำลังใจให้นะครับ...ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ สู้ๆ  Wink
จากคุณ: destiny โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 10:55:51
อ่านกะทู้นี้ก่อนนอน นอนไม่หลับเลยค่ะ รู้สึกหดหู่จนเก็บเอาไปฝันว่าคนใกล้ตัวติดเชื้อด้วย คุณDr.716เขียนได้ดีมากเลยค่ะ ลองอ่านซ้ำๆดู ได้ประโยชน์จริงๆเพราะนึกถึงแก้วไดอารี่ เค้าสามรถเอาโรคที่เค้าเป็นมาสร้างประโยชน์ให้สังคมได้มากมาย และตัวเค้าก็มีกำลังใจสู้ต่อไป มีคุณค่าในตัวเอง ภูมิใจในตัวเอง มีประโยชน์กว่าคนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นอะไรเสียอีก
ตัวเองก็เป็นอีกคนนึงที่กลัวโรคนี้และเคยโดนเลือดกระเด็นเข้าตาตอนตัดคอร์ดเ ด็กแรกเกิด แม่ไม่มีผลเลือด ตอนนั้นกลัวมาก เหมือนเป็นแผลในใจ จนตอนนี้มาทำงานที่ต้องสัมผัสกับCSF กับเลือดตลอดก็ยังกลัว เคยต้องรอผลตรวจเลือดHIVใจคอไม่ดีตลอด จนถึงตอนนี้ก็ยังกลัว แต่ควรปรับความเข้าใจใหม่เหมือนที่หลายคนบอก ว่าโรคนี้ก็เหมือนเบาหวาน จริงๆแล้วดีกว่าเบาหวานด้วยซ้ำ ขึ้นอยู่กับตัวเรา เข้มแข็งเข้าไว้นะคะ ชีวิตคนเราไม่รู้จะตายวันไหน เราทำแต่ละวันให้มีคุณค่าดีกว่านะคะ
  คุณหมอเป็นคนที่มีความสามารถในการเขียน ในการเล่าเรื่องนะคะ อ่านแล้วให้ความรู้สึกมาก น่าจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ เขียนรวบรวมให้คนอื่นได้อ่านด้วยนะคะ
อยากให้กะทู้นี้ออกสู่สาธารณชน จะได้รู้ว่าหมอทำงานหนัก มีความเสี่ยงสูงขนาดไหน เอาชีวิตตัวเองแลกกับชีวิตคนไข้ เรียกว่าตายในหน้าที่ ไม่ได้ต่างจากตำรวจชายแดนที่สู้กับโจรใต้หรอกค่ะ แต่ว่าตายแล้วมีใครมาเหลียวแลมั๊ย ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งรึปล่าว มีใครสักกี่คนที่จะรู้จะเข้าใจในการทำงานของหมอ หรือมีแต่จ้องจะฟ้องร้อง [color=Blue][/color] อยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่รูและช่วยเหลือคุณหมอในจุดนี้ และหมอทุกๆท่านที่มีความเสี่ยงทุกคน ไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนกับตัวเองมั่งค่ะ
จากคุณ: :-> โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 11:02:28
ผมก็เคยถูกเข็มตำครับ
 
เข้าใจอารมณย์ครับ
 
เป็นกำลังใจให้
 
 
แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดีครับ
 
พระเจ้าอวยพรครับ
จากคุณ: conan_22 โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 11:28:55
Cry Cry
สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคือบททดสอบเรา
ในการสั่งสมบารมี.........อดทนนะคะ
เราจะคอยเป็นกำลังใจให้ Embarassed
จากคุณ: penny... โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 12:01:29

 
 
“Those who bring sunshine into the lives of others, cannot keep it from themselves.”
 
         
 ~~   James Matthew Barrie  ~~~(1860-1937)

 
 
ขอคุณพระ และความดีทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้ คุ้มครองคุณหมอตลอดไป  _/\_
 
 
จากคุณ: a fish โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 12:34:51
คิดในแง่ดีนะ ทำให้เราได้ทบทวนจุดหมายของชีวิตก่อนหลายๆคนที่ไม่ค่อยได้คิด  
ไม่มีใครที่มีทุกอย่างครบบริบูรณ์  ชีวิตที่มีโรคอะไรสักอย่างก็มีค่าเท่าๆกะคนอื่นๆเหมือนกัน  มีศักดิ์ศรีเท่ากัน  ให้กำลังใจตัวเองนะ ยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่เราทำได้
ขอพระเจ้าอวยพรให้น้องพบคำตอบชีวิต
จากคุณ: sashimi โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 12:50:17
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
 
ขอให้เข้มแข็งนะครับ
 
ทุกคนในนี้เป็นกำลังใจให้นะครับ Smiley
จากคุณ: หมอหนุ่ม โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 13:25:13
ผมก็เคยถูกเข็มตำครับ
เคยถูกน้ำไขสันหลังคนไข้ cryptomening หกรด
ถูกเลือดกระเด็นเข้าตา
 
ถึงวันนี้จะยังไม่พบเชื้อ
 
วันหน้าก็อาจเป็นได้
 
คนเราถึงไม่เป็น HIV ก็อาจตายด้วยโรคอื่นซึ่งมาเร็วแล้วก็ไปเร็วกว่า
 
แพทย์มีความเสี่ยงอื่นอีกมากครับ ทั้ว CA และ Accidents  
เพื่อนแพทย์ที่ผมรู้จักบางคน จากไปเร็วกว่า กะทันหัน กว่าคนไข้ HIV เสียอีก
 
อย่าคิดว่าเป็น HIV แล้วทุกอย่างจะจบลงเลยครับ เรายังมีเวลาอีกมาก   และมากกว่าคนอื่นอีกหลายคนที่ขณะนี้ยังมีสุขภาพดีด้วยซ้ำ
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 22:51:20
วันรุ่งขึ้น ผมเริ่มรู้ตัวเองว่าผมไม่สามารถ แบกปัญหาที่ใหญ่ขนาดนี้บนบ่าตัวเองได้ ผมโทรไปหาพี่เนศ่ (เป็นพี่medที่ดูแลบุคลากรในรพ.ที่โดนเข็มตำ) พี่เนศเค้าตกใจมาก เค้าถามถ้าพอมีเวลาไปหาเค้าที่บ้านตอนเที่ยงหรือไม่ พี่เนศอยากคุยกับผมเป็นการส่วนตัว ในวินาทีนั้นผมตื่นเต้นมาก ผมอยากให้พี่เค้าบอกว่าผมเข้าใจผิด บอกว่าผลการตรวจผิดพลาด หรือบอกว่าใช้น้ำยาผิด หรืออะไรก็ได้ ผมไม้รู้ว่าผมจะยืนบนขาคู่เดิมได้อีกนานแค่ไหน ผมไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ผมเหนื่อยจริงจริง
 
เมื่อถึงเวลาเที่ยง ผมก็รีบไปพบพีเนศ ตามที่นัด บ้านพักของพี่เค้าอยู่ในรพ. มีหมาพุดเดิ้ลคอยให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี พี่ชวนผมให้นั่งรอที่โซฟา ผมรู้สึกเหมือนผ่อนคลาย พี่เค้าจึงขอให้ผมเล่าอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ผมค่อยๆเล่า ค่อยๆเรียบเรียงเรื่องทุกอย่่างให้พี่เค้าฟัง พี่เนศมีทีท่าตั้งใจมาก แต่ไม่ได้ทำหน้าตกใจหรือตื่นเต้นมากเกินไปนัก หลังจากผมเล่่าจบ ผมรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ของผมไม่เสียเที่ยวเลยจริงจริง พี่เค้าเป็นทั้งหมอและเป็นทั้งพี่ที่มีแต่ความห่วงใย และความปรารถนาดีมากมาย  ผมรู้สึกได้  ผมรู้สึกได้ว่ามันมีรัศมีออกมาจากตัวเค้าจริงจริง ในชีวิตนี้ผมเคยได้สัมผัสแบบน้้มาจากพ่อแม่เท่านั้น และยังไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่เป็นห่วงเราถึงเพียงนี้ เรื่องของผลตรวจนั้นพี่เค้าอยากให้ทำ lab confirm ก่อน เพราะว่าELISA เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในการวินิจฉัยได้  ส่วนเรื่องเพื่อนและคนรู้จักอย่าเพิ่งบอก และอย่าเพิ่งบอกพ่อแม่เพราะว่าผลยังไม่แน่ชัดเดี๋ยวท่านจะตกใจ
 
ผมทำตามที่พี่เค้าบอกทุกอย่าง ผมรูสึกดีขึ้นเมื่อรู้ว่ามีคนที่มีสติมายืนอยู่ข้างๆผม ผมเดินไปเจาะเลือดเป็นครั้งที่สาม แต่คราวนี้ต่างจากครั้งอื่น เพราะผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และทำเพื่ออะไร ผมoffเวรของทั้งอาทิตย์ตามที่พี่เนศสั่ง เดินกลับไปที่ห้องพัก นอน และทำใจให้สบายเพื่อรอผลตรวจซึ่งพี่่เค้าจะโทรมาบอกเองว่าผลเป็นอย่างไร
 
ผมยังคงนอนอยู่ที่เตียง นอนนิ่งอยู่นาน แต่ในใจผมไม่มีหยุดคิดซักวินาทีเดียว ประมาณบ่ายสาม ผมลุกขึ้นมานั่ง หยิบโทรศัพท์โทรไปหาเพื่อนของผมว่าผมควรทำยังไงดี ผมอยากโทรไปหาพี่เนศว่าผลเป็นอย่างไร แต่ไมากล้าเพราะกลัวว่าพี่เค้าจะยุ่งอยู่ เพื่อนผมบอกว่าให้รอไปก่อน พี่เค้าบอกแล้วว่าจะโทรบอกเอง ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ใจเย็นรออีกหน่อย ผมนั่งรอ นอนรออยู่นาน จะโทรปรึกษาใครก็ไม่ได้ ผมรู้สึกตัวคนเดียว ผมมองออกไปนอกห้อง ผู้คนที่เรารู้จักมากมายเดินผ่าน….ไม่มีใครคุยได้เลยจริงจริงหรือนี่…ไม่มีเ ลยจริงจริง
 
เมื่อถึงเวลาเย็น พระอาทิตย์เริ่มหรี่แสงลง ผมรู้สึกเหมือนว่าความหวังผมกำลังจางหายไป ผมเหนื่อย ผมถอนหายใจ เอาวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด พี่เนศโทรมาพอดี พี่บอกว่ารอที่ห้องประชุม พี่อยากคุยด้วย ผมเดินลงจากห้องอย่างช้าช้า กลัวกับสิ่งที่กำลังจะเผชิญ ผมไม่แ่นใจว่าผมจะรับไหวรึเปล่าถ้าพี่เค้าบอกผมว่าผมติดเชื้อ คงไม่มั้ง ชีวิตคนเราต้องมีหวัง ผมเดินไป กลัวๆกล้าๆ แต่ใจมันบอกให้เดินไปเพราะมันอยากรู้ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม พี่เนศอยู่กับพี่ปกซึ่งเป็นพี่psychiที่รพ. เค้าถามผมถึงสภาพทั่วไปของผมวันนี้ ผมไม่อยากตอบแล้วละ ผมอยากรู้เรื่องผลเลือดมากกว่า  “ผลมันเป็นpositiveนะ”  พี่เนศบอก หลังจากนั้นพี่เค้าพูดอะไรต่อก็ไม่รู้ ผมหูอื้อไปหมดแล้ว ผมเพียงแต่พยักหน้าเมื่อพี่เค้าพูดจบประโยค คำตัดสินมันมาแล้วล่ะ ผมบอกกับตัวเอง พี่เค้าบอกว่าเค้ารู้ผลตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่ไม่ได้บอกเพราะว่าพี่ไม่สามารถปลีกเวลามาบอกได้ ซึ่งจริงจริงเพื่อนผมก็รู้้ตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่พี่เนศสั่งห้ามบอก้เพราะกลัวบอกไม่ถูกวิธี
 
เรื่องของผมเอง ผมต้องรู้เป็นคนสุดท้ายเหรอ ผมถ่ามตัวเอง ผมเสียใจที่เพื่อนสนิทของผมหลอกผมว่าไม่รู้เรื่อง โลกนี้ให้อะไรกับผมบ้างที่ทำงานหนักและได้เงินเดือนมา 10000 บาท ผมเข้าใจตัวเองว่าผมฉลาดที่เอ็นทรานส์ติดหมอ แต่จริงจริงผมว่าผมโง่มากกว่าที่คิดเรียนหมอ ชีวิตหมอไม่ได้สวยหรูเหมือนที่วาดไว่ซะแล้ว พวกคนภายนอกที่อยากให้ลูกมาเรียนหมอจะรู้มั้ยว่ามีผมคนนี้ที่อาจจะตายเพราะม าเป็นหมอ ค่ายอยากเป้นหมอของโรงเรียนแพทย์เคยพูดหรือไม่ว่าคุณมาเรียนหมอก็เหมือนไปเท ี่ยวผู้หญิง เพราะไม่ว่าคุณจะใส่ถุงมือหรือถุงยางก็ยังติดเอดส์ได้ ผมโกรธตัว้เอง ผมโกรธเพื่อน ผมโกรธทุกคน โกรธสถาบัน ผมพาลแล้วล่ะ ผมเพิ่งรู้สีกว่าผมพาลแล้วล่ะ ผมนั่งลงเก้าอี้ในห้องนอนของผม แต่ครั้งนี้ผมร้องไห้ ผมจำไม่ได้เลยว่าผมร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร ผมเป็นคนใจแข็งมาก เพื่อนผมมักชอบว่าผมว่าเป็นคนไม่มีหัวใจ เพราะไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรผมก็ยังนั่งเฉย เหมือนกับไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนี้ผมรับไม่ไหวแล้วล่ะ ผมร้องไห้โฮอย่างสุดตัว ร้องอย่างสุดเสียงโดยไม่อายใคร ผมมองไปในกระจก ผมเพิ่งเคยเห็นน้ำตาตัวเองครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้แต่จำความได้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตผมจะมีวันนี้  
 
อยากจะร้องให้สุดเสียง
หวังแค่เพียงเปลี่ยนเป็นฝัน
แต่ก็รู้ว่าไม่มีวัน
เพราะว่าฝันไม่เคยทำให้เจ็บลงไปลีกสุดในหัวใจ
จากคุณ: Burawat T. โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 23:08:54
ยังคอยติดตามอ่านอยู่ตลอดนะครับ
จากคุณ: mee_dee โพสเมื่อวันที่: 07/09/07 เวลา 23:45:46
อยากให้กำลังใจค่ะ ตอนนี้มันเป็นเรื่องที่หนักมากจนเราไม่อยากจะแบกรับต่อไปได้ ทุกอย่างในชีวิตดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไร ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วก็เถอะค่ะ แต่เวลาและสติมันจะช่วยเราค่ะ อยากให้เป็นกำลังใจให้ตัวเองจะโกรธ จะเศร้าเสียใจมากมันก็ธรรมดา แต่ชีวิตเรายังต้องอยู่ต่อต่อสู้อย่างเข้มแข็งนะคะ ยังงัยก็อยากให้หาเพื่อนสนิทเอาไว้ระบายนะคะ เราเองก็มีญาติเป็นHIV เหมือนกันขนาดเขาไม่ใช่หมอ แต่เค้ายังรักษาตัวกินยาตรวจcd4 viral load มาตลอด17ปีแล้วยังไม่มีแทรกซ้อนอะไรเลย สุขภาพแข็งแรงมาก อยากให้ศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้เยอะๆค่ะ รักษาตัวเองดีๆ อนาคตยังอีกยาวไกลไม่แน่อาจจะมีทางรักษาหายก็ได้ค่ะ อยากให้ลองอ่านที่เค้าแนะนำนะคะ น่าจะได้กำลังใจ มีรุ่นพี่ เพื่อนที่เป็นหมอเนี่ยขับรถอุบัติเหตุ ตายทันทีเนี่ยน่าแย่กว่าอีกนะคะ ยังมีคนอีกหลายคนที่เค้าแย่กว่าเราอีกเยอะค่ะ อยากให้สู้ๆนะคะ รักตัวเองเยอะๆนะคะ
จากคุณ: penny... โพสเมื่อวันที่: 07/10/07 เวลา 07:37:31

 
 
 
ขอมาช่วยเป็นกำลังใจด้วยนะคะ

 
 
 
 
***   อยากให้เป็นกระทู้ปักหมุดจัง    
 
จากคุณ: destiny โพสเมื่อวันที่: 07/10/07 เวลา 10:26:37
มาติดตามอ่านชีวิตคุณหมอว่าเป็นยังไงต่อไป จนถึงตอนนี้ เพราะเหตุเกิดเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ตอนนี้คุณหมอน่าจะพ้นช่วงdenileแล้วใช่มั๊ยคะ น่าจะดีขึ้นจนสามารถมาเล่าเรื่องย้อนหลังให้ฟังได้ อยากให้เป็นกะทู้ปักหมุดจริงๆค่ะ
จากคุณ: Theo โพสเมื่อวันที่: 07/10/07 เวลา 14:31:27
ขอให้กำลังใจด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกบอกไม่ถูกเลย ทั้งเสียใจ ทั้งใจหายไปด้วยที่ต้องเป็นกับแพทย์คนหนึ่งที่ชีวิตแพทย์เพิ่งเริ่มต้น และทั้งกลัวไปด้วยจากที่แต่ก่อนไม่เคยกลัวเวลาที่ทำหัตถการ  Cry Cry
จากคุณ: Mona โพสเมื่อวันที่: 07/10/07 เวลา 14:35:23
อ่านแล้วร้องไห้เลยค่ะ Cry
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/10/07 เวลา 21:42:11

เวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ แต่ผมก็ยังทำใจไม่ได้ ตอนนี้เพื่อนผมประมาณ 6 คนที่ใช้ทุนที่เดียวกันรู้หมดแล้วล่ะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ถึงผมไม่ได้บอกด้วยปาก แต่จากสีหน้าผมทุกคนคงรู้ว่าเกิดสิ่งร้ายแรงกับผมเป็นแน่ ผมขอให้เพื่อสนิทผมเล่าให้กับเพื่อนบางคนที่อยู่ด้วยกัน เพื่อนๆผมทุกคนดีกับผมมาก ให้กำลังใจผมอย่างดี มันทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยๆก็ยังมีเพื่อนเป็นห่วงเราอยู่
 
ผมขับรถออกไปจากรพ.ที่ผมอยู่ประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อไปยังห้องแล็ปแห่งหนึงที่ต่างอำเภอตามคำแนะนำของพี่เนศ มันลักษณะเหมือนคลีนิดที่อยู่ในซอยลึกพอควร ผมเข้าไปก้บเพื่อ พบผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ซึ่งพบคาดว่าคงเป็นเจ้าของ ผมบอกเค้าว่ามาเจาะ CD4 และ viral load พี่เค้าทำสีหน้าตกใจไปชั่วครู่ แต่ก็พูดคุยกับผมอย่างดี สิ่งนี้ยังคงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นนักเทคนิคการแพทย์ หรือ แพทย์ จริงจริงแล้วคุณค่าของอาชีพอย่างพวกเรา มันอยู่ที่จรรยาบรรณ มากกว่าระดับความรู้ มากกว่าภาพลักษณ์ภายนอก และมากกว่าเงินทองที่เราประเมินจากสิ่งที่เราสัมผัสได้เสียอีก
 
ผลเลือดผมออกมาแล้ว CD4 455, 20% และ viral load 610, log 2.79 ถึงตอนนี้ผมหมดสิทธิ์ deny แล้วครับ ผมมีเพื่อนใหม่มาอยู่กับผมตั้ง610 ตัวต่อเลือด 1cc ชีวิตตอนนี้ผมต้องเปลี่ยนไปอย่างถาวรแล้ว ผมต้องระวังเลือดของตัวเองไม่ให้ไปโดนอื่น เรื่องแฟนคงหมดโอกาส คงไมมีใครคิดจะมีแฟนเป็นคนติดเชื้อหรอกใช่มั้ยครับ
 
ถึงวันนี้ผมมองย้อนไปในวันที่เกิดเหตุ 6 เดือนก่อน้ผลเลือดจะผิดปกติ วันนั้นผมง่วงมาก ผมหลับไปและโดนตามมาทำ appendix ตอนเที่ยงคืน ซึ่งยังไงก็คงต้องทำเพราะเป็นหน้าที่  แต่สุดท้ายผมก็ทำเข็มทิ่มตัวเอง…..ตกลงใครผิด…ผมทบทวนเรื่องนี้อยู่หลายครั้ ง ผมผิดหรืือเปล่าที่ประมาทเลินเล่อ แต่ผมทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยก็เหนื่อย และต้องอยู่เวรต่ออีก ถ้าชีวิตผมเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องมีซักวันที่ต้องโดนเข็มทิ่มแน่แน่
หรือว่าผมควรจะโกรธคนไข้ ถ้าเขาไม่ติดเชิ้อ เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ยังไงก็คงไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ผมคงไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้
 
ถึงตอนนี้ผมไม่ได้โกรธใครเลย เพราะผมถามตัวเองว่าถ้าผมย้อนกลับไปวันนั้น ผมจะยังผ่า appendix ในคนไข้ติดเชื้ออีกหรือไม่ คำตอบก็คือผ่า เพราะถ้าไม่รักษาเค้า แล้วใครจะไปรักษาเค้า เราเกิดมาเป็นที่พึ่งของคนหมู่มาก ถึงแม้เราจะได้เงินตอบแทน(ในบางครั้ง) แต่สิ่งที่เราทำลงไปแลกมาได้ด้วยชีวิตของคนไข้ ผมมองว่ามันน่าจะคุ้มนะ ถึงแม้ว่ามันจะแลกมาด้วยอนาคตของผมเอง
 
ผมเคยได้ยินเรื่องค่าตอบแทนถ้าเกิดบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อที่เกิดจากการ ทำงาน ประมาณ 1-2 ล้านบาท ซึ่งในกรณีของผม มีผลเลือดของรพ.ที่ปกติแล้วเปลี่ยนมาเป็นติดเชื้อ อย่างน้อยน้อยผมก็ได้มาเป็นค่ายาในอนาคตเพราะคงมีวันนึงที่ CD4ต่ำกว่า 200 ผมถามเรื่องนี้กับพี่เนศ พี่เค้าบอกว่าเค้าก็ไม่รู้ เพราะว่าไม่เคยเจอเรื่องนี้มาก่อน ผมกับพี่เนศจึงขึ้นไปปรึกษากับผู้อำนวยการ ท่านแสดงความเห็นอกเห็นใจผมเป็นอย่างมาก และก็ยินดีจะช่วยดำเนินการให้ แตมันอาจไม่ง่ายอย่างที่ผมคิด ท่านแนะนำว่าให้ลองคิดดีดี เพราะการจ่ายเงินของระบบราชการล่าช้าและซ้ำซ้อนมาก ชื่อของผมจะต้องโดนเสนอไปถึงกระทรวง เงินเป็นล้านราชการคงไม่ยอมให้คุณง่ายๆหรอก และน่าจะมีการสอบด้วย ถึงตอนนั้นจะมีคนจำนวนมหาศาลรับรู้ว่าผมติดเชื้อ ผมทำใจได้หรือ้เปล่า ถ้าเพื่อนผมรู้ว่าผมติดเชื้อ จะมีกี่คนที่คิดว่าผมติดเชื้อจากการทำงาน ถ้าอาจารย์รู้ ผมจะได้มีโอกาสเรียนต่อหรือไม่ แต่ที่แน่แน่ถ้าคนไข้รู้ ไม่มีทางที่พวกเค้าจะมาตรวจกับเราเป็นแน่
 
คำตอบก็คือ ไม่ ผมทำใจไม่ได้ ผมลองกลับมาคิดดู เงินล้านน่ะผมใช้เวลาเท่าไรในการหามาด้วยตัวเอง ถ้าวันนี้ผมลาออก ไปทำงานรพ.เอกชน แค่อยู่คลินิกประกันสังคม ภายในปีเดียวผมก็หาได้แล้ว มันจะคุ้มหรือที่ผมขายข้อมูลตัวเองซึ่งเงินที่ได้มาเป็นเงินที่ผมหาได้ใน 1 ปีเทียบกับชิวิตที่เหลืออยู่อีกหลายสิบปี คิดยังไงก็ไม่คุ้ม  
 
ผมรู้สึกชีวิตผมมันน่าตลก คนเค้าว่าคนที่มาเรียนหมอเป็นคนที่เรียนเก่งอันดับต้นต้นของประเทศ แต่สุดท้าย หมอกลับเป็นอาชีพขาดคุณภาพชีวิตอย่างมาก ทำงานก็หนัก ชีวิตของพวกเราเมื่ออยู่ในสายงานรัฐบาลก็มีแค่พอกิน ไม่ได้อยู่สบายเหมือนกับคนอื่นเค้า พอเกิดเรื่องเราก็ไม่มีโอกาสได้อะไรเลย…งั้นเหรอ  
 
หากรักสบายซักนิด
นึกคิดทำขี้เกียจ
ถึงตอนนี้คงไม่เครียด
ที่กระเดียดมาเป็นหมอ
 
เวลาย้อนกลับไม่ได้
สิี่งที่เปลี่ยนไม่รั้งรอ
หากยังนั่งเพียงวอนขอ
ก็ไม่รูต้องรออีกเท่าใด
 
ชีวิตในวันนี้
โทษใครดีที่เปลี่ยนไป
เพราะเราหรือเพราะใคร
หรือเพราะไซร้ที่เกิดมา
 
ทุกคนมีความทุกข์
แต่ถ้าลุกมารักษา
อย่ายอมแพ้กับชะตา
เพราะว่าข้าคือคนจริง
จากคุณ: penny... โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 08:16:43

 
Quote:
เพราะว่าข้าคือคนจริง

 
 

 
 
Cool ขอเป็นกำลังใจให้คนจริงค่ะ    Smiley
 

 
 
จากคุณ: cavaiining โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 11:04:52
ก่อนหน้านี้  หนูแทบจะต้องดรอบเรียนแล้ว  เพียงเพราะ  ได้รับภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงคนเดียวไม่ไหว  วันนี้หนูอ่านเรื่องของพี่  หนูละอายใจอย่างบอกไม่ถูก  ยังมีคนที่ปวดร้าวกว่าเรามากมายขนาดนี้  แต่เค้ายังยืนอยู่ได้เลย  แล้วหนูหล่ะ  ประโยชน์อะไรในสังคมก็ยังแทบไม่เคยแตะ  ยังมีหน้ามาอ้อนวอนขอกำลังใจอีก    หนูอยากคุยกับพี่มากค่ะ  ยังไงพี่ช่วยติดต่อหาหนูหน่อยนะค่ะ  พี่  bvm  จะทางเมลล์หรือทางโทรศัพท์ก็ได้  พอดีหนูเรียนทางด้านสื่อ  แล้วหนูคิดว่า  โลกนี้ควรจะได้รับรู้บ้างว่า  หมอที่มีแต่ความเสียสละ  สุดท้ายแล้วกลับเป็นคนที่ต้องทุกข์ทรมาณกับความรู้สึกที่ปวดร้าวแบบนี้  ถ้าพี่ไม่ต้องการจะเปิดเผยตัว  หนูก็ขอรับรองด้วยเกียรติ์ของจรรยาบรรณสื่อมวลชน  จะไม่ทำให้การดำเนินชีวิตในปัจจุบันของพี่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด  หนูแค่ขอโอกาสได้นำเสนอเรื่องราวของชีวิตแพทย์คนนึงที่ต้องมาแบกรับปัญหาชีว ิตอันหนักหน่วงที่เกิดจากการทำงานอย่างหนักเท่านั้นเอง   กรุณาด้วยนะคะ  
 
 
ยังมีคนอีกนับล้านที่พร้อมให้กำลังใจพี่
หนึ่งในนั้นคือหนู
 
 
ติดต่อกลับด้วยนะคะ
 
cavaii_ning@hotmail.com
 
087-8435116
 
จากคุณ: cavaiining โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 11:09:27
อยากให้ปาฎิหารย์มีจริง  พี่ bvm  ช่วยให้ฝันของหนูเป็นจริง  
ติดต่อกลับด้วยนะค่ะ
 
 
cavaii_ning@hotmail.com  
 
087-8435116  
จากคุณ: thanthai โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 13:11:31
เป้นกำลังใจให้ครับ ผมก็อายุ 26 ปีเท่าคุณครับ
เคยใส่ tube โดนคนไข้กัดมือเลือดออกเลย...แต่ ไปบริจาคเลือดประจำ ไม่มีปัญหาครับ...เป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: Cool_dong_wook โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 13:20:25
เป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ  สู้ๆ นะคะ
 
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แต่คุณค่าของคุณไม่ได้ลดน้อยลงเลยค่ะ
 
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 13:35:19

 
อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจมากเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้พบแสงสว่างในจิตใจ  ชอบทำบุญมั้ยค่ะ  หาวัดที่พระปฏิบัติดีสักแห่ง แล้วลองใช้ธรรมะเป็นที่พึ่ง  อาจทำให้ทุกๆ อย่างดีขึ้นได้ มนุษย์เราเกิดมาก็แค่นี้ มีทุกข์ มีกรรม ไปคนละอย่าง  
 
ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน  "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป" ชีวิตคนสั้นยาวไม่แน่นอน  ขึ้นกับว่าปัจจุบันที่ยังอยู่ เราทำอะไรบ้างที่จะเป็นความสุขต่อตนเองและคนที่เรารัก และคนที่รักเราหรือยัง(หมายถึงพ่อ-แม่บังเกิดเกล้าของเรา)
 
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงช่วยดลบันดาลให้คุณ bvm ได้พบความปลอดโปร่งในความคิด ได้มีดวงตาเห็นธรรมด้วยเทอญ
จากคุณ: _+~* My_All *~+_ โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 14:06:28
ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ  Embarassed
จากคุณ: S-Gay โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 14:30:49
ถึงน้อง bvm  
อ่านแล้วเศร้ามาก อยากบอกว่าพี่เข้าใจ และเห็นใจเป็นที่สุด
เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน   และเป็นหมอที่ต้องทำผ่าตัดเป็นประจำ
ไม่เคยหลีกเลี่ยงการผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็น case HIV infection
เป็น 1 กำลังใจให้นะค่ะ  ถ้าจะร้องไห้ ร้องให้สุดเสียง ร้องให้พอ       แล้วขออย่าทำร้ายตัวเอง  ยังมีคนอีกมากมายที่เป็นรักเรา และเป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: aekung โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 15:22:20
เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่าท้อถอยนะ สู้ต่อไป
จากคุณ: aekung โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 15:22:55
สู้ๆสู้ตายฮับ
จากคุณ: dogBA โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 15:36:51
Cry  น่าเศร้าจัง แต่ก็มีเข็มตำบ่อยตอนผ่าตัด สงสัยต้องตรวจบ้างละ หรือเลิกผ่าตัดดี Tongue
จากคุณ: ฮาโตริ โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 15:44:33

 
 Smiley
 
ยิ้มให้ก่อน
 
ข้อเขียนของท่านเป็นข้อเขียนที่มีคุณค่ามาก ๆ ขอรับ
 
ผมว่าอย่างน้อยท่านก็ยังเขียนในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้ ขอรับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ปล.เราจะทำอะไรกับความเสี่ยงพวกนี้ดี เห็นมี incidence กันมากจริง จริง  Undecided
จากคุณ: makam โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 16:26:29
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากคนที่เคยมีประสบการณ์กินไม่ได้นอนไม่หลับเป ็นเดือนๆด้วยเรื่องแบบนี้
 
ตอนออกมาเป็นIntern ที่ รพ แห่งหนึ่ง หลังจากที่ไป LP คนไข้ HIV กลับมาล้างมือที่อ่างน้ำ และเช็ดมือ รู้สึกเจ็บแปลบที่นิ้วมือ  ดูแล้วเหมือนแผลมีดบาดสดๆ งงเลยหรือว่ามีมีดปนอยู่ในผ้า หาดูก็ไม่มี ตอนนั้นต้อง F/U เจาะเลือดเป็นระยะๆนาน 6 เดือน  ตอนนี้เลยทำให้เข้าใจสัจจะธรรมในชีวิตอย่างหนึ่ง เกิดมาชาตินี้มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำก็จงรีบทำซะ  
 
ตอนนี้เลยตัดสินใจแต่งงานแล้วก้วางแผนที่จะมีลูกในอนาคต
 
โอกาสยังมี ต่อไปต้องมียารักษาได้แน่นอน
จากคุณ: aekung โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 17:21:00
เราไม่กล้าตรวจนะ เพราะกลัวมาก ไม่ได้มั่วนะครับ แต่ไม่ชอบใส่ถุงมือ บางทีโดนCSF  เต็มเลยครับ   เป็นกำลังใจให้ครับ ถ้าอยากฮาๆคุยกะเราได้นะครับ วัยไกล้เคียงกันครับผม ยังไงก็รักนายนะเพื่อน ถึงแม้เราไม่เคยรู้จักกัน
จากคุณ: unchi_kun โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 19:01:33
 
 
 
สู้ สู้ งับ เปงกำลังใจให้งับ   Smiley Smiley Smiley
จากคุณ: Norah Jones โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 19:44:03
Cry Cry Cry
 
เคยโดนเข็มตำเหมือนกันค่ะ
 
จนต้องมาคุยกับหลายๆคนที่นี่หลายครั้ง
 
 
เข้าใจความรู้สึกมากมาย
 
 
มาอยู่เป็นเพื่อนคะ
 
จากคุณ: sitkao โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 21:20:17
ขอแสดงความเห็นใจน้องอย่างที่สุด  ผมเองก็ยังกังวลว่าจะมีปัญหาบ้างหรือเปล่า ?   ชีวิตหมอเรานั้นมีโอกาสเสี่ยงอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ใน field ที่ต้องผ่าตัดหรือทำหัตถการ  บอกตามตรงว่าผมเองไม่กล้าเจาะเลือดตรวจ ( กลัวความจริง )   โดยเฉพาะคนไข้ส่วนใหญ่ที่นำไปผ่าตัดไม่ได้ส่งตรวจ anti HIV ไม่ทราบว่าทำผิดหรือเปล่า ?   แต่ถ้าวันหนึ่งเกิด HIV +VE  จริงๆคงคิดอะไรไม่ออก   Sad   หรืออาจหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดบ่อยๆ เผื่อผลบุญจะช่วยผ่อนกรรมให้เบาบางลงได้  และอาจเห็นทางออกให้กับชีวิตได้มากขึ้น
จากคุณ: Dahpne โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 21:21:56
จะเป็นกำลังใจให้นะ
 
ขอให้พยายามสู้ๆต่อไป
 
สิ่งที่เราจะชนะได้คือชนะความรู้สึกกดดันจากภายในตัวเอง
 
เด๋วนี้วิทยาการเริ่มรุดหน้าไปเร็วมาก
 
นู๋ว่าอีกไม่นานวัคซีนที่ใช้ในการรักษาเอดส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพคงออกมาอย ่างเป็นรูปเป็นร่างแน่ๆ
 
ที่สำคัญคือตอนนี้นู๋อยากให้รักษาสุขภาพตัวเองให้ดีๆนะ
 
จิตใจเราด้วยเช่นกันนะ
 
อย่าลืมนะ จิตใจที่เข้มแข็ง จะส่งผลให้ร่างกายของเราเข้มแข็งตามมา
 
สู้ๆนะ
จากคุณ: น้องป๋อง โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 22:27:11
ด้วยความเห็นใจอย่างสุดซึ้งครับ  ผมยังทำงานเสี่ยงเช่นเดียวกับทุกคนครับ  น้องอย่ายอมแพ้นะครับ
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 23:20:22

3 อาทิตย์ผ่านไป สภาพจิตใจของผมดีขึ้นตามลำดับ ถึงแม้ว่ายังไม่เหมือนเดิมนัก แต่ว่าอย่างน้อยผมก็รูว่าผมยังมีคนเป็นห่วงและให้กำลังใจอยู่อีกมาก ที่สำคัญวันนี้เป็นวันศุกร์ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ไม่มีเวร ผมจะได้กลับบ้านซักที เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น
 
ผมไม่ได้กลับบ้านมาซัก 2 เดือนแล้ว พ่อแม่ผมดีใจที่วันนี้ผมจะกลับและอยู่กับที่บ้านในวันหยุด แต่การกลับบ้านครั้งนี้ของผมไม่เหมือนทุกครั้ง ผมวางแผนที่จะบอกข่าวร้ายที่สุดให้กับคนที่ผมรักที่สุดซึ่งก็คือพ่อแม่ของผม  ตลอดทางระหว่างผมขับรถกลับกรุงเทพ ผมคิดหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกโดยที่เจ็บน้อยที่สุด แต่ก็คิดไม่ออก เพราะว่าเรื่องของผมมันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ ผมไมอยากให้พ่อแม่เป็นเหมือนกับที่ผมที่รู้ข่าวในช่วงแรก
 
คืนวันเสาร์ ผม พ่อแม่ และน้องน้อง นัดกันไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก แต่ครอบครัวของผมก็ยังเป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีความสมัครสมานสามัคคีกันดี ผมทำตัวเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราคุยกันหยอกล้ออย่างเคย ทุกคนต่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน  แม่ถามผมว่า ทำงานเหนื่อยมั้ย คนไข้เยอะหรือเปล่า อย่ามัวแต่หาเงินนะ กลับมาบ้านบ้างก็ได้ ผมยิ้มกลับให้แม่ แต่หัวเราะไม่ออก คำถามของแม่มันช่างเจ็บปวดเหมือนกับจะบังคับให้ผมบอกข่าวร้ายตรงนัน ภายในตาทั้งสองมีน้ำตาเอ่อรอล้นออกมา ผมตอบแม่ว่า ผมสัญญา เพราะต่อไปนี้ผมคงไม่ทำงานหนักอีกแล้ว แม่ฟังผมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
 
เมื่อกลับถึงบ้าน คืนวันอันแสนสุขได้ผ่านไป ความจริงที่กำลังจะปรากฎต่อหน้าพ่อแม่ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะรับไหวหรือไม่ ผมสัญญากับพี่เนศแล้วว่าผมจะบอกเมื่อผมพร้อม เพราะว่าพ่อแม่ก็คงมีอาการเหมือนกับผมในช่วงแรกที่ทราบข่าว ผมจำเป็นต้องมีสติและเป็นผู้คุมสถานการณ์ให้ได้ ผมพร้อมแล้ว ผมบอกตัวเองว่าผมพร้อมแล้ว วันนี้เราจะเผชิญหน้ากับความจริง
 
ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของพ่อแม่ กดล็อกประตู นั่งบนเก้าอี้ในห้อง ทำหน้าตาจริงจังเล่าเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นตอน พ่อแม่ผมเริ่มสีหน้าไม่ดีเพราะรู้ว่าน่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น “ผมติดเชื้อ HIV” ผมบอกพ่อแม่เป็นประโยคสุดท้ายว่าผมติดเชื้อ HIV ในตอนนั้นแม่ผมล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น ร้องไห้และสับสนมากในเรื่องราวที่เกิดขึ้น พ่อผมยืนนิ่ง ตกใจไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมก้มลงไปประคองแม่ของผมขึ้นมาจากพื้น แต่แม่กุมมือผมแน่นทั้งสองข้าง โอบกอดรัดตัวผมแนบสนิท เหมือนกลัวว่าใครจะพรากของที่รักที่สุดไป “แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจที่บังคับขู่เข็ญให้เรียนหนังสือ แม่เพียงหวังจะให้ลูกได้ดีเมื่อโตขึ้น แม่ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดกับลูก แม่ขอโทษ” แม่ผมพูดแล้วร้องไห้ไม่หยุด ผมไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้มากขนาดนี้มาก่อน แม่คิดว่าผมกำลังจะตาย แม่ผมคิดอย่างนั้น ผมค่อยๆอธิบายเรื่องราวของโรคนี้ทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่สนใจมาก ถามทุกประเด็นที่ท่านสงสัย แม่ถามผมว่าลูกจะลาออกไหม กิจการที่บ้านมันมากพอที่ผมจะไม่ต้องเหนื่อยอีกเลยตลอดชีวิต ผมไม่รู้หรอก ผมคิดไม่ออก ผมไม่กล้าตัดสินใจ
 
สุดท้ายผมก็ได้ทำบาปครั้งใหญ่่คือสร้างความทุกข์อย่างใหญ่หลวงให้กับพ่อแม่ คืนนั้นแม่ผมนอนร้องไห้ทั้งคืน ผมเสียใจกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาในชีวิตผมและครอบครัว แต่ผมก็ดีใจเพราะอย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีเพื่อนมาเดินอยู่ข้างๆผมอีกสองคนแล้ว  
 
คืนวันอาทิตย์ ผมเก็บของเตรียมกลับไปต่างจังหวัดเหมือนเคย แม่เดินเข้ามาพูดคุยกับผมตลอด ผมจำได้ดีว่าคำพูดทุกคำของแม่ที่พูดกับผมตอนนั้นมันกลั่นออกมาจากความห่วงใย ที่สุดที่คนคนหนึ่งจะให้กับคนคนหนึ่งได้ แม่เป็นห่วงผมในทุกเรื่อง แม่ถามทุกคำถามที่แม่นึกออก ผมหัวเราะให้แม่ ผมหัวเราะครั้งแรกของผมให้กับแม่ ผมรู้สึกเหมือนผมกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง
 
ผมกลับไปทำงานตามปกติ ตอนนี้ผมดีขึ้นมาก ผมบอกทุกคนที่ควรจะรู้จนครบแล้ว รู้สึกเหมือนหน้าที่ผมลุล่วงไปด้วยดี วันนี้ผมมีกำลังใจมากขึ้นกว่าทุกวัน ตอนนี้ก็เหลือเพียงเรื่องของผมที่พร้อมจะเดินต่อไปหรือไม่เท่านั้น  
 
แต่เรื่องของผมนี่แหละที่เป็นปัญหา ผมได้รับการตอบรับเพื่อเป็น resident ศัลยกรรมของโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง พี่ที่แผนกธุรการโทรมาทวงเอกสารที่ผมยังส่งไม่ครบ เพราะว่าถ้าเกินกำหนดนั่นแปลว่าผมสละสิทธิ์ เรื่องนี้มันเป็นปัญหาใหม่ให้ผมจริงๆ คำถามคือศัลยแพทย์ที่ติดเชื้อทำผ่าตัดได้หรือเปล่า ผมสับสน ไม่กล้าตัดสินใจ ผมนอนคิดอยู่ทั้งคืน ผมอยากเรียนศัลย์ แต่ไม่รู้ว่ามัน fair กับคนไข้หรือเปล่าHuh
 
วันรุ่งข้นผมเดินไปหาพี่เนศและพี่ปก ผมถามคำถามนี้กับพี่ๆ โดยหวังว่าผู้ใหญ่น่าจะมองในกรอบที่กว้างกว่าเด็ก พี่เค้าตอบว่ามองเผินๆอาจจะใช่ แต่พี่ว่าไม่ เพราะเวลาเราผ่าตัดเข็มเราจะเลอะเลือดคนไข้ตลอด เวลาพลาดโดนเข็มตำ เลือดของคนไข้ก็จะมาเปื้อนเราทำให้เราติดเชื้อ แต่ในทางกลับกันถ้าเข็มเปื้อนเลือดเราเมื่อไร เราคงเปลี่ยนเข็มนั้นเพราะมัน contaminated ไปแล้ว เราคงไม่เอาเข็มที่เปื้อนเลือดเราไปเย็บต่อ ส่วนในกรณีที่ว่ากลัวเลือดหยดลง field คงไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเราคงไม่ได้ใช้กรรไกรหรือมีดมาตัดนิ้วเรา เลือดถึงมากพอที่จะตกลงไปได้ ผมคิดดูมันก็จริง แต่คนไข้จะยอมรับเหรอ ไม่มั้ง ผมว่าไม่ ใครจะยอมให้หมอที่ติดเชื้อมาผ่าตัด  
 
อนาคตของผมมันผันแปรไปเป็นเพราะผมอยากเป็นหมอผ่าตัด ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ทั้งที่รู้ว่าวันนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไปในทางตรงข้ามเพราะว่าเข็ม 1 เข็มกับเลือด 0.01 ccนั้น แต่ผมก็ยังดื้อด้านกลับไปหาสิ่งนั้น ผมถามตัวเองว่าผมทำไปเพื่ออะไร คุ้มจริงจริงเหรอที่จะกลับไปเรียนหนัก ทำงานหนัก ศัลยกรรมมันเหนื่อยนะ มันจะทำให้ขีวิตมันแย่ลงหรือเปล่า ตอนนี้เราไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว เราจะมาคิดแบบเดิมไม่ได้ แต่ไม่ใช่ ใจผมตอบว่าไม่ใช่ ตัวผมเปลี่ยนไป แต่ใจยังรักเหมือนเดิม ผมยังอยากเป็นหมอศัลยกรรม ผมว่าตัวผมมีคุณค่า ผมคิดว่าชีวิตในอนาคตของผมจะไม่อยู่อย่างคนขลาด อยู่อย่างเจียมตัวว่าเป็นคนป่วยแล้วไม่คิดทำอะไร ผมเกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่มาพร้อมกับผม ผลเลือดที่เปลี่ยนไปไม่ได้ทำให้ชีวิตผมจบลง ผมไม่ยอมแพ้เข็ม 1 เข็มกับเลือด 0.01 cc ในคืนนั้นแน่ ชีวิตที่เกิดมาตั้ง 20 กว่าปียังไงก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะเหตุการณ์ในช่วงวินาทีเดียว ไม่มีทาง
 
 
ลุกขึ้น  ยืนหยัด  กัดฟันสู้
กลับมองดู ความฝัน ครั้งหลัง
วันนี้  วันใหม่  ผมมีพลัง
ไม่มีใคร  มารั้ง ผมต่อไป
 
ไปข้างหน้า  เจ็บขา  ได้บางคร้ง
เหนื่อยก็นั่ง   พักใจก่อน  ให้สดใส
พรุ่งนี้มา  เราสู้ใหม่  ไม่อ่อนใจ
ไม่ยอมให้ สิ่งไหน  มาทำลาย
 
ยิ้มหัวเราะ  ต่ออุปสรรค  ที่เกิดขึ้น
เพราะว่ามึง  จะไม่เกิด   เป็นซ้ำสอง
ความสำเร็จ ในวันหน้า จะมากอง
เหล่าเพื่อนพ้อง ร่วมสรรเสริญ ในโชคชัย
จากคุณ: Norah Jones โพสเมื่อวันที่: 07/11/07 เวลา 23:36:40
เขียนด้ดีจังน่าจะเขียนเป็นหนังสือนะคะ
จากคุณ: KC_1 โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 04:13:59
มาร่วมให้กำลังใจครับ Roll Eyes
 
 
โลกการแพทย์ก้าวหน้าไปมากครับ และจะก้าวต่อไปอย่างไม่หยุด
 
ด้วยยาใหม่ๆที่มีตอนนี้ไม่น่ากลัวและรุนแรงเหมือนห้าปีก่อน  
 
และอาจจะไม่น่ากลัวเลย เมื่อค้นพบยาที่รักษาได้ในอนาคต
 
แต่น้องต้องมีกำลังใจและดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ Wink
 
น้องมีคุณค่าเสมอสำหรับคนที่รักและห่วงใย  
 
สิ่งที่น้องจะทำในอนาคต ยังมีค่าต่อคนไข้อีกมาก
 
 
ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องเล่าที่มีคุณค่าแก่ทุกคน Wink Cheesy Cheesy
จากคุณ: Dr.OU โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 14:52:24
คุณหมอ  BVM  ช่วยติดต่อผมหน่อยสิครับ
 
ทางแพทยสภา  อยากให้ความช่วยเหลือครับ
 
อ.สมศักดิ์ โลห์เลขา  อยากคุยด้วยเป็นการส่วนตัวครับ
 
ยังไง  ฝาก mail หาผมหน่อย หรือ message มาก็ได้ครับ
จากคุณ: Dr.OU โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 14:53:10
mailมาที่ webmaster@thaiclnic.com  ก็ได้ครับ
จากคุณ: สีดา โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 15:11:45
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ  อย่ายอมแพ้นะคะ Smiley
จากคุณ: destiny โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 15:44:17
รออ่านจากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ คุณหมอมีกำลังใจที่ดีมากค่ะ คุณหมอลองย้อนกลับมาดูนะคะ ในห้องนี้มีไมตรีต่อคุณหมออย่างเต็มเปี่ยม ที่แสดงออกอย่างจริงใจ รวมถึงพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคน ตอนนี้คุณหมอไม่ต้องเหงา ท้อแท้แล้วค่ะ เราที่นี่ทุกคนพร้อมให้กำลังใจและช่วยเหลือ ค่ะ Wink
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 15:57:26
มาเป็นกำลังใจให้อีกครั้ง   Cheesy
 
คิดว่าจิตใจคงจะดีขึ้นมากแล้วนะคะ  Cheesy
จากคุณ: pinkiebobo โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 17:54:12
รออ่านอยู่ตลอดค่ะ
พี่ BVM เขียนได้ดีมากๆ
 
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ
ชื่นชมในความเป็นแพทย์ของพี่จริงๆ ค่ะ
จากคุณ: Niwach โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 17:58:10
เข้ามาให้กำลังใจ...ครับ
จากคุณ: Dr.OU โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 19:05:45
เรื่องแบบนี้  ผมเองก็รู้สึก สะเทือนใจครับ ว่าวันนึง มันต้องเกิดขึ้นครับ
 
มันสะท้อน  อะไร อีกหลายอย่าง  ที่พวกเรา อาจไม่เคยคิด
 
1. Universal Precaution เป็นอะไร  ไม่ได้ ช่วยอะไร มาก  เพราะ การผ่า หรือ การดูแล  ผป.  แบบ universal precaution กับ การรักษา ผป.ที่ HIV positive มัน ไม่เหมือนกันหรอก  ก็?เอาไว้พูดกันให้ดูสวยๆ  ไปงั้นเอง ว่า ฉันนี่แหละ universal  precaution
 
ไม่ว่าจะเป็นการ ตรวจ ร่างกาย การ แทงน้ำเกลือ การผ่าตัด  หรือ แม้แต่ หมอที่จะผ่าตัด  มันไม่เหมือนกันหรอกคับ case  HIV คนทีผ่า  อาจต้องเป็น ระดับ staff , speciallist  ไม่ใช่ intern จบใหม่ ที่อ่อนด้วย ประสบการณ์
 
 ความระวัง แบบ universal  ก็คือ ระวัง ทั่วไป  แต่ ระวังในคนไข้ HIV มัน จะยิ่ง ระวัง มากๆ แบบเหนือธรรมชาติ   จะผ่าช้า  ค่อยๆผ่า   ไม่ใช้มือจับเข็ม  วางเครื่องมือบนถาด หมอหยิบเอง  เลือดซ้บให้แห้งมาก ดูดตลอดเวลา ทั้งเลือดและควันจากเครื่องจี้  ถุงมือ2 ชั้น  เสื้อ ผ้า กระดาษ   อย่าลืม ของพวกนี้ ยังมีคนต้องเอาไปซักอีก
 
นั่นคือ ผมว่า มันน่าะจะ  บรรจุลงใน แนวทางการ ปฏิบัติ ก่อนการรักษาคนไข้ ได้แล้ว ว่า  ควรเจาะ HIV ใน ผป.ที่ต้องทำหัตถการ หรือ  ผป.ในทุกราย   เหมือน routine lab แบบ CBC , U/A  มัน ก็น่าจะเป็นสิทธิแพทย์ด้วย ที่ต้องทราบ โรคติดเชื้อร้ายแรงจาก ผป.ทุกราย
 
2.  การเพิ่มพูนทักษะ แพทย์  อาจต้องมีการ ดูแล มากขึ้น  โดยเฉพาะ อย่างเช่น ผป. HIV   staff ควรดูแลเอง  มากกว่า ที่จะเอา หมอเด็กๆ  ที่ยังอ่อนประสบการณ์  ยังไง  ผมเชื่อมั่นว่า  คนที่ผ่าน training  ทำงาน เป็น speciallist  น่าจะผ่าตัด  ถึงแม้จะเป็นโรคง่ายๆ อย่างไส้ติ่ง ก็ตาม ได้ดี  โอกาส เกิด injury  น่าจะน้อยกว่า
 
3.  การบริหาร ความเสี่ยงของ บุคลากร ต้องดี จริงจังกว่า นี้  
 
ผมเองก็อาจอ่านไม่ละเอียด  แต่ ดูเหมือน น้องหมอท่านนี้ ไม่ได้ รับรู้เรื่อง เกี่ยวกับการปฏิบัติตัว หลัง มีอุบัติเหตุมากนัก คือ ทางรพ. กระทรวง แพทย์รุ่นพี่  ฯลฯ อาจต้องมี  guideline  แนวทางที่ชัดเจน  ว่า จะทำอย่างไร เมื่อเกิดเรื่องใหม่ๆ
 
ต้องมีการ เจาะเลือด ทั้ง คนไข้ ตั้งแต่ตอนนั้น   มีการ เจาะเลือดแพทย์หรือ บุคลากรที่โดนตำ หรือ มียา standby  ที่สามารถ กินได้ ทันที ตลอด 24 ชม. หรือ อะไร ทำนองนี้ ในทุก รพ.ของประเทศไทย หรือ clinic ต้องทำได้
 
ส่วนตัวผมเอง  ผ่าตัด ก็โดน เข็มตำ อะไร บ่อยเหมือนกัน  ถึงแม้จะพยายาม เจาะ hiv ทุกราย  แต่ บางที  ผมเองก็ประมาท ไม่ได้รอ ลืมดู ก็มี   ก็มีอยู่ครั้งนึง  ที่ผลคนไข้ เป็น weakly positive ครับ    ผมก็เลย ได้ยาชุดใหญ่  กินหลังโดน  ซึ่ง ก็ ทำเอา โทรมไปเหมือนกัน  กินจน ผลwestern blot ออก   และ พบว่า คนไข้นั้น negative จึงได้หยุดกิน ก็  โทรมไปครึ่งเดือนเหมือนกัน
 
ผมเข้าใจความรู้สึกของน้องดีครับ
 
แต่ ว่า อย่าเพิ่งท้อแท้ หมดหวัง   การแพทย์ยังมีการวิจัยตลอดเวลา   ยังอาจทีจะมียารักษา  นั่นคือ  แนะนำ น้องดูแล  ถนอมสุขภาพให้ดี  แข็งแรง  เพื่อรอว่า จะมียารักษา โรคนี้ได้ใน อนาคต
 
การเรียนdent  ไม่ได้ ไม่อยากให้น้องเรียน  แต่ ว่า น้องต้องถนอมตัวเอง  เพื่อรอยาที่อาจทำได้ ในอนาคต  เพื่อไม่ให้ติดเชื้อง่าย
จริงอยู่การเป็นศัลยแพทย์  โรคติดเชื้อคงไม่มาก แบบเรียน อายุรกรรม  แต่ ว่า มันจะมีการอดนอน  อดข้าว และ ทรุดโทรม  ซึ่งไม่น่าจะมีผลดีกับ ตัวน้องหมอเอง
 
ผมแนะนำ  ถ้าไม่อยากอยู่เฉยๆ   อยากเรียน  แนะนำสาขา ที่ไม่ต้องอดนอน หรือ ไม่เหนื่อยมาก  เจอคนไข้ น้อยๆ หรือ ไม่เจอเลยยิ่งดี  เช่น  x-ray , patho , จิตเวช  ที่คนไข้ ไม่น่าติดเชื้ออะไรมากมาย  ฯลฯ
 
เพื่อถนอมร่างกายเรา เพื่อรอยาดีกว่าครับ
 
เป็นกำลังใจให้เหมือนกันครับ  อย่าเพิ่งท้อแท้ครับ
จากคุณ: ขนมผิง โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 19:45:56
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้เข้มแข็งโดยเร็ววันนะคะ..
จากคุณ: |3a|3yMoon โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 20:45:39
ตอนแรกที่มาอ่านกระทู้นี้ ได้อ่านแค่ตอนต้นแล้วเข้าใจว่า คงเหมือนกระทู้ที่เห็นบ่อยๆว่าพี่ๆถูกเข็มตำ แต่ผลที่ออกมาก็ปลอดภัยกันทุกคน ไม่นึกเหมือนกันค่ะว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้
 
เมื่อตอนที่คุณพ่อเสียอย่างกะทันหัน หนูเฝ้าถามตัวเองว่า การเสียชีวิตแบบที่เราต้องทราบก่อนกับเกิดอย่างกะทันหันนั้น อะไรดีกว่ากัน คุณพ่อจากไปโดยไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้สักคำ  ทุกๆอย่างที่คุณพ่อเหลือไว้ให้ หนูเองไม่รุ้ว่าจะจัดการอย่างไรจริงๆค่ะ
 
ตั้งแต่เสียคนที่รักมากที่สุดไป หนุก็เริ่มปลงแล้วค่ะ ว่าชีวิตคนเรานั้นสั้น ทำความดี มีความสุข ให้มาก ใช้ชีวิตที่เหลือกับคนที่เรารักและก็รักเรามากที่สุด
 
บางทีพี่กับคุณแม่อาจจะพบว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงนึงที่พี่จะได้อยุ่กับ ครอบครัว โดยไม่มีภาระหน้าที่และการทำงานมาเบียดเบียนก็ได้นะค้ะ
 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ     Wink Wink Wink
จากคุณ: Norah Jones โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 21:28:30
มาติดตามและเป็นกำลังใจให้ทุกคนคะ
 
 
ขอให้ทุกคนปลอดภัย
จากคุณ: Traveller โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 21:38:21

ขอส่งกำลังใจให้เข้มแข็งค่ะ Smiley
จากคุณ: BTD โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 21:47:40
ไม่ทราบจะให้กำลังใจอย่างไรดีครับ
 
แต่ผมมั่นใจว่าคุณมีกำลังใจที่ประเสริฐสุด อยู่ใกล้ ๆ ตัวแล้วครับ
 
ท่านทั้งสอง คอยยิ้มต้อนรับคุณเสมอครับ  Smiley
จากคุณ: Little_@_PIG โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 21:55:11

 
 
.....อ่านแล้วใจหาย...น้ำตาไหล....คุณหมอเข้มแข็งมาก ๆ นะคะ  
 
คุณหมอเป็นคนดี มาก ๆ ค่ะ...ขอให้มีความหวังและอย่าท้อแท้นะคะ
 
.......ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอนะคะ.....
 
จากคุณ: navi_dog โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 21:59:09
ผมเองก็เป็นศัลยแพทย์ มีคนไข้ HIV + ถูกแทง BP drop ต้องใส่ emergency ICD คนไข้ HIV + แล้ว ถูกเข็มตำมือ เลือดออกมาก แล้วยังต้องไปผ่าตัดexplor + thoracotomy คนไข้ต่อ
ผมเข้าใจความรู้สึกของน้องbvm ดี ณ เวลานั้นในหน้าที่ของแพทย์เราก็ได้พยายามช่วยผู้ป่วยด้วยใจที่บริสุทธิ์ และสุดความสามารถ และไม่ได้ควาดหวังว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น  จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 2 ปีแล้ว ผมก็ยังไม่เคยเจาะเลือดซ้ำอีก แต่ก็ทำใจอยู่ทุกวัน ได้อ่านความรู้สึกของน้องbvm แล้วอยากมาร่วมแชร์ความรู้สึกว่าน้องไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว  
จากคุณ: statuscool โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 22:10:22
ขอเป็นอีกกำลังใจให้คุณหมอสู้ต่อไป    
 
ชีวิตเป็นสูติแพทย์  วันนี้เพิ่งถูก intern  เอามีดปักมือมาตอนคุม C/S  ครับ
 
ใจยังไม่กล้าพอจะไปตรวจ HIV  เลยครับ
จากคุณ: hill โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 22:32:29
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: xmen2002 โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 23:11:50
เป็นกำลังจัยหั้ยคับ...สู้ต่อไป.  
........................................................................ ........................................................................ ................................ไม่มีคำบรรยายใดใดซักคำที่ลึกซึ้ง.....
แต่นายคงทำจัยได้แล้ว...และคงมีทางออกของปัญหามากพอสมควรแล้วถึงได้มาเผยแพร ่ในปัจจุบัน.....ยินดีรับฟังคับ...สู้ต่อไป...ทาเคชิ  Wink
จากคุณ: bubblegum โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 23:13:43
อ่านแล้วเห็นภาพ    ตอนคุณหมอบอกข่าวร้ายคุณพ่อ คุณแม่    
 
ทำให้ร้องไห้ตามไปด้วย  Cry  Cry  
 
ขอป็นกำลังใจให้คุณหมอ  และครอบครัว  อีกคนค่ะ  Smiley  Smiley
จากคุณ: penny... โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 23:21:33

 
 
 
มีดอกไม้มาฝากค่ะ
จากคุณ: Domingau โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 00:59:04
อู๊ดจะเป็นกำลังใจให้พี่ตลอดไปค่ะ Wink
จากคุณ: littlerock โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 01:00:18
เอาใจช่วยครับ เดี๋ยวนี้ถึงไม่หายขาดก็ยังใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ นี่ปีครึ่งแล้วนี่นา
 
สู้ ๆ ครับ
จากคุณ: @^_^@...Adapalene...@^_^@ โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 01:12:26
on 07/11/07 เวลา 13:35:19, cmu028 wrote:

 
อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจมากเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้พบแสงสว่างในจิตใจ  ชอบทำบุญมั้ยค่ะ  หาวัดที่พระปฏิบัติดีสักแห่ง แล้วลองใช้ธรรมะเป็นที่พึ่ง  อาจทำให้ทุกๆ อย่างดีขึ้นได้ มนุษย์เราเกิดมาก็แค่นี้ มีทุกข์ มีกรรม ไปคนละอย่าง  
 
ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน  "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป" ชีวิตคนสั้นยาวไม่แน่นอน  ขึ้นกับว่าปัจจุบันที่ยังอยู่ เราทำอะไรบ้างที่จะเป็นความสุขต่อตนเองและคนที่เรารัก และคนที่รักเราหรือยัง(หมายถึงพ่อ-แม่บังเกิดเกล้าของเรา)
 
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงช่วยดลบันดาลให้คุณ bvm ได้พบความปลอดโปร่งในความคิด ได้มีดวงตาเห็นธรรมด้วยเทอญ

 
 
 
 ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ  Smiley
 
 เห็นด้วยกับคุณ cmu028 ค่ะ  Smiley ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน ทุกคนล้วนมีกรรมลิขิต ขอให้คุณ bvm ล่วงทุกข์ได้ในเร็ววัน พบความสว่างสดใสแห่งชีวิต  Smiley
 
 ลีนขอมอบเพลงนี้ให้นะคะ  Live and learn.
จากคุณ: @^_^@...Adapalene...@^_^@ โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 02:20:41
 
 ถึงน้อง bvm  
 ก่อนอื่นขออนุญาติเรียกแทนตัวเองว่าพี่นะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่สมัครเป็นสมาชิก TCC ทั้งๆที่จะเข้ามาดูเว็บนี่บ่อยๆ แต่ไม่คิดที่จะตั้งกระทู้หรือแสดงความคิดเห็นอะไร เข้ามาดูเพราะเราเองก็เป็นแพทย์ และในเว็บนี้ก็มีสมาชิกหลายท่าน ที่พอได้อ่านการแสดงความคิดเห็น ก็รู้สึกว่ามีจิดใจดี เอื้ออาทรกัน ทั้งๆที่ไม่รู้จัก ยังคิดว่าถ้าได้เจอกันจริงๆ และได้มีโอกาสได้รู้จักกัน คงเป็นเรื่องที่ดีมากๆ  
วันนี้ตัดสินใจสมัครสมาชิกก็เพราะได้อ่านเรื่องของน้องแล้ว อยากจะแชร์ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ และอยากเป็นกำลังใจให้ แต่พี่ไม่ค่อยมีความรู้ทาง internet มาก เลยหาปุ่ม หรือตำแหน่งในกระทู้ ที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ได้ (ถ้ามีผู้ใดจะกรุณาแนะนำ ว่าจะตอบกระทู้ได้อย่างไร จะขอบคุณมากค่ะ)  
พี่อยากให้น้องทราบว่า พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องจริงๆว่าเป็นอย่างไร เพราะพี่เคยไปบริจาคเลือดครั้งหนึ่ง แล้วได้รับแจ้งว่า HIV weakly positive ความรู้สึกขณะนั้นมีทั้งมึนงง สับสน เสียใจ สงสัยว่าตัวเองได้รับเชื้อได้อย่างไร ปัจจัยเสี่ยงอย่างเดียวที่นึกออก ก็คือ เคยถูกเข็มตำตอน L/P ผู้ป่วย HIV ที่สงสัยว่ามี Cryptomeningitis แม้รู้ว่าจำเป็นต้อง confirm ด้วยการตรวจ PCR ก่อน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความคิดเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองได้ ทุกอย่างในชีวิตรู้สึกดับวูบลง  
ระหว่างรอผลตรวจ จึงได้มีโอกาสคิดทบทวนอย่างที่น้องเขียนจริงๆ ว่า เวลาเราบอกผลคนไข้ว่า คุณเป็นมะเร็งนะ หรือคุณติดเชื้อเอดส์นะ เราพูดหรืออธิบายไปตามหน้าที่ รู้สึกสงสารคนไข้ แต่ไม่ได้รู้สึกไปถึงความคิดหรือจิตใจของเขา แต่เมื่อเป็นผลของตัวเอง จึงได้เข้าใจว่าผลที่ออกมา มันเหมือนเป็นคำพิพากษา มันเหมือนเป็นหินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่ ทำให้ไม่ใช่ขยับตัวไม่ได้อย่างเดียว แต่เหมือนจะทำให้แม้หายใจก็แทบจะไม่ไหวเลย  
พี่อาจจะโชคดีบ้าง ที่ผล PCR negative แต่บทเรียนนี้ทำให้พี่รู้สึกถึงจิตใจ ความคิด ความรู้สึกของคนไข้ จึงอยากถือโอกาสนี้ขอเป็นกำลังใจให้น้องอีกคน ขอให้น้องเข็มแข็งนะคะ ดูแลสุขภาพดีๆ อนาคตพี่คิดว่าคงจะมีค้นพบยาที่รักษาให้หายขาดได้  
 
 
 ข้อความทั้งหมดนี้เป็นของคุณ Tomodachi ที่ต้องการพิมพ์ถึงคุณ bvmนะคะ ลีน coppy มาให้นะคะ
จากคุณ: numbness โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 05:08:08
เป็นกำลังใจอีกคนค่ะ
 
อ่านแล้วร้องไห้เลย
จากคุณ: DrSup โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 10:07:54
เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ขณะนี้คิดว่ามีหลายคนที่มีความปรารถนาที่จะให้ความช่วยเหลือน้องอยู่ครับ ใจที่สงบจะช่วยให้มีการตัดสินใจที่เหมาะสมครับ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 10:08:32

เข้ามาอ่านไม่รู้จักกี่ครั้งแล้วนะคะ...อ่านแล้วร้องไห้ทุกครั้งนะคะ
จาเขียนตอบ ก็เขียนลงไปไม่ได้สักทีนะคะ...
ขอเพียงว่า..อยู่ต่อไปอย่างอดทนและเข้มแข็งนะคะ... Cry Cry..
วันใดอ่อนแอ ท้อแท้ หมดกำลังใจ.ก็นึกถึงความรู้สึกดีดีที่มีต่อกัน..
จากทุกๆกำลังใจนะคะ..
ส่วนตัวเองขอเป็นกำลังใจให้คุณไป..ตลอดชีวิตนี้ค่ะ ..สู้นะคะ.. Wink Wink.
จากคุณ: OMG โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 11:28:00
เข็มแข้งนะครับ
จากคุณ: DrPAY โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 11:41:57

เกิด  แก่  เจ็บ   ตาย  เป็นเรื่องธรรมดา  หากเปิดใจมองให้กว้างๆ จะรู้ว่าสิ่งที่ทุกคนเจออยู่ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวัฏสังสารทั้งสิ้น  ดอกมะลิดอกหนึ่งไม่อาจบอกเล่าเรื่องราวได้  แต่หากร้อยเป็นพวงมาลัยจึงจะเห็นความเกี่ยวพันกัน  เฉกเช่นกรรมของเราทุกคนบางครั้งไม่อาจอธิบายได้ในชั่วเวลาหนึ่งๆ  แม้คนติดเชื้อ HIV จะดูโชคร้ายกว่าคนไม่ติดเชื้อ  ก็ในแง่นึง  แต่ก็ไม่ทำให้โอกาสในการ ทำความดี  ละเว้นความชั่ว  ทำใจให้บริสุทธิ์  ลดน้อยถอยลงไปแต่อย่างใด  
 
ขอให้สติปัญญาสมาธิเกิดแก่ จขกท. เมื่อเรามีทุกข์  พิจารณาตามอริยสัจสี่  เราก็จะหลุดพ้น
จากคุณ: ananda โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 11:51:03
อยากทราบว่าตอนนี้น้องหมอเป็นอย่างไรบ้างครับ  ผมเป็นหมอศัลย์ที่ต้องทำผ่าตัดทุกวัน  ตอนสมัน train  โดนมีดบาดมีแผลเลือดไหลและผปรายนั้นเป็น hiv ด้วยผ่าเพราะเกิด accident  และญาตผป ไม่มีใครบอมบอกผลเลือด  ด้วยความเหนื่อยและความรีบจากผป  อาการหนัก  ผมทำมีดบาดตังเอง   ตอนนั้นเครียดมาก และผมต้องตั้งสติทำผ่าตัดไปจนเสร็จกินเวลา 3 ชม   จากนั้นได้บอกกับหมอ med  เขาบอกว่าจะให้กินยา  แต่พอทราบว่าผมมีปัญหาตับไม่ดีเพราะเคยเป็นตับอักเสบ b   อย่างรุนแรงสมันเป็น นศพ ตอนนั้นติดมาก็เพราะโดนมีดบาดตอนผ่า case  cesar  ผปเป็น  hiv  and  hepatitis  b    ตอนนั้น ผมโชคดีที่ติดแค่ตั บอักเสบอย่างเดียวแต่อาการรุนแรงมาก  อาจารย์  gi  med  บอกว่าตับผมอักเสบมาก  ถ้าหายต้องระวังตลอดไปนะ  อย่ากินอะไรที่ทำลายตับ   พอดังนี้ผมเลยไม่กินยากัน hiv  แต่ต้องรอลุ้นผลเลือด3  เดือน  เวลาไปตรวจผมต้องให้เพื่อนศัลย์ไปด้วยเพราะทำใจไม่ได้   ตอนนั้น นำหนักลดเลย ผป  ของผมบอกว่าหมอดูแย่กว่าเขาเสียอีก  ผมได้แต่หัวเราะ  ตอนนี้ผมก็กำลังรอลุ้นผลเลือดรอบถัดไปอยู่ครับ   ผมขอเป็นกำลังใจให้หมอสู่ต่อไปนะครับ  เพราะผมก็กำลังสู้อยู่เหมือนกัน  โชคดีนะครับ
จากคุณ: soon_soon โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 12:49:30
ผมก็เคย โดนเข็มแทงมือ มาตั้ง หลายๆ ครั้ง ตั้งแต่ เป็น เอกเทอร์น ใช้ทุนใน รพช. เป็น เด้นท์ จนมาทำงาน เป็นอาจารย์ เคยเขียน ไดอารี่ ตอนโดนเข็มแทงครั้งแรกๆ ก็คล้ายๆ กับหลายๆคน ที่มีความรู้สึก  เครียด กังวล ฯลฯ  
 
แต่ถ้าเป็น จริงขึ้นมา อย่างที่น้องเป็น ก็คงต้องทำใจ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ นานมากหละครับ กว่า จะทำใจได้ แต่ ก็ต้องทำใจ อยู่ดี
 
เพราะ ตอนนี้ ถ้ายัง ไม่ถึงกับ ล้มหมอน นอนเตียง อย่าทำให้ ชีวิต ที่เหลือ ต้องทนทุกข์ กับสิ่งที่ ยังมาไม่ถึง เหมือนกับ เราถือ ร่มเอาไว้ แต่ ในเมื่อ มันเป็นแค่ เมฆฝนดำครึ้ม แต่ไม่มีเม็ดฝน ใยถึงต้องรีบกางร่ม
 
ขอให้ น้องทำใจ แล้ว วางแผน อนาคตใหม่ ในตอนนี้  
ก็คิดเสียว่า ทุกคน ยังไง ก็ต้องตาย แต่ ก่อนตาย ขอให้ ชีวิตเป็นประโยชน์ ต่อมวลมนุษย์ชาติ และ เรา ก็มีความสุขที่สุด ครับ
จากคุณ: Felisia โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 18:05:53
ขอเป็นกำลังใจให้น้องจงเข้มแข็งและต่อสู้ต่อไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุดนะคะน้องยังเป็นประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้อีกมาก ขอให้ดูแลตนเอง จิตใจที่บริสุทธิ์จะทำให้น้องพบแต่ส่งที่ดีและหย่าหมดกำลังใจนะคะ
   
           ห่วงใย
 
             med23
จากคุณ: ammychan โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 19:23:11
เข้ามาอ่าน TCC หลายครั้งแล้ว
แต่พออ่านเรื่องของพี่ทำให้อยากสมัครสมาชิกเพื่อเป็นกำลังใจให้พี่อีกคนค่ะ
 
อยากให้รู้นะคะว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังเข้าใจและเป็นห่วงพี่อยู่ค่ะ
 
ตอนนี้เพิ่งเรียนปีสอง ยังไม่มีความรู้เรื่องทางการแพทย์เท่าไหร่นัก
แต่อยากบอกพี่นะคะว่าอย่าเพิ่งท้อ
อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองจะต้องจบทุกอย่างเพียงเพราะโรคนี้
 
ลองเปลี่ยนมุมมองดีไหมคะ
เปลี่ยนจากที่ว่าโรคนี้ไม่มีทางรักษาได้(ในตอนนี้)
มาเป็น..."โรคนี้รักษาได้ แต่ไม่หายขาด"
คิดซะว่าเราก็มีโรคประจำตัวเหมือนคนอื่นที่ต้องมี limit ในการดำรงชีวิตในบางกรณีเท่านั้น และต้องดูแลตัวเองมากขึ้น แต่จริงๆแล้วก็ยังอยู่ร่วมกับคนอื่นๆได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่เรารัก และรักเรานะคะ
 
สู้ สู้ ค่ะ  
มีอะไรก็เมลล์มาคุยกันได้นะคะ
หนูเองก็ป่วยจนตอนนี้ร่างกายไม่เหมือนเดิมเหมือนสมัยก่อนแล้ว ตอนแรกก็เศร้าค่ะ แต่ใจสู้หน่อย ตอนนี้ก็okแล้ว ยอมรับมันจนได้ค่ะ
 
เป็นกำลังใจให้นะคะ
จากคุณ: Norah Jones โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 19:59:03

 
มาอยู่เป็นเพื่อนคะ Smiley
จากคุณ: rute โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 21:35:55
เรียนน้องหมอ BVM ครับ...
 
ผมก็เช่นเดียวกับเพื่อนแพทย์ท่านอื่นๆ ที่อ่านเรื่องของน้องหมอแล้วรู้สึกสะเทือนใจ และเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง...
 
ผมก็เป็นแพทย์คนหนึ่งที่เคยเกิดอุบัติเหตุระหว่างทำหัตถการในผู้ป่วย HIV ผมเองไม่เคยเจาะเลือดตรวจเลยเพราะไม่คิดว่าตัวเองเข้มแข็งพอจะรับผลการตรวจ จนกระทั่งจะแต่งงานและตัดสินใจว่าจะมีลูก จึงตรวจ...
 
ผมอ่านข้อความของน้องหมออย่างละเอียดแล้ว เข้าใจเอาเองว่าน้องคงทำใจได้แล้ว เพราะเหตุการณ์ก็ผ่านมานานพอสมควร และยังเข้าใจอีกว่าน้องหมอตั้งใจที่จะเลือกวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 มาตั้งกระทู้...
 
ผมคงทำได้เพียงแค่ขอเป็นกำลังใจให้น้องและขอให้น้องหมอ BVM รักษาสุขภาพนะครับ...
 
ด้วยความปราถนาดีอย่างจริงใจครับ...
จากคุณ: hill โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 22:44:37
เป็นกำลังใจให้นะคะ
จากคุณ: Divo_Physician โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 22:50:36
พูดอะไรไม่ออกเลย ขอเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจนะครับ
 
ตอนแรกอ่านๆ ว่าจะไม่ซึ้งแล้ว แต่พอถึงตอนที่พี่บอกพ่อกับแม่ น้ำตามันไหลออกมาเองเลยครับ
 
เมื่อเร็วๆ นี้มีรุ่นพี่ที่คณะคนหนึ่ง เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ไปใช้ทุน กำลังจะรับปริญญาปีนี้ ยังไม่ทันจะได้สวมชุดครุย ก็เสียชีวิตอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุ ตอนรู้ข่าวนี่แทบไม่อยากเชื่อ เหมือนว่า อะไรๆ ที่เห็นมันอยู่เมื่อกี้ อีกไม่กี่วินาทีมันอาจจะหายวับไปกับตาเลยก็ได้ ถ้าพี่ได้รู้ข่าวนี้ ก็อยากให้คิดว่า อย่างน้อยพี่ก็ยังมีโอกาสที่จะทำอะไรที่ดีๆ ได้อีกเยอะ ได้บอกพ่อแม่ ได้ทำหลายๆ อย่างที่อยากทำ แต่รุ่นพี่ที่ผมกล่าวถึงคนนั้น..เค้าไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว
 
ชีวิตพี่ยังมีประโยชน์อีกมาก อย่างน้อยก็อีกหลายสิบปีครับถ้าดูแลตัวเองดีๆ
 
เป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: หน็อยยยย  ..แน่~... โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 22:52:44
...พูดไม่ออก  Cry
 
 
 
 
 
 
 
ขอที่นั่งอีกที่ ..ให้อยู่เป็นเพื่อนนะคะ Smiley Smiley Smiley
 
 
จากคุณ: mhor_ba โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 23:12:56
กลัวจัง เพราะจะต้องเจาะเลือดครั้งที่2 อีก 2 เดือนข้างหน้านี้แล้ว ( เลือดคนไข้HIV กระเด็นเข้าตาตอนใส่tube ) อา  ครั้งแรก neg โล่งไป กลัวจังเลย ทำไงดีนะ
จากคุณ: Little_@_PIG โพสเมื่อวันที่: 07/13/07 เวลา 23:51:12

 
 
 
....ขอให้ดอกไม้แห่งความบริสุทธิ์เข้มแข็ง....
 
....อยู่ในใจคุณหมอตลอดไปนะคะ....รักษาสุขภาพนะคะ
 
.....เป็นกำลังใจ.......ด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ Smiley
 
จากคุณ: chronicpain โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 00:03:52
เข้ามาให้กำลังใจครับพี่  เรื่องของพี่ช่วยเตือนสติในการทำงานได้ดีเลยครับ  อุบัติเหตุ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครจิงๆครับ    
 
 
 
 
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 02:16:34
สิ่งที่ผมได้มาจากประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของผมคือ “มันสมอง” มันสมองที่ไม่ได้หมายถึง IQ หรือความรู้พิเศษอะไร แต่เป็นมันสมองที่ช่วยให้ผมลองมองสิ่งของเดิมรอบตัวผมด้วยความรู้สึกใหม่ ว่าการตีค่าว่าของหนึ่งชิ้น หรือคนหนึ่งคน ขึ้นกับอะไรกับ ในวันแรกที่ผมรู้ว่าผมติดเชื้อ ผมรู้สึกว่าตัวเอง ไม่มีค่า เป็นของมีตำหนิ ซึ่งคงเป็นตราบาปที่ติดตัวผมไปจนตาย แต่ในวันนี้ผมไม่ได้มองแบบนั้น ค่าของคนไม่ได้เป็น่ทีสิ่งที่คุณเห็นด้วยตา แต่เป็นสิ่งที่คุณเห็นได้ด้วยใจ มีครั้งหนึ่งที่ผมดูแลคนไข้ที่เข้ามารักษา cholangiocarcinoma หน้าที่ของผมคือ consult intervention เพื่อ cholangiogram with PTBD บอกsurgery เพื่อผ่าตัด บอก medicine เพื่อช่วย preop หน้าที่ของผมคือบอกคนอื่นให้ช่วยรักษาคนไข้ของผม ผมทำไปตามหน้าที่ ก็เราไม่ใช่ specialistนี่ เราก็ต้องทำแบบนี้แหละ แต่ในวันที่คนไข้กลับ คุณลุงแกให้เงาะผม 3 ลูก มังคุด 2 ลูก ใส่ถุงพลาสติกสีแดงมาให้ผม คำถามของผมคือนี่อะไร เทียบกับ 300 บาทที่เป็นค่า DF ของโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้หรอก แต่ผมได้คำตอบเมื่อผมเงยหน้ามองแก เห็นหน้าคุณลุงที่มแต่คำขอบคุณสุดพรรณา แกบอกผมเพียงขอบใจ ทำให้ผมได้คำตอบว่า นี่มันเรียกว่า “ใจ” ใจที่ไม่ได้ซือ้ให้กันได้ แต่คุณให้คนอื่นได้ไม่มีวันหมด ไม่มีวันจาง แม้ว่าชีวิตคุณจะเป็นยังไง
 
ผมกลับมาที่กรุงเทพ ชีวิตวันหยุดก่อนการเรียนต่อทำให้จิตใจผมสบายขึ้นมาก ผมเลิกคิดเรื่องการลาออก ผมไม่คิดว่าร่างกายของผมจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียน ผมใช้ “ใจ” ของผมเป็นตัวตัดสิน มีเพื่อนผมหลายคนบอกให้ผมไปเรียนสาขาวิชาอื่นที่ไม่หนักมาก จะได้พักผ่อนมากๆเนื่องจากกลัวผมจะทำงานไม่ไหว แต่ผมบอกพวกเขาไปแล้วว่าผมไม่ได้ป่วย จริงอยู่ที่ผมติดเชื้อ แตว่าผมไม่ได้ป่วย ผมไม่ได้ poor insight  หรือยังอยู่ในช่วง deny แต่อย่างใด แต่ผมลองเปรียบเทียบความรู้สึกว่าการที่ผมได้เรียนสิ่งที่ผมอยากเรียน ทำงานในสิ่งที่ผมอยากทำ เทียบกับการที่ผมทำงานอย่างเจียมเนื่อเจียมตัวว่าตัวเองป่วย ตอนบ่ายก็กลับบ้านไปนอนพักผ่อนแล้วก็นอน ผมทำใจไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนกองทุกข์และความเศร้า ที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยตัวของผมเอง ผมอยากออกไปทำงาน ไม่อยากอยู่อย่างคนป่วย ถ้าเรามองเปลี่ยนมุมคิดใหม่ว่าการควบคุม CD4 คือการควบคุม DTXล่ะ มันทำใ้ห้ชีวิตเราดีขึ้นบ้างไหม จะเทียบว่า HIV กับ DM เหมือนกันรึเปล่า ผมว่ามันก็ใกล้เคียง CD4นั้นมีขึ้นมีลงตลอด เหมือนกับระดับน้ำตาลของคนไข้เบาหวาน อยู่ดีดีมันก็ขึ้น เจาะอีกทีก็ไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าคุณเป็นคนไข้ที่กินยาเบาหวานอย่างสม่ำเสมอ หรือฉีดยาเป็นประจำ เจาะระดับน้ำตาล (หรือCD4, viral load) อย่างเป็นประจำ โรคแทรกซ้อนต่างๆก็ไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันมียาต้านออกมาตัวใหม่ใหม่อยู่ตลอด ข้อมูลในปัจจุบันของยาตัวใหม่อาจยังไม่มีผลการทดลองในระยะยาวมากนัก เพราะว่ายามันเพิ่งมีผลิต แล้วคุณจะไปเอาระยะเวลาที่ไหนมาบอกว่าคุณจะตายแล้ว นั่นสิ ผมคิดถูกแฮะ ผมมีความหวังอยู่ สมัยก่อนวัณโรคเป็นแล้วตาย แต่ตอนนี้กิยาแค่ 6 เดือน แล้วโรคของผมถ้าในวันหน้ามียารักษา อาจจะต้องกินยาเป็นปี หรือว่าหลายปี ผมก็จะรอวันนั้น วันที่ผมประสบความสำเร็จในอาชีพ และประสบความสำเร็จในการรักษาโรคของตัวเอง  
 
ตอนนี้โรคของผมได้รับการดูแลจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในประเทศไทย  ผมอุ่นใจมาก ผมเจาะ CD4, viral load ทุก 2-3 เดือน ผลเลือดผมใกล้เคียงเดิมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยที่ผมยังไม่ได้เริ่ม้กินยา และตอนนี้ผมก็เป็น resident 1 general surgery อย่างเต็มตัวแล้ว ชีวิตผมไม่ได้สุขสบายมากนัก เนื่องจากเรียนหนัก ไม่ค่อยได้นอน และก็ไม่ค่อยได้กินข้าว คำตอบของผมอยู่ที่ใจคำเดียวเท่านั้น ใจเท่านั้นที่ทำให้คุณไปถึงทุกที่ ใจที่ไม่ยอมแพ้ ใจที่ไม่ลดละ ใจที่พร้อมเสียสละ ใจที่อยากเอาชนะสิ่งทั้งปวง ใจนี่แหละที่ยังรักษาระดับCD4เอาไว้ได้ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมเชื่อ
 
ผมพร้อมจะกลับมาเป็นหมอแล้ว
จากคุณ: @^_^@...Adapalene...@^_^@ โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 02:43:36
^
 
 ^
 
 ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ  Cheesy
 
 แม่ลีนจะสอนเสมอว่า " ไม่มีอะไรเก่งไปกว่าใจของเรา"
 
 แล้วมันก้อเป็นแบบนี้ทุกๆครั้งที่เกิดอะไรขึ้นในชีวิตลีน  Smiley
 
 ผ่านเรื่องเลวร้ายทุกอย่างมาได้ด้วยใจกำหนด  Smiley
 
 ขอให้คุณ bvm โชดดีตลอดไปนะคะ ขอให้คุณพระคุ้มครอง  Wink Smiley

จากคุณ: IronYoJin โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 03:58:16
อ่านกระทู้นี้ตอนที่น้องยังไม่ post reply สุดท้าย...
 
ว่ากำลังจะมาตอบ แต่พอดีคืนนี้อยู่เวรกว่าจะได้มาตอบ ก็ได้คำตอบแล้ว
 
อืมมม ที่ติดตามอ่านเพราะอยากรู้ว่าสุดท้ายน้องตัดสินใจมาเรียนรึเปล่า
 
น้องเลือกที่จะเดินทางในสายที่หนักหน่วง... ทั้งที่จะเลือกเดินทางสบายก็คงไม่มีใครว่า
 
หากน้องอยู่ในสถาบันเดียวกับพี่ รับรองได้ว่าพี่จะตอบสนอง จิตวิญญาณน้องอย่างเต็มที่ พี่จะไม่คิดว่าน้องป่วย ใช้งานหนักแน่นอน ^^
 
กำลังใจน้องคงได้มาเยอะ และถึงไม่ได้รับจากคนอื่น ตัวน้องเองก็มีกำลังใจอยู่พอสมควร
 
เรื่องที่พี่อยากจะบอกน้องคือ
 
หากไม่มีเหตุการณ์นี้ เราอาจจะมีชีวิตโดยไม่รู้ความหมายของชีวิต
 
บางคนจากโลกนี้ไปโดยไม่รู้ถึงคุณค่าของชีวิต
 
เชื่อว่าที่ผ่านมาทำให้น้องคิดอะไรได้หลายอย่าง
 
หลายคนคิดไม่ได้อย่างน้อง จงภูมิใจ
 
ถึงแม้จะได้อ่านกระทุ้ของน้องก็อาจจะยังคิดไม่ได้...
 
ไม่ว่าน้องจะหายป่วยหรือไม่ ความแข็งแกร่งของน้องเป็นที่ยอมรับ
 
ขอให้เป็นคนจริงไปตลอดนะน้อง
จากคุณ: Norah Jones โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 06:34:15

 
ตามมาอ่านและให้กำลังใจค่ะ
 
 
นับถือความกล้าหาญและพลังใจของเจ้าของกระทู้มากๆ Smiley
จากคุณ: ammychan โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 08:16:39
ยินดีและดีใจมากนะคะ ที่พี่ฮึดสู้ขึ้นมา
สู้ต่อไปนะคะ
วันข้างหน้าคงมีอะไรดีๆรอคนดีๆอย่างพี่อย่างแน่นอนค่ะ
 
เป็นกำลังใจให้นะคะ
จากคุณ: drwat โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 08:55:11
เป็นกำลังใจให้ครับ ... จิตใจน้องเข้มแข็งมาก ขอให้ร่างกายเข้มแข็งตลอด อย่าลืมออกกำลังกายบ้างนะ resident ศัลย์งานหนัก อย่าลืมพักผ่อน (ตอนแรกอ่านแล้วห่วงจิตใจ แต่สุดท้ายห่วงร่างกายน้องดีกว่า ... น่าจะมาเรียน otho งานเบาสบาย ..  Grin Grin)  
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 08:57:05
วันนี้ เวลา 02:16
ผมพร้อมจะกลับมาเป็นหมอแล้ว
 
ส่งโดย: bvm  
 
 
 ขอบคุณนะคะ...ขอบคุณจิงๆ ... Cry Cry
จาเข้ามาให้กำลังใจคุณทุกวัน..นะคะ
ดูแลสุขภาพ..และพักผ่อนมากๆด้วยค่ะ... Grin Grin Grin
จากคุณ: สีดา โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 09:15:40
Cheesy Cheesy
จากคุณ: IronYoJin โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 11:08:18
ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะครับ
 
พี่คงไม่สามารถบอกว่าเข้าใจความรู้สึกของน้องได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ถ้าไม่เจอกับตัวเองคงไม่เข้าใจ
 
ตัวพี่เองเป็น resident ศัลยกรรม เจอเข็มตำมา ตรวจบ้าง ไม่ได้ตรวจบ้าง
 
ไม่แน่ที่นั่งพิมอยู่ อาจจะ positive ไปแล้ว แต่พี่คนนี้ไม่มีความกล้าพอ...
 
ในเมื่อน้องเลือกที่จะเผชิญหน้า...
 
คำถามของพี่คือ
 
น้องแจ้งผู้ร่วมงาน และแจ้งกับผู้ป่วยของน้องรึเปล่าครับ
 
อาจจะไม่เข้าพวกกับในกระทู้นี้ เพราะส่วนใหญ่มาเพื่อให้กำลังใจน้อง
 
แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เกิดจากความสงสารเห็นใจ
 
น้องเป็นคนจริง และงานที่น้องทำไม่ใช่เรื่องเล่น ไม่สามารถยืนอยู่บนความสงสารได้
 
เพราะเราเองก็รู้กันว่ามันมีโอกาสที่เราจะโดนเข็ม และคิดว่าไม่มีอะไร ยังคงทำผ่าตัดต่อไป
 
ในที่นี้หลายคนมาให้กำลังใจ แต่เขาไม่ได้เข้า field กับน้อง
 
พี่ถามตัวเอง ว่าถึงเวลาจริงๆ ถ้ารู้ว่าต้องเข้าเคสกับน้อง จะทำตัวเหมือนปกติได้หรือไม่
 
คำตอบของพี่ทำให้มาพิมพ์กระทู้นี้ถามน้อง
 
มันก็ต้องมีเกร็งๆบ้างล่ะ
 
คิดถึงตอนที่น้องยังไม่ได้สัมผัสกับเชื้อนี้ ถ้ามันเป็นไปได้จริง เวลาย้อนกลับไป น้องบอกว่าน้องจะยังคงผ่าตัดคนไข้คนนี้...
 
จริงๆนะครับ ถ้าพี่เป็นน้องรู้ว่าถ้าผ่าเคสนี้จะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนขนาดนี้ ถ้าย้อนกลับไปคืนนั้นได้ พี่คงไม่ผ่าเองและโทรบอกพี่ staff ทำแทนแน่
 
ยอมรับว่าพี่คงเป็นคนจริงไม่เท่าน้อง
จากคุณ: หน็อยยยย  ..แน่~... โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 11:51:38
on 07/14/07 เวลา 02:16:34, bvm wrote:
สิ่งที่ผมได้มาจากประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ของผมคือ “มันสมอง” มันสมองที่ไม่ได้หมายถึง IQ หรือความรู้พิเศษอะไร แต่เป็นมันสมองที่ช่วยให้ผมลองมองสิ่งของเดิมรอบตัวผมด้วยความรู้สึกใหม่ ว่าการตีค่าว่าของหนึ่งชิ้น หรือคนหนึ่งคน ขึ้นกับอะไรกับ ในวันแรกที่ผมรู้ว่าผมติดเชื้อ ผมรู้สึกว่าตัวเอง ไม่มีค่า เป็นของมีตำหนิ ซึ่งคงเป็นตราบาปที่ติดตัวผมไปจนตาย แต่ในวันนี้ผมไม่ได้มองแบบนั้น ค่าของคนไม่ได้เป็น่ทีสิ่งที่คุณเห็นด้วยตา แต่เป็นสิ่งที่คุณเห็นได้ด้วยใจ มีครั้งหนึ่งที่ผมดูแลคนไข้ที่เข้ามารักษา cholangiocarcinoma หน้าที่ของผมคือ consult intervention เพื่อ cholangiogram with PTBD บอกsurgery เพื่อผ่าตัด บอก medicine เพื่อช่วย preop หน้าที่ของผมคือบอกคนอื่นให้ช่วยรักษาคนไข้ของผม ผมทำไปตามหน้าที่ ก็เราไม่ใช่ specialistนี่ เราก็ต้องทำแบบนี้แหละ แต่ในวันที่คนไข้กลับ คุณลุงแกให้เงาะผม 3 ลูก มังคุด 2 ลูก ใส่ถุงพลาสติกสีแดงมาให้ผม คำถามของผมคือนี่อะไร เทียบกับ 300 บาทที่เป็นค่า DF ของโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้หรอก แต่ผมได้คำตอบเมื่อผมเงยหน้ามองแก เห็นหน้าคุณลุงที่มแต่คำขอบคุณสุดพรรณา แกบอกผมเพียงขอบใจ ทำให้ผมได้คำตอบว่า นี่มันเรียกว่า “ใจ” ใจที่ไม่ได้ซือ้ให้กันได้ แต่คุณให้คนอื่นได้ไม่มีวันหมด ไม่มีวันจาง แม้ว่าชีวิตคุณจะเป็นยังไง
 
ผมกลับมาที่กรุงเทพ ชีวิตวันหยุดก่อนการเรียนต่อทำให้จิตใจผมสบายขึ้นมาก ผมเลิกคิดเรื่องการลาออก ผมไม่คิดว่าร่างกายของผมจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียน ผมใช้ “ใจ” ของผมเป็นตัวตัดสิน มีเพื่อนผมหลายคนบอกให้ผมไปเรียนสาขาวิชาอื่นที่ไม่หนักมาก จะได้พักผ่อนมากๆเนื่องจากกลัวผมจะทำงานไม่ไหว แต่ผมบอกพวกเขาไปแล้วว่าผมไม่ได้ป่วย จริงอยู่ที่ผมติดเชื้อ แตว่าผมไม่ได้ป่วย ผมไม่ได้ poor insight  หรือยังอยู่ในช่วง deny แต่อย่างใด แต่ผมลองเปรียบเทียบความรู้สึกว่าการที่ผมได้เรียนสิ่งที่ผมอยากเรียน ทำงานในสิ่งที่ผมอยากทำ เทียบกับการที่ผมทำงานอย่างเจียมเนื่อเจียมตัวว่าตัวเองป่วย ตอนบ่ายก็กลับบ้านไปนอนพักผ่อนแล้วก็นอน ผมทำใจไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนกองทุกข์และความเศร้า ที่ผมสร้างขึ้นมาด้วยตัวของผมเอง ผมอยากออกไปทำงาน ไม่อยากอยู่อย่างคนป่วย ถ้าเรามองเปลี่ยนมุมคิดใหม่ว่าการควบคุม CD4 คือการควบคุม DTXล่ะ มันทำใ้ห้ชีวิตเราดีขึ้นบ้างไหม จะเทียบว่า HIV กับ DM เหมือนกันรึเปล่า ผมว่ามันก็ใกล้เคียง CD4นั้นมีขึ้นมีลงตลอด เหมือนกับระดับน้ำตาลของคนไข้เบาหวาน อยู่ดีดีมันก็ขึ้น เจาะอีกทีก็ไม่เหมือนเดิม แต่ถ้าคุณเป็นคนไข้ที่กินยาเบาหวานอย่างสม่ำเสมอ หรือฉีดยาเป็นประจำ เจาะระดับน้ำตาล (หรือCD4, viral load) อย่างเป็นประจำ โรคแทรกซ้อนต่างๆก็ไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันมียาต้านออกมาตัวใหม่ใหม่อยู่ตลอด ข้อมูลในปัจจุบันของยาตัวใหม่อาจยังไม่มีผลการทดลองในระยะยาวมากนัก เพราะว่ายามันเพิ่งมีผลิต แล้วคุณจะไปเอาระยะเวลาที่ไหนมาบอกว่าคุณจะตายแล้ว นั่นสิ ผมคิดถูกแฮะ ผมมีความหวังอยู่ สมัยก่อนวัณโรคเป็นแล้วตาย แต่ตอนนี้กิยาแค่ 6 เดือน แล้วโรคของผมถ้าในวันหน้ามียารักษา อาจจะต้องกินยาเป็นปี หรือว่าหลายปี ผมก็จะรอวันนั้น วันที่ผมประสบความสำเร็จในอาชีพ และประสบความสำเร็จในการรักษาโรคของตัวเอง  
 
ตอนนี้โรคของผมได้รับการดูแลจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในประเทศไทย  ผมอุ่นใจมาก ผมเจาะ CD4, viral load ทุก 2-3 เดือน ผลเลือดผมใกล้เคียงเดิมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยที่ผมยังไม่ได้เริ่ม้กินยา และตอนนี้ผมก็เป็น resident 1 general surgery อย่างเต็มตัวแล้ว ชีวิตผมไม่ได้สุขสบายมากนัก เนื่องจากเรียนหนัก ไม่ค่อยได้นอน และก็ไม่ค่อยได้กินข้าว คำตอบของผมอยู่ที่ใจคำเดียวเท่านั้น ใจเท่านั้นที่ทำให้คุณไปถึงทุกที่ ใจที่ไม่ยอมแพ้ ใจที่ไม่ลดละ ใจที่พร้อมเสียสละ ใจที่อยากเอาชนะสิ่งทั้งปวง ใจนี่แหละที่ยังรักษาระดับCD4เอาไว้ได้ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมเชื่อ
 
ผมพร้อมจะกลับมาเป็นหมอแล้ว

 
 
ต้องอย่างนี้สิ ! คุณหมอ ที่มีหัวใจเป็นหมอ เกินร้อย Wink  
 
 
รู้มั้ย ใจที่เข้มแข็งแบบแหละ ที่ทำให้ ปลื้ม  Kiss Kiss Kiss  
 
 
กรี้ดๆๆ  .. ว่าแล้วก็ซาหมักเป็นแฟนคลับ คุณ หมอ bvm ดีกั่ว  กรี้ดๆๆๆ  Grin
 
 
 
 
..อยากบอกว่าขอบคุณ 'ใจ' คุณหมอ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ มีนได้เรียนรู้จักคำว่าชีวิตหนึ่ง...หนึ่งชีวิตช่างมีค่ามากกมายมหาศาล
 
ขอบคุณ จริงๆค่ะ ทำให้วันนี้รู้สึกดีมากมายที่เข้ามาเห็นข้อความนี้  Smiley Smiley Smiley
 
 
คุณหมอดูแลสุขภาพให้ดี นะคะ  
 
เป็นห่วง  Cheesy Cheesy Cheesy
จากคุณ: unchi_kun โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 12:28:04
ตามมาอัพเดท   Roll Eyes Roll Eyes Roll Eyes
 
สู้งับ  Grin Grin Grin
จากคุณ: Rasputin โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 15:13:47
ยอดมากครับ  Smiley
จากคุณ: ชอลิ้วเฮียง โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 15:59:37
สุดยอดมากครับ พี่ bvm (รุ่นพี่ผม1ปี) จิตใจเข้มแข็งและยิ่งใหญ่มากครับ ผมนับถือมากครับ เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ
จากคุณ: D_HRT ตาบอดเพราะรักจริงก็ยอม โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 16:04:13
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ...ใจพร้อมร่างกายก็พร้อมมากกว่าครึ่ง..เป็นกำลังใจให้คุณ  bvm อีกคนครับ
จากคุณ: CRV โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 18:22:04
ยินดีด้วยครับ  Grin Grin
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 20:16:18
วันนี้วันพระ ไปทำบุญมาแล้ว  
 
ขอเอาบุญมาเผื่อแผ่  
 
คงได้แสงสว่างในจิตใจแล้วนะคะ  Wink
จากคุณ: ~*~ Doraemon ~*~ โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 21:42:19
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  
 
และขอบคุณมากๆ สำหรับตัวอย่างของกำลังใจที่เข้มแข็งที่เห็นได้จากข้อความที่เขียนไว้ค่ะ  
 
ดูแลตัวเองดีๆนะคะ  Smiley
 

จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:05:15
แนบมาให้
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:06:07
ยังมีคนที่แย่กว่า
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:06:42
แต่นั่นคือสิ่งที่เราเป็นผู้ตัดสิน
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:07:19
แต่สิ่งที่เค้าตัดสิน
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:07:48
อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:09:01
ขอให้คุณ bvm มีกำลังใจสู้ สู้ในชีวิตต่อไป
จากคุณ: evil_devil โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 22:09:43
ชุดภาพนี้ ปาดมาจาก mthai ค่ะ Smiley
จากคุณ: ThaiMan โพสเมื่อวันที่: 07/14/07 เวลา 23:27:36
Cry Cry Cry
จากคุณ: Mona โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 00:10:38
ติดตามอยู่ค่ะ สู้ๆนะ Wink
จากคุณ: วัด โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 03:11:55
นับถือครับ
 
ขออนุญาตตอบคำถามของคห.ที่ ๑๒๕ นะครับ
ผมคิดว่าน่าจะเข้าcaseกับน้องได้ ไม่น่าจะกังวลอะไรครับ
เพราะเท่าที่ทำผ่าตัดมาหลายปี ผมเองก็โดนเข็มหรือเครื่องมือทิ่มเอาก็หลายครั้ง
แต่จะเป็นเข็มหรือเครื่องมือที่เปื้อนเลือดคนไข้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเราทำเอง หรือโดนน้องทำ(โดยไม่ตั้งใจก็ตาม)
โอกาสที่เข็มหรือเครื่องมือจะโดนผู้เข้าผ่าตัดคนที่หนึ่งแล้วไปโดนผู้เข้าผ่ าตัดคนที่สองในจังหวะต่อเนื่องกันนั้น น่าจะน้อยมากๆครับ
อย่างไรก็ตาม เพื่อความสบายใจของผู้ร่วมงาน น้องก็ควรใส่ถุงมือสองชั้นให้เป็นนิสัยครับ
 
ขอแสดงความนับถืออีกครั้งครับ
จากคุณ: หน็อยยยย  ..แน่~... โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 08:24:02
@^______________________^@
 
 
ยังตามมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง...
 
 
 Grin Grin Grin
จากคุณ: IronYoJin โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 09:44:09
on 07/15/07 เวลา 03:11:55, วัด wrote:

ขออนุญาตตอบคำถามของคห.ที่ ๑๒๕ นะครับ
ผมคิดว่าน่าจะเข้าcaseกับน้องได้ ไม่น่าจะกังวลอะไรครับ
เพราะเท่าที่ทำผ่าตัดมาหลายปี ผมเองก็โดนเข็มหรือเครื่องมือทิ่มเอาก็หลายครั้ง
แต่จะเป็นเข็มหรือเครื่องมือที่เปื้อนเลือดคนไข้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเราทำเอง หรือโดนน้องทำ(โดยไม่ตั้งใจก็ตาม)
โอกาสที่เข็มหรือเครื่องมือจะโดนผู้เข้าผ่าตัดคนที่หนึ่งแล้วไปโดนผู้เข้าผ่ าตัดคนที่สองในจังหวะต่อเนื่องกันนั้น น่าจะน้อยมากๆครับ

 
ถ้าโอกาสโดนเข็ม+เลือด จากการผ่าตัดคือ 1 เคสใน 300 เคส
 
มีใครเคยเข้าเคส positive ถึง 300 เคสบ้าง
 
ผมนับถือนะถ้าบอกว่าเข้าเคสกันได้ไม่รู้สึกอะไร
 
แต่ผมถ้าต้องเข้าเคสด้วยกันบ่อยๆ โอกาสมันเพิ่มขึ้น ถ้าปีละ 50 ครั้งก็หวิวๆแล้ว
 
ถามว่าใส่ถุงมือสองชั้น กับการไม่ไป expose ผมคงเลือกอย่างหลัง
 
ประเด็นของผมคือ น้องเขาได้บอกผู้ร่วมงานและคนไข้รึเปล่าครับ
 
ถ้าโอกาสติดจากแพทย์ที่ใส่ถุงมือ และโอกาสที่เลือดออกจากแพทย์ไปสู่ผู้อื่นน้อย การเข้าเคสและทำเป็นประจำโอกาสมันก็สูงขึ้น
 
สงสาร เห็นใจ เข้าใจ --> อยากให้มีคนได้รับความรู้สึกแบบนี้จากคนอื่นเพิ่มขึ้นอีกไหม
จากคุณ: bronxbomber โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 10:34:38
ขอให้คุณหมอสู้ ๆ
อย่าหักโหมมาก เรียนศัลย์หนักหนาอยู่
ขอบคุณที่นำมาเล่าสู่กันฟังนะจ๊ะ
เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ พี่ ๆ ทุกคนเป็นอย่างดี
ได้บุญมากเชียว...
พี่มีกลุ่มเพื่อนทำบุญ (มักไปกันที่ รพ.สงฆ์) ใส่บาตร เกือบทุกวันเสาร์
ถ้าว่างอยากแจม เชิญเลยนะจ๊ะ
02-8056736
จากคุณ: vita โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 12:00:51
สู้ๆๆนะคะเป็นกำลังใจให้
จากคุณ: buay โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 12:52:13
เราก็ร้องให้ด้วยคน บางครั้งเราทำดีที่สุดแล้วแต่ผลมันยังเป็นลบ ก็โทษโชคชะตาที่ไม่เข้าข้างเราก็แล้วกัน เธอยังมีฉันเป็นเพื่อนนะ เราเป็นกำลังใจให้นะ สู้ สู้ ค่ะ
จากคุณ: psy_doc โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 13:05:45
จขกท. เข้มแข็งมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้
สู้ต่อไปนะ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 14:26:46

 
ขอให้วันนี้..สดชื่น สดชื่น..มีความสุขมากๆนะคะ..คุณ bvm... Cheesy Cheesy Cheesy
จากคุณ: shizugo โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 15:25:26
สู้สู้ นะคะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: หมอ shit โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 17:48:52
สู้ต่อไปครับ ขอให้ CD4 สูงคู่กับพลังใจไปตลอดกาลนะครับ
 
จากคุณ: srykwn โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 18:56:59
เป็นกำลังใจให้นะคะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
จากคุณ: @^_^@...Adapalene...@^_^@ โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 19:00:37
วันนี้ไปทำบุญมาค่ะ อธิษฐานเผื่อคุณ bvm ด้วยค่ะ  Smiley
 
 ขอบุญใดก้อตามที่ลีนเคยทำมา ขอแบ่งและส่งให้คุณ bvm มีความสุข
 
 พ้นจากเคราะห์ใดๆทั้งปวง มีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง  Wink
 
 พร้อมที่จะต่อสู้กับทุกๆอย่างที่จะเกิดขึ้นค่ะ  Smiley

 
 
 พลังใจที่เข้มแข็งจงสถิตอยู่กับคุณ bvm ตลอดไป  Cool
จากคุณ: pimmala โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 19:13:22

ยินดีด้วยค่ะ  Smiley
 
ขอให้มีความสุขกับชีวิตที่เลือกนะคะ  
 
พิมเชื่อว่าความเข้มแข็งของคุณเป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนที่กำลังท้อแท้ได้เ ป็นอย่างดี  
 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่มาแบ่งปัน  Smiley
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 19:26:49
แพทย์ก็มีชีวิตเหมือนกับนักรบ
คือรบกับเชื้อโรคที่มองไม่เห็นตัว
เป็นไปไม่ได้ที่นักรบจะไม่บาดเจ็บ.........Huh??
นอกจาก HIV   แล้วก็ยังมี TB,  Hepatitis B C
Bird Flu  (H5 N1)  ,  Meningisits Virus............
แม้แต่ จิตแพทย์.......ก็ยังป่วยทางจิตเร็วกว่าคนทั่วไป
............................................................ Huh    Shocked
จากคุณ: prime โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 19:27:56
เป็นกำลังใจให้นะครับ
จากคุณ: Little_@_PIG โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 19:47:43

....เป็นกำลังใจให้ค่ะสู่ ๆ นะคะ...
จากคุณ: 2-U โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 08:04:23
อ่านแล้วรู้สึกสงสารชีวิตความเป็นหมอของพวกเราที่มีความเสี่ยงตลอดเวลา
จากคุณ: cumulonimbus โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 10:02:08
Smiley ชื่นชม จขกท งับ สู้ๆ  Wink
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 10:12:02

 
หวัดดียามสายนะคะ....หอบกำลังใจมาให้..นะคะ Grin Grin Grin
จากคุณ: mri โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 13:27:01
พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมสอนชาวพุทธไว้ว่า
 
1. อย่าเชื่อ เพียงเพราะได้ฟังตามกันมา  
2. อย่าเชื่อ เพียงเพราะได้ยึดถือสืบๆกันมา  
3. อย่าเชื่อ เพียงเพราะคำเล่าลือ  
4. อย่าเชื่อ เพียงเพราะอ้างตำราหรือคัมภีร์  
5. อย่าเชื่อ เพียงเพราะตรรกะ  
6. อย่าเชื่อ เพียงเพราะอนุมานเอา  
7. อย่าเชื่อ เพียงเพราะคิดตรึกตรองตามเหตุการณ์  
8. อย่าเชื่อ เพียงเพราะเข้ากับทฤษฎีของตน  
9. อย่าเชื่อ เพียงเพราะผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ  
10. อย่าเชื่อ เพียงเพราะเห็นว่าผู้พูดเป็นครูอาจารย์ของเรา  
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 15:54:39
Cheesy  Cheesy
จากคุณ: chom โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 18:58:51
   มีหลากหลายความรู้สึกหลังจากพี่ได้อ่านข้อความนี้    เเต่ความรู้สึกหนึ่งคือความรู้สึกชื่นชมและศรัทธาในกำลังใจและความเข้มแข็งข องน้อง   น้องทำให้หมอหลายร้อยคนที่ได้อ่านawarenessในการป้องกันตนเอง
     และทำให้เกิดคำถามที่ต้องการคำตอบ  คือ  สูตร  ARV  ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมหรือไม่   ซึ่งสำนักระบาดวิทยาเห็นความสำคัญในการศึกษาเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่ วมวิชาชีพ
 ซึ่งข้อมูลของน้องจะเป็นประโยชน์มาก   ถ้าน้องยินดีจะให้ข้อมูลกรุณาติดต่อ  
fetp28@gmail.com  
  พี่เป็นอีกคนหนึ่งที่จะเป็นกำลังใจให้น้องนะครับ
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 19:02:38
Undecided
จากคุณ: BTD โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 19:11:05
Smiley Smiley
จากคุณ: bayong โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 21:01:34
เข้มแข็งจังเลย สู้สู้นะ
จากคุณ: DeAldYe โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 21:06:34
สู้ๆๆๆๆ
 
 Smiley Smiley Smiley
จากคุณ: dr.waz โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 21:29:09
ไม่เห็นน้องตอบคนอื่นบ้างเลย
 
ไม่ได้อ่านกระทู้ พี่หมู หรือ พี่อู๋ เลยหรือ Huh
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 21:43:31
แพทย์  พยาบาล  ติดเชื้อ Hepatitis  จนถือว่าเป็นเรื่อง
ปกติธรรมดาไปเสียแล้ว
.......................................... Huh Huh Huh
จากคุณ: 00MyGirl00 โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 22:16:21
ติดตามอ่านมาตลอดเลยค่ะ เข้ามาอ่านหลายรอบ  Embarassed
นอนคิดดูว่าถ้าเป็นตัวเองจะเป็นยังไง คงเข้มแข็งได้ไม่เท่าคุณ bvm
 
คงไม่ต้องบอกให้เข้มแข็ง เพราะคุณ bvm มีมากอยู่แล้ว  Grin Grin
พยายามเข้านะคะ  Wink
 
ปล.เมื่อไหร่คุณภาพชีวิตของแพทย์ไทยจะดีขึ้น เรื่องที่ไม่น่าเกิด
แบบนี้จะได้หมดไป  หรือว่าต้องให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 22:30:36
Cry Cry Cry Embarassed
จากคุณ: redarea_doc โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 23:03:12
Undecided[อ่านเรื่องราวของน้องแล้วทำให้รู้ว่า ปัญหาทุกอย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ มันจะลงเอยอย่างไร ไม่ได้ขึ้นกับคนอื่นเลย  
 
อยู่ที่ใจ ว่าเราจะยอมรับมันได้แค่ไหน  
น้องเป็นหมอที่เข้มแข็งมาก ขอชื่นชม และขอชื่นชมคุณพ่อคุณแม่
ที่สามารถทำให้น้องยืนหยัดกับปัญหาอันหนักหน่วงนี้ได้อย่างดี
 
 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: _+~* My_All *~+_ โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 00:28:19
ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอ นะคะ คุณหมอเข้มแข็งมากๆเลยคะ  Wink
 
สู้ๆ นะคะ Smiley
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 06:24:04
อรุณสวัสดิ์นะคะ...ขอให้เป็นอีกวันหนึ่ง....ที่ทำงานอย่างมีความสุข สดชื่น ..
นะคะ   Cheesy Cheesy Cheesy
จากคุณ: chom. โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 08:55:01
    มีหลากหลายความรู้สึกหลังจากพี่ได้อ่านข้อความนี้    เเต่ความรู้สึกหนึ่งคือความรู้สึกชื่นชมและศรัทธาในกำลังใจและความเข้มแข็งข  องน้อง   น้องทำให้หมอหลายร้อยคนที่ได้อ่านawarenessในการป้องกันตนเอง  
     และทำให้เกิดคำถามที่ต้องการคำตอบ  คือ  สูตร  ARV prophylaxis  สำหรับ post - contact   ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมหรือไม่  และมีปัจจัยอะไรที่มีผลต่อโอกาสการติดเชื้อในผู้ที่สัมผัสกับสารคัดหลั่งของ ผู้ป่วย  ซึ่งสำนักระบาดวิทยาเห็นความสำคัญในการศึกษาเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่  วมวิชาชีพ  
     ซึ่งข้อมูลของน้องจะเป็นประโยชน์มาก   ถ้าน้องยินดีจะให้ข้อมูลกรุณาติดต่อ  
fetp28@gmail.com    
     พี่เป็นอีกคนหนึ่งที่จะเป็นกำลังใจให้น้องนะครับ  
 
 
 
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 10:21:03
Finger
จากคุณ: a fish โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 10:42:33
Winkเข้ามาทักทายและชื่นชม อีกครั้ง
จากคุณ: Mona โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 10:42:53
เพลงนี้ฟังแล้วเศร้าอ่ะ Cry Cry
จากคุณ: khunaum โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 10:58:17
เข้มแข็งจังเลยค่ะ...มาเป็นกำลังใจให้อีกคนนะค่ะ ขอให้น้องมีสุขภาพใจที่แข็งแรงตลอดไปนะค่ะ
จากคุณ: mwanchai โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 11:27:27
อ่านเรื่องของน้องแล้ว ทำให้พี่ได้สติขึ้นมาบางอย่าง ได้รับรู้ความรู้สึกของคนที่"ใจจะขาด"  ขอให้น้องมีกำลังใจ มีจิตใจที่แข็งแกร่ง ถ้าน้องผ่านจุดนี้ไปได้ อะไรๆก็ทำร้ายน้องไม่ได้ แม้แต่ความกลัว
จากคุณ: Domingau โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 13:21:41
สู้ๆๆนะคะ Wink
จากคุณ: OldEightLineIntern โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 13:22:37
ถึงเวลาแล้วที่แพทย์ต้องรวมตัวกันต่อสู่ อย่าให้เพื่อนแพทย์ที่ทำงานกันหนัก โดนชาวบ้านเรียกร้องด่า โวยวาย หรือทำงานด้วยความมุ่งมั่นแลกกับสิ่งตอบแทนแบบนี้ ติดเชื่อเอดส์ ติดคุก หรือการตอบกลับอันเลวร้ายจากสังคม
 
จะรอให้มีอีกกี่แพทย์ที่จะต้องสังเวยกับเรื่องแบบนี้อีกกี่ราย
จากคุณ: julie_pikaju โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 13:41:04
ได้อ่านเรื่องจากเวปพันทิป
 
ตามมาอ่านอีกทีในนี้ค่ะ
 
พี่หมอคนเก่ง.........สู้ ๆ นะคะ
 
เป็นกำลังใจให้ค่า
จากคุณ: วัด โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 16:02:17
IronYoJin wrote (คห.145):
 
ถ้าโอกาสโดนเข็ม+เลือด จากการผ่าตัดคือ 1 เคสใน 300 เคส  
มีใครเคยเข้าเคส positive ถึง 300 เคสบ้าง  
ผมนับถือนะถ้าบอกว่าเข้าเคสกันได้ไม่รู้สึกอะไร  
แต่ผมถ้าต้องเข้าเคสด้วยกันบ่อยๆ โอกาสมันเพิ่มขึ้น ถ้าปีละ 50 ครั้งก็หวิวๆแล้ว  
 ถามว่าใส่ถุงมือสองชั้น กับการไม่ไป expose ผมคงเลือกอย่างหลัง  
 ประเด็นของผมคือ น้องเขาได้บอกผู้ร่วมงานและคนไข้รึเปล่าครับ  
 ถ้าโอกาสติดจากแพทย์ที่ใส่ถุงมือ และโอกาสที่เลือดออกจากแพทย์ไปสู่ผู้อื่นน้อย การเข้าเคสและทำเป็นประจำโอกาสมันก็สูงขึ้น  
 สงสาร เห็นใจ เข้าใจ --> อยากให้มีคนได้รับความรู้สึกแบบนี้จากคนอื่นเพิ่มขึ้นอีกไหม Quote:

 
 
ถ้าโอกาสจะโดนเข็มที่เปื้อนเลือดผู้ป่วยตำ คือ 1 ใน 300  
โอกาสที่จะโดนเข็มที่เปื้อนเลือดแพทย์ตำ น่าจะน้อยกว่านั้นมากครับ
ผมก็ไม่ทราบตัวเลข incidence ที่ผู้ป่วย หรือผู้เข้าร่วมผ่าตัด จะโดนเข็มที่เปื้อนเลือดของผู้เข้าผ่าตัดอีกคนตำเอาเหมือนกันครับ  
แต่ในชีวิตจริงก็ไม่เคยเห็น และในทางปฏิบัติแล้ว เมื่อมีการโดนเข็มตำแล้ว เราจะมีปฏิกริยา หยุดกระทำผ่าตัดชั่วขณะทันที
ดังนั้นโอกาสที่จะมีเข็มตำคนที่หนึ่ง แล้วพลาดไปตำคนที่สองในทันทีแบบต่อเนื่องก็น่าจะน้อยมากครับ
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึง main idea ของความเห็นนี้ (ซึ่งไม่ใช่เรื่องของ incidence) แล้ว ก็น่าสนใจครับ
และเมื่อผมลองคิดทบทวนถามตัวเองแล้ว คงต้องบอกใหม่เหมือนกันครับ
ว่าตัวผมเองก็ต้องระวังเพิ่มขึ้นเหมือนกัน...จะเรียกว่ามีความกังวลก็น่าจะไ ด้มั้งครับ
 
อย่างไรก็ตาม (อีกครั้ง) ก็ยังอยากบอกว่า...นับถือ จขกท.ครับ  
นับถือในความกล้าหาญที่จะเผชิญความจริง นับถือในเจตนาดี นับถือในมุมมองของชีวิต นับถือในวิธีการเรียนรู้ ฯ
 
สำหรับเรื่องของการตัดสินใจของ จขกท.นั้น ผมไม่กล้าตัดสินว่า ถูกหรือผิดครับ
เพราะผมคิดว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมเองก็อาจมีอคติด้วยเหตุหลายประการ  
ถ้าอยากรู้จริง เราคงต้องพิจารณากันเป็นเรื่องเป็นราวหลายประเด็น
...มากกว่าที่เราได้พูดๆกันมาแล้วทั้งหมดในกระทู้นี้  
อาทิ ประเด็นเรื่องความรู้สึกของสังคม ผู้ป่วย ผู้ร่วมงาน ตัวแพทย์เอง ครอบครัวของแพทย์   และขวัญกำลังใจของแพทย์ผู้อื่น  
วิธีการป้องกัน และแก้ไขปัญหา รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งในด้านวิชาการ เศรษฐกิจ และสังคม เป็นต้น
 
ทุกวันนี้ ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะเป็นแพทย์(...โดยเฉพาะศัลยแพทย์) กันอยู่แล้ว
พวกเราที่ยังทำหน้าที่แพทย์อยู่ทุกวันนี้ ก็เห็นบ่นๆกันก็เยอะ
เพราะฉนั้น อะไรที่ทำได้เพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนพี่น้องแพทย์ด้วยกัน  ก็อยากจะทำให้  
ถ้ามันไม่ผิดจรรณยาบรรณแบบชัดเจนไม่ต้องมาเถียงว่าผิดหรือถูกนะ  
อย่างน้อยก็เพื่อให้สังคม (ไม่ใช่เฉพาะเหล่าแพทย์หรอก) มีความสุขขึ้นครับ
 
สุดท้ายครับ...นับถือ คห. 145 เหมือนกันครับ ที่กล้าติ (เพื่อก่อ) ฝ่ากระแสในกระทู้ครับ
 Wink
จากคุณ: PP. โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 19:33:30
ขอป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับคุณหมอนะครับ  
ผมไม่ได้อยู่ในสาขาอาชีพทางการแพทย์เลย แต่เป็นอีกคนหนึ่งที่มีเชื้อ HIV+ เหมือนกับคนอีกหลายๆ คนที่เดินอยู่ในสังคม ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าได้รับเชื้อ มาจากทางไหน เพราะผมมั่นใจมาโดยตลอดกับการตรวจเลือดประจำปีทุกๆปี แต่ผลของปีนี้ไม่เหมือนกับทุกๆปีที่ผ่านมา ครั้งแรกที่เห็นผมตรวจ HIV - Positive ผมรู้ว่ามันแปลว่าอะไร แต่ผมไม่เชื่อ ไม่เชื่อเลยว่าผมที่ออกมาจะถูกต้อง ผมตัดสินไจไปตรวดอีกครั้งทันที รอผลถึง 3 วัน เป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดในชีวิต และวันนั้ก็มาถึง วันที่ผมรู้ว่า สิ่งที่ผมเห็นเมื่อ 3 วันก่อนเป็นความจริง ผมตั้งสติได้ค่นข้างเร็ว ผมถามส่าผมต้องทำอย่างไรต่อไป ผมรีบตรวจ CD4 ทันที ผมไม่รู้ว่าผมเอาสติ เอาความสงบของจิตใจมาจากที่ไหน ผมไม่เคยคิดโทษใคร แม้กระทั่งตัวเอง ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่าทุกวันต้องดำเนินต่อไป ผมรู้ว่าต้องตัดสินใจทำทุกอย่าให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้รู้ว่า เราจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ผมพยายามศึกษาหาข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมโทรปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอทันที ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่นานที่จะโทร เพราะถ้าผมช้าเวลาของชีวิตก็จะน้อยลง เพื่อนหมอที่แสนดีให้คำแนะนำเป็นอย่างดี และแนะนำผมให้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ด้วย ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณหมอดี ว่าเป็นอย่างไร แต่ขอให้คุณหมอ และอีกหลายๆคนที่เป็นเหมือนผม ลองคิดถึงเป้าหมายของชีวิต และมองข้ามปัญหา เพราะทุกๆปัญหามีทางออกเสมอ ผมไม่เคยมีความรู้เรื่องนี้มาก่อนเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวมากๆ จนวันที่มาเจอกับตัวเองอย่างจัง ผมพยายามหาข้อมูลมากเท่าที่จะทำได้ ผมตรวจ CD4 แล้วอยู่ที่ 630 ซึ่งคุณหมอบอกว่า มากพอที่อยู่ได้มากกว่า 20 ปีถ้าดูแลตัวเองอย่างดี ผมตัดสินใจเลิกทุกอย่างที่จะทำให้ ร่างการอ่อนแอ เหมือนผมได้เกิดใหม่อีกครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมทั้งหมด ใช้เวลาไม่ถึง 3อาทิตย์ ผมรู้ผมวันแรกจากการตรวจร่างกายวันที่ 3 ก.ค. และตรวจซ้ำอีกคั้งในวันเดียวกัน ผมรอรับผลที่แน่นอนในวันที่ 6 และ ตรวจ CD4 ในวันเดียวกัน ผมรับผลของ CD4 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และตรวจVL เมื่อวันจันทร์ รอผลวันจันทร์หน้า ผมก็จะรู้แล้วว่าผมมีเพื่อนใหม่เพิ่มเข้ามาเท่าใหร่ ตอนนี้เข้าใจถึงขบวนการของการแพร่เชื้อพอสมควร ทำให้ผมคิดได้ว่า ผมยังโชคดีกว่าคนอีกหลายๆคน ที่ติดเชื้อด้วยโรคร้ายประเภทอื่นๆ ลองคิดดูดีดีนะครับว่า เพื่อนใหม่ที่เข้ามาร่วมชีวิตกับเราสามารถควบคุมได้ และรู้วิธีที่จะอยู่ร่วมกัน ได้อย่างมีความสุข และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กำลังใจ ผมได้รับกำลังใจจากหลายๆคนแต่ก็ไม่เท่ากับกำลังใจที่สร้างขึ้นมาจากใจของตัว เอง เพราะการที่เรามีเป้าหมายในชีวิต และตั้งใจทำให้สำเร็จจะเป็นกำลังใจ และแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดครับ และผมคิดว่าเป็นโชคดีของผมที่เป็นแบบนี้เพราะมันจะเป็นแรงผลักดันให้เป้าหมา ยในชีวิตของผมมาถึงเร็วกว่ากำหนด ผมตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด จะไม่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวัง จะทำให้ ทุกคนที่จ้องมองผมอยู่ เห็นว่าผมทำได้ ไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไรก็ตาม  
ผมหวังว่าข้อความของผมอาจจะเป็นกำลังใจให้กับคุณหมอได้บ้าง นะครับ
จากคุณ: maybe โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 20:21:15
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ
 
 
*** Everything OK ***
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 06:54:02

Morning....นะคะ....ยิ้มรับวันใหม่ด้วยกันนะคะ... Cheesy Cheesy Cheesy
จากคุณ: ananda โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 09:14:14
ขอเป็นกำลังใจไห้ครับ  อยากทราบว่าตอนนี้หมอเป็นอย่างไรบ้างครับ  ช่วยบอกให้ทราบด้วยนะครับ  พี่ๆทุกคนเป็นห่วงครับ
จากคุณ: Little_boy โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 13:15:25
สู้สู้ต่อไปนะครับ...
จากคุณ: qq11 โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 15:22:25
เป็นกำลังใจให้คุณหมอครับ ขอให้เข้มแข็ง สู้ต่อไปครับ ผมเป็นคนนึงที่ไม่กล้าไปเจาะเลือด แต่โดนเข็มตำมาหลายครั้งแล้วครับ
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 16:52:37
คุณ PP. คห.# 186..
 
..เก่งมาก เลยค่ะ เป็นตัวอย่างของคนไข้ที่ดีมากๆ..
 
..วันนี้มาให้กำลังใจทั้งสองท่านเลยค่ะ "  จขกท.+คุณ PP  "
 
 
 
 
----------+++----------ขอ ให้ ดวงตา เห็น ธรรม ทุกท่าน-----------+++---------------
จากคุณ: Melody_of_life โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 20:30:20
ติดตาม ให้กำลังใจคะ...ที่รพ.ก็มีพี่ที่เข้าเลือด บวกากการโดนเข็มตำ เคส HIV+ ปัจจุบันพี่เค้าก็ยังออกตรวจและทำหัตถการเหมือนเดิม คะ สู้ๆ นะคะ Wink
จากคุณ: batman_forever โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 20:46:42
มาให้กำลังใจครับ  ผมติด HIV เหมือนกัน  แต่รักษาสุขภาพมากๆ
 
ร่างกายแข็งแรงครับ
 
ส่งกำลังใจให้หมอครับ    Smiley
จากคุณ: KU_BA2007 โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 23:24:45
มนุษย์ทุกคน  
    เวียนว่ายในโลกกว้าง
   มองไปไกลๆ    
   ขอเป็นกำลังใจให้น้อง bvm ครับ
จากคุณ: nobitakrub โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 23:35:57
เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปนะน้อง   ชีวิตทุกคนก็มีปัญหา และอุปสรรคมาทั้งนั้น
พี่เป็นหมอสูติ   อยู่รพ.ชุมชน ทำทุกอย่างที่ขวางหน้า  ผ่าตัดบ่อยๆ หลังผ่า พบว่า  dexon  บาดมือเป็นแผลประจำเลย โดยที่ไม่รู้ว่าบาดตอนไหน  ชอบบาดแถวๆ  dip joint of lt index finger    ประจำ จะรู้ว่าบาดตอน   alcohol โดนมือ  แสบมั่ก...มั่ก     ว่าจะขอผอ. เปลี่ยนเป็น  vicryl  แล้ว ไม่รู้ว่าจะอนุมัติ หรือเปล่า   น้องต้องอย่าท้อแท้นะ   ดูสิ.. มีคนมาให้กำลังใจน้องในกระทู้นี้เยอะมาก   ทุกคนก็หวังดีกับน้องทั้งนั้นนะ   ขอให้ฟ้าคุ้มครอง....จ้ะ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 05:12:40

 
อรุณสวัสดิ์นะคะ  ..คุณ bvm ... Grin Grin Grin
จากคุณ: drkasidit โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 10:32:28
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5615643/L5615643.html
 
ขออนุญาตินำอีกร้อยกำลังใจมาฝากนะครับ
ผมร้องไห้ไปเรียบร้อยแล้ว ลำพังการเผชิญกับโรคคงไม่หนักหนาเท่ากับ......
การเผชิญความเจ็บปวดของคนที่เรารักมารับรู้เรื่องนี้ของคนที่เค้ารัก
 
ขอให้อำนาจคุณพระคุ้มครองครับ
จากคุณ: drkasidit โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 14:56:46
http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=27948
 
อีกหลายๆกำลังใจที่ส่งมาให้ ปาฏิหารย์ เกิดขึ้นได้เสมอ ขอเพียงให้อดทน รอคอย ปาฏิหารย์นั้นครับ
จากคุณ: aoodyaood โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 16:00:10
....มาเป็นกำลังใจให้ครับให้อยู่สู้ต่อไป....เราเลือกมาทางนี้แล้วก็ถือว่าท ำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุดแล้ว...ไม่มีคนว่ามีแต่ยกย่องสรรเสริญ...คนเราจะมี สักกี่อย่างที่เราสามารถกำหนดได้แบบไม่มีข้อผิดพลาด....
...ปล.ผมไม่สามารถทำใจให้อ่านจนจบได้นะครับเลยเขียนแค่นี้ทั้งที่นี่และกระท ู้ที่พันทิพย์....
จากคุณ: Dr.R โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 17:46:57
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: rin_rin โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 19:49:37
เราก็คงอายุไล่เลี่ยกะคุณหมอนะ คงเคยเจอกัน เดินสวนกันในที่ต่างๆ แต่เราไม่ใช่แพทย์นะ เป็นหมอยา หลังจากได้อ่านแล้ว ซาบซึ้ง ต้องบอกหมอเลยว่าโชคดีมาก ที่ได้ทราบว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ได้กำหนดวันสุดท้ายของชีวิต ได้ทราบว่าในที่สุดมีใครรักเราบ้าง ได้มีเวลาทบทวนโดยใช้สติจริงๆ ประสบการณ์ที่หมอเขียนออกมามันยิ่งใหญ่ และเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมากๆ หมอทำหน้าที่ตนเองดีที่สุดแล้ว เราเองก็ยังมานั่งทบทวนว่าทำหน้าที่ตนเองดีพอหรือยัง เรามีพี่สาว ซึ่งเขาถูกกระทำจนมีลูก และพ่อของลูกก็ไม่รับด้วย วันที่ทุกคนในครอบครัวทราบเรื่อง ไม่มีใครกินข้าวลง แต่พี่สาวเราก็ไม่คิดจะเอาเด็กออกนะ ถึงแม้ผู้ชายจะอยากให้เอาออกก็ตาม อยากให้เอาออกขนาดที่ว่า เอายาทำแท้งมาให้เหน็บด้วยซ้ำ แต่พี่เราใจแข็งเหลือเกิน วันนั้นทุกคนเหมือนแบกโลกใบหนึ่งไว้ จนทุกวันนี้หลานเราน่ารักมาก มากซะจนรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่พ่อเขาไม่รับ ไม่งั้นหลานอาจจะไม่ได้อยู่กับบ้านเราก็ได้  
 
วันนี้คุณหมอโชคดีเหมือนพี่สาวเรานั่นแหละ บางครั้งวิกฤตก็ก่อให้เกิดโอกาสดีดีมากมาย หากมีโอกาสก็อยากจะได้พูดคุยกะคุณหมอบ้าง อยากทราบว่าดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร และคิดว่าทุกคนก็คงอยากทราบเช่นกัน ขอบคุณที่ทำให้ได้อ่านอะไรดีดี ขอบคุณจริงๆ
จากคุณ: Danielkung โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 20:17:47
 `  ดอกแก้ว  `   ออกดอกยามหลังฝนตกหนัก เบิกบานงดงามสีขาว กลิ่นหอมอบอวน พร้อมใจที่จะร่วงโรย  
       ผมเป็นกำลังใจให้พี่หมอน่ะคับ แบบอย่างที่ดีของ หมอ ผม   สู้ๆ!!     ผมก็จะเป็นหมอที่ดีเหมือนกัน
จากคุณ: nobu โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 23:25:13
มาเป็นกำลังใจให้คุณหมอสู้ต่อไปนะคะ ดิฉันก้อเป็นผู้ที่ติดเชื้อคนนึงได้เข้ามาพบโดยบังเอิญได้อ่านเรื่องราวของค ุณหมอ อยากให้คุณหมอมีกำลังใจที่ดีนะคะ อย่าถ้อโดยเด็ดขาด  
 
 
รบกวนผู้ที่เข้ามาอ่านถ้าเป็นผู้ติดเชื้อหรือตัวคุณหมอเจ้าของกระทู้ช่วยทิ้ งเมลไว้ให้ด้วยได้มั้ยคะบางครั้งดิฉันต้องการคนปรึกษา ต้องการผู้ที่เป็นเหมือนดิฉัน  
 
 
ขอบคุณคุณหมอที่สอนให้ดิฉันรู้ว่าเราจะต้องมีชีวิตต่อไปไม่ว่าร่างกายเราจะเ ป็นอะไรก็ตามแต่ใจเราต้องสู้ สู้เพื่อคนที่เรารักและเค้ารักเรา Smiley
จากคุณ: bvm โพสเมื่อวันที่: 07/19/07 เวลา 23:46:55

“งานหนักนะเนี่ย” ผมเริ่่มคิดบ่อยขึ้นเวลามาทำงาน ปกติตอนใช้ทุนผมก็ว่าเหนื่อยแล้ว แต่ตอนนี้มันดูเหนื่อยยิ่งกว่า คนไข้ก็มักจะเป็นคนไข้ที่ซับซ้อนถึงได้ส่งตัวมาถึงโรงเรียนแพทย์้ ทั้งอาจารยที่เข้มงวด  ทำให้บางทีก็คิดท้อ แต่บางทีก็นึกสู้ แต่สุดท้ายผมก็ยังเดินหน้าต่อ เพราะประสบการณ์บอกผมว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ความยากลำบากนี่แหละที่เป็นเครื่องพิสูจน์คน
 
ตั้งแต่ผมรับรู้และยอมรับความเปลียนแปลงของตัว้เอง ผมเริ่มมองคนรอบตัว เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์กับเพื่อนที่รู้ข่าวของผม ทำให้ผมเริ่มรับรู้ว่า ไม่ใช่มีผมคนเดียวที่เจอสิ่งร้ายสิ่งนี้ เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนของผม(ที่รู้ว่าผมติดเชื้อ) มาเล่าให้ผมฟังว่า แฟนของเพื่อนของเพื่อนก็ตรวจพบว่าติดเชื้อHIV ซึ่งเกิดจากโดนเข็มตำเหมือนกัน ซึ่งสาเหตุที่บอกเพื่อนของเพื่อนผม ก็เพราะว่าเค้าทั้งสองกำลังจะแต่งงาน แต่ดันมาเกิดเรืองก็เลยต้องบอกความจริงก่อนที่จะไปเจาะเลือดก่อนแต่งงาน ผมฟังแล้วก็รู้ยังสึกตกใจอยู่เหมือนกัน นี่เหตุการณ์อย่างนี้มันเกิดได้เรื่อยๆเลยเหรอ ผมถามเพื่อนว่าแต่งเรื่องมาปลอบใจผมรึเปล่า มันดูบังเอิญมากเกินไป แต่เพื่อนผมบอกว่าไม่ เพื่อนผมไม่ยอมบอกว่าคนนั้นคือใครเพราะได้สัญญาไว้แล้ว แต่เลือกที่จะเล่าเหตุการณ์คร่าวๆให้ผมฟัง เผื่อว่าผมจะรู้สึกดีขึ้น คำถามแรกของผมที่เข้ามาในใจคือ “อีกแล้วเหรอ” ทำไมผมไม่เคยรู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดในพวกเราแพทย์ได้้บ่อยๆ พวกผู้ใหญ่เค้ารู้เรื่องนี้แต่ไม่ได้บอกเราหรือว่าไม่รู้กันแน่ เพราะถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่กล้าแสดงตัวในที่สาธารณะเหมือนกัน ผู้ใหญ่ทุกท่านที่รู้เรื่องของผมก็พยายามช่วยเก็บเรื่องของผมเป็นความลับเหม ือนกัน ซึงทำให้ผมเชื่อว่านี่ยังเป็นความปรารถนาดีจากผู้ใหญ่ทุกท่านที่หวังดีกับผม  
 
ความรักมันขึ้นกับอะไรกันแน่่ เรารักเค้า เค้ารักเรา แต่เรากลับอยู่ด้วยกันไม่ได ้เพราะว่าเรามีมือที่สามเป็นเชื้อHIV เราอยู่ในฐานะที่ยังไม่แต่งงาน คู่ของเรายังคงมีทางเลือกที่อาจจะดีกว่าถ้าลองไปคบกับคนใหม่ แต่เหมือนเราจะไม่มีทางเลือกมากนัก ในกรณีของแฟนของเพื่อนของเพื่อนผมต้องเลิกกันมันทำให้ผมรู้สึกสังเวชใจ ว่าคงไม่มีใครยอมเสียสละชีวิตมาอยู่กับเรา จะมีก็คงเป็นแต่พ่อแม่ที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อเรา  
 
ผมโตมาโดยส่วนใหญ่แม่ผมเป็นคนเลี้ยง วันนั้นผมกลับบ้านถามแม่ผมว่า เลี้ยงผมมาเหนื่อยไหม แม่ผมตอบว่าเหนื่อย ผมถามต่อว่าแล้วเสียใจไหมที่ผมคงไม่่ได้เป็นอย่างที่แม่ต้องการ แม่เดินเข้ามาหาผม เอามือขวาลูบผมผมเบาๆอย่างทะนุถนอม แม่ผมบอกว่า ถึงวันนี้แม่ผมภูมิใจ ภูมิใจท่ีลูกของแม่ช่วยเหลือคนไข้ให้พ้นความทุกข์ ถึงแม้ลูกจะเสียบางอย่างไป แต่แม่เชื่อว่าการให้ของลูก  จะทำให้มีปาฏิหารย์ได้ แม่เชื่ออย่างนั้น
 
ถึงวันนี้แม่ผมยังเชื่อว่าอนาคต ผมอาจจะหายป่วยได้จากการรักษาที่มีพัฒนาการมากขึ้น ส่วนตัวผมเองก็ยังไม่ได้คิดว่าจะมีหรือไม่ เพราะผมก็ยังไม่ทราบและยังไม่ได้ข่าวของการรักษาที่ว่านี้ แต่ผมมีสิ่งนึงที่เชื่ออยู่ตลอด ชีวิตที่เคยหมดค่าจนเกือบสุด วันนี้กลับลุกขึ้นมาจับมีดจับเข็มที่เคยทำร้ายตัวเองได้ เพราะว่าผมรู้จักที่จะให้ ให้โดยไม่หวังผล ให้ไปเถอะครับ มีคนในประเทศนี้ที่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมากจากพวกคุณ
 
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกได้ให้คำสอนแก่แพทย์ทั้งหลายว่า "ฉันใช่สอนให้เห็น เธอเป็นหมอ สำคัญตน แต่เธอต้องเป็นคนด้วย, ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่๒ ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่ ๑ ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์ "
จากคุณ: urban โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 01:05:47
เชื่อว่ากำลังใจสำคัญที่สุด สู้ต่อไปน่ะ อย่าหักโหมจนเกินไปหล่ะ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 05:58:39

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ.....เอากำลังใจมาให้นะคะ...อดทนสู้สู้ นะคะ... Cheesy Cheesy
จากคุณ: Niwach โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 06:16:22
Cry
 
เข้ามาติดตามให้กำลังใจครับ
จากคุณ: buay โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 10:22:03
You are so strong and good thinking ka. Smiley
จากคุณ: punch โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 11:45:54
ใช้สติและเข้มแข็งไว้มากๆๆๆ ทางออกของปัญหามีแน่นอนค่ะขอให้ใจเราสู้เท่านั้นเอง ตนที่รักและเป็นห่วงเรามีมากกว่าที่เราคิดนะคะ ก้จะเอาใจช่วยด้วยอีกคนนะ
จากคุณ: vecchio โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 13:49:38
เข้มแข็งมากครับน้อง
 
ก่อนจะอ่านจบ ผมร้องไห้ตามนายไปสองรอบแล้ว  Undecided
 
นายเป็นหมอที่แกร่งมากๆ
 
นับถือ นับถือ  Smiley
จากคุณ: wsura โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 15:48:31
ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอนะครับ สู้ๆๆ  Grin
จากคุณ: sa_i โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 19:58:10
เป็นกำลังใจให้นะคะ  โลกนี้ยังมีสิ่งที่สวยงามรอเราอยู่  และมีอีกหลายอย่างที่เราสามารถทำประโยชน์ให้โลกใบนี้ได้  เข้มแข็งไว้นะคะ  กำลังใจที่ดีเป็นสิ่งที่ดีให้ต่อสู้กับเรื่องร้ายได้ Wink
จากคุณ: hus โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 00:39:00
คุณค่าของคนวัดกันที่ตรงนี้แหล่ะครับ ที่จิตใจ
 
สิ่งที่ทุกคนต้องการคือ ความรัก
และสิ่งที่ทุกคนให้ได้ แม้ไม่มีสมบัติอะไร ก็คือความรัก
คุณอาจจะโชคร้ายที่สุด แต่ทุกๆอย่างไม่ได้มีแค่ด้านเดียว
อย่างน้อยคุณก็ได้ รับรู้ว่าใครกันที่รักคุณจริงๆ และที่ดีมากไปกว่านั้น
ก็คือคุณก็จะได้รู้ว่าใครกันที่คุณควรจะให้ความรักเค้าให้สุดๆจริงๆ
 
ผมไม่ได้สอนคุณนะ แต่คุณกำลังสอนผมต่างหาก
 
ขอบคุณมากครับคุณหมอ
ผมเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตนะครับ
จากคุณ: doc_ppp โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 07:56:46
ผมเป็น หมอ วิชาชีพเดียวกับคุณ  
 
อยากเป็น เพื่อน คุณ  
 
อยากคุยกับคุณ  
 
แอด MSN คุย i_am_pungpond@hotmail.com พร้อมเป็นเพื่อน และ ช่วยเหลือครับ จะรอครับ
จากคุณ: MANTA_RAY โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 08:26:23
เศร้ามากครับ
 
ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป
คุณเป็นคนที่มีความอดทนมากๆครับ
 
เป็นผม..ป่านนี้คงสติแตกไปนานแล้วครับ
ขอให้มองโลกนี้ให้สวยงามถึงแม้ว่าจะมีสิ่งเลวร้ายผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
แต่ในเมื่อมีสิ่งที่ร้ายๆที่สุดผ่านเข้ามา...สักวันสิ่งที่ดีที่สุดจะต้องเป ็นของเราบ้างครับ
 
สู้ๆครับ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 09:23:03

 
วันนี้..ได้หยุดพักหรือป่าวคะ ถ้าได้พัก  พักผ่อนเยอะๆนะคะ... Cheesy Cheesy
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 09:27:41
ผมก็เคยโดนของมีคมทิ่มตำมาหลายครั้ง
ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์...หลอดแก้วแตก
บาดนิ้ว  สไลด์แตก เข็มตำนิ้ว.....จนกระทั่งต้องมาทำ
ผ่าตัดคนไข้กระดูกแตกหักสารพัดชนิด โดนเข็มตำ โดนมีดบาด
ขนาดสวมถุงมือ ๒ชั้นก็ไม่ช่วยอะไร............จนผ่าเสร็จ
ถอดถุงมือแล้วถึงรู้ว่าถุงมือขาด  ที่เป็น Case HIV  ก็หลายราย
ไม่รู้ว่าจะโชคร้ายวันไหน........................................ Huh Undecided
ขอเป็นกำลังใจให้กับ จขกท....  ขอให้พระคุ้มครอง......
จากคุณ: Urameshi โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 11:48:37
ขอเป็นกำลังให้คับ คุณหมอ bvm   สู้ ๆ ต่อไปคับ
จากคุณ: melondiary โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 12:22:28
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังให้ เพื่อให้คุณหมอสู้ต่อไป อาชีพแพทย์เป็นอาชีพที่เสียสละ เพื่อความสุขของผู้อื่น
 โม เองติดตามกระทู้ของคุณหมอ เริ่มมาจากคุณหมอแมวที่รวบรวมกระทู้ของคุณหมอไปโพสไว้ใน mthai จากนั้นโมก็เริ่มตามเข้ามาอ่านเองที่ thaiclinic เรื่องราวของคุณหมอได้ให้ข้อคิดหลายๆอย่าง โมก็ได้นำเรื่องราวของคุณหมอไปโพสต่อในเวบบอร์ดเล็กๆ เวบนึง วันแรกที่โมโพสกระทู้ของคุณหมอลงไป มีจำนวนคนที่เข้ามาอ่านสูงที่สุดของเวบเท่าที่มีมา ถึงแม้ว่าตัวเลขจะไม่มากนักเมื่อเทียบกับที่อื่น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยได้ข้อคิดจาเรื่องราวของคุณหมอ
 นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกำลังใจที่ดี ฝากส่งต่อมาจากเวบบอร์ดนั้น ถ้าคุณหมอไม่รังเกียจที่จะรับกำลังใจเหล่านั้น ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ
http://www.aromdee.net/view/view_forum.php?id=3844&tb=forum
 
หลายวันแล้วที่ติดตามอ่านกระทู้ของคุณหมอมา แต่แค่แปลกใจว่าทำไมคุณหมอไม่ค่อยจะพูดคุยกับเพื่อนๆแพทย์ที่เข้ามาให้กำลัง ใจเลย หรือว่าคุณหมอไม่มีเวลาคะ
 
เพียงหนึ่งชัยชนะ ใช่หมายว่าเธอจะยิ่งใหญ่
เพื่องหนึ่งความปราชัย ใช่หมายว่าเธอจะพ่ายแพ้ตลอดกาล
 
เป็นกำลังใจให้คุณหมอค่ะ Believe in yoursef as I do. Wink
จากคุณ: Eye Jung โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 14:06:22
เห็นกระทู้นี้นานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่าน ขอให้กำลังใจ คุณ bvm ด้วยคนค่ะ แล้วก็ขอให้รักษาสุขภาพด้วยน่ะค่ะ การแพทย์ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ไม่แน่อาจมียาที่รักษาโรคให้หายขาดได้ ในอนาคต ใครจะไปรู้ อย่าเพิ่งท้อน่ะค่ะ สู้ๆ ค่ะ
จากคุณ: RWP โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 15:01:23
Life go on.My hero Grin
จากคุณ: Dr.Sandal โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 15:54:32
สู้ๆนะ ชีวิตต้องสู้
จากคุณ: h2o โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 20:20:21

    Embarassedได้อ่านเรื่องนี้ครั้งแรกมาจากที่อื่น  แล้วเข้ามาเห็นอีกทีที่นี่แหละ อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยล่ะ  โดยเฉพาะตอนที่เราต้องบอกเรื่องนี้กับคนที่เรารักที่สุด  และรักเราที่สุดเช่นกัน  ขอเป็นกำลังใจให้นะ   น้องเชื่อแบบเดียวกับพี่ที่ว่าในนี่เเหละที่จะทำให้ CD4 เราเพิ่มขึ้น    
   
 
   Smiley เป็นสมาชิกมาตั้งนานแล้วล่ะ  แต่ไม่ค่อยได้ตอบกระทู้เท่าไหร่  แต่พออ่านกระทู้นี้แล้ว  ทำให้อยากเข้ามาตอบมาก  เพราะอย่างน้อย  จะได้ทำให้พี่ได้ทราบว่า  อย่างน้อยก็มีน้อง เพิ่มเข้ามาอีกคนเป็นหนึ่งในกำลังใจที่พี่ได้รับจากทุก ๆ คนในเวปนี้
    Winkอ้อ  จริง ๆ ก็เคยโดนเข็มทิ่มนะ  แต่ใจไม่กล้าพอที่จะไปเจาะตรวจเลย
 
จากคุณ: Eye Jung โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 21:59:39
ทานข้าวยังค่ะ เป็นเด้นท์ศัลย์งานหนักนี่นา พักผ่อน และหลับฝันดีน่ะค่ะ
จากคุณ: ae โพสเมื่อวันที่: 07/21/07 เวลา 22:42:00
เพิ่งได้มาอ่านคะ พอดีไม่ค่อยได้เข้าไทยคลีนิคเนื่องจากงานเยอะนะคะ มาเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้สู้ต่อไปและรักษาสุขภาพนะคะ
จากคุณ: lipitor โพสเมื่อวันที่: 07/22/07 เวลา 15:43:46
เคยเจอพี่พยาบาลที่รู้จัก เพราะเป็นพี่สาวของเพื่อนสนิทค่ะ เค้าก็โชคร้าย ได้รับเชื้อจากเข็มที่มีเลือดคนไข้อยู่ สมัยนั้น ปี 2529 ปัจจุบัน พี่เค้ายังแข็งแรงอยู่ และมีกำลังใจที่ดีมากๆ จากคนรอบข้าง ยังทำงานได้อยู่ และนำหนักขึ้นเอาขึ้นเอา พี่เค้าเปลี่ยนจากวอร์ด icu ศัลย์ มาอยู่แผนกเวชระเบียน ทำงานไม่ต้องขึ้นเวร และหาเวลาพักผ่อนได้มากขึ้น และที่สำคัญมีแม่ และน้องสาวที่เป็นพยาบาลช่วยกันเป็นกำลังใจ ฟันฝ่าจุดท้อถอยนั้นมาได้ ตอนนี้เค้าผ่านช่วงนั้นมาแล้ว ติดเชื้อมา 20 ปีแล้วค่ะ หวังว่าน้องคงโชคดี และอยู่อย่างมีความสุข ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ แต่เราปรับตัวให้อยู่เข้ากับความจริงได้ เป็นกำลังให้นะคะ Smiley
จากคุณ: ThaiMan โพสเมื่อวันที่: 07/22/07 เวลา 17:55:12
นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้มีอาชีพให้บริการสาธารณสุข ทั้งแพทย์และพยาบาล
 
ขณะที่สังคม สื่อและคนป่วยที่หวังประโยชน์ต่างพยายามจะหากินกับ ความผิดพลาดของแพทย์
 
กลับไม่มีสื่อไหน...จะให้ข้อเท็จจริง ที่แพทย์ได้รับเชื้อจาก คนป่วย...
จากคุณ: sassy โพสเมื่อวันที่: 07/22/07 เวลา 19:25:57
fighting[color=Navy][/color]
จากคุณ: moyo โพสเมื่อวันที่: 07/22/07 เวลา 22:32:13
คนเราเกิดมามีชีวิตเดียว ตั้งใจอยากทำอะไรก็ทำเถอะคะ อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ท่าทางจะเรียนหนัก เป็นกำลังใจให้คะ
จากคุณ: MadDoc. โพสเมื่อวันที่: 07/22/07 เวลา 23:24:58
สู้ สู้ ครับอย่าเพิ่งยอมแพ้เป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: Victor Wooten Jr. โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 00:33:00
คนในโลกนี้มีมากจนนับไม่ไหว..แต่ "คนจริง" อย่างคุณ มีไม่มากนักหรอกครับ ทำถูกแล้วครับที่ลุกขึ้นมาสู้กับความจริง ขอแสดงความนับถือด้วยอีกคนครับ
จากคุณ: tubtib โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 00:58:25
ตอนนี้หนูอยู่ปี4 ขึ้นward med อันแรก ยังโกะๆเคยมือเป็นแผลแล้วไปย้อมslide abscess  ของผู้ป่วยเอดส์ แล้วไปโดนแผลตัวเองด้วยตอนนั้นตกใจม าก
เข้าใจความรู้สึกของพี่นะคะพี่ที่หน่วยIC บอกว่าหนูอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงต่ำแต่
ตอนนี้ก็เจาะผลเลือดเช็คกับหน่วย IC ขอคณะอยู่เหมือนกัน
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้พี่  bvmพี่เจ๋งมากๆเลย
จากคุณ: paddycud32 โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 07:40:20
กว่าจะอ่านจบ ร้องไห้ไปหลายรอบแล้วครับ ผมเชื่อมั่นในกรรมดี ขอให้หมอสู้ต่อไป เป็นกำลังใจให้นะครับ  
 
Live is not easy... Wink
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 07:43:46

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณ bvm  ...วันนี้สดชื่น สดชื่น..นะคะ Cheesy Cheesy
จากคุณ: nobu โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 08:37:26
เป็นกำลังใจให้คุณหมออีกวันนะคะ สู้ๆๆ Grin
จากคุณ: /$฿\*working_age*/$฿\ โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 10:30:07
ขอเป็นกำลังใจ ให้หมอสู้ต่อไปนะครับ
อย่าท้อแท้เป็นอันขาด  
ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง
จากคุณ: "กระแป๋งน้ำ" โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 18:39:47
แด่...คุณหมอที่มีจิตใจที่เข้มแข็งที่สุดในโลก
 
จะเป็นกำลังให้ค่ะ...
จากคุณ: sensitiveman โพสเมื่อวันที่: 07/23/07 เวลา 18:48:00
น้องเข้มแข็งมาก ๆ เลยครับ
ชื่ชม ติ้นตันแล้วก็รู้สึกภูมิใจแทนครอบครัวน้องมาก ๆ เลยนะ
 
ขอให้คุณความดีที่ได้ทำส่งผลตอบแทนน้องด้วยนะครับ
พี่จะสวดมนต์ขอพรพระให้ทุกครั้งที่จำได้นะ
 
จากคุณ: คุณแม่ ไอน์จัง โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 03:23:03
มาเป็นกำลังใจด้วยคนค่ะ อ่านกระทู้นี้มาตลอดแตไม่ได้มาตอบเพราะไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไรดีค่ะ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 06:48:16

 
Morning ..ค่ะ คุณ  bvm....
ช่วงนี้...เรียนหนักไหมคะ..หาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ.. Cheesy Cheesy
จากคุณ: zczc โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 08:37:03
เห็นใจ  และขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคน
จากคุณ: /$฿\*working_age*/$฿\ โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 09:22:43
จะขอเป็นกำลังใจให้ทุกวันนะครับ
จากคุณ: Blue Moon โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 11:46:56
เห็นใจอย่างสุดซึ้ง อ่านแล้วน้ำตาไหล เข้าใจความรู้สึกทุกฝ่าย อยากให้หมอหาย ขอให้ปาฏิหารย์มีจริง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองหมอด้วยนะคะ   Cry
จากคุณ: pretty_pig โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 12:36:07
เรียน คุณหมอ บีวีเอ็ม
ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของคุณหมอ เพราะมีเพื่อนฟอร์เวิร์ดเมล์มาให้ ดิฉันไม่ได้อยู่ในแวดวงแพทย์แต่อย่างใด ในส่วนที่เป็นศัพท์วิชาการที่คุณหมอคุยกันจึงไม่ได้เข้าใจนัก
ดิฉันไม่เคยเข้าไปแสดงความคิดเห็นตามกระทู้ต่างๆเลย นี่เป็นครั้งแรก ที่มีความรู้สึกว่าอยากมาให้กำลังใจให้สู้ชีวิตต่อไปค่ะ
ดิฉันอายุมากกว่าคุณหมอมาก ผ่านประสบการณ์ชีวิตที่เรียกว่า "ทุกข์" ที่สุดมาแล้ว ในเวลานั้น "ใจ" มันทุกข์มากขนาดที่กินไม่ได้ และนอนไม่ได้ เลยทีเดียว น้ำหนักลดลงวูบเกือบสิบกิโล ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ร้องไห้ทุกครั้งและตลอดเวลา จนเพลียหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ร้องอีก จนเพื่อนดิฉันบอกว่าไม่ไหวแล้วเธอ เห็นแก่ลูก และครอบครัวที่ยังอยู่ จึงแนะนำให้ดิฉันเข้าร่วมการปฏิบัติธรรม ดิฉันไม่เคยสนใจธรรมะเลย เป็นชาวพุทธแต่ในนามค่ะ แต่ ณ วันที่ทุกข์ถึงที่สุดของชีวิต และมืดมนจนหาทางออกให้ "ใจ" ของตัวเองไม่ได้ ดิฉันจึงได้ลองไปดู เพื่อหวัง "ดับทุกข์"  
ธรรมะของพระพุทธองค์ เป็นธรรมอันประเสริฐ ดิฉันเคยได้อ่านหนังสือธรรมะต่างๆบ้าง เข้าใจใน "คำพูด" ที่บอกเล่าเป็นตัวอักษรเหล่านั้น เพราะเป็นภาษาไทย แต่หาได้เข้าใจ "ความหมาย" ที่แท้จริงไม่ ตราบจนดิฉันได้เข้าปฏิบัติ "วิปัสสนากรรมฐาน" ซึ่งเป็นการพิจารณาให้เห็น "สัจธรรม"ที่แท้จริงของชีวิต  
ชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเป็นกาย หรือใจ ต่างก็เป็นทุกข์ล้วนๆ และไม่มีอะไรสักอย่างเดียวที่เป็น"ของเรา" ทุกอย่างเป็น ทุขขัง คือความทุกข์ เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงแท้ เป็นอนัตตา คือควบคุมไม่ได้ ให้เป็น หรือไม่ให้เป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้ เราบอกให้มัน หยุดเหี่ยว ห้ามป่วย ห้ามตาย ก็ไม่ได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรเป็น "ของเรา" ที่แท้จริงสักอย่าง เมื่อถึงเวลา เราต้องทิ้งทุกอย่างไป และตราบเท่าที่ ยังมีกระแสแห่งกิเลส และตัณหา ความรัก โลภ โกรธ หลง เรายังคงต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏนี้ เวียนตาย เวียนเกิด ไม่จบสิ้น  
ใจที่ดิ้นรน และซัดส่ายของมนุษย์ นี้เอง ที่ทำให้เราทุกข์ ดิฉันเคยได้ดู ซีดีธรรมบรรยาย ของเพื่อนผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ความทุกข์เปรียบเสมือนก้อนหนามแหลมๆ ที่เราถึงไว้ในมือ ยิ่งเรากำมันไว้ ไม่ปล่อยวาง ยิ่งกำแน่น มันก็ยิ่งเจ็บ สิ่งที่เราควรทำคือ คลายมือที่กำก้อนหนามนั้นออกเสีย แล้วทิ้งมันไป บางคนบอกว่าฉันรู้สึกทุกข์ ฉันรู้สึกเจ็บเพราะคนนั้นคนนี้ มันทำร้ายฉัน หากพิจารณาให้ดี คนที่ก่อกรรมเช่นนั้นกับเรา ก็เปรียบเสมือนเขาถือมีดมาเล่มนึง แทงเราให้เจ็บจนพอใจแล้วเขาก็จากไป แต่"ใจของเรา"ต่างหาก ที่ทุกข์และไม่ยอมละวาง เรารู้สึกทุกข์ซ้ำๆ วนๆอยู่อย่างนั้น ด้วยความรู้สึกโกรธ เกลียด ชิงชัง อาฆาต แค้น มันก็เปรียบเหมือนกับเราหยิบมีดที่เค้าเคยทำร้ายเรานั้นล่ะ มาทำร้าย และแทงตัวเอง (ใจของเราเอง) ซ้ำๆ เจ็บซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ไม่คลายสักที
ถ้าจะบอกให้ละวางความทุกข์ ฟังดูง่ายนะคะ แต่เวลาปฏิบัตินั้นยากเหลือแสน ดิฉันเพียรอยู่นานหลายเดือนทีเดียว กว่าจะเข้าใจ คำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำนั้น ทำไมน่ะหรือคะ เพราะความเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์อย่างถ่องแท้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการอ่าน หรือฟังสิ่งที่ผู้อื่นบอกเล่ามาเท่านั้นค่ะ ต้อง"ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง" เพราะธรรมะของพระพุทธองค์ เป็นปัจจัตตัง "รู้ได้เฉพาะตน คือตัวผู้ปฏิบัติเอง"
ขอให้ลองไปฝึกปฏิบัติดูนะคะ มีครูบาอาจารย์หลายท่าน ที่สั่งสอนธรรมะในทางที่ถูกที่ควรในวิถีแห่งความหลุดพ้นที่แท้จริงของพระพุท ธองค์ เมื่อเราละวางความยึดถึอกาย ความยึดถือใจ ให้เป็นเพียงผู้เฝ้าสังเกตกายและจิต เราจะค้นพบว่า เราได้พบ "ความสุขที่แท้จริงจากการปฏิบัติธรรม" ทั้งๆที่เรากำลังเฝ้าสังเกตความทุกข์อยู่แท้ๆทีเดียว  
แล้วเราจะมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้มากขึ้น ใช้ชีวิตของตนเองได้อย่างมีคุณค่าทั้งต่อตัวเอง และสังคมค่ะ
คุณหมอลองฟังธรรมะของท่านอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช สวนสันติธรรม ชลบุรี ดูนะคะ มีไฟล์เสียง mp 3 ให้ดาวน์โหลดได้จา www.wimutti.net ค่ะ ดิฉันยังไม่เคยได้มีโอกาสไปฟังท่านเทศน์เองเลย ฟังแต่จากซีดี มีหนังสือให้โหลดไว้อ่านได้ด้วย(ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย และหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ค่ะ) ส่วนพระอาจารย์ผู้สอนวิปัสสนากรรมฐานให้ดิฉันนั้น ท่านไม่ได้มีเว็บไซด์ค่ะ เวลาที่ดิฉันและเพื่อนๆกัลยานมิตรไปปฏิบัติธรรมกัน ท่านก็พาไปปฏิบัติที่วัดป่า ในจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพฯนี้เอง ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา (มีน้ำต่อมาจากตาน้ำบนเขา) สงบและสัปปายะมาก ได้มีเวลาสังเกตกายและจิตของตนเอง ขณะเดินจงกรม นั่งสมาธิ แล้วนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หากได้มีโอกาสกลับเมืองไทย คงได้ไปปฎิบัติอีก  
อ้อ ลืมบอกไปว่าขณะนี้ดิฉันมาศึกษาต่ออยู่ต่างประเทศค่ะ  ที่ทำงานให้ทุนมาเรียนต่อเป็นการทำวิจัยปริญญาเอก โครงการ 4 ปี แต่คงได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวบ้างค่ะ
อยู่ที่นี่ดิฉันก็ปฏิบัติโดยการฝึก "สติ" ระหว่างวัน บ่อยๆ เป็นการเฝ้าสังเกตกายกับใจ เท่าที่จะมีสติระลึกรู้ได้ในระหว่างวันค่ะ หากคุณหมอพอเข้าใจคอนเซปต์แล้ว จะสามารถปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา ในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะตอนเดินจงกรม หรือ นั่งสมาธิเท่านั้นค่ะ
ท้ายนี้ ดิฉันขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยคุ้มครองและอำนวยพร ให้คุณหมอมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง เอาชนะอุปสรรคและความยากลำบากทั้งมวล ทั้งในเรื่องการเรียน การงาน และอื่นๆไปได้อย่างดี
ขอแผ่บุญกุศลที่ดิฉันได้เคยปฏิบัติมาให้คุณหมอมีความสุข และความเข้มแข็ง และจะขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอด้วย หากจะได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมและเข้าสู่กระแสมรรค ผล นิพพาน ในอนาคตอันใกล้ด้วยเทอญ
ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยค่ะ
ป้าหมู
จากคุณ: lostdoc โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 13:32:46
ไม่ทราบว่าคุณป้าหมูไปปฏิบัติที่ใหนหรือครับ ผมสนใจน่ะครับ    ไปทีหนึ่งต้องกี่วันหรือครับแล้วต้องจองล่วงหน้าใหมครับ
ขอบคุณครับ
จากคุณ: rindaman โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 13:45:36
ในความคิดผมนะครับเรื่องแบบนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ครับเพราะเท่าที่อ่านมา ทั้งหมดล้วนแต่มีการยืนยันว่าความผิดพลาดในการเกิดบาดแผลและการสัมผัสของเหล วของผู้ป่วยนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งทีเดียวถึงผมเองไม่ได้เป็นหมอและไม่มีความ รู้เรื่องเอดส์ตลอดจนตัวย่อต่างๆที่คุณเขียนมากนักก็รู้สึกเห็นใจคุณอยู่ไม่ น้อยและหวังว่าคุณจะมีสุขภาพแข็งแรงและสามารถทำงาน ทำในสิ่งที่คุณรักในสิ่งที่คุณตั้งใจได้อย่างเต็มที่
ปล.หวังว่าเรื่องที่คุณเขียนมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงนะครับ
จากคุณ: pretty_pig โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 14:23:31
ขอตอบคุณ lostdoc นะคะ
สถานที่ฝึกปฏิบัติธรรม (วิปัสสนากรรมฐาน) ในเมืองไทยปัจจุบัน มีกันอยู่มากมายหลายแห่งค่ะ ทั้งที่เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม และวัดต่างๆที่มีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด หากไม่เคยปฏิบัติเลย ขอแนะนำให้ลองติดต่อไปดูที่ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยค่ะ จะมีจัดเป็นช่วงๆ ระยะเวลา 7 คืน 8 วัน เป็นการฝึกเบื้องตืน  
ผู้ที่ไม่เคยฝึกปฏิบัติเลย บางท่านอาจจะรู้สึกเบื่อหน่าย กระสับกระส่าย ที่วันๆให้แต่มาฝึกเดินจงกรม ทำอะไรช้าๆ หรือนั่งสมาธินิ่งๆ พาลจะขับรถกลับบ้านเอาง่ายๆ แต่ขอให้มีกำลังใจ อดทนให้มาก อย่าท้อถอยนะค่ะ  
แม้พระพุทธองค์เองยังทรงใช้เวลาอยู่นานหลายปี กว่าท่านจะทรงตรัสรู้ญาณอันประเสริฐ (จริงๆตามพระไตรปิฏก ท่านได้สั่มสมบุญบารมีมานับไม่ถ้วน ที่เรารู้จักกันดี ก็ทศชาติสุดท้ายไงคะ) การต่อสู้กับกิเลส เป็นเรื่องของใจค่ะ หมั่นมีสติ ตามรู้บ่อยๆ จะค่อยๆเข้าใจมันมากขึ้นค่ะ (อาจจะยังไม่เข้าใจในตอนนี้ ขอให้ได้ไปปฏิบัติก่อนนะคะ ระยะเวลาในคอร์สปฏิบัติ อีกทั้งวิทยากรผู้มีความรู้ในการปฏิบัติธรรมทุกท่าน ที่เปี่ยมด้วยเมตตา จะชี้ทางให้คุณเองค่ะ)
สำหรับดิฉัน เนื่องจากได้ปฏิบัติกับพระอาจารย์และกลุ่มเพื่อนกัลยาณมิตรมาได้ประมาณช่วงห นึ่งแล้ว (1 ปี) มีความเข้าใจมากขึ้น พอที่จะปฏิบัติเองได้แล้ว (มีพระอาจารย์เป็นผู้สอบอารมณ์ให้) ก็รวมกลุ่มกันค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงวันศุกร์ถึงอาทิตย์ หรือเสาร์ถึงจันทร์ บางทีก็เป็นช่วงวันหยุดยาว ก็จะนัดแนะกัน จัดเตรียมโปรแกรมกันเอง และขออนุญาตจากพระอาจารย์เจ้าอาวาสที่วัดป่า ไปขอใช้สถานที่ของท่านค่ะ  
ทุกครั้งหลังจากเราเจริญภาวนา ก็จะได้แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร ญาติพี่น้อง มิตรสหาย ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้ว และยังมีชีวิตอยู่ได้ด้วยค่ะ มีความสุขทั้งผู้รับและผู้ให้ค่ะ
และเมื่อปฏิบัติกลับมาแล้ว สิ่งแรกที่ดิฉันทำเมื่อกลับมาถึงบ้านก็คือ กราบเท้าคุณแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งมีพระคุณสูงสุดในชีวิต (คุณพ่อเสียไปนานแล้ว ก็แผ่เมตตาให้ท่านด้วย) นำบุญมาฝากคุณแม่ด้วย คุณแม่ก็ดีใจและอนุโมทนาบุญทุกครั้ง (ในความเชื่อทางพุทธ มีจิตเป็นกุศล อนุโมทนาบุญที่ผู้อื่นทำ เราก็ได้บุญด้วยค่ะ)
การทำบุญมีหลายแบบนะคะ ถ้าจะให้ดีก็ทำให้ครบ ทั้งทาน ศีล และภาวนา  
การทำทาน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า ทำบุญที่วัด หรือการให้อาหารสัตว์ จัดเป้นการทำทานทั้งสิ้น จะได้มากได้น้อยอยู่ที่เนื้อนาบุญ (ผู้ที่เราทำบุญด้วย เช่น พระสงฆ์ เป็นต้น) และอยู่ที่กุศลจิต ก่อน-ขณะทำ-หลังทำ ค่ะ
ส่วนศีล สำหรับฆราวาส การรักษาศีล 5 ก็จัดว่าเพียงพอแล้ว แต่ต้องไม่ย่อหย่อนนะคะ มด ยุง ก็ตบไม่ได้ ฆ่าไม่ได้ค่ะ white lie ก็เป็นการผิดศีลเช่นเดียวกันค่ะ
ส่วนการเจริญภาวนา (ปฏิบัติสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน) ถือเป็นการทำบุญที่ประหยัดและได้บุญสูงสุดค่ะ  
ขอให้ท่านได้หาโอกาสไปปฏิบัติธรรมและเผื่อแผ่บุญให้ผู้อื่นด้วยนะคะ ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะ สาธุ
ด้วยความปรารถนาดี
ป้าหมู
จากคุณ: oniphand โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 16:18:04
หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่"แต่งขึ้น"นะครับเพราะชักจะไปกันใหญ่แล้ว ถ้าเป็นผมติดเชื้อแบบนี้คงไม่มีอารมณ์มาแต่งกลอนต่อท้าย อีกอย่างสำนวนมันดูสละสลวยเกินไปเหมือนตั้งใจแต่งนวนิยาย แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ช่วยติดต่อ อ.สมศักดิ์ด้วยครับ ท่านน่าจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย
ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ขอแสดงความเสียใจด้วยและขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปอย่าเพ ิ่งท้อนะครับ
จากคุณ: giftzy โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 17:20:07
เยี่ยมที่สุดค่ะพี่หมอ!!!  Cool
คือ กิ๊ฟ เป็นนศ.พยาบาลนะคะ  
เรียนที่วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ปี 2(รพ.วชิระ จ.กทม.)  
ได้อ่านเรื่องของพี่แล้วรู้สึกดีและประทับใจในตัวพี่มาก  
(ปกติพยาบาลจาเกลียดหมอ เพราะหมอสักแต่รักษาทางกาย แต่ไม่เยียวยาจิตใจของผู้ป่วยเล้ยยย .. แถมชอบจิกใช้พยาบาลยังกะว่าเราไปป็นทาสเค้าตั้งแต่ชาติปางไหนงั้นแหละ!!!)  
 
...แต่ก้อดีใจนะคะและรู้สึกดีๆกับพี่มาก ที่พี่เป็นคนมีความคิดดี ถึงได้คิดได้  
ยังไงก้อสู้ต่อไปนะคะ ... เชื่อว่าคนเราทุกคนต้องมีความหวังใจอยู่เสมอ ที่สำคัญ อย่าลืมมองเห็นคุณค่าของตัวเองด้วยนะคะ คนเรามีค่าเสมอ ไม่ใช่แต่กับตัวเอง แต่สำหรับคนรอบข้างที่รักเราทุกๆคนด้วยค่ะ!!!
 
gift_lovely-naughty@hotmail.com
นี่เมลล์กิ๊ฟนะคะ...แอดมาได้นะคะ  
อยากคุยกับพี่จัง ...  
 
...กิ๊ฟจาคอยเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะคะ  Wink
จากคุณ: xmen2002 โพสเมื่อวันที่: 07/24/07 เวลา 21:31:42
on 07/24/07 เวลา 17:20:07, giftzy wrote:
เยี่ยมที่สุดค่ะพี่หมอ!!!  Cool
คือ กิ๊ฟ เป็นนศ.พยาบาลนะคะ  
เรียนที่วิทยาลัยพยาบาลเกื้อการุณย์ปี 2(รพ.วชิระ จ.กทม.)  
 
 
gift_lovely-naughty@hotmail.com
นี่เมลล์กิ๊ฟนะคะ...แอดมาได้นะคะ  
อยากคุยกับพี่จัง ...  
 
...กิ๊ฟจาคอยเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะคะ  Wink

เอ่อ....น้องกิ้ฟ ล่อทุกกระทู้เรยนะคะ...
เปิดเผยตัวตนต่อที่สาธารณะ มากไปมันไม่ดีต่อสุขภาพและสวัสดิภาพนะคัฟ...
พี่ว่าทิ้งเมลไว้เป็นพอเผื่อคนเค้าอยากรุจักหั้ยเค้าไปคุยซักประวัติเอาเอง. ..
ถ้าจาบอกขนาดนี้บอกเบอโท..ที่อยู่..หมายเลขห้องที่หอ..และลงรูปมันเรยดีมั้ย คัฟ...อี่อี่
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 06:42:32

 
อรุณสวัสดิ์..นะคะ คุณ  bvm...
ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ...หายเงียบไปนานเลย...
จาอย่างไงก็....ดูแลรักษาสุขภาพและมีกำลังใจที่เข้มแข็งมากๆนะคะ...
จากคุณ: /$฿\*working_age*/$฿\ โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 10:50:54
กำลังใจมากขนาดนี้ ต้องยิ้มมากๆ  
และกว้างๆ นะครับ
จากคุณ: takecare โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 11:21:01
เอาใจช่วยคุณหมอนะคะ  ดิฉันเห็นกระทู้คุณหมอจากเอ็มไทยค่ะ
ลงทุนตามลิ้งมา  แล้วก็สมัครสมาชิกเวปนี้เพื่ออยากเขียนให้กำลังใจคุณหมอค่ะ
คุณหมอสู้ๆนะคะ  รักษาสุขภาพด้วย
จากคุณ: takecare โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 11:21:25
เอาใจช่วยคุณหมอนะคะ  ดิฉันเห็นกระทู้คุณหมอจากเอ็มไทยค่ะ
ลงทุนตามลิ้งมา  แล้วก็สมัครสมาชิกเวปนี้เพื่ออยากเขียนให้กำลังใจคุณหมอค่ะ
คุณหมอสู้ๆนะคะ  รักษาสุขภาพด้วย
จากคุณ: /$฿\*working_age*/$฿\ โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 11:22:59
น้อง กิ๊ฟ  คนนี้หรือเปล่าครับ  
 
http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action= display;num=1185276361
จากคุณ: baker145 โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 14:37:04
ลูกหมีขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ
จากคุณ: misa_misa โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 20:48:57
รอฟังเรื่องราวค่ะ
ถ้านี่เป็นเรื่องจริงmisaขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ อย่างจิงใจนะคะ
แต่ถ้านี่เป็นเรื่องแต่ง misaก็โล่งอกค่ะ(ดีใจแทน)
จากคุณ: Norah Jones โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 23:08:26

อยากให้เป็นเรื่องสั้ยจังเลยค่ะ
 
 
มาให้กำลังใจนะคะ Smiley
จากคุณ: Dormicum โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 00:41:18
มาให้กำลังใจด้วยครับ  
 
ปกติเข้า TC บ่อยแต่เดือนที่ผ่านมาไม่ค่อยได้เข้าเลย
 
เพิ่งรู้เรื่องจากน้อง intern วันนี้เอง เลยรีบเข้ามาดู
 
เลยรู้สึกกับตัวเอง(อีกครั้ง)ว่า เจ้าหน้าที่ทางด้านการแพทย์
 
ที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนไข้  ไม่มีมาตราการหรือสิ่งช่วยเหลือที่เป็น
 
รูปธรรมชัดเจนเลย ในขณะที่คนไข้ ที่คิดว่าตนเองได้รับผลเสีย
 
ที่เกิดจากการรักษา ยังมีเงินช่วยเหลือให้โดยที่ยังไม่ต้องรอไต่สวน
 
นอกจาก HIV แล้วสมัยนี้ยังมีอะไรอีกเยอะครับ ทั้ง TB (วัณโรค) hepatitis B,C
 
(ไวรัสตับอักเสบบีและซี) ประมาณเกือบ 2 ปีก่อนรุ่นพี่เล่าให้ฟัง อาจารย์
 
โรงเรียนแพทย์ท่านหนึ่งติดแม่นำเจ้าพระยา อาจารย์สายรหัสผมเอง
 
เป็นศัลยกรรมตกแต่งไม่แน่ใจว่ามีดบาดหรือเข็มตำ ผลคือติดเชื้อ HCV  
 
(ไวรัสตับอักเสบซี) สุดท้าย flare อย่างรวดเร็ว ตับอักเสบมากจนตับวาย
 
เสียชีวิต คล้ายกับที่เกิดขึ้นกับพยาบาลท่านหนึ่งที่เคยทราบมาเหมือนกัน
 
ก็แค่อยากจะบอกให้คนทั่วไปรับรู้ถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับบุคคลากรทาง
 
การแพทย์อยู่ทุกวันครับ คำว่า"เป็นหมอเหมือนเที่ยวผู้หญิง"นี่ตรงใจผมมาก
 
เสี่ยงกว่าอีกเพราะว่าหมอไม่ใช่เลือกไม่ได้แต่ไม่มีสิทธิ์เลือก แล้วก็เหมือน
 
เที่ยวอยู่ทุกวัน  ที่คนไข้ไม่บอกก็มาก  นอกจาก HIV แล้วมีอีกมากครับ ที่เยอะก็
 
วัณโรค ทุกโรงพยาบาลที่เป็นของรัฐ ผมว่าไม่มีที่ไหนที่ไม่มีพยาบาลเคยเป็น TB
 
ที่ติดจากคนไข้ล่ะครับ หมอก็แยะ ปีที่แล้วเพื่อนก็เจาะปอดไปจากการเป็น
 
วัณโรคเยื่อหุ้มปอด  ที่บอกมาก็อยากให้มีมาตรการช่วยเหลือหรือทดแทนที่
 
ชัดเจน คนไข้ก็ยังมีประกันจ่ายค่าสินไหม แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุข
 
กลับไม่มีอะไรรองรับหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลอันเป็นผลที่เกิดจากการให้บริการ  
 
ทางการแพทย์นอกเหนือจากค่ารักษาให้พอทดแทนคุณภาพชีวิตที่สูญเสียไป
 
หรือ การดำเนินชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม Undecided
 
 
จากคุณ: superstarbeaver โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 13:21:30
ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
 
มีใครมีเบอร์ติดต่อคุณ bvm มั้ยครับ
ผมอยากโทรไปให้กำลังเค้าครับ
 
หรือช่วยให้เบอร์ผมกับเค้าก็ได้ครับ 081-7101942
 
ขอบคุณครับ
จากคุณ: docsis โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 15:16:13
เราเปนคนนึงที่เคยโดนเลือดเด็กที่แม่เป็น HIV โดนตอนปี 6 สัมผัสแค่เลือดภายนอก แต่มีแผลทีจมูกเล็บ  ถึงจะ risk น้อยแต่ก้อกัวๆค่ะ 3 เดือนต่อมา ไปเจาะเลือด HIV  :  Non reactive  พออ่านเรื่องนี้เลยกลัวว่าตอนเดือนที่ 6 ต้องเจาะอีกป่าว วันนี้ทางรพช.ที่เรามาอยู่มีตรวจสุขภาพประจำปี ก้อเลยเชค HIV อีกรอบ เสียวมากๆค่ะ  วันนี้ผลออกแล้ว non reactive เหมือนเดิม โล่งใจมากค่ะ เฮ้อออออ
จากคุณ: อึมม.... โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 17:15:23
ขอพระคุ้มครองน้องค่ะ Smiley
จากคุณ: unseen โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 17:39:57
สู้ต่อไปตราบใดที่ "หัวใจ" ยังไม่ยอมแพ้ สู้ๆ
จากคุณ: cef.3 โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 22:50:33
ขอความดีช่วยคุ้มครองครับ Cry
จากคุณ: nanuty โพสเมื่อวันที่: 07/26/07 เวลา 23:07:44
เป็นกำลังใจให้นะคะ  
 
เป็นเรื่องของคนใกล้ตัวจริงๆ  
 
สู้ๆๆ    อยากเป็นเพื่อนของคุณ bvm จัง
 
มีเพื่อนสนิทเป็นหมอ  ต้องฟังเขาระบาย
 
เรื่องต่างๆ  ให้ฟังทุกวัน รู้สึกเหนื่อยแทน
 
แต่ชอบที่จะรับฟัง  วันไหนที่เขาเงียบ
 
จะไม่ชอบเลย  
 Sad
 คุณ bvm  ถ้าได้เข้ามา
 
อีก  มีอะไรอยากระบาย
 
ก้อเมล์ มาคุยกันได้นะคะ เพราะ
 
เพื่อนคนนั้นเขาไม่อยู่แล้ว Embarassed  ไม่มีใครมาบ่น
 
อะไรให้ฟัง  เลย เงียบๆๆ เหงาๆๆ  
 
nanuty99@hotmail.com  ค่ะ  มีกำลังใจให้เสมอ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 07/27/07 เวลา 06:56:42

 
Morning...นะคะ คุณ bvm.... Cheesy Cheesy
จากคุณ: rasuin โพสเมื่อวันที่: 07/27/07 เวลา 08:10:12
 
         When I'm Feeling Blue
 
อ่านแล้วทำให้เศร้าไปด้วยเลยค่ะ  ขอให้สู้ต่อไปน่ะคะ  
 
 
ลองฟังดูน่ะคะ  http://music.mercigod.com/play.php?songid=6828  
 
 
 Smiley    
 
จากคุณ: takecare โพสเมื่อวันที่: 07/27/07 เวลา 08:46:43
วันนี้เข้ามาให้กำลังใจคุณหมอค่ะ  
ขอให้วันนี้ลักกี้ๆ  นะคะ
จากคุณ: yumi โพสเมื่อวันที่: 07/28/07 เวลา 01:00:10
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สิ่งที่คุณค้นพบด้วยตัวเอง
ฝ่าฟันด้วยตัวเอง
 
จนเป็นคุณทุกวันนี้  
 
ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆค่ะ Smiley
จากคุณ: babie โพสเมื่อวันที่: 07/28/07 เวลา 04:21:11
ไม่ได้เป็นหมอนะคะ แต่คนเป็นคนหนึ่งที่ทำงานร่วมกับคุณหมอทั้งหลาย ได้เข้ามาที่เว็บนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยได้สมัครเป็นสมาชิก พอได้อ่านเรื่องของคุณหมอแล้วทำให้อยากมาร่วมเป็นกำลังใจอีกคนนะคะ ดูแลสุขภาพให้คนอื่นแล้วอย่าลืมสุขภาพของตัวเองนะคะสู้ๆ
จากคุณ: babie โพสเมื่อวันที่: 07/28/07 เวลา 04:49:11
ยิ้มเข้าไว้นะคะ
จากคุณ: nimbus โพสเมื่อวันที่: 07/28/07 เวลา 05:24:54
มาให้กำลังใจด้วยคนค่ะ เข้มแข็งไว้ค่ะ
จากคุณ: annenea โพสเมื่อวันที่: 07/28/07 เวลา 13:44:22
เป็นกำลังใจให้ สู้ๆนะคะ  
 
จากคุณ: nananaa โพสเมื่อวันที่: 07/29/07 เวลา 02:33:42
อ่านแล้วใจหาย ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคน
 
ดูแลสุขภาพด้วยนะ ไม่แน่ว่า การแพทย์อาจจะคิดค้นการรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ในเร็วว้น
 
จากคุณ: Kangsa โพสเมื่อวันที่: 07/29/07 เวลา 14:43:20
ถึงคุณBVM ผมขอเรียกว่าพี่หมอแล้วกันเพราะผมก็เป็นนศพ.อยู่เหมือนกันครับ
ก่อนอื่นก็ต้องบอกเลยว่าการแพทย์ไม่ได้รักษาโรคได้ทุกโรคนะครับ และบางสิ่งก็อธิบายไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ซึ่งผมเคยฟังมาว่าเค้ารักษา sero + ได้เป็นทางสำนักสงฆ์หรือคนทรงเจ้า check up แล้ว -ve จึงอยากคุยเป็นการส่วนตัวกับพี่ เมล์มานะครับแล้วผมจะบอกที่อยู่ให้ ด้วยความหวังดีจากรุ่นน้องนศพ. เผื่อเป็นทางเลือกหนึ่งของพี่นะครับ op_tue@yahoo.com
หมายเหตุผมไม่อยากแอบอ้างว่าเค้าจะรักษาได้แต่ขอให้เป็นทางเลือกหนึ่งของพี่ นะครับ ขออภัยชาวแพทย์นะครับที่ผมอาจจะมีความเชื่อที่งมงายบ้าง
จากคุณ: SaTurN_ โพสเมื่อวันที่: 07/29/07 เวลา 17:56:46
ไม่เคยอ่านกระทู้แล้วนั่งร้องไห้มาก่อนเลย รู้สึกเสียใจแทนมากๆ
 
ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ด้วยอีกคน
จากคุณ: SaTurN_ โพสเมื่อวันที่: 07/29/07 เวลา 18:15:14
แต่เห็นด้วยกับคุณ Iron YoJin นะ มันต้องมองหลายๆมุม พูดยากปัญหาแบบนี้ Sad
จากคุณ: ThaiMan โพสเมื่อวันที่: 07/31/07 เวลา 17:02:05
มาให้กำลังใจ.ด้วยครับ
จากคุณ: cmu028 โพสเมื่อวันที่: 07/31/07 เวลา 17:42:00
วันหยุดไปทำบุญมาค่ะ ..เอาบุญมาเผื่อแผ่นะคะ  Cheesy
จากคุณ: Ig โพสเมื่อวันที่: 07/31/07 เวลา 23:52:01
ให้กำลังใจอีกคน รู้สึกเห็นใจมากๆ สู้ต่อไปนะ
จากคุณ: ปลาทอง.. โพสเมื่อวันที่: 08/01/07 เวลา 09:26:14
เป็นกำลังใจให้ครับ    
    ....     บุญรักษา   ครับ
จากคุณ: /$฿\*working_age*/$฿\ โพสเมื่อวันที่: 08/01/07 เวลา 18:39:29
มาถึงจุดนี้แล้ว
รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง หมอจะต้องสู้นะ
ทุกๆ คนจะเป็นกำลังใจให้หมอเสมอ  
และตลอดไป  
เอาบุญมาฝากหมอด้วย
จากคุณ: Puntagan โพสเมื่อวันที่: 08/01/07 เวลา 20:08:13
อ่านแล้วรู้สึก ยังไงไม่รู้แต่น้ำตาไหลตลอด
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 08/02/07 เวลา 07:40:25

Morning....ค่ะพี่  bvm....  
วันนี้...ยิ้มรับความสุข..สดชื่น มากๆนะคะ
หากเหนื่อยมาก ..ขอให้หายเหนื่อย..หายเหนื่อยเร็วๆนะคะ..... Cheesy Cheesy
จากคุณ: -=JFK=- โพสเมื่อวันที่: 08/02/07 เวลา 13:46:54
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้
 
อ่านแล้วเศร้าใจครับ
 
ไม่แน่ใจว่าคุณหมอที่เขียนเรื่องนี้ เล่าประสบการณ์ตัวเองที่ประสบมา
 
หรือว่าเขียนเป็นเรื่องแต่ง  เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจพวกเรา ให้ระมัดระวัง สิ่งทึ่จะเกิดขึ้น
 
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ขอบคุณครัรบ
 
และใจจริงแล้ว อยากให้มันเป็นแค่เรื่องแต่งครับ
จากคุณ: jangdonkan โพสเมื่อวันที่: 08/02/07 เวลา 21:17:28
fighting   สู้ สู้ ครับ  ดูแลสุขภาพด้วยครับ
จากคุณ: pkkfirst โพสเมื่อวันที่: 08/02/07 เวลา 23:26:21
คงตกใจและเสียใจมาก อย่าเพิ่งท้อและหมดกำลังใจนะคะ เพื่อนๆแพทย์ด้วยกันเข้าใจและเป็นกำลังใจให้ค่ะ มีอะไรให้ทำอีกเยอะทางการแพทย์
 
จริงๆแล้ว ที่รพ. ควรจะมี Pre& Post-couselling ก่อนนะคะ เพราะตอนที่คุณไปเจาะเลือดนี่ ไม่มีการปกปิดประวัติเลย จริงๆแล้ว มันต้องใช้Codeนะแล้วพยาบาลcounselling0เป็นคนเจาะเลือดไปตรวจให้เอง  ทำไม ทำแปลกๆอ่ะ
จากคุณ: nobetakung โพสเมื่อวันที่: 08/03/07 เวลา 19:36:31
เป็นกำลังใจให้อีกคนนะครับ...
จากคุณ: มาร รา วี (ชั่วคราว!) โพสเมื่อวันที่: 08/04/07 เวลา 12:21:07

mevaree เป็นกำลังใจ ให้นะคะ  
 
ชีวิตที่พี่เล่าทำให้หนูน้ำตาไหล   Cry   และคิดอะไร ดีๆ ในชีวิตได้ค่ะ  
 
สู้ต่อไปนะคะ เชื่อค่ะ ว่า ทำดีต้องได้ดี
 
พี่เป็นฮีโร่ของหนูนะคะ   Smiley  Smiley
จากคุณ: arm โพสเมื่อวันที่: 08/04/07 เวลา 12:40:23
on 07/11/07 เวลา 23:20:22, bvm wrote:

3 อาทิตย์ผ่านไป สภาพจิตใจของผมดีขึ้นตามลำดับ ถึงแม้ว่ายังไม่เหมือนเดิมนัก แต่ว่าอย่างน้อยผมก็รูว่าผมยังมีคนเป็นห่วงและให้กำลังใจอยู่อีกมาก ที่สำคัญวันนี้เป็นวันศุกร์ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ไม่มีเวร ผมจะได้กลับบ้านซักที เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น
 
ผมไม่ได้กลับบ้านมาซัก 2 เดือนแล้ว พ่อแม่ผมดีใจที่วันนี้ผมจะกลับและอยู่กับที่บ้านในวันหยุด แต่การกลับบ้านครั้งนี้ของผมไม่เหมือนทุกครั้ง ผมวางแผนที่จะบอกข่าวร้ายที่สุดให้กับคนที่ผมรักที่สุดซึ่งก็คือพ่อแม่ของผม  ตลอดทางระหว่างผมขับรถกลับกรุงเทพ ผมคิดหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกโดยที่เจ็บน้อยที่สุด แต่ก็คิดไม่ออก เพราะว่าเรื่องของผมมันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ ผมไมอยากให้พ่อแม่เป็นเหมือนกับที่ผมที่รู้ข่าวในช่วงแรก
 
คืนวันเสาร์ ผม พ่อแม่ และน้องน้อง นัดกันไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก แต่ครอบครัวของผมก็ยังเป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีความสมัครสมานสามัคคีกันดี ผมทำตัวเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราคุยกันหยอกล้ออย่างเคย ทุกคนต่างเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนที่ไม่ค่อยได้เจอกัน  แม่ถามผมว่า ทำงานเหนื่อยมั้ย คนไข้เยอะหรือเปล่า อย่ามัวแต่หาเงินนะ กลับมาบ้านบ้างก็ได้ ผมยิ้มกลับให้แม่ แต่หัวเราะไม่ออก คำถามของแม่มันช่างเจ็บปวดเหมือนกับจะบังคับให้ผมบอกข่าวร้ายตรงนัน ภายในตาทั้งสองมีน้ำตาเอ่อรอล้นออกมา ผมตอบแม่ว่า ผมสัญญา เพราะต่อไปนี้ผมคงไม่ทำงานหนักอีกแล้ว แม่ฟังผมแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
 
เมื่อกลับถึงบ้าน คืนวันอันแสนสุขได้ผ่านไป ความจริงที่กำลังจะปรากฎต่อหน้าพ่อแม่ผมไม่แน่ใจว่าท่านจะรับไหวหรือไม่ ผมสัญญากับพี่เนศแล้วว่าผมจะบอกเมื่อผมพร้อม เพราะว่าพ่อแม่ก็คงมีอาการเหมือนกับผมในช่วงแรกที่ทราบข่าว ผมจำเป็นต้องมีสติและเป็นผู้คุมสถานการณ์ให้ได้ ผมพร้อมแล้ว ผมบอกตัวเองว่าผมพร้อมแล้ว วันนี้เราจะเผชิญหน้ากับความจริง
 
ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของพ่อแม่ กดล็อกประตู นั่งบนเก้าอี้ในห้อง ทำหน้าตาจริงจังเล่าเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นตอน พ่อแม่ผมเริ่มสีหน้าไม่ดีเพราะรู้ว่าน่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น “ผมติดเชื้อ HIV” ผมบอกพ่อแม่เป็นประโยคสุดท้ายว่าผมติดเชื้อ HIV ในตอนนั้นแม่ผมล้มลงไปคุกเข่ากับพื้น ร้องไห้และสับสนมากในเรื่องราวที่เกิดขึ้น พ่อผมยืนนิ่ง ตกใจไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมก้มลงไปประคองแม่ของผมขึ้นมาจากพื้น แต่แม่กุมมือผมแน่นทั้งสองข้าง โอบกอดรัดตัวผมแนบสนิท เหมือนกลัวว่าใครจะพรากของที่รักที่สุดไป “แม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ แม่ไม่ได้ตั้งใจที่บังคับขู่เข็ญให้เรียนหนังสือ แม่เพียงหวังจะให้ลูกได้ดีเมื่อโตขึ้น แม่ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดกับลูก แม่ขอโทษ” แม่ผมพูดแล้วร้องไห้ไม่หยุด ผมไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้มากขนาดนี้มาก่อน แม่คิดว่าผมกำลังจะตาย แม่ผมคิดอย่างนั้น ผมค่อยๆอธิบายเรื่องราวของโรคนี้ทั้งหมดให้แม่ฟัง แม่สนใจมาก ถามทุกประเด็นที่ท่านสงสัย แม่ถามผมว่าลูกจะลาออกไหม กิจการที่บ้านมันมากพอที่ผมจะไม่ต้องเหนื่อยอีกเลยตลอดชีวิต ผมไม่รู้หรอก ผมคิดไม่ออก ผมไม่กล้าตัดสินใจ
 
สุดท้ายผมก็ได้ทำบาปครั้งใหญ่่คือสร้างความทุกข์อย่างใหญ่หลวงให้กับพ่อแม่ คืนนั้นแม่ผมนอนร้องไห้ทั้งคืน ผมเสียใจกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาในชีวิตผมและครอบครัว แต่ผมก็ดีใจเพราะอย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีเพื่อนมาเดินอยู่ข้างๆผมอีกสองคนแล้ว  
 
คืนวันอาทิตย์ ผมเก็บของเตรียมกลับไปต่างจังหวัดเหมือนเคย แม่เดินเข้ามาพูดคุยกับผมตลอด ผมจำได้ดีว่าคำพูดทุกคำของแม่ที่พูดกับผมตอนนั้นมันกลั่นออกมาจากความห่วงใย ที่สุดที่คนคนหนึ่งจะให้กับคนคนหนึ่งได้ แม่เป็นห่วงผมในทุกเรื่อง แม่ถามทุกคำถามที่แม่นึกออก ผมหัวเราะให้แม่ ผมหัวเราะครั้งแรกของผมให้กับแม่ ผมรู้สึกเหมือนผมกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง
 
ผมกลับไปทำงานตามปกติ ตอนนี้ผมดีขึ้นมาก ผมบอกทุกคนที่ควรจะรู้จนครบแล้ว รู้สึกเหมือนหน้าที่ผมลุล่วงไปด้วยดี วันนี้ผมมีกำลังใจมากขึ้นกว่าทุกวัน ตอนนี้ก็เหลือเพียงเรื่องของผมที่พร้อมจะเดินต่อไปหรือไม่เท่านั้น  
 
แต่เรื่องของผมนี่แหละที่เป็นปัญหา ผมได้รับการตอบรับเพื่อเป็น resident ศัลยกรรมของโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง พี่ที่แผนกธุรการโทรมาทวงเอกสารที่ผมยังส่งไม่ครบ เพราะว่าถ้าเกินกำหนดนั่นแปลว่าผมสละสิทธิ์ เรื่องนี้มันเป็นปัญหาใหม่ให้ผมจริงๆ คำถามคือศัลยแพทย์ที่ติดเชื้อทำผ่าตัดได้หรือเปล่า ผมสับสน ไม่กล้าตัดสินใจ ผมนอนคิดอยู่ทั้งคืน ผมอยากเรียนศัลย์ แต่ไม่รู้ว่ามัน fair กับคนไข้หรือเปล่าHuh
 
วันรุ่งข้นผมเดินไปหาพี่เนศและพี่ปก ผมถามคำถามนี้กับพี่ๆ โดยหวังว่าผู้ใหญ่น่าจะมองในกรอบที่กว้างกว่าเด็ก พี่เค้าตอบว่ามองเผินๆอาจจะใช่ แต่พี่ว่าไม่ เพราะเวลาเราผ่าตัดเข็มเราจะเลอะเลือดคนไข้ตลอด เวลาพลาดโดนเข็มตำ เลือดของคนไข้ก็จะมาเปื้อนเราทำให้เราติดเชื้อ แต่ในทางกลับกันถ้าเข็มเปื้อนเลือดเราเมื่อไร เราคงเปลี่ยนเข็มนั้นเพราะมัน contaminated ไปแล้ว เราคงไม่เอาเข็มที่เปื้อนเลือดเราไปเย็บต่อ ส่วนในกรณีที่ว่ากลัวเลือดหยดลง field คงไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเราคงไม่ได้ใช้กรรไกรหรือมีดมาตัดนิ้วเรา เลือดถึงมากพอที่จะตกลงไปได้ ผมคิดดูมันก็จริง แต่คนไข้จะยอมรับเหรอ ไม่มั้ง ผมว่าไม่ ใครจะยอมให้หมอที่ติดเชื้อมาผ่าตัด  
 
อนาคตของผมมันผันแปรไปเป็นเพราะผมอยากเป็นหมอผ่าตัด ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ทั้งที่รู้ว่าวันนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไปในทางตรงข้ามเพราะว่าเข็ม 1 เข็มกับเลือด 0.01 ccนั้น แต่ผมก็ยังดื้อด้านกลับไปหาสิ่งนั้น ผมถามตัวเองว่าผมทำไปเพื่ออะไร คุ้มจริงจริงเหรอที่จะกลับไปเรียนหนัก ทำงานหนัก ศัลยกรรมมันเหนื่อยนะ มันจะทำให้ขีวิตมันแย่ลงหรือเปล่า ตอนนี้เราไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว เราจะมาคิดแบบเดิมไม่ได้ แต่ไม่ใช่ ใจผมตอบว่าไม่ใช่ ตัวผมเปลี่ยนไป แต่ใจยังรักเหมือนเดิม ผมยังอยากเป็นหมอศัลยกรรม ผมว่าตัวผมมีคุณค่า ผมคิดว่าชีวิตในอนาคตของผมจะไม่อยู่อย่างคนขลาด อยู่อย่างเจียมตัวว่าเป็นคนป่วยแล้วไม่คิดทำอะไร ผมเกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่มาพร้อมกับผม ผลเลือดที่เปลี่ยนไปไม่ได้ทำให้ชีวิตผมจบลง ผมไม่ยอมแพ้เข็ม 1 เข็มกับเลือด 0.01 cc ในคืนนั้นแน่ ชีวิตที่เกิดมาตั้ง 20 กว่าปียังไงก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะเหตุการณ์ในช่วงวินาทีเดียว ไม่มีทาง
 
 
ลุกขึ้น  ยืนหยัด  กัดฟันสู้
กลับมองดู ความฝัน ครั้งหลัง
วันนี้  วันใหม่  ผมมีพลัง
ไม่มีใคร  มารั้ง ผมต่อไป
 
ไปข้างหน้า  เจ็บขา  ได้บางคร้ง
เหนื่อยก็นั่ง   พักใจก่อน  ให้สดใส
พรุ่งนี้มา  เราสู้ใหม่  ไม่อ่อนใจ
ไม่ยอมให้ สิ่งไหน  มาทำลาย
 
ยิ้มหัวเราะ  ต่ออุปสรรค  ที่เกิดขึ้น
เพราะว่ามึง  จะไม่เกิด   เป็นซ้ำสอง
ความสำเร็จ ในวันหน้า จะมากอง
เหล่าเพื่อนพ้อง ร่วมสรรเสริญ ในโชคชัย

 
 
ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ
 
คือถ้าเป็นในโรงเรียนแพทย์
 
พี่ๆทั้ง staff และ resient จะไม่ให้ intern หรือ extern ผ่าตัดคนไข้ที่ติดเชื้อ HIV เลยค่ะ
 
เลยไม่ทราบว่า ที่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทำเหมือนทีเชียงใหม่ด้วยหรือเปล่าน่ะค่ะ
 
ตรงนี้ น่ากลัว เพราะ ให้แพทย์ที่เพิ่งจบใหม่ ทำผ่าตัด คนไข้ HIV
จากคุณ: arm โพสเมื่อวันที่: 08/04/07 เวลา 13:01:36
on 07/15/07 เวลา 09:44:09, IronYoJin wrote:

 
ถ้าโอกาสโดนเข็ม+เลือด จากการผ่าตัดคือ 1 เคสใน 300 เคส
 
มีใครเคยเข้าเคส positive ถึง 300 เคสบ้าง
 
ผมนับถือนะถ้าบอกว่าเข้าเคสกันได้ไม่รู้สึกอะไร
 
แต่ผมถ้าต้องเข้าเคสด้วยกันบ่อยๆ โอกาสมันเพิ่มขึ้น ถ้าปีละ 50 ครั้งก็หวิวๆแล้ว
 
ถามว่าใส่ถุงมือสองชั้น กับการไม่ไป expose ผมคงเลือกอย่างหลัง
 
ประเด็นของผมคือ น้องเขาได้บอกผู้ร่วมงานและคนไข้รึเปล่าครับ
 
ถ้าโอกาสติดจากแพทย์ที่ใส่ถุงมือ และโอกาสที่เลือดออกจากแพทย์ไปสู่ผู้อื่นน้อย การเข้าเคสและทำเป็นประจำโอกาสมันก็สูงขึ้น
 
สงสาร เห็นใจ เข้าใจ --> อยากให้มีคนได้รับความรู้สึกแบบนี้จากคนอื่นเพิ่มขึ้นอีกไหม

 
 
ตรงนี้ก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับคุณ นะคะ
 
อาจจะสวนกระแสไปบ้าง
 
แต่ความเป็นจริงก็คือว่า
 
ผู้ป่วยมีสิทธิหรือไม่ที่จะปฏิเสธการถูกกระทำหัตถการจากแพทย์ที่มีเชื้อ HIV อยู่ในร่างกาย
 
คุณได้ให้โอกาสเขาเลือกหรือไม่ค่ะ
 
เห็นใจคุณหมอ
 
แต่ว่า เรื่องของความเป็นจริงก็คือ ต้องยุติธรรมกับคนรอบข้างเราด้วยนะคะ
 
อันที่จริง ไม่เห็นด้วย ในการเรียนต่อ ด้านศัลยกรรม ของคุณหมอ
 
เพราะเหตุผลนี้ด้วยค่ะ คือ
1. ต้องมีผู้ป่วยและผู้ร่วมงานที่มาสัมผัสคุณหมออีกมากต่อจากนี้ไป
2.คุณหมอจะต้องทำงานและเรียนอย่างหนัก ไม่ดีกับโรคที่เป็นอยู่เลยค่ะ
 
พอจะมีหนทางอื่นที่คุณหมอจะเรียนทางด้านอื่นได้มั้ยคะ
ที่ไม่เสี่ยงกับการเป็นแผลน่ะค่ะ
 
ตัวดิฉัน เคยเลือดคนไข้กระเด็นเข้าตา เคยถุงมือรั่วขณะทำหัตถการคนไข้HIV เคยโดนเข็มตำ และโดนเลือดบาดมือ
ไปเจาะเลือดแค่ครั้งแรกครั้งเดียวแล้วก็ไม่ไปอีกค่ะ
และไม่กินยาต้านด้วย
ใจบอกตัวเองว่า ติดก็ติด เสี่ยงดวงเอา
โชคยังดีที่ตอนนี้ถึงจะเจาะเลือดกี่ครั้งก็ยังปกติค่ะ
จากคุณ: arm โพสเมื่อวันที่: 08/04/07 เวลา 13:08:57
อีกประเด็นหนึ่งที่อยากจะคุย
 
ไหนๆก็เข้ามาในกระทู้ที่เกี่ยวกับ HIV แล้ว
 
ทุกท่านคงจะทราบดีว่า ระบบ กระทรวงสาธารณสุขนั้น
 
การเลือกใช้น้ำยาและเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ ไม่ได้แตกต่างจากการเลือกบริษัทผลิตยาในแต่ละ item เลย
 
กล่าวคือ **********ราคาถูกที่สุด************ สำคัญอันดับแรก
 
และยังไม่มีที่ไหนที่ทำการคำนวณและทดลอง ความคุ้มค่า ของจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น (cost-effectivenes)
 
นี่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่าค่ะ
 
พี่สาวเคยเป็นdetail บริษัทขายเครื่องมือและน้ำยาทางการแพทย์โดยเฉพาะห้องแลปค่ะ
 
ที่บริษัทมีน้ำยาตรวจสอบ HIV ทั้ง Ab และ Ag ค่ะ
บังเอิญว่า ประสิทธิภาพ 99+% ทีเดียว แต่ราคาสูงกว่าอีกบริษัทหนึ่งที่ ประสิทธิภาพ 96+% 10 บาท ต่อ 1 test
 
ต่างกัน 10 บาทค่ะ
ถ้าในแง่ผู้บริหาร จะต้องบอกว่า ไม่คุ้มเลย ถ้าทำเป็นจำนวนมาก ผลต่างก็ต้องออกมาเป็นตัวเลขจำนวนเงินสูงทีเดียว
 
แต่ขอถามคุณๆ
ถ้าหากว่า โรงพยาบาลบอกว่า ให้คุณเลือกน้ำยาที่จะใช้ตรวจ เป็นแบบดีมากๆนะแต่ขอให้คุณจ่ายเพิ่มอีก10บาทกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น4เป อร์เซ็นต์
คุณจะจ่าย 10 บาทมั้ยคะ(ถ้าเป็นดิฉัน 1 ล้าน ดิฉันก็ยอมจ่ายค่ะ)
แต่นี่คนไข้โรงพยาบาลนั้นเขาไม่มีทางเลือกค่ะเขาก็ต้องเสี่ยงกับน้ำยาที่มีป ระสิทธิภาพ96+%
จากคุณ: nobetakung โพสเมื่อวันที่: 08/04/07 เวลา 19:23:06
ในความเป็นจริง คนที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้เสี่ยงทุกคนแหละครับ
 
ผมเชื่อว่า แพทย์เกือบ 80% ต้องเคยโดนเข็มตำ หรือ โดน d/c จากคนไข้ HIV บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
 
ผมเองก็เคยโดนตอนเป็น นสพ. ต้องเจาะเลือดหลายครั้ง และ ทานยาต้าน เกือบเดือน แต่ทน S/E ไม่ไหว เลยต้องเลิกทานเสียก่อน แต่โชคดีที่ผลเป็นลบ
 
ที่แย่กว่านั้น ตอนที่ผมอยู่ รพช. มีอยู่ช่วงนึงที่คนไข้ preg ที่ HIV+ve ถ้าเข้าโครงการทานยาต้าน จะได้รับการ C/S เพื่อลด risk ประมาณ 4 % ได้มั้ง ผมเป็นหมอทั่วไปในตอนนั้น ที่ต้องผ่า C/S ตามโครงการ (แต่ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรนะครับ)  
 
ต้องทำไปตามหน้าที่ บอกตรงๆว่ากลัวเหมือนกัน ยิ่งพยาบาลที่เข้า case ด้วยยิ่งกลัวใหญ่ แต่ก็ต้องทำครับ เราเป็นหมอนี่นา
 
ยังไงผมก็ขอให้กำลังใจคุณหมอ bvm นะครับ
 
และผมก็อยากทราบด้วยว่าทางแพทยสภา และ กลุ่มวิชาชีพของพวกเรามีการดำเนินการอย่างไรบ้างในเรื่องนี้ครับ
 
อย่าให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผ่านเข้ามาและผ่านไปนะครับ ผมว่าเรื่องนี้เป็นกระทู้ที่สะเทือนใจอย่างมากเลย
จากคุณ: namprig โพสเมื่อวันที่: 08/05/07 เวลา 09:28:30
ขอเป็นกำลังใจให้คุณ bvm อีกคน
ไม่เห็นด้วยกับการเรียนศัลย์เช่นกัน เพราะถ้างานหนัก ภูมิคุ้มกันร่างกายก็ต่ำด้วย
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
จากคุณ: ซ่อนกลิ่น โพสเมื่อวันที่: 08/05/07 เวลา 15:17:50
น้ำตาไหลพรากๆเลย Cry Cry
 
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
จากคุณ: ThaiMan โพสเมื่อวันที่: 08/05/07 เวลา 15:23:58
เข้ามาให้กำลังใจ...
ขอให้มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไปครับ
 
จากคุณ: Teletubby โพสเมื่อวันที่: 08/05/07 เวลา 21:08:23
คือว่าไม่เคย post มาก่อน แต่อ่านกระทู้คุณ bvm มาตลอด เลยอยากขอแสดงความเห็นครับ
 
ผมสงสารและเห้นใจคุณ bvm อย่างมาก คุณถือเป็นคนโชคร้ายที่สุดคนนึงที่ผมเคยทราบ (พอพอกับคุณคริสที่ช่วยคนอื่นแล้วโดนรถชนซะเอง) แต่ผมก็ยังเห็นด้วยกับคุณ arm และคุณ namprig ว่าถ้าเป็นไปได้คุณ bvm น่าจะเรียนสาขาอื่นที่ไม่ต้องมีความเสี่ยงหรือความเสี่ยงต่ำ แต่ไหนไหนก็เรียนไปแล้ว ถ้าเราลองมองในแง่ดี ผมยังมีเหตุผลดีดีที่ยังเชียร์คุณหมอ bvmอยู่หลายข้อครับ
 
- หลังจบคุณหมอจะสามารถผ่าตัดคนไข้ HIV ได้อย่างไม่มีความกังวล ทำให้มีสติในการทำงานมากกว่าหมอที่กังวลว่าอาจติดเชื้อ เนื่องจากในปัจจุบันมีหมอ med ที่น่านับถือหลายท่านได้เสียสละตัวเองเข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยHIVอย่างจริงใจ  แต่ยังไม่เคยได้ยินว่ามีหมอศัลย์คนไหนที่ออกตัวว่าเล่นเรื่องนี้อยู่ ซึ่งประเด็นสำคัญคงเป็นเพราะกลัวติดเชื้อจากการทำหัตถการ สิ่งนี้ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่ดีสำหรับคนไข้ HIV ที่คงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตคุณหมออาจตั้งศูนย์ผ่าตัดสำหรับผู้ติดเชื้อ หรืออาจเป็นรพ.ของผู้ติเชื้อที่มีทั้งหมอ med และหมอศัลย์อยู่ด้วยกันก็ได้
 
- หัตถการทุกอย่างใช้ของมีคมในการผ่าตัด แต่ยังมีการรักษาอีกอย่างที่มาแรงมากในปัจจุบันและคิดว่ายังคงพัฒนาต่อไปเรื ่อยๆ คือ scope ครับ ซึ่งเป็นการใช้อุปกรณ์อื่นแทนมือในการผ่าตัด ถ้าอนาคตคุณหมอทำแต่หัตถดารที่เป็น scopeเลือดของคุณหมอคงไม่มีโอกาสโดนคนไข้นะครับ  
 
- ตลอดเวลาที่ผมทำหัตถการมาก็มีโดนมิดบาดหรือเข็มตำมาบ้าง ในกรณีของเข็มตำเวลาเจาะเลือด เราคงไม่เอาเข็มนั้นไปเจาะคนไข้อีก ซึ่งคงไม่มีอันตรายกับคนไข้ แต่ในกรณีของเข็มตำหรือมีดบาด ใน OR ก็อาจมีความเสี่ยง แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะมีหมอท่านไหนปล่อยเลือดหยดลงไปใน field ผ่าตัดหรอกครับ (ในกรณ๊นี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าเคยมีใครทำเลือดตัวเองหยดลงในคนไข้ เพื่นๆท่านใดมีความเห็นก็ share กันได้นะครับ)
 
- คุณหมอbvm จะยังสามารถช่วยคุณหมอในแผนกอื่นทำผ่าตัดที่มีความเสี่ยงได้ เช่น การทำ c/s ในคนไข้ HIVซึ่งเชื่อว่าลด rate ของ vertical infection  ผมว่าเป็นหมอศัลย์น่าจะทำ c/s ได้ไม่ยาก เนื่องจากมี skill อยู่แล้ว แต่อาจต้องไปดูซัก 2-3 ครั้งเป็นการฟื้นความจำ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีของทั้งหมอสูติ และคนไข้ครับ
 
ในความคิดของผม คุณหมอได้เสียสละชีวิตของตัวเองให้กับอาชีพแพทย์ เป็นการเสียสละชีวิตที่หมายถึงการสละชีวิตจริงๆ ถ้าเป็นผม ผมคงเลิกเป็นหมอไปทำงานอย่างอื่นแล้ว ผมไม่สามารถทำงานต่อได้ สิ่งที่คุณหมอทำอยู่ผมขอแสดงความนับถือจากใจจริง  
 
ป.ล. ถ้าอนาคตผมต้องให้คุณหมอเป็นคนผ่าตัด ผมก็ยินดีครับ อยากให้คุณหมอสู้ต่อไปครับ
จากคุณ: SC2 โพสเมื่อวันที่: 08/06/07 เวลา 01:21:03
ผมมาให้กำลังใจ ครับ  ใครไม่เคยป่วยหนัก คงไม่รู้ว่ามันแย่ขนาดไหน  
ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ดีครับ (ผมเป็นหมอเหมือนกัน เพิ่งเรียนจบ
และเป็นคนไข้เปลี่ยนไตด้วย คือ เปลี่ยนขณะ อยู่ปี 1 แต่ก็อดทนเรียนจนจบ
ตอนนี้ใช้ทุนอยู่ชุมชนครับ เนี่ยยังไม่รู้เลยว่า transplant  kidney จะ function อีก กี่ปี แล้วจะกลับไปฟอกเลือดอีก เมื่อไหร่ จะทำงานไหวมั้ย จะเปลี่ยนครั้งสองอีก เมื่อไหร่ ขณะนี้ ก็ทำได้ แค่ ดูแลตัวเอง และ on ยา ให้ตรงเวลา เท่านั้น  
เรื่อง  on ยานี่ ทำอย่างเหมือนกัน นะครับ ยิ่งเป็นหมอเนี่ย จะไม่ค่อยว่างอยู่ด้วย
แต่ทำไงได้ หละครับ )  
ไม่รู้นะพี่ ผมว่าเราสองคน จะเจอ ความรู้สึก ท้อแท้ ในโชคชะตา บ้าง แต่ ก็ ต้องอยู่กับมันให้ได้นะครับ  แล้วดูแลตัวเองให้ดีที่สุดครับ อย่างผมนี่ ก็ ต้อง on ยาไปตลอดชีวิต กันหละครับ  
 
ล่าสุด นี่ ผมก้อ เพิ่งมาพบว่าตัวเองโดน Hep B เข้าไปอีกดอกหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาจากไหน เลยคิดไปว่า คงได้มาจาก การเป็นหมอเนี่ยละแต่ไม่รู้ว่ามายังไง เลยต้อง early on ยาต้านไวรัส ครับ
 
 
จากคุณ: u4401024 โพสเมื่อวันที่: 08/06/07 เวลา 10:58:32
ขอบคุณนะครับที่สอนให้ผมรู้คิดมากขึ้น...เป็นกำลังใจให้นะครับ
จากคุณ: โอเปอเรเตอร์ร้านพิซซ่านุ่งสั้น โพสเมื่อวันที่: 08/06/07 เวลา 18:24:26

 

 
 
 
เข้ามาแปะให้ครบ 300
 
 Grin  Grin  Grin
 
ไงก็ยิ้มสู้ชีวิตนะจ๊ะ
 
จาก ริโยะ โม๊ะใหญ่  
 
Miss Universe 2007
 
 Kiss  Kiss  Kiss  
 
จากคุณ: raindrops โพสเมื่อวันที่: 08/07/07 เวลา 12:50:11
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: babie โพสเมื่อวันที่: 08/07/07 เวลา 17:27:39
แวะเวียนมาติดตามข่าวคราว และยังเป็นกำลังใจให้เสมอ
 
สู้ๆคะ
จากคุณ: DoctorWHO โพสเมื่อวันที่: 08/08/07 เวลา 00:16:27
อันใดๆในโลกนี้ ยากจะเดา
เวลาเรานั้นแสนสั้นหนักหนา
หลง โกรธ โลภ รัก เกลียด เป็นมายา
ทุกข์โศกาเพราะไคว่คว้าเกินความจริง
 
พระท่านสอนให้ประคับประคองจิต
คุ้มกันพิษเภทภัยได้ทุกสิ่ง
ครองชีวิต ครองสติ อย่าประวิง
กาย ใจ นิ่ง สู่ปัญญาพานิพพาน
 
----------------------------------------------
 
Everything on earth...unpredictable.
Every year passes...life shortens.
Love, hatred, anger, greed...all illusions.
We are suffering from our delusions.
 
Lord tell us to be cautious with manners.
Protect us from all dangers.
Live a life with mindfullness, no incontinence.
Follow the path to the enlightenment.
 
จากคุณ: GLOC โพสเมื่อวันที่: 08/08/07 เวลา 02:40:38
ผมอ่านดูหลายรอบแล้ว  อย่าว่ากันนะที่ผมจะขอออกความเห็นว่า คุณ bvm เอา fm จากที่อื่นมาลงอีกที หรือไม่ก็แต่งเรื่องขึ้นมาเอง เพราะสังเกตุจากการ post จะไม่มีการพูดคุยโต้ตอบเรื่องอื่นกับคนอื่นๆที่อยากจะติดต่อกับคุณ bvm ซะเหลือเกิน  เอาtext มาลง แล้วก็หายไป  ใครเข้ามาให้กำลังใจ ชวนพูดคุย  ขอวิธีติดต่อกลับ  จะไม่มีการมาpost ตอบ หรือขอบคุณใครเลย  ลีลาสำนวนการบรรยายเรื่อง(รวมถึงมีกลอนแทรกเป็นระยะ) ไม่ได้สื่อถึงความรู้สึกท้อแท้ใจ ตกใจ หรือกังวลใดๆ  อ่านแล้วเหมือนกำลังอ่านนิยายเพื่อความประเทืองอารมย์
 
ยินดียอมรับคำด่าทุกความเห็นครับ   แต่ผมสงสัยอย่างนี้จริงๆ
จากคุณ: talae โพสเมื่อวันที่: 08/08/07 เวลา 19:32:34
เป็นกำลังใจให้นะคะ...สู้ๆๆค่ะ Smiley
จากคุณ: miko โพสเมื่อวันที่: 08/09/07 เวลา 09:04:21
เพิ่มเข้ามาอ่านค่ะ     ภาวนาขอให้เรื่องนี้เป็นแค่นิยายไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นจริงเลยค่ะ    ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครทั้งสิ้น    ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ขอเป็นกำลังใจให้ คุณหมอbvm สู้เข็มแข็งไว้นะค่ะ   ขอให้ปาฏิหารย์มีจริงค่ะ    ทุกคนเกิดมาต้องตายทุกคนจะเร็วจะช้าจะตายด้วยเหตุอันใดก็ขึ้นชื่อว่าตายทุกค นเรื่องธรรมดาค่ะ Smiley
จากคุณ: sweettofu โพสเมื่อวันที่: 08/09/07 เวลา 18:15:35
วันนี้ผมโดนเข็มผู้ป่วย HIV+ve แทงทะลุนิ้วครับ
เศร้ามากๆ ขนาดว่าระวังตัวแล้วสุดท้ายก็พลาด
ผมไม่อยากเป็น.....เลยครับ
ตอนนี้ผมคิดว่าถ้าผมรอดจากครั้งนี้ผมจะไม่เรียนสาขาไหนที่ต้องทำหัตถการกับผ ู้ป่วยแล้วครับ
 
ผมคิดกลับไปกลับมาหลายครั้งว่าอาชีพของพวกเรานั้นเสี่ยงเหมือนไปออกรบกับศัต รูที่มองไม่เห็นอยู่ตลอดเวลา ทุ่มเทกับงาน เอาสุขภาพของตัวเองไปทิ้ง ทั้งยังเจอผู้ป่วยที่พร้อมจะฟ้องเราทุกเมื่อ ทั้งๆที่อธิบายให้เข้าใจแล้วก็ตาม เพื่อแลกกับค่าแรงหรือเงินเดือนเล็กน้อยไม่เท่าไร  
ถึงเวลาหรือยังครับที่ประเทศไทยจะมี พรบ.ป้องกันผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พศ......สักที
 
 Cry Cry Cry
 
จากคุณ: takecare โพสเมื่อวันที่: 08/09/07 เวลา 21:52:48
ขอให้มีความสุขกับวันนี้นะคะ
จากคุณ: takecare โพสเมื่อวันที่: 08/10/07 เวลา 16:00:06
Grin Grinมีความสุขมากๆนะคะ
จากคุณ: Little_boy โพสเมื่อวันที่: 08/10/07 เวลา 18:10:35
พ้มก็อยากให้มันเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นนะครับ
ขอให้มีกำลังใจสู้ต่อไป homo
จากคุณ: Sama โพสเมื่อวันที่: 08/10/07 เวลา 23:26:05
เราว่าคนที่อยากให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมากที่สุดคงเป็น คุณ bvm
 
อย่ายอมแพ้นะคะ โลกมักมีบททดสอบที่ยาก ๆ และยากขึ้นเรื่อย ๆ มาทดสอบเราเสมอ วันใดก็ตามที่เราผ่านแต่ละบทมาได้ นั่นก็คือ เราโตขึ้นกว่าเดิมมาอีกหนึ่งขั้นเสมอ
 
ทุกปัญหาย่อมมีทางออกในตัวของมันเอง แล้วแต่ว่าเราจะมองเห็นหนทางนั้นหรือไม่
 
เราเชื่อว่าคุณbvm ต้องเจอทางออกที่ดีแน่
จากคุณ: ช่อชมพู โพสเมื่อวันที่: 08/12/07 เวลา 00:41:24
พี่ชมพูเคยให้กำลังเพื่อนๆในเวบนี้มามาก
พอมาอ่านเรื่องของคุณหมอแล้วน้ำตาซึม
คุณหมอถ่ายทอดได้ดีมาก
 
อยากให้อยู่กับเค้าอย่างมีความสุข
เคยมีคนไข้มะเร็งพูดแบบนี้ แล้วก็คิดว่าเป็นวิธีคิดที่ดีมากๆ
 
อยากให้มีสติ เข้มแข็ง ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ
 
เรียนศัลย์งานหนักนะคะ กินนอนไม่เป็นเวลา
 
 
ได้รับหนังสือบอกบุญมาจากรพ.อำเภอทางเหนือ
เค้าจะสร้างสถานที่ดูแลผู้ป่วยเอดส์คล้ายกับ
วัดพระพุทธบาทน้ำพุ ลองไปเป็นอาสาสมัคร
เหมือนกับโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน
 
 
สงสัยนิดนึง ทำไมเคสผู้ป่วยHIV ทำไมStaff
ไม่ทำผ่าตัดเอง ที่รพ.เป็นกฏเลยว่าห้าม
หมอ-พยาบาลฝึกงานเข้าเคสพยาบาลเอง
ก็ต้องเป็นผู้มีความชำนาญเพื่อลดความเสี่ยง
 
 
 
จากคุณ: Mneung โพสเมื่อวันที่: 08/12/07 เวลา 01:59:37
ถึงพี่ bvm
   พี่เป็นคนที่มีจิตใจดี  เข้มแข็งมาก
อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก จริง ๆ
ความตั้งใจในการเรียนหมอ  การเป็นหมอที่ดี  เป็นเรื่องที่ยากอยู่แล้ว
ถึงแม้ค่าตอบแทนของวิชาชีพจะดูเหมือนมาก  แต่ความเสี่ยงนั้น
การอุทิศตนและเสียสละมันช่างเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง  ถึงแม้ปัจจุบันคนไข้จะไม่นับถือหมอเช่นนั้นแล้วก็ตาม
 
    แต่คิดไว้เสมอเถอะว่า  เป็นวิชาชีพเดียวที่ทำบุญได้แม้ในเวลาที่ทำงาน
ความดี และความเสียสละของพี่  ถึงแม้ในบางครั้งจะไม่มีคนเห็น
แต่ตัวเราก็จะมีความสุขที่ได้ทำความดี
    ขอเป็นกำลังใจ  ให้พี่สู้ต่อไป
จากคุณ: gboy_x โพสเมื่อวันที่: 08/12/07 เวลา 22:10:50
เป็นกำลังใจให้ครับ
 
แต่ผมซิไม่ได้เป็นหมอ แต่ก็กำลังอยู่ในสถานการณ์ใกล้เคียงกับคุณหมอ แต่เป็นเพราะการกระทำของผมเองแท้ๆ ไม่โทษใครอยากจะยอมรับ แต่มันไม่กล้าพอ*
จากคุณ: Dr.E โพสเมื่อวันที่: 08/12/07 เวลา 22:47:54
ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอ BVM ด้วยครับ ผมสงสัยอยู่นิดนึง ทำไมคุณหมอ BVM ถึงได้รับยาต้านไวรัส 4 ตัวในการป้องกันการติดเชื้อหลังถูกเข็มตำ หรือคนไข้มีประวัติว่าได้รับการรักษามาก่อนหรือมีเชื้อดื้อยาอยู่  อีกอย่างหนึ่งผมแปลกใจว่าหลังติดเชื้อ 6-7 เดือน ทำไม CD4 ค่อนข้างต่ำ แค่ 455, 20% ขณะที่คุณหมอยังแข็งแรงดีอยู่ และ viral load แค่ 610, log 2.79   ผมหวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมาครับ  ยังไงก็ขอให้คุณหมอทุกท่านปฏิบัติหน้าที่กันด้วยความระมัดระวังเพื่อจะได้ไม ่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น
จากคุณ: imigran โพสเมื่อวันที่: 08/14/07 เวลา 14:58:51
 ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น  ก็ยังต้องขอบพระคุณค่ะ ที่ เล่าสู่กันฟัง และถ้าหากว่าเป็นเรื่องจริง  ยิ่งต้องบอกว่า คุณหมอ กล้าหาญมากๆ    
 
  คุณหมอจินต์ ก็ กล้าหาญมากเช่นกัน ที่ชี้ให้เห็นใน มุมมองที่แตกต่างออกไป
 
  อย่างไรเสีย  อยากให้ เค้ามีตัวยาที่รักษา โรคนี้ได้ มากๆ  มันน่าเศร้า หากว่า ใครได้รับเชื้อพวกนี้ โดยไม่รู้ตัว  
 
 
    ขอให้คุณหมอ ทำในสิ่งที่คิดว่า ถูกต้อง ที่คุณหมอเลือกเถิดค่ะ  ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง
จากคุณ: aphy โพสเมื่อวันที่: 08/14/07 เวลา 20:40:39
วันนั้นไป B2S เจอหนังสือ....โรคเอดส์ อาจหายได้ด้วยการนั่งสมาธิและวิปัสสนา
 
โดย คนเขียนชื่อ  ช่างวี
 
พอดีได้อ่านเรื่องคุณมาก่อนพอดีเลยคิดว่าคุณน่าจะได้อ่านเล่มนี้ดู  
 
เราว่าการนั่งสมาธิมันดีมากๆเลยนะอย่างน้อยกทำให้ใจสงบแหละ  แล้วเราก็เคยได้ยินเรื่องเพราะที่นั่งสมาธิจนหายจากโรคอะไรสักอย่างนี่แหละท ี่ทางแพทย์เค้ารักษาไม่ได้
เลยคิดว่าเล่มนี้น่าสนใจดี
 
หวังว่าคุณคงยังกลับมาอ่านกระทู้ดูอีกครั้ง
ลองไปหาดูนะ  เราเจอที่ B2S  
ถ้าอยากได้แต่หาไม่เจอก็เมล์มาหาเราก็ได้จะซื้อส่งไปให้
คือเราอยากช่วยอ่ะ อ่านแล้วสะเทือนใจ
เข้มแข็ง  สู้ๆๆ
จากคุณ: chayanit โพสเมื่อวันที่: 08/14/07 เวลา 23:07:01
ฟังแล้วแย่เหมือนกัน  แต่อยากบอกว่า อย่าท้อ  อย่าคิด ว่าต้องโทษใคร เป็นความผิดของใคร   ให้ยอมรับแล้วสู้ต่อไป  ดิฉันเองก็มีปัญหาใหญ่   คนที่แนรักเค้าก็ติดเชื้อ HIV จากสามี   ติดมา15 ปีแล้ว  ส่วนสามีตายไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เค้าก็ยังอยู่ได้ ด้วยการกินยา  อยู่ โดยแพะน หายาให้เค้ากิน  พาไปเจาะเลือด ทำทุกอย่าง ให้เค้ามาอยู่ร่วมด้วยกัน  เวลา จะทำให้ดีขึ้น  จงยอมรับแล้ว ลุกขึ้นสู้ต่อต้าน     กับมัน  คิดแค่ วัน นี้   วันพรุ่งนี้  อย่า คิดไกล   ถ้าอยากมาทำงานกับดิฉันไหม   เป็นคลินิก  อยู่ จังหวัด นครศรีธรรมราช   พอดีตอนนี้ขาดหมอ   โทรมาคุยนะ      0871230716   panch
จากคุณ: chayanit โพสเมื่อวันที่: 08/15/07 เวลา 08:30:54
ฟงแล้วแย่จัง พี่เข้าใจความรู้สึก  เพราะพี่เองมีพี่สาวที่ติดเชื้อจาก สามีเหมือนกัน    ติดมา 15 ปีแล้ว  สามี ตาย เมท่อ 10-12  ปี ครอบครัว พ่อ แม่ ไม่รู้  กลัวเค้ารับไม่ได้  เค้าแก่มากแล้ว  พี่จึงเอาเค้ามาอยู่กับพี่ด้วยกัน ที่ คลินิก  ถ้าน้องฮึดสู้ ไม้ ท้อแท้ ต่อโชคชะตา  มาอยู่กับพี่ไหม  ตอนนี้ที่ คลินิก ขาดหมอ ตรวจ โรค  พอดี   คลินืกอยู่ จ.นครศรีธรรมราช   สนใจ เริ่มต้นที่นี่ ไหม อีกเรื่อง  พี่สาว  ตรวจเลือดล่าสุด   เมษา 2007    CD4  550  VIRAL  ตำมาก จน นับ ไม่ได้  อย่า ท้อ นะ  พี่ สาว  พี่ ยังสุขภาพ ดี  อยู่ได้มาตั้ง 15 ปี เพราะฉะนั้ น  น้อง ต้องอยู่ไดเหมือนกัน     โทรมา ถ้าสนใจ ทำคลินิกพี่    089-1513252   .084-1878858    .087-1230716     พี่น้องค่ะ  ผู้งส่ง chayanit
จากคุณ: CMU โพสเมื่อวันที่: 08/15/07 เวลา 11:05:23
homo  homo  homo
จากคุณ: VR-thai โพสเมื่อวันที่: 08/18/07 เวลา 11:03:59
มาติดตามให้กำลังใจคะ ไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้คุณหมอผ่านพ้นไปด้วยดีนะคะ  Smiley
จากคุณ: ขนมผิง โพสเมื่อวันที่: 08/21/07 เวลา 12:37:44
มาติดตามและให้กำลังใจเช่นเดิมค่ะ Smiley
จากคุณ: nongnay โพสเมื่อวันที่: 08/24/07 เวลา 15:13:07
เป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
จากคุณ: lazybug555 โพสเมื่อวันที่: 08/28/07 เวลา 19:51:44
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สู้ ๆ นะ  Grin ตอนเป็น นศพ ดิฉันก็เพิ่งทราบว่า เป็นมะเร็งค่ะ .........ตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้วยังแข็งแรงดีค่ะ...........กำลังจะเรียนจบแ พทย์ประจำบ้านแล้วด้วยค่ะ    ชีวิตก็มีความสุขดีค่ะ  
จากคุณ: Absorption โพสเมื่อวันที่: 08/30/07 เวลา 23:23:37
ให้กำลังใจพี่BVMนะคะ หนูเองตอนนี้ก็เจอปัญหาที่กำลังเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตยังไม่รู้ว่าจะทำยังไ งดี เพราะว่าหนูให้ยาผิด Huhค่ะเพิ่งโดนสอบสวนไปคิดว่าชีวิตนี้คงต้องจบสิ้นวิชาชีพเพราะเราคงไม่เหมา ะที่จะเป็นแต่พออ่านเรื่องของพี่ซึ่งหนักหนากว่าเรื่องของหนูมากมายนักทำให้ มีกำลังใจขึ้นมากมาย ยังไงขอให้พี่หมอดูแลตัวเองด้วยนะคะ รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ ยังมีคนมากมายที่ให้กำลังใจหมอค่ะหนู่ด้วยอีกคน Grin
จากคุณ: D_HRT'll try WomaN HanD โพสเมื่อวันที่: 08/31/07 เวลา 18:25:15
Winkฉะบายดีป่าวงับ..มาเยี่ยมอาการงับ  Wink
จากคุณ: paewwaew โพสเมื่อวันที่: 09/09/07 เวลา 10:45:42
มีเพื่อนโทรศัพท์บอกให้มาอ่านกระทู้ของคุณหมอค่ะ
 
มาให้กำลังใจคุณหมออีกคน  
เมื่อ 19 ปีก่อน พี่สาวของดิฉันก็มีประสบการณ์เช่นเดียวกับคุณหมอค่ะ คือ  
โดน needle stick injury จากการดูแลผู้ป่วยที่ ICUศัลยกรรม โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนนั้นโรคเอดส์พึ่งเข้ามาในประเทศไทยไม่นานนัก ยังไม่มีระบบการเฝ้าระวัง และการจัดการเหมือนปัจจุบัน โอกาสการติดเชื้อก็น้อยมาก
 ตอนนั้นเธอก็คิดว่าเธอทำหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตั้งใจจริงมาตลอด การกระทำความดีย่อมส่งผลดีแน่นอน
เธอเคยบริจาคเลือดให้แม่ของเพื่อนหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว 4 ปี แต่แม่ของเพื่อนเธอก็เสียชีวิตจากการรักษาครั้งนั้น เธอไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า
ติดเชื้อ HIV จนกระทั่ง 10 ปี ผ่านไป
 
เธอป่วย  มีไข้ ไอเรื้อรัง รักษาอยู่นาน CXR ปกติ ได้ยา Antibiotics ไปร่วม 3 สัปดาห์ อาการไม่ดีขึ้น เพื่อนของเธอที่เป็นหมอรักษาเธอตอนนั้น แนะนำให้เจาะเลือดตรวจ Anti HIV แล้วผล positive เธอจึงบอกให้ดิฉันทราบ
ซึ่งดิฉันให้เธอเจาะเลือดซ้ำ แต่เธอบอกว่าตอนนี้เธอ มีอาการติดเชื้อราในปาก ต่อมาพบต่อมน้ำเหลืองโต ทำ Bx  พบว่าเป็น TB หลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ เธอก็ต้องนอนโรงพยาบาล  ด้วยอาการไอมาก หายใจเหนื่อยหอบ มีคลื่นไส้อาเจียนหลังจากรับประทานยาAnti TB มาตลอด พบว่ามี PCP ต้อง On Oxygen เพราะเหนื่อยมาก  เราต้องบอกให้แม่ของเราทราบแล้ว  
ซึ่งเหตุการณ์ก็คล้ายคลึงกับที่คุณหมอเจอ นอกจากนั้นแม่ยังบังคับให้ดิฉันลาออกจากวิชาชีพพยาบาล เพราะไม่อยากจะเสียลูกไปอีกคนหนึ่ง
ตอนนั้นเธอได้รับการดูแลจากอาจารย์ Infectious ของที่นี่ ตรวจ CD4 เหลือ 80 แล้วยังมีติดเชื้อในโรงพยาบาลอีก เธอนอนโรงพยาบาลนาน 1 เดือน
หลังจากนั้นก็กลับบ้าน แล้วเริ่มยา Anti virus ตอนนั้นราคาประมาณ 45,000 บาทต่อเดือน แล้วทำเรื่องเบิกคืนทีหลัง เธอโชคดีกว่าคุณหมอที่ไม่ต้องสูญเสียคนรัก เพราะเธอไม่เคยมีแฟนมาก่อน    
 
ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ มีความสุขดีตามอัตภาพ ทำงานอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ที่วอร์ดอีกต่อไป ต้องไปทำงานเกี่ยวกับเอกสาร และข้อมูลต่างๆ แทน มีโอกาสได้ทำความดี มีชีวิตที่ไม่ประมาท และทำความดีอยู่เสมอ อาการดีค่ะ นอกจากช่วงที่มีอาการดื้อยา จะมีอาการติดเชื้อซึ่งเราต้องค้นหาให้พบว่าเธอติดเชื้ออะไร จะได้รักษาได้ถูกต้อง แล้วเปลี่ยนยาต้านไวรัสตัวใหม่ ผลเลือด CD4 เคยต่ำที่สุดเหลือ 10 และ Viral load สูงที่สุดคือ 5,000,000 ค่ะ เพราะฉะนั้นคุณหมอไม่ต้องกังวล เรายังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่อีกนาน ตราบเท่าที่เรายังมุ่งมั่นทำความดี และรักษาสุขภาพตนเองให้ดีทั้งกายและใจ  
 
ตอนนี้สิ่งที่ไม่ปกติคือ ไขมันในหลอดเลือดสูง จากการใช้ยา ตรวจพบ Triglyceride สูงถึง 600 กว่า กำลัง treat อยู่ค่ะ และไขมันย้ายที่ไปอยู่ที่หน้าท้อง หลัง ส่วนที่แขน และขานั้นหายไปหมดทั้งๆ ที่เธอตัวอ้วน โชคดีที่แก้มไม่ตอบ เพราะเธออ้วนเช่นกัน  ตอนนี้ CD4 อยู่ราวๆ 500 ก็ถือว่าดีมากๆ เพราะอยู่ในระดับสูงที่สุด ตั้งแต่เคยตรวจมา Viral load detect ไม่พบแล้ว  
 
สิ่งที่ควรระมัดระวังส่วนใหญ่เราก็ทราบดีอยู่แล้ว
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะส่งผลเร็วมากๆ ก็คือ อาหาร  
บางอย่างควรหลีกเลี่ยง เช่น ไข่ที่ครึ่งสุกครึ่งดิบ ต้องทานไข่ที่สุกจนแข็ง ผักสดก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะถ้าล้างไม่ดี อาจเจอพยาธิได้ ทำกับข้าวทานเอง หรือทานอาหารที่สุกใหม่ๆ จะดีที่สุด โยเกิร์ตยังไม่กล้าทานค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะทำให้ท้องเสียหรือเปล่า  พวกอาหารหมักดอง แหนม ขนมจีน งดทุกอย่าง  
ถ้าอยากทานขนมจีนต้องเอาไปนึ่งจนสุกจริงๆ  แต่สุดท้ายลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวแทนดีกว่า ควรหลีกเลี่ยงการไปอยู่ใกล้กับคนที่ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ พก mask ประจำตัวเลยค่ะ เวลานั่งรถเดินทางเจอคนเป็นหวัด เธอก็ใส่ mask เสีย  
 
สภาพทางอารมณ์จิตใจสำคัญมาก  เมื่อไหร่ที่จิตตก ตอนนั้นเธอจะป่วยทุกที  ควรเรียนรู้กับชีวิต ทำความเข้าใจ และฝึกการปล่อยวางทีละน้อยๆ จิตใจจะสงบ เป็นสุข เฝ้าระวังอารมณ์ทางลบที่เกิดขึ้นในใจ เพราะจะทำให้ภูมิต้านทานลดลง คิดเรื่องราวดี พูดในสิ่งที่ดีๆ และทำในสิ่งที่ดีๆ ให้อภัยผู้อื่น และเชื่อมั่นในการกระทำความดี  ดิฉันเห็นเธอปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด เธอจะมีแนวคิดที่ positive เสมอ แม้กระทั่งสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอและครอบครัวของเรา  
 
social support โดยเฉพาะครอบครัวสำคัญมาก ถ้าเราเข้าใจกัน เรียนรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น ให้กำลังใจกัน แปรวิกฤตเป็นโอกาสของการเรียนรู้และพัฒนา เชื่ออย่างยิ่งว่าต่อไปคุณหมอก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นคนดีอย่างยิ่งของสัง คม เป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ อย่างเช่นที่ พี่พิมใจ คุณแก้ว หรืออีกหลายๆคนเป็น  
 
เป็นกำลังใจให้นะคะ  
ถ้าคุณหมออยากจะคุยหรือปรึกษากับพี่สาวของดิฉัน  
ส่ง e-mail มาที่ดิฉันก็ได้ค่ะ  
 
จากคุณ: ^AuRuMi^ โพสเมื่อวันที่: 09/09/07 เวลา 19:16:36
ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมออีกคนนะคะ
 
คุณหมอเข้มแข็งมากค่ะ ^^
จากคุณ: evenoi โพสเมื่อวันที่: 09/10/07 เวลา 14:08:24
อ่านแล้วน้ำตาไหล  
ขอให้คุณ BVM เข้มแข็ง อย่าท้อนะ
ร่างกายที่แข็งแรงย่อมมาจากจิตใจที่แข็งแรง
ขอเป็นกำลังใจด้วยอีกคนค่ะ
จากคุณ: aekung โพสเมื่อวันที่: 09/11/07 เวลา 20:22:02
มาให้กำลังใจด้วยคนครับ ตอนนี้ผมก็มีปัญหาชีวิตเหมือนกันแต่เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ปัญหาผมถือว่าเล็กนิดเดียวครับ  ถ้าเหงาก็คุยทางเมลก็ได้ครับผมยินดีคุยกับคุณครับ
จากคุณ: seanpool โพสเมื่อวันที่: 09/12/07 เวลา 11:08:38
สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: omunize_cute โพสเมื่อวันที่: 09/14/07 เวลา 03:11:16
Cool Cool Cool
จากคุณ: CMU โพสเมื่อวันที่: 09/14/07 เวลา 12:24:30
Smiley
จากคุณ: BirdSwine โพสเมื่อวันที่: 09/16/07 เวลา 14:00:23
เป็นกำลังใจนะคับพี่หมอ สู้ ๆ นะคับ น้องนักศึกษาแพทย์คนนี้จะเป็นกำลังใจให้เสมอนะคับ
จากคุณ: LiTtLE M0nKeY* โพสเมื่อวันที่: 09/16/07 เวลา 22:27:16
If i can be anything,i wish to be the sun.
coz i can give u the brave heart,warm feeling and sincerity.
Sunshine day is very beautiful,
Hope you 2 be as strong as the sun.
you'll pass all difficulties.  
Surely,when you are tired,
I'll be the moon, giving spirit to you.

 
เป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะคะ
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 09/18/07 เวลา 22:57:11
Cool    Roll Eyes
จากคุณ: buay โพสเมื่อวันที่: 09/19/07 เวลา 16:40:23
มีคนอีกหนึ่งคนที่ตามมาเป็นกำลังใจ ให้สู้ต่อไปนะ
จากคุณ: aniki โพสเมื่อวันที่: 09/20/07 เวลา 20:50:35
เป็นกำลังใจให้นะคะ...
จากคุณ: X-girl โพสเมื่อวันที่: 09/22/07 เวลา 21:00:32
สู้ต่อไปนะคะ  ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เรียนเหนื่อยมั้ยคะ
จากคุณ: Little_boy โพสเมื่อวันที่: 09/28/07 เวลา 13:18:07
Kiss Kiss Kiss Kiss Kiss Kiss Kiss
จากคุณ: qq11 โพสเมื่อวันที่: 09/30/07 เวลา 22:14:09
เป็นกำลังใจให้ครับ อย่าเพิ่งท้อแท้นะคับ
จากคุณ: Mr.Smile โพสเมื่อวันที่: 10/02/07 เวลา 10:17:37
เป็นกำลังใจให้นะครับ  Grin  Grin ยิ้มไว้แล้วทุกอย่างจะดีเอง
จากคุณ: soda_coke โพสเมื่อวันที่: 10/03/07 เวลา 14:50:18
ภาวนาให้เป็นเรื่องแต่ง
ทั้งๆที่ถ้าเป็นเรื่องแต่ง ถือว่าเจ้าของกระทู้สร้างเรื่องให้เกิดความหวาดกลัวในสังคมมากกว่าการเตือน
ผมรอเจาะเลือดตอน 6 เดือน อยู่ หลังจากผลเลือด3เดือน -ve
เรื่องของคุณทำให้ผมอยู่กับหวาดกลัวมากขึ้น  
ทำให้แพทย์ที่ทำหัตถการหลายคนต้องหวาดกลัวและหมดกำลังใจกับการทำหัตถการ การรักษาผู้ป่วย  Angry
 
 
ตกลงเรื่องจริงๆเป็นยังไงแน่  ยาต้านไวรัสregimen เดิม ยังใช้ได้ผลหรือไม่
โอกาสติดเชื้อหลัง6เดือนคือเท่าไร
วานผู้รู้หรือเจ้าของกระทู้ตอบด้วย
 
 
จากคุณ: เด็กดื้อ โพสเมื่อวันที่: 10/03/07 เวลา 17:17:58
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนค่ะ
อย่าเพิ่งท้อนะคะ
ความหวังยังมี  
สู้ๆ...
จากคุณ: พรายทะเล โพสเมื่อวันที่: 10/04/07 เวลา 17:29:33
Embarassed อ่านแล้วใจหายเหมือนกันค่ะ  เคยโดนเข็มปักมือ 2-3 ครั้ง ขณะ repair episiotomy ตอนเป็น นศ.พ.ปี 5 (เคสเยอะจ่อรอ เลยรีบร้อนไปหน่อย ซุ่มซ่ามไม่ทันระวังเอง) กับเลือดกระเด็นเข้าตา ใน ER กับ newborn 2 ครั้ง ตอนเป็น extern (คนไข้ HIV neg) ตอนจบ extern ก็ไปเจาะ screen ดู ปรากฏว่า neg ก็อุ่นใจไป  แต่สงสัยต้องไปหาโอกาสตรวจซ้ำเสียแล้ว
 
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท. นะคะ   อดทนใจเย็นกินยารักษาสุขภาพ  เชื่อว่าสักวัน การแพทย์ที่เจริญขึ้นทุกวัน ๆ คงมีทางเอาชนะโรคนี้ได้  หรือแม้ไม่มี สุขภาพและการรักษาที่ดีคงทำให้อยู่และทำงานได้อย่างปกติสุขแน่นอนค่ะ  
 
สู้ต่อไปนะคะ พลังใจแห่งมืออาชีพ
จากคุณ: hesicker โพสเมื่อวันที่: 10/09/07 เวลา 11:54:29
สู้ต่อไปครับ จากใจริง Wink
จากคุณ: ppy โพสเมื่อวันที่: 10/09/07 เวลา 22:58:20
พี่เองก็เป็นหมอค่ะ อ่านกระทู้มาเยอะ ไม่เคยสมัครสมาชิกเลยค่ะ  เห็นชื่อกระทู้มาพักนึงแล้ว ไม่ได้เปิดอ่านเพราะคืดว่าเป็นการถามความเห็นกันเล่นๆ  พอวันนี้ได้เข้ามาอ่านพี่เลยรีบสมัครเพื่อที่จะได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นได้    พี่ดีใจมากๆที่ได้ร่วมวิชาชีพกับน้อง  ถ้าพี่มีเรื่องที่ต้องเป็นคนไข้ผ่าตัด  พี่ก็ยินดีจะเป็นคนไข้ของน้องค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ น้องไม่มีอะไรจะต้องน่าสงสารเลยค่ะ  น้องมีทุกอย่างที่มนุษย์ที่สมบูรณ์คนนึงควรมีแล้ว
จากคุณ: abeautifulmind โพสเมื่อวันที่: 10/14/07 เวลา 07:52:13
คุณหมอคะ มีคนแสดงความคิดเห็นไปมากแล้ว  ขอส่งกำลังใจด้วยเนื้อเพลงนี้นะคะ ขอให้การกระทำความดีที่คุณหมอสั่งสมมา เป็นเครื่องหนุนนำให้พบทางออกที่ดีนะคะ  
 
ปาฏิหารย์ยังมี
 
อยุ่ที่ใจ ไม่ใช่ทีไหน  
แค่ไม่ท้อไม่ทิ้ง ความฝันที่เคยมีมา  
ปาฏิหารย์ยังมีอยู่ในตัวเราทุกๆเวลา  
เพียงแค่เรา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ  
 
ในบางคืนที่มืดมัวฟ้าที่มืดมิด  
จ้องดีๆ จะเห็นแสงรำไรขึ้นมา  
ลองวาดฝันดู ว่าดาวอยู่เต็มฟ้า  
อีกไม่ช้าจะเห็นแสงแพรวพราว  
 
ขอแค่เรามีความมั่นใจ เชื่อในคำอธิษฐาน  
ไม่ว่าจะช้า หรือจะนาน จะไม่ยอมหมดหวัง  
จะมีพลังขึ้นมาทันใด  
 
แม้ทางเดินที่มุ่งไป ประตูจะปิดตาย  
จะเจอความโหดร้ายและต้องเสียน้ำตา  
อาจเดินสู่เส้นทาง ที่มีแต่ปัญหา  
แทบจะมองไม่เห็นแสงสว่าง  
 
ปวดร้าวเหมือนคนที่เดินหลงทาง  
รู้ว่าต้องเจอ ความผิดหวัง  
ที่มากับความหมดหวังที่มี ที่ฝัน ที่วาดไว้  
และยอมที่จะเริ่มต้นใหม่  
 
 
ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมา อย่าไปยอมแพ้  
ลุกขึ้นมาเติมพลัง ให้หมดหัวใจ  
พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ต้องทำให้ได้  
ทำให้เหมือนที่จินตนาการ อย่าไปมัวสิ้นหวัง  
 
 
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 10/16/07 เวลา 22:37:41
Embarassed
จากคุณ: dilemma123 โพสเมื่อวันที่: 10/18/07 เวลา 15:51:29
Grin
จากคุณ: phatcha โพสเมื่อวันที่: 10/23/07 เวลา 23:04:09
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ
จากคุณ: Winnie-team โพสเมื่อวันที่: 10/26/07 เวลา 10:21:09
มาเป็นกำลังใจให้ครับ   สู้สู้ครับ
จากคุณ: tear_for_you โพสเมื่อวันที่: 10/28/07 เวลา 23:28:29
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้ก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ครับ
จากคุณ: Ha~~Ni โพสเมื่อวันที่: 11/03/07 เวลา 16:07:18
ตอนนี้คุณหมอbvmเป็นไงบ้างอ่ะคะ เรียนหนักมั้ยเอ่ย
 Wink ให้กำลังใจนะคะ
จากคุณ: dilemma123 โพสเมื่อวันที่: 11/08/07 เวลา 16:22:35
Grin
จากคุณ: OUD@DY โพสเมื่อวันที่: 11/12/07 เวลา 14:47:33
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ .....
หมอคงกำลังใจที่ดีขึ้น  
และก็หวังว่าหมอคงจะมีกำลังใจเช่นนี้ต่อไป  
รักษาสุขภาพนะคะ
..............ขอเป็นกำลังใจให้.................
จากคุณ: sinbad โพสเมื่อวันที่: 11/19/07 เวลา 09:31:44
ตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดนะครับ Wink
จากคุณ: retina โพสเมื่อวันที่: 11/20/07 เวลา 19:21:09
ขอเป็นกำลังใจให้พี่อีกคน และขอให้พี่ได้เรียนตามที่อยากเรียน นะคะ พี่เป็นหมอที่ดี เข้มแข็งอย่าท้อนะคะ
จากคุณ: 101311 โพสเมื่อวันที่: 11/28/07 เวลา 19:46:38
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่าเป็นเรื่องแต่ง เพราะว่า พอเอาข้อความมาต่อกันแล้ว มันดูสละสลวยเกินไปครับ มีการเปรียบเทียบกับปัญหาความเสี่ยงของแพทย์ในระบบสาธารณสุขของไทย และปัญหาอื่นๆ มีการทิ้งโจทย์ในด้านจริยธรรม ทัษณคติของผู้ติดเชื้อกับผู้ร่วมงานในระบบสาธารณสุข ยังมีวิธีการเขียนให้เห็นลักษณะปัญหาในมุมมองต่างๆ ผมว่ามันผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว สิ่งที่พิมพ์ไม่ใช่การพิมพ์สด แต่เป็นการกลั่นรกองเนื้อหา มีจังหวะจะโคนเกินไป เอาเป็นว่าใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องแต่งนะ
จากคุณ: bubble_bee โพสเมื่อวันที่: 11/29/07 เวลา 21:07:33
เป้นกำลังใจให้ สู้ สู้ นะคะ
จากคุณ: beezeen2 โพสเมื่อวันที่: 12/03/07 เวลา 13:30:26
เป็นกำลังใจให้นะคะ
..สู้ต่อไปคะ..
จากคุณ: tudtuu โพสเมื่อวันที่: 12/28/07 เวลา 15:00:47
  อ่านแล้ว ฟันธงว่าเป็นเรื่องแต่งแน่ๆ   ความคิดเห็นข้างบน อธิบายไว้อย่างละเอียด ตรงใจมากๆ ฟังดูแล้วมันเว่อร์ๆ ยังไงชอบกล  
   แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ขอแสดงความเสียใจด้วย
จากคุณ: tudtuu โพสเมื่อวันที่: 12/28/07 เวลา 15:07:01
  อีกอย่าง เจ้าของกระทู้ หายไปเลยย์    
  ไม่มาแสดงความคิดเห็นอะไรที่สุดแสนสละสลวยอีกหรือครับ  
 
 
   พอดีไม่ได้ตามเรื่องตั้งแต่แรก เลย  เห็นว่าไปโพสมาหลายที่  
ถ้าท่านใดมีข้อมูลทึ่  proof แล้วว่าเป็นเรื่องจริง  เช่นได้คุยกับ อ สมศักดิ์ แล้ว หรือได้คุยกับแพทย์ ที่รักษาแล้ว  หรือ etc    ก้อช่วยบอกด้วยก้อดี    
   เพราะตั้งแต่พยายามอ่านมาเกือบชั่วโมงยังไม่เห็นมี หลักฐานอะไรที่ proof ชัดเจนเลย   มีแต่ข้อความให้กำลังใจ  108    1009    
  และเจ้าตัวก้อหายจ้อยไปเลย  
 
   ไม่ได้มีเจตนาจับผิด   แต่อ่านดูแล้ว มันทะแหม่ง  เกินจะยอมรับได้จริงๆ Huh Huh Huh Huh Huh Huh
จากคุณ: tudtuu โพสเมื่อวันที่: 12/28/07 เวลา 15:12:52
   อะไรมันจะเล่าเก็บตกรายละเอียด ทุกอย่างราวกับเหตุการณ์นี้ เพิ่งเกิดขึ้น  เช่น  ผมทำสีหน้าจริงจัง     ผมกดล้อคประตู   ผมไปประคองแม่    ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ     แล้วยังแต่งกลอนซ้า  สุดซึ้งบลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
    ปล  อย่าคิดมาก  แค่ตั้งข้อสังเกตุ
จากคุณ: tudtuu โพสเมื่อวันที่: 12/28/07 เวลา 15:17:00
   ยังไงก้อขอให้รักษาสุขภาพ  ด้วยก้อแล้วกัน  เพราะกำลังใจสำคัญที่สุด Wink Wink Wink
จากคุณ: tj โพสเมื่อวันที่: 01/02/08 เวลา 20:21:59
เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณเป็นหมอคุณรู้วิธีดูแลตัวเอง แต่ถ้ามองกลับกันคนธรรมดาเขาไม่รู้วิธีที่จะดูแลตัวเองนะคะ
จากคุณ: Little_boy (^_^) โพสเมื่อวันที่: 01/09/08 เวลา 17:35:43
ขอให้เป็นแค่เรื่องแต่งนะครับ  Wink Wink
จากคุณ: peach_star โพสเมื่อวันที่: 01/09/08 เวลา 20:31:09
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ต่อไปนะค่ะ เคยเจอเหตุการณ์เหมือนคุณ   ตอนนั้นใจเสียมากเลย  ( ถึงผลออกมาปกติแล้วก็ตาม )  
รู้สึกว่างานอาชีพแพทย์เป็นงานที่เสี่ยงมาก  บางครั้งก็ท้อนะค่ะ ทำงานในรพ.ชุมชนหนักกว่า เงินน้อยกว่า คนไข้ก็ไม่ค่อยน่ารัก บางครั้งเคยคิดอยากลาออก
แต่พอเทียบกับคุณแล้ว ทำให้คิดใหม่ ขนาดคุณเจอปัญหาเยอะ ก็ยังทำงานต่อไป ยังไม่ลาออก รู้สึกละอายใจจัง
( วันก่อน CPR คนไข้โดนรถชน อาการแย่มากเลือดนองเต็มเลย  เลือกออกจาก ETT, NG ,Open wound c tear muscle ผลตอบจากรพ.ศูนย์ คนไข้เป็น HIV ,TB อึ้งไปนานเลย ขนาดเราไม่มีแผลนะ )  
ขอบคุณข้อความของคุณจริง ๆค่ะ เราว่ามันคงยากที่จะพิมพ์ออกมาได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้ผลบุญกุศลที่คุณทำดีต่าง ๆ กับคนไข้ตอบแทนคุณค่ะ
จากคุณ: หมอpee โพสเมื่อวันที่: 01/13/08 เวลา 11:13:04
on 12/28/07 เวลา 15:00:47, tudtuu wrote:
  อ่านแล้ว ฟันธงว่าเป็นเรื่องแต่งแน่ๆ   ความคิดเห็นข้างบน อธิบายไว้อย่างละเอียด ตรงใจมากๆ ฟังดูแล้วมันเว่อร์ๆ ยังไงชอบกล  
   แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ขอแสดงความเสียใจด้วย

 
on 12/28/07 เวลา 15:07:01, tudtuu wrote:
  อีกอย่าง เจ้าของกระทู้ หายไปเลยย์    
  ไม่มาแสดงความคิดเห็นอะไรที่สุดแสนสละสลวยอีกหรือครับ  
 
 
   พอดีไม่ได้ตามเรื่องตั้งแต่แรก เลย  เห็นว่าไปโพสมาหลายที่  
ถ้าท่านใดมีข้อมูลทึ่  proof แล้วว่าเป็นเรื่องจริง  เช่นได้คุยกับ อ สมศักดิ์ แล้ว หรือได้คุยกับแพทย์ ที่รักษาแล้ว  หรือ etc    ก้อช่วยบอกด้วยก้อดี    
   เพราะตั้งแต่พยายามอ่านมาเกือบชั่วโมงยังไม่เห็นมี หลักฐานอะไรที่ proof ชัดเจนเลย   มีแต่ข้อความให้กำลังใจ  108    1009    
  และเจ้าตัวก้อหายจ้อยไปเลย  
 
   ไม่ได้มีเจตนาจับผิด   แต่อ่านดูแล้ว มันทะแหม่ง  เกินจะยอมรับได้จริงๆ Huh Huh Huh Huh Huh Huh

 
on 12/28/07 เวลา 15:12:52, tudtuu wrote:
   อะไรมันจะเล่าเก็บตกรายละเอียด ทุกอย่างราวกับเหตุการณ์นี้ เพิ่งเกิดขึ้น  เช่น  ผมทำสีหน้าจริงจัง     ผมกดล้อคประตู   ผมไปประคองแม่    ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ     แล้วยังแต่งกลอนซ้า  สุดซึ้งบลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
    ปล  อย่าคิดมาก  แค่ตั้งข้อสังเกตุ

 
on 01/09/08 เวลา 17:35:43, Little_boy (^_^) wrote:
ขอให้เป็นแค่เรื่องแต่งนะครับ  Wink Wink

 
 
 
อยากให้เป็นแค่เรื่องแต่งเหมือนกัน
แต่พอดีไปเจอข้อความนี้ครับ

 
 
 
on 01/07/08 เวลา 22:38:49, bvm wrote:
ถึงคุณหมอสุทธิพรครับ
    จากผม  หมอBVM ครับ
 
ผ่านทุกข์ผ่านสุขมานัก
รู้จักหักห้ามปรามจิต
วกวนสับสนครุ่นคิด
วนพิศกลับหลังที่ทำมา
 
ความสุขความทุกข์ที่พานพบ
มีจุดจบมิต่างกันอย่างท่านว่า
หากแต่เรายังมีบุญที่ทำมา
จะนำพาคุณหมออ้อยก้าวข้ามไป
 
ในวันนั้นท่านเพียงหวังรักษาโรค
แต่เพราะโชคชะตาเปลี่ยนพลันพลิกผัน
ผลกระทบมากมายพัลวัน
แต่ผมนั้นยังยืนยันเหมือนเป็นมา
 
ในวันก่อนผมพลาดพลั้งดันติดโรค
ใจไม่โกรธในโชคร้ายที่มาหา
เพราะตัวผมไม่ยอมแพ้ในโชคชะตา
จะฟันฝ่าผ่าอุปสรรคให้พ้นไป
 
ขอยื่นมือกุมสัมผัสที่ใจท่าน
ขอส่งใจไปทุกวันปลอบขวัญผวา
ขอคุณพระคุ้มครองไปชั่วเวลา
ขอชาวประชาเห็นความดีที่ท่านทำ
 
  หากคุณหมอสุทธิพรได้มีโอกาสอ่านข้อตวามนี้จริง ผมอยากขออนุญาตมีส่วนร่วมจูงมือให้คุณหมอฟันฝ่าภัยจากการแพทย์ไปด้วยกัน โดยส่วนตัวผมต้องติดเชื้อ HIV จากการทำผ่าตัดครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน ทุกวันนี้ผมรู้ผลการตรวจของผม(CD4)เพียงคนเดียว แต่ผมมีกำลังใจนับหมื่นจากเพื่อนแพทย์ใน board แห่งนี้  
 กลอนที่เขียนกลั่นออกมาจากความปรารถนาดีที่มีหวังมอบให้คุณหมอด้วยความรักแล ะจริงใจยิ่ง หวังเพียงให้คุณหมอยืนหยัดให้ผ่านพบอุปสรรคครั้งใหญ่ในชีวิตได้ด้วยดีครับ
 

 
จาก
http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action= display;num=1197040575;start=160
จากคุณ: la-moon โพสเมื่อวันที่: 01/15/08 เวลา 20:15:03
fighting   Smiley สู้ สู้ นะคะ  ปัญหาต้องมีทางออกเสมอค่ะ  ขอให้กำลังใจด้วยคนนะคะ
จากคุณ: cardiomegaly โพสเมื่อวันที่: 01/16/08 เวลา 17:12:29
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะครับ Wink
จากคุณ: neurone โพสเมื่อวันที่: 01/17/08 เวลา 16:31:11
ขอชื่นชมด้วยคนครับ
จากคุณ: Ammaki โพสเมื่อวันที่: 01/25/08 เวลา 23:54:36
มีกำลังใจให้เสมอนะคะ
พี่โดนเข็มตำมา 3 ที ครั้งที่น่ากลัวสุดคือตอนเป็น extern คือคุมน้องปี 4 LP ผู้ป่วย HIV +ve  และเข็มนั้นผ่านหลังคนไข้เข้าไปแล้ว น้องหันเข็มออกมาตำมือพี่อย่างจัง ตอนนั้นก็กินไม่ได้เป็นสัปดาห์เลย  แต่ตรวจติดกันมา 4 ปี ก็ยังไม่มีอะไร
 
คิดว่าตรวจ viral load อย่างที่พี่ข้างบนแนะนะจะชัวร์กว่าค่ะ สู้ๆนะคะ
 
จากคุณ: Ted. โพสเมื่อวันที่: 06/09/08 เวลา 01:28:56
Wink Smiley
จากคุณ: erny โพสเมื่อวันที่: 12/25/08 เวลา 13:28:07
คุณยังทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้อีกมากมาย
  ชีวิตคนเรามันสั้นอยู่แล้ว  สั้นลงอีกหน่อยจะเป็นไร
จากคุณ: Doc_Chang โพสเมื่อวันที่: 01/24/10 เวลา 01:29:47
ช้าไปมากในการแสดงความเห็นใจ ผมว่าตอนนี้คงแข็งแรงขึ้นแล้วนะครับ
กล้าบอกเล่าเรื่องเช่นนี้ช่างมีประโยชน์จริงๆต่อสังคม
จากคุณ: Mormed โพสเมื่อวันที่: 01/29/10 เวลา 05:57:22
"เป็นกำลังใจให้ครับ
ผมมีคนไข้ hiv rx มานาน 20ปีแล้ว ทำงานมหาดไทย ออกท้องที่เกือบทุกวัน ตอนนี้ยังอยู่เป็นผู้บริหารของจังหวัดแล้ว ยังแข็งแรงดี  
ผู้ป่วย hiv ไม่ตายง่ายครับ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน อ่านหนังสือและเจาะเลือดทุก 3 เดือน กินยาเป็นช่วงๆ น้องสามารถทำงานด้านการแพทย์ได้ครับ อย่าท้อ โรคนี้ถ้ากินได้ นอนหลับ ร่างกายก็สู้ต่อได้ครับ
มีอะไรจะปรึกษา mail มาครับ สู้ๆครับ"
 
เห็นด้วยกับข้่อความข้างต้นมากที่สุดค่ะ เห็นคนไข้ จำนวนมาก กินยาประจำแล้่วก็มีชีวิตอยู่อย่างปรกติดีมีความสุข ยังทำงานเหมือนเดิม อ้วนท้วนอีกต่างหาก
 
ถ้ายังไงอย่าคิดแต่ในด้านลบนะคะ คนไข้ยังอยู่ได้ดีเลย
จากคุณ: tm_kkh โพสเมื่อวันที่: 06/13/10 เวลา 01:34:16
เป็นกำลังใจให้ครับ ตอนนี้ไม่รู้คุณอยู่ที่ไหน  แต่ขอให้มีความสุขคลายทุกข์ลงครับ
จากคุณ: doctor know ไม่เอาพรบ โพสเมื่อวันที่: 09/11/10 เวลา 15:35:19
คุณอาจเป็นเอชไอวีจริงแต่ผมเชื่อว่าคุณโกหกเรื่องสาเหตุของการติดเชื้อ
 
และผมไม่เชื่อว่าคุณจะไปเรียนศัลย์ได้ลงหรอก ไม่เชื่ออย่าตอแหล
 
และถึงคุณไปเรียนจริง คุณกำลังทำบาปและสิ่งที่ไม่สมควร คุณรู้ดี
จากคุณ: YimJung โพสเมื่อวันที่: 10/07/11 เวลา 12:55:37
ร้องไห้
จากคุณ: nhso23892 โพสเมื่อวันที่: 08/03/12 เวลา 10:52:48
ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าคนเราทุกคนมีสองมุมบวกกับลบในสายงานวิชาชีพคล้ายกันก็ค งต้องสู้เพราะดิฉันเป็นคนหนึ่งที่โดนเข็มทิ่มมาตอนนี้กำลังรอลุ้นผลอยู่ขอให ้กำลังใจคุณหมอสูๆน่ะค่ะอยู่ในวิชาชีพนี้ต่อไปและพัฒนางานของเราให้ดีที่สุด  
 
 
 
 
             พยาบาลที่รักในวิชาชีพ
จากคุณ: dr.wiroj โพสเมื่อวันที่: 11/27/13 เวลา 17:22:47
ตอนแรกที่อ่านผมคิดเสมอว่าคุณ BVM โกหก คุณหาทุกวิธีทางที่จะทำให้ใครๆเชื่อว่าคุณคือผู้บริสุทธิ์  เหมือนอาชีพหมอมันทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้
ผมว่าปัญหามันไม่อยู่ที่คุณติดอย่างไรหรอก  มันอยู่ที่คุณจะอยู่กับมันอย่างไรผมอ่านทุกคำที่คุณโพส ผมไม่สงสารไม่สังเวทย์คุณเลยผมบอกได้เลยว่าผมอยากเป็นเพื่อนคุณ คุณครับมันเป็นเรื่องปกติแล้วครับการติดเชื้อนี้ จงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเถอะ  จงเป็นในสิ่งที่อยากเป็น ไม่มีใครรังเกียจคุณหรอกครับ


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by