หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   ICU : Interesting Creative Usergroup
   Post reply ( Re: เมื่อ..วันนี้ฉันเรียกพ่อของฉันว่า"อาจารย์ใหญ่" )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: |3a|3yMoon โพสเมื่อวันที่: 06/12/07 เวลา 23:14:25
วันนี้  BabyMooN ไปไหว้คุณพ่อมาค่ะ  
 
พ่อของBaByMooNเสียไปได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ   ตอนนั้นBaByMooNกำลังเรียนอยู่ปี1 ค่ะ ยังไม่เคยเรียนGross    
 
หลังจากทราบว่าคุณพ่อเสีย หนูกับแม่ก็ตัดสินใจว่าจะบริจาคร่างกายของพ่อให้กับคณะแพทยศาสตร์ที่หนูเรีย นอยู่ เพราะว่าเป็นความตั้งใจของคุณพ่อ ตั้งแต่ตอนทำทำสัญญาที่คณะแล้วค่ะ  
ช่วงแรกๆที่พ่อเสีย หนูก็มีอาการซึมเศร้า อยู่ระยะนึงค่ะ  อาจจะเพราะว่าคุณพ่อดองอยู่ที่คณะ  ทำให้รู้สึกว่าพ่อยังอยุ่ไม่ไกล ทำใจยากจังค่ะ
 
พอขึ้นปีที่2เริ่มเรียนGross   เริ่มรู้ว่าการเรียนGrossนั้น     มีการกระทำที่อาจจะดูรุนแรงกับร่างอาจารย์ใหญ่ เช่นการเรียนเรื่องFace ,eye ,ear ที่ต้องมีการกระทำที่ดูรุนแรง อดคิดไม่ได้เลยค่ะ  ว่าคิดผิดรึเปล่าที่บริจาคร่างกายพ่อเพราะว่าปีหน้า หนูเองถ้าต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ก็คงรับไม่ได้ แต่ก็พยายามคิดว่ายังไงก็ต้องเข้าใจว่าพ่อของหนูเหลือเพียงร่างกาย  อยากให้พ่อได้ทำตามที่ได้ตั้งใจไว้ และหนูกับพ่อแม่ก็เชื่อว่าการบริจาคร่างกายเป็นบุญครั้งยิ่งใหญ่เช่นกันค่ะ    
 
แต่วันนี้หนูอยู่ปีที่3แล้วค่ะ ได้ไปไหว้พ่อ  ไปเห็นพ่อนอนคว่ำหน้า พ่อยังเหมือนพ่อคนเดิม ยังเหมือนพ่อที่มีชีวิต ที่เคยอยู่ด้วยกัน  แต่ด้านหลังของพ่อมีรอย Dissect ก็อดร้องไห้ไม่ได้  ไม่อยากเห็นพ่อถูกชำแหล่ะออกมาเป็นชิ้นๆ  
 
บางทีอดคิดไม่ได้ว่าไม่น่าบริจาคร่างกายของพ่อ  ทำให้หนูต้องมาเห็นพ่อถูกชำแหล่ะออกมา  ตอนนี้ได้แต่หวังว่าหนูจะทำใจได้มากขึ้น  และร่วมยินดีไปกับบุญที่พ่อได้รับ  
 
พี่ๆ คิดเห็นอย่างไร ช่วยบอกกันทีค่ะ      
 
จากคุณ: Rasputin โพสเมื่อวันที่: 06/12/07 เวลา 23:36:17
ตั้งใจเรียนให้มาก ๆ เป็นหมอที่เก่งๆ และดีๆ
ช่วยชีวิตคนให้ได้มากๆ คุณพ่อจะภูมิใจในตัวน้องครับ  Wink
 
 
 
พี่อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยครับ...
จากคุณ: Ashe โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 00:04:58
อยากให้น้องตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดนะคะ
 
พี่คิดว่า สิ่งที่คุณพ่อตั้งใจไว้ คือการสอนน้องเป็นครั้งสุดท้าย
 
สอนให้น้องได้รู้จักกับสัจธรรมของชีวิต สอนให้น้องเป็นแพทย์อย่างที่ควรเป็น
 
ตั้งใจเรียนนะคะน้อง แล้วจบมาเป็นแพทย์ที่เมตตาต่อคนไข้
 
อย่าให้คำสอนสุดท้ายของคุณพ่อน้องเป็นเพียงแค่ความหวังนะคะ
 
พี่เชื่อว่า คุณพ่อของน้องจะอยู่กับน้องตลอดไปค่ะ  
 
สู้ๆนะ
 
 
 
 
ร้องไห้อีกแล้ว....ซึ้งอ่ะ Cry
จากคุณ: Dr. L โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 00:12:27
อ่านแล้วซึ้งค่ะ น้ำตาไหลเหมือนกัน  สู้ๆน่ะค่ะ น้องเข้มแข็งมาก และครอบครัวน้องเข้มแข็งมากค่ะ ท่านไปสบายแล้ว และได้ทำบุญครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยคือการสอนหมอ เพื่อสร้างหมอมาช่วยคนอื่นต่อๆไป  
 
จากคุณ: Dr. L โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 00:13:33
เหนื่อยล้า...นานแล้ว เธอใช้เวลาชีวิต  
ที่ผ่านมานั้น เพื่อฉันและคนมากมาย  
ผ่านร้อน...ผ่านหนาว  
เธอสร้างมันตามความฝันจนเกิดวันนี้  
เพราะรักและความจริงใจ  
 
จากนี้...วันนี้...  
มันถึงเวลาที่ฉันจะปล่อยเธอนั้น  
ให้พัก ให้นอน ผ่อนคลาย  
หลับตา...หลับตา...  
มีเรื่องใดๆเคยคิดและห่วงใยนั้น  
ฉันขอให้ลืมมันไป  
 
หลับฝัน พบเจอ แต่สิ่งสวยงาม  
นอนหลับอยู่บนปลายฟ้า  
สายลมก็โชยพัดมา ให้นอน...สบาย  
 
ฝากฟ้า...ตรงนี้...  
ให้ฟ้าดูแลเธอได้ทุกอย่างแทนฉัน  
เมื่อฉันและเธอห่างไกล  
หลับตา...หลับตา...  
และใช้เวลาที่เหลือไปกับความฝันที่แสนงดงามในใจ  
 
ด้วยความฝัน...ที่แสนงดงามในใจ  
ด้วยความรัก...คิดถึงเหลือเกิน...จากหัวใจ  
 
 
หลับให้สบายน่ะค่ะ คุณพ่อของน้อง  ...... และอากู๋ของพี่ที่เพิ่งจากไป
จากคุณ: Slowhand โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 00:36:10
Kiss Kiss
จากคุณ: |3a|3yMoon โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 01:19:53
เย้ๆ ลงเพลงได้แล้วค่ะ  
พ่อ

พ่อรักเจ้าสุดใจ ในทุกวันยังห่วง ดาวดวงน้อยเจ้ายังเดียงสา
 
เฝ้าคอยคุ้มครองป้องภัย   ให้เจ้าทุกเวลา  เจ้าคือของขวัญจากฟ้าไกล  
 
เพียงให้เจ้าอิ่มท้อง เพียงให้เจ้านอนอุ่น ยอม..พ่อยอมแม้หนักเพียงไหน  
 
สุขใจเมื่อยามเจ้ายิ้ม ปลอบโยนเมื่อร้องให้ ใส่ใจห่วงใยเจ้าทุกนาที  
 
สิ่งที่พ่อหวัง เมื่อยามเจ้าเติบใหญ่
 
ลูกเอ๋ย...ให้เจ้าจงจำคำนี้  "ไม่ต้องรวยล้นฟ้า แต่ขอให้เป็นคนดี" แค่นี้พ่อก็ภูมิใจเกินพอ    
 
สิ่งที่พ่อหวัง เมื่อยามเจ้าเติบใหญ่
 
ลูกเอ๋ย...ให้เจ้าจงจำคำนี้  "ไม่ต้องรวยล้นฟ้า แต่ขอให้เป็นคนดี" แค่นี้พ่อก็ภูมิใจเกินพอ    
 
วันที่เจ้าหัดเดิน จับมือพ่อเดินเตาะแตะ    พ่อคอยดูแลไม่ห่างไปไหน
 
   สักวันเมื่อเจ้าเติบโต บนทางที่ยาวไกล จำไว้ว่า"เจ้าต้องก้าวเดินเอง"
 
สักวันเมื่อเจ้าเติบโต บนทางที่ยาวไกล  จำไว้ว่า"เจ้าต้องเป็นคนดี"
จากคุณ: Viview โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 01:27:22
เป็นคนนึงที่บริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ตอนเรียนปีสอง
 
เห็นผลสั้นๆ  คือ  เห็นอาจารย์ใหญ่  เป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่  เลยอยากที่จะทำสิ่งดีๆ แบบนั้นบ้าง  
 
อย่างน้อย  การตายของเรายังทำให้เกิดความรู้ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
 
คุณพ่อของน้องเป็นผู้ที่เสียสละที่ยิ่งใหญ่ค่ะ  
 
สำหรับ เรา ในฐานะ ลูก อาจมีเศร้า เสียใจ บ้าง ให้ระลึกถึงท่านได้ เสมอ
(เป็นอีกคนที่เพิ่งเสียคุณพ่อไปแบบกระทันหัน)
 
พ่อน้องคงดีใจ  ที่ร่างกายของท่านได้สอนนักศึกษาแพทย์หลายคน  โดยเฉพาะ  ได้สอน"ลูก"ของท่านเอง
 
ตั้งใจเรียนมากๆ  จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: ^_^ โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 02:13:06
มาเป็นกำลังใจให้ "เข้มแข็งต่อไป" นะคะ...
จากคุณ: ... a.m. et la gauche ... โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 02:14:57

 
มาให้กำลังใจ  Smiley Smiley Smiley
 
 
จากคุณ: anantom โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 06:15:48
มาให้กำลังใจครับ เรียนให้เก่งให้สมกับความตั้งใจของพ่อ และแม่ และเป็นหมอที่ดีครับ แพทยศัลยกรรมที่เก่งต้องรู้anantomy ครับ คุณพ่อน้องเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ครับ
จากคุณ: Doctor Zhivago โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 07:03:15
คุณพ่อมอบร่างกายให้นักศึกษาได้เรียนเพื่อเป็นแพทย์ที่มีคุณภาพครับ
 
ผมว่าคุณพ่อก็ต้องการให้คุณเป็นแพทย์ที่ดีและมีคุณค่าด้วยเช่นกันครับ
 
ตั้งใจเรียนให้มาก ๆ ครับ
จากคุณ: Dr.Tum โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 07:28:14
Embarassed Embarassed Embarassed
จากคุณ: yui โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 08:05:07
จำได้เมื่อหลายปีก่อน แม่บอกว่าอยากบริจาคร่างกายเมื่อตายแล้ว ตอนนั้นนึกภาพที่ตึก gross เราและน้องที่เป็นหมอ บอกแม่อย่าเลย ลูกๆทำใจไม่ได้
 
หลังจากบอกแม่อย่างนั้น ก็รู้สึกเลยว่า คนที่บริจาคร่างกาย มาเป็นอาจารย์ใหญ่ ท่านเป็นผู้ที่เสียสละอย่างสูง เราเป็นแพทย์ ยังเสียสละสู้ท่านเหล่านั้นไม่ได้
และยิ่งรู้ว่าในประเทศไทย เรามีคนที่บริจาคแบบนี้มากจนเกินพอ ซึ่งประเทศอื่นไม่มีเหมือนเรา ก็รู้สึกดีใจว่า เมืองไทยเรามีคนที่จิตใจสูง ดีงาม อยู่มากมาย เพียงแต่คนเหล่านั้น ไม่เคยแสดงตัวหรืออวดตัวว่าเป็นคนดี
จากคุณ: ppom โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 08:05:39
อ่านแล้วนึกถึงเรื่องตึกกลอสของอ.อุดากร น้องไปหามาอ่านสิคะ
 
ตอนเรียน anatomy พี่รู้สึกว่าอาจารย์ใหญ่ช่างเสียสละปานนั้น ทำได้อย่างไร เราไม่กล้าหรอก  
 
พอเรียนแพทย์เฉพาะทางจบ ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทาง เราเริ่ม mature ไม่ค่อยรู้สึกน่ากลัวเท่าไหร่  
 
เมื่อมีโอกาส พี่ก็บริจาคร่างกายเมื่อหลายปีก่อน พอเริ่มมีการบริจาคอวัยวะ พี่ก็ไปบริจาคทันที  
 
คิดว่านั่นเป็นการตอบแทนคุณครูอาจารย์ที่ให้ความรู้เป็นสัมมาชีพจนถึงทุกวัน  นี้  
 
และเป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายของชีวิต หากได้บริจาคอวัยวะ เราได้ช่วยชีวิตมนุษย์หลายคน  
 
เราตายไป อวัยวะของเรายังคงมีชีวิตอยู่ ถูกดูแลโดยผู้รับบริจาค โลดแล่นอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในโลกนี้แทนที่จะเน่าสลาย  
 
หากได้บริจาคร่างกาย เราได้เป็นวิทยาทานแก่รุ่นน้อง  
 
น้องจงดีใจเถอะนะ ในสิ่งที่ท่านได้ทำ อย่างท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์  
 
ฝันไปไกลอีกแล้วเรา ท่าทางจะแก่หง่อมตายอวัยวะใช้การไม่ได้
จากคุณ: ~*~ Doraemon ~*~ โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 08:17:56
เข้มแข็งนะคะ  
 
ท่านเสียสละมาก... ต้องตั้งใจเรียนมากๆนะคะ  Smiley
 
จากคุณ: หมอบ้านนอกคอกนา โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 08:21:30
Smiley พฤกษา ผกาสร อีกกุญชร อันปลดปลง...  
 
โททน สเน่ห์คง สำคัญหมาย ในกายมี...  
 
นรชาติ วางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์...  
 
สถิตย์ทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา... Smiley
จากคุณ: sashimi โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 09:38:18
Smiley Smiley Smiley
จากคุณ: Life โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:03:48
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานเลย Smiley
พี่อ่านแล้วพี่ยังน้ำตาซึม
คุณพ่อของน้องคงภูมิใจในตัวน้องมากๆ
เข้มแข็ง และตั้งใจเพื่อที่จะเป็นหมอที่เก่งและหมอที่ดี Wink
จากคุณ: kitkat โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:06:14
เข้ามาให้กำลังใจค่ะ เข้มแข็งนะคะ Wink
จากคุณ: Dr.999 โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:15:29
หลายปีก่อนแม่เราเปรยๆว่าอยากจะบริจาคร่างให้คณะแพทย์  พอได้ยินความรู้สึกตอนนั้นคืออึ้งไปเลย ความที่เราเคยเห็นมาแล้วจึงรู้สึกเจ็บไปทั่วสรรพางค์กายทีเดียว เลยไม่ได้พูดอะไรมากกับแม่ ตอนนี้แม่ยังแข็งแรงลงสวนทุกวันบอกให้หยุดก็ไม่ยอม
ตอนนี้คิดๆอยู่เหมือนกันว่าถ้าคณะแพทย์ขาดแคลนอาจารย์ใหญ่ให้นศพ.ก็อยากจะบร ิจาคตัวเองเหมือนกัน
ถ้าจขกท.ยังรู้สึกไม่ค่อยดีน่าจะคุยกับอาจารย์จิตเวชบ้างนะ แต่ขอให้ทำใจให้ได้ว่าอาจารย์ใหญ่ที่เล่ามาคงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเพราะบุญก ุศลอันยิ่งใหญ่ย่อมจะช่วยบดบังไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
ขอให้น้องได้เป็นหมอที่เก่งและเป็นหมอคนดีของวงการแพทย์
จากคุณ: khunaum โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:19:33
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ  พี่คิดว่าคุณพ่อของน้องคงมีความสุขมากๆอยู่ที่ใดที่หนึ่งแน่นอนเลย และคงเฝ้าดูน้องอยู่เหมือนกัน พ่อของน้องยังอยู่อย่างน้อยก็ในความทรงจำ ที่เหลือก็เป็นแค่ร่างกายเท่านั้น สู้ๆๆๆนะค่ะ Smiley Smiley
จากคุณ: Dr K โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:25:32
มันเป็นเรื่อง ที่ ใคร ๆ ก็คงทำใจยาก ครับ
แต่พี่เชื่อ ว่า คุณพ่อ รวมทั้งคุณแม่ ของน้อง คิดถูกแล้ว ครับ
ถ้าทำใจไม่ได้ พี่ ว่า คอยไปพบ คุณพ่อ ในวันสุดท้าย ของร่างกายท่านจะดีกว่า
ช่วงนี้ เราก็ทำหน้าที่ ของการ เป็น ว่าที่แพทย์ ให้ดีที่สุด
สมกับที่ พ่อ ของน้องตั้งใจไว้ ครับ
 
อาจารย์ใหญ่ ของพี่ เป็นแค่ เด็ก 14 ปี
แต่ ท่านก็ยินดี บริจาค ร่างกาย
จากการที่ได้คุยกับ พ่อแม่ ของอาจารย์ใหญ่
ท่านบอก ว่า อาจารย์ใหญ่ ต้องทรมาน อยู่ นาน ก่อนสิ้นใจ
และ การบริจาค ร่างกาย ก็เป็นความประสงค์ ของอาจารย์ใหญ่เอง
พี่จำได้ ว่าตอนที่ พ่อแม่ ของอาจารย์ใหญ่ เล่า เรื่อง ต่าง ๆให้ฟัง
สีหน้า และ น้ำเสียง เต็มไปด้วยความภาคภูมิ ใจ
สิ่งนี้เอง ที่พี่เชื่อ ว่า คงเป็นความต้องการสุดท้าย ของผู้บริจาค ร่างกาย
ที่นอกจากให้ ร่างกายให้ นศพ ได้เรียน
ท่าน ก็คงอยากให้ นี่เป็นความดี สุดท้าย ที่ญาติ ๆ และ ผู้อยู่เบื้องหลัง
ได้ภาคภูมิ ใจ ในตัว พวกท่าน
 
พี่หวังว่า น้อง คง ทำใจได้ และ เป็นหมอ ที่ดี  
สมกับที่คุณพ่อ ตั้งใจไว้ ครับ Smiley Smiley
จากคุณ: (^.^)    Eagle   (^.^) โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:27:27
Cool สุดยอดทั้งครอบครัวเลยครับ  Wink สู้ ๆ  Smiley Smiley
จากคุณ: หมาน้อยเพนจร โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:44:09
ตั้งใจเรียนครับ เป็นแพทย์ที่ดี ... เป็นการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้
จากคุณ: เกียดเป๋ง โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 10:53:21
อยากจะบอกว่าครอบครัวของน้องเป็นครอบครัวที่กล้าหาญมากครับ กล้าทำในสิ่งที่ดีๆที่หลายคนยังไม่กล้าทำ รวมทั้งผมด้วย
 
เมื่อน้องมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดีก็ไม่ต้อเสียใจหรอกครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: Lady_in_Pink โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 11:47:21
Cry Cry Cry Cry Cry Cry
จากคุณ: parinyaMD25 โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 12:01:43
คุณพ่อของน้องท่านเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงมากเลยครับ  
น้องก็มีบุญมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของท่าน
..ตั้งใจเรียนครับน้อง จบมาเป็นหมอที่ดีของชาติ
จากคุณ: ชอลิ้วเฮียง โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 12:02:34
ผมเป็นกำลังใจให้ครับ พ่อน้องเสียสละมากครับ ผมอ่านแล้วซาบซึ้งใจมากครับ ความรักความผูกผันระหว่างพ่อลูกลึกซึ้งนักเกินคำบรรยายครับ
 
ผมก็หวังว่าบทความที่น้องเขียนนี้จะหล่อหลอมฝังเข้าไปในใจเพื่อนแพทย์ทุกคน เส้นทางที่จะก้าวเป็นหมอ มีบุคคลและครอบครัวหลายครอบครัวที่เสียสละให้เรามาก ดังนั้นจะต้องตอบแทนประโยชน์ให้สังคมให้มากไม่ให้คนที่เสียสละและเจ็บปวดต้อ งผิดหวัง Smiley
จากคุณ: SweetRocktor โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 12:32:25
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ Wink
จากคุณ: conan_22 โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 12:55:07
 อ่านแล้วซึ้งจริงๆ อนุโมธนาในความดีของคุณพ่อ
น้องต้องเข้มแข็งคุณพ่อท่านคอยให้กำลังใจอยู่ใกล้
และท่านก็หวังว่าลูกของท่านจะเป็นหมอที่ดี แม้วาระสุดท้าย
ท่านก็ยังทำหน้าที่ทั้งเป็นพ่อ และเป็นครู เพื่อหวังว่าสิ่งสุดท้ายที่ท่านมอบให้
จะช่วยให้ลูกรักของท่านเป็นหมอที่เก่งและดีได้ Smiley
   เมื่อน้องจบไปเวลารักษาคนไข้ให้นึกถึงท่าน
เพื่อให้ท่านได้ร่วมอนุโมธนาในบุญที่น้องได้ช่วยเหลือคนไข้ด้วยนะคะ Wink
จากคุณ: หมอหมู โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 13:01:48

 
สิ่งที่พ่อน้องทำไป .. เป็นสิงที่น่าภาคภูมิใจมาก ... พ่อน้อง ก็คงมีความสุข และ ภาคภูมิใจในการตัดสินใจแบบนี้ ....  
 
อาจทำใจลำบาก .. แต่ในฐานะลูก เมื่อพ่อตัดสินใจทำในสิ่งที่ดีแบบนี้ เราก็ควรจะยินดี ....
 
เมื่อเวลาผ่านไป ... น้อง และ ลูกหลาน ของน้อง ก็จะมีความภาคภูมิใจ ในสิ่งที่พ่อน้อง ทำ ...  
 
 
เป็นกำลังใจ ขอให้ผ่านเวลาที่ยากลำบากนี้ไปนะครับ
จากคุณ: eyemania โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 13:02:21
เป็นกำลังใจให้ครับ เป็นหมอที่ดีและเก่งเพื่อให้พ่อที่อยู่ใกล้ๆได้ภูมิใจ Wink Wink
จากคุณ: PSU21'027 โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 13:36:02
ขอให้กุศลผลบุญของคุณพ่อ ส่งผลให้น้องประสบความสำเร็จในการเรียนและจบเป็นแพทย์ที่ดีต่อไปครับ
จากคุณ: Fenderman โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 13:41:31
เป็นครอบครัวที่ยึดถือความเสียสละแก่สังคมมากกว่าอารมณ์ส่วนตัวจริงๆ ขอแสดงความนับถือครับ..
จากคุณ: arsenal โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 13:50:48
-ขอบอกว่าซึ้งมากครับ
จากคุณ: neuroP โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 14:30:59
อ่านแล้วประทับใจครับ น้ำตาซึมเลย ตั้งใจเรียนนะ สู้ๆครับผม
จากคุณ: Jaewrimdor โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 14:43:41
อยากให้น้องเข้มแข็งครับ สู้ๆ
จากคุณ: jean โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 14:53:14

เป็นกำลังใจให้นะคะ....
จากคุณ: Domingau โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 15:18:05
อู๊ดมาให้กำลังใจค่ะ สู้ๆๆนะคะ Wink
จากคุณ: AugustusOctavian โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 16:00:22
ผมเป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: Rasputin โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 16:56:21
เข้ามาอีกครั้งครับ มาบอกว่าที่น้องเขียนมา
ลงพิมพ์ในหนังสืองานพระชทานเพลิงศพอาจารย์ใหญ่ หรือแม้แต่เป็นบทความในหนังสือพิมพ์ได้เลยครับ  
อ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมมากๆ คือรู้สึกได้เลยครับ ว่ากลั่นออกมาจากหัวใจจริงๆ
อ่านอีกทีก็ขนลุก
 
เป็นกำลังใจให้น้องนะครับ
จากคุณ: Ryoku_Ocha-ken วันนี้วันสุข โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 17:36:40
อาจารย์ของโฮจุน ( ผู้เปรียบเสมือนบิดาของโฮจุน ) ก็บอกให้โฮจุนชำแหละร่างของตนทันทีเมื่อตนเสียชีวิต ( แบบยังสด ๆ อยู่ )  เพื่อศึกษาแล้ววาดเป็นภาพออกมา เพื่อเป็นวิชาความรู้สืบแด่แพทย์รุ่นหลังต่อไป  โฮจุนชำแหละทั้งน้ำตา...   Cry   Cry   แต่ก็ต้องทำเพื่อสืบต่อเจตนารมย์ของอาจารย์    
 
สู้ ๆ นะน้อง
 
 
จากคุณ: Oranut โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 17:37:14
เป็นกำลังใจให้นะครับ
 
ขอให้ผ่านช่วงเวลาที่แสนเศร้าไปได้ด้วยดีนะครับ Sad Sad Sad
จากคุณ: |3a|3yMoon โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 17:44:49
เพิ่งกลับจากเรียนค่ะ  กลับมาอ่านได้กำลังใจจากทุกๆคน  ซึ้งมากเลยค่ะ
 
อ่านไปก็น้ำตาไหลไปเหมือนกัน    Cry   ด้วยความซาบซึ้งแล้วก็แง่คิดดีๆ ที่มีให้หนูค่ะ
 
ก็แบบนี้แหล่ะ น้า  หนูถึงติดTCC งอมแงม    Wink
จากคุณ: teetotal โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 19:20:39
http://larndham.net/index.php?showtopic=23653&st=575
 
เมื่อสิบกว่าปีก่อน  ขณะพระหมอวิชัยยังไม่บวช และท่านยังเป็นนักศึกษาแพทย์เฉพาะทางที่ รพ.จุฬาฯ    ทางคณะอาจารย์และนักศึกษา ได้นิมนต์หลวงพ่อให้ไปพิจารณาอสุภกรรมฐานและแผ่เมตตา ให้แก่บรรดา “อาจารย์ใหญ่” (ก็คือ ศพต่างๆที่มีผู้อุทิศร่างกายให้แก่คณะแพทย์ฯ เพื่อใช้สำหรับการศึกษา) หลังจากเสร็จพิธีแล้ว  หลวงพ่อก็กลับมาวัดปกติ แต่ครั้นพอรุ่งเช้า ท่านก็เทศน์ก่อนฉันว่า “ไปดูศพเมื่อวาน  เจ้าของศพเขาตามเรากลับมาจนถึงวัด ตกกลางคืนเขามาคุยด้วย  ขอส่วนกุศล ก็อุทิศให้เขาไป”  พระหลายรูปในวัดจึงถามหลวงพ่อว่า “เป็นผีผู้ชายหรือผู้หญิงครับ” ท่านตอบว่า “ผู้ชาย”  และที่สำคัญ หลวงพ่อเมตตาบอกเพิ่มเติมว่า “ผีตนนี้เขาฉลาด รู้จักทางบุญกุศล เห็นเราไปพิจารณาซากศพของเขา  เขาก็มาขอส่วนบุญ  ก่อนเขาจะลาเรา เลยพยากรณ์และให้พรเขาไป ว่าอานิสงส์ที่เอ็งบริจาคร่างกายนี้ ต่อไปเอ็งไปเกิดเป็นมนุษย์ จะได้อสุภกรรมฐานเป็นหลักจนสำเร็จมรรคผล”  
จากคุณ: Miss___Mur Mur โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 20:03:11
Smiley   มาให้กำลังใจด้วยคนค่ะ
จากคุณ: BMW325 โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 20:20:18
ถ้าเป็นพี่คงทำใจไม่ได้เหมือนกัน...
ทำใจไม่ไหวก็อย่าไปดูนะครับ
 
 
สัจจธรรมชีวิต...สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
 
พี่ก็จะเป็นอาจารย์ใหญ่ บริจาคไว้ตั้งแต่วันเรียนจบ...
จากคุณ: penny... โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 20:36:00

 
 
ขอคารวะ หัวใจที่ยิ่งใหญ่
 
จากคุณ: mavaree ! โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 21:17:20

รักและนับถืออาจารย์ใหญ่อย่างมาก  
 
ซาบซึ้งถึงการเสียสละของท่านและครอบครัว  
 
มีอยู่วันนึง อาจารย์มาบอกว่า นี่เป็นญาติของอาจารย์ใหญ่คนนี้ ๆ ๆ  
 
เข้ามาเยี่ยม  
 
ญาติก็ถามเรา  ลักษณะสีหน้า สายตา ที่ส่งมาแสดงถึงความปลื้ม ภูมิใจ  
 
ในการเสียสละเพื่อเกิดประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์  
 
ยังจำภาพในวันนั้นได้อย่างดี
 
ขอบพระคุณอาจารย์ใหญ่ ขอบพระคุณญาติของท่านด้วย อย่างสุดซึ้ง  
 
ที่ทำให้เราได้มีวันนี้  
 
จะเป็นแพทย์ที่ดี  เอาความเสียสละเป็นที่ตั้ง  Smiley  
 
 
 
จากคุณ: happy_doc โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 21:59:12
Smiley เป็นกำลังใจให้จ้า ตั้งใจเรียนนะ คุณพ่อจะได้ภูมิใจ
จากคุณ: เด็กหญิงดอกบัว โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 22:17:21
มาเป็นกำลังใจให้นะคะ พี่ว่ากระทู้นี้ไม่น่าจะเป็นกระทู้ไร้สาระเลยค่ะ  
 
เป็นพี่ๆ ก็คงทำใจยากเหมือนกัน  แต่ด้วยความตั้งใจของคุณพ่อคุณน้อง
 
พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องก้าวไปได้อย่างสง่างามนะคะ ให้สมกับที่ คุณพ่อได้เสียสละให้เป็นครั้งสุดท้าย
 
สู้ๆ ค่ะ Wink
 
จากคุณ: ดญ.ดอกแห้ว โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 22:22:27
พี่คิดเหมือนกับพี่ๆข้างบนจ๊ะ
 
พี่ๆจะรอต้อนรับคุณหมอคนเก่งและคนดีนะจ๊ะ  Kiss Kiss Kiss
 
จากคุณ: Dr.veeranat โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 23:06:27
พี่ขอให้น้องภูมิใจในตัวของคุณพ่อและเคารพในเจตนารมณ์ของท่านนะครับ...เพราะ การที่ท่านได้เสียสละนั้นเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์อย่างมาก...ในฐานะนักศึก ษาแพทย์น้องก็คงจะทราบดีนะครับ  ซึ่งมันอาจจะทำใจยากสักหน่อยเมื่อเราได้เห็นแต่ก็ขอให้น้องพยายามคิดในทางที ่ดีว่าท่านได้อุทิศร่างกายของท่านถือว่าท่านได้ทำสิ่งที่ดีงาม...สิ่งที่น้อ งต้องทำต่อไปก็คือการตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้เป็นแพทย์ที่ดีต่อไปในอนาคตข้ างหน้า...พี่เชื่อว่าหากท่านสามารถรับรู้ได้ท่านก็คงจะภูมิใจในตัวน้องนะครั บ...
จากคุณ: okee โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 23:18:12
เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ  
 
อ่านแล้วผมลองสมมุติว่าเป็นคุณพ่อของผมแล้ว
แค่สมมุติ ก็ตื้นตันกับสิ่งที่คุณพ่อน้องได้ตัดสินใจแล้ว
 
ถ้าเป็นผมก็คงทำใจลำบาก แต่ด้วยความรักที่มีต่อพ่อ  
ขอให้เดินตามรอยท่านครับ รอยทางที่ท่านเดินไปสู่สรวงสวรรค์  
 
...ความรู้ที่น้องได้จากครูใหญ่(ที่ขอนแก่นเรียกครูใหญ่) จะเป็นวิชาที่น้องต้องดูแลคนไข้ตอนเป็นหมอ ก็เหมือนมีคุณพ่อคอยสอน+ช่วยเหลือตลอดชีวิตเลยคับ
 
...ขอให้ชนะภาวะที่อยากลำบากนี้ครับ
จากคุณ: pattaty โพสเมื่อวันที่: 06/13/07 เวลา 23:19:12
เป็นกำลังใจให้น้องอีกคนนะคะ  เข้มแข็งนะ คะ เป็นหมอที่เก่งและดีให้ได้  คุณพ่อของน้องจะภูมิใจในตัวน้องที่สุด  อย่างที่น้องก็คงภูมิใจในตัวคุณพ่อที่สุดเช่นกัน....
จากคุณ: ccpf โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 01:35:24
มาเป็นกำลังใจให้นะคะ ตั้งใจเรียนนะ คุณพ่อจะได้ภูมิใจในความสำเร็จของน้อง Wink
จากคุณ: winn โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 03:49:09
ผมว่า moderator น่าจะตรึงกระทู้นี้ไว้ให้หมออ่านนะครับ
พอเราผ่านช่วงเวลาที่เรียนมาแล้วบางทีอุดมการณ์หรือสิ่งที่เราตั้งใจไว้ก่อน เข้าเรียนมันก็เลือนหายไป ถูกสิ่งอื่นบดบังไป แต่พอได้อ่านที่น้องเฃียนไว้ ความตั้งใจของอาจารย์ใหญ่ที่ส่งมาให้เราตอนเรียน มันก็กลับมากระตุ้นเตือนความจำอีกครั้ง
 
เป็นกำลังใจให้อีกคนนะครับ  Wink
จากคุณ: bigbird โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 09:18:41
[color=Red][/color]....นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ...
 
พ่อผมก็บริจาคครับ
จากคุณ: Redline โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 10:32:28

 
 
 " Being a doctor is such a hard life
 
   ... can't sleep like normal people
 
    ....    woking harder ... under a lot of pressure
 
   ... asking myself so often
 
   ... why me?.....   I chose the wrong way ...? "
 
 
 
 
    looking back ......   over this story  
 
    questioning is over ......
 
 
 
 
  " with great power, comes great responsibility"  
 
 
 
 
 
I deeply understand this memorable quote
 
 
We're waiting for a great doctor "3a|3yMoon"
Your father is always proud of you.  
 
 
จากคุณ: เบื่อ เบื่อ โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 10:57:27
ไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากสิ่งนี้ Cry
จากคุณ: ลูกแม่ดอกบัว โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 11:02:55
ตั้งใจเรียนนะคะ ตั้งใจให้สมกับที่อาจารย์ใหญ่เสียสละให้เราค่ะ  Smiley
คุณพ่อของน้องต้องภูมิใจในตัวน้องอย่างแน่นอน
จากคุณ: makam โพสเมื่อวันที่: 06/14/07 เวลา 13:49:58
คุณพ่อของน้องเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก  ภูมิใจกับความมีจิตใจกว้างขวางของท่านเถอะค่ะ  นักเรียนแพทย์ทุกท่านเคารพอาจารย์ใหญ่ของตัวเองเสมอค่ะ  บุญคุณที่ท่านเสียสละมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่การแพทย์ค่ะ  เราจึงเรียกท่านว่าอาจารย์ใหญ่ค่ะ   ตอนที่พ่อพี่ใกล้จะเสียพี่จบแพทย์มาใหม่  ท่านก็คิดจะบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ค่ะ  แต่ว่าพ่อเป็นมะเร็งตับ ร่างกายผอมมาก กล้ามเนื้อน้อยมาก และอวัยวะภายในก็คงเปลี่ยนไปจากคนปกติมาก สุดท้ายก็เลยไม่ได้บริจาคค่ะ
จากคุณ: Dormicum โพสเมื่อวันที่: 06/15/07 เวลา 14:38:20
อ่านแล้วขนลุกเลยครับ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ
 
 Smiley
จากคุณ: sa_i โพสเมื่อวันที่: 06/15/07 เวลา 20:07:16
มาให้กำลังใจค่ะ
สู้ ๆ เป็นหมอที่ดีนะคะ
จากคุณ: เอนโด โพสเมื่อวันที่: 06/16/07 เวลา 13:22:25


 
เห็นด้วยกับคุณ winn น่าจะตั้งหมุดไว้ที่กระทู้บนสุด
 
ในเวลาที่พวกเราท้อแท้เหนื่อยล้ากับการงาน ลองกลับมาอ่านกระทู้นี้อีกครั้ง จะทำให้มีกำลังใจเรียน รักษาคนไข้ต่อสู้กับความยากลำบากที่เราต้องเผชิญ
จากคุณ: อั่งเปา โพสเมื่อวันที่: 06/16/07 เวลา 19:22:14
เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ขอให้ตั้งใจเรียน และจบมาเป็นหมอที่ดี ให้พ่อได้ภาคภูมิใจนะครับ
จากคุณ: littlerock โพสเมื่อวันที่: 06/16/07 เวลา 22:57:32
เพิ่งเข้ามาดู
 
ซึ้งมาก ๆ ครับ..  Cry Cry
จากคุณ: Dr.OU โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 00:48:05
ครับ  ตั้งใจเรียน  ออกมาเป็นหมอที่ดี  พ่อคงชื่นใจมากๆ ครับ
จากคุณ: |3a|3yMoon โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 01:00:14
ขอบคุณกำลังใจจากทุกๆคนอีกครั้งนะค้ะ
 
หนูจะขอสัญญาค่ะ ว่าจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดค่ะ   Wink
 
จากคุณ: taksinloverdoc โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 01:30:04
ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้มีโอกาสได้สัมผัสกับคุณงามความดีของพ่อตนเองทั้งใ นยามที่ท่านมีชีวิตและล่วงลับไปแล้ว คุณเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งนะผมจะบอกให้ คุณได้มีโอกาสภูมิใจในตัวพ่อ และพ่อก็ได้มีโอกาสชื่นชมและภูมิใจในตัวคุณอย่างน้อยก็อีก 1-2 ปีอย่างใกล้ชิดอีกครั้งหลังท่านเสียชีวิต..ขยันเรียนละกันเพราะท่านก็แอบดูค ุณอยู่แบบเดียวกับที่คุณแอบดูท่าน
จากคุณ: life_is_beautiful โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 05:44:07
ซาบซึ้งจริงๆ  เป็นกำลังใจให้นะคะ
 
ระลึกถึงพระคุณอาจารย์ใหญ่ทุกๆท่านค่ะ
จากคุณ: Jeda โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 06:09:27
ซาบซึ้งใจและขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจค่ะ Smiley Smiley Smiley
จากคุณ: Rasputin โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 07:26:14
on 06/17/07 เวลา 01:30:04, taksinloverdoc wrote:
คุณเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งนะผมจะบอกให้ คุณได้มีโอกาสภูมิใจในตัวพ่อ และพ่อก็ได้มีโอกาสชื่นชมและภูมิใจในตัวคุณอย่างน้อยก็อีก 1-2 ปีอย่างใกล้ชิดอีกครั้งหลังท่านเสียชีวิต..

 
 
อ่านอันนี้ของพี่ทักแล้ว ซึ้ง  Cry
จากคุณ: D_HRT โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 09:47:04
เป็นกำลังใจ ครับ
จากคุณ: kaimuk โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 10:05:47
good luck..... he did the right thing......
จากคุณ: AS!MOV โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 10:06:16
เข้มแข็งไว้น่ะครับ
ทำให้พ่อภูมใจ
เป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: job6910 โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 10:55:44
ให้กำลังใจครับ
จากคุณ: ^^เด็กน้อยหอยสังข์^^ โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 13:31:28

 
เพิ่งเข้ามาใน TCC หลังจากห่างหายไปเป็นเดือน
 
เห็นกระทู้น้องสาวขึ้นปักหมุดเลยอดแวะมาดูไม่ได้ (แม้เวลาว่างน้อยก็ตาม...จะสอบลงกองปลายสัปดาห์อ่ะ)
 
เข้ามาให้กำลังใจนะ
 
ขยันๆเข้านะ..แม้จะเหนื่อยจะท้อ..แค่คิดถึงสิ่งที่พ่อหวังไว้..กำลังใจก็ไม่ ไกลเกินไป
 
จะเป็นกำลังใจให้อีกแรงน๊า..
 
 
ว่างๆเราคงได้คุยกัน  Wink Wink
 
 
จากคุณ: small_cat โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 13:37:02
เศร้าอะคะ  Cry
จากคุณ: น้องแพร โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 14:01:06
เป็นกำลังใจให้อีกคนนะคะ  Smiley
จากคุณ: My_All โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 19:00:53
ขอเป็นกำลังใจให้น้องนะคะ พี่เชื่อว่า น้องจะต้องเป็นคุณหมอ ที่ทำให้คุณพ่อภูมิใจในตัวของน้องได้อย่างแน่นอนคะ
จากคุณ: Dr.Suntiparb_Chaiw โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 19:09:37
มาให้กำลังใจด้วยครับ
จากคุณ: Traveller โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 19:28:35
ขอชื่นชมค่ะ  Smiley
จากคุณ: BTD โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 20:09:30
ไม่ได้เข้ามาซะหลายวัน  เลยได้มาอ่านข้อความแบบที่ modified เรียบร้อยแล้ว
 
พี่รู้สึกประทับใจในครอบครัวของน้องมาก ๆๆๆ  และคิดว่าน้องต้องเป็นหมอที่ดีแน่นอน
 
ครอบครัวพี่ก็เคยคิดบริจาคร่างกายเหมือนกัน  แต่พี่นี่แหล่ะห้ามไว้  เพราะว่าพี่ทำใจไม่ได้
 
ขอให้น้องเข้มแข็ง  และรักพ่อมาก ๆๆๆๆๆๆ นะครับ  Wink
จากคุณ: nubelbo โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 20:32:05
มาเป็น   กำลังใจ  ให้อีกคนครับ  
ขอให้น้องประสพความสำเร็จ เป็น GOOD  DOCTOR
 
 
อ้อ.ขอบคุณ หมออู๋ ที่ปักหมุดไว้ให้อ่านกัน
จากคุณ: MK เด็กปี2 ภาค soft not tender โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 21:13:11
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยแฮะ  Embarassed ขอให้ตั้งใจเรียนเป็นหมอที่ดีสมดังที่คุณพ่อท่านเสียสละเพื่อให้หมอที่จบมาม ีความรู้ที่จะไปรักษาคนไข้มากมายในอนาคตครับ ผมว่าคุณพ่อคงยังมองและให้กำลังใจอยู่เสมอครับ
จากคุณ: ...Fern... โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 21:57:54
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ.. ขอเป็นกำลังใจให้น้องอีกคนนะคะ...
จากคุณ: bubblegum โพสเมื่อวันที่: 06/17/07 เวลา 22:13:11
พี่บริจาคร่างกายเหมือนกันค่ะ    
 
แม้ไม่มีใครในครอบครัวเห็นด้วย  
 
ผู้บริจาคตั้งใจมอบให้ด้วยความยินดี  
 
ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังก็อย่าเสียใจเลยนะคะ
 
พี่เป็นกำลังใจให้น้องค่ะ  ขอให้น้องกับคุณแม่มีความสุข    
 
มีอนาคตที่แจ่มใสค่ะ    Smiley  Smiley  
 
จากคุณ: arm โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 13:30:55
Cry
 
สู้ๆค่ะ
จากคุณ: beauzar โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 13:45:32
อนุโมทนาบุญกับคุณพ่อ  และเป็นกำลังใจให้ว่าที่คุณหมอด้วยคนค่ะ...
จากคุณ: podsawee โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 18:16:04
รักพ่อครับ
จากคุณ: Jazz_kung โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 18:18:36

 
พี่อยากให้น้องอนุโมทนากับผลบุญของคุณพ่อของน้องนะครับ เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
 
แต่ตัวน้องคงต้องแยกนะครับว่าอะไรคือพ่อของน้อง เพียงแค่ร่างๆนั้น หรือว่าจิตวิญญาณคุณงามความดีนั้นที่เป็นตัวของคุณพ่อที่น้องได้สัมผัสมาตลอ ด อย่าไปยึดติดครับ  ร่างกายนั้นเสื่อมไปดับไป สามารถถูกแยกออกได้จากการ dissect แต่จิตวิญญาณคุณงามความดีของคุณพ่อของน้องนั้น ไม่มีอะไรที่จะไปทำลายได้เลยครับ
จากคุณ: sa_i โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 19:18:44
เป็นกำลังใจให้นะคะ........
สู้ ๆ ต่อไปค่ะ
เพื่อตัวน้องและคุณแม่& คุณพ่อที่เสียสละอย่างยิ่งใหญ่
จากคุณ: nanmed55 โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 19:43:48
ซึ้งมากค่ะ
นี่คืออีกเรื่องดีๆ ที่เกิดรอบตัวในวงการแคบๆของเรา
 
น้องคงรู้ว่า คุณพ่อรักน้องมากแค่ไหน
และแน่นอนว่า คุณพ่อย่อมอยากให้น้องรักตัวเองและคุณแม่ให้มากๆ
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
ระยะทางอีก3ปี ที่จะได้ทดแทนคุณ คุณพ่อ-แม่ ไม่ไกลเลย,,,,
สู้ๆ
 Smiley
จากคุณ: กูอวน โพสเมื่อวันที่: 06/18/07 เวลา 21:52:43

 
สู้ๆๆ
 
ทำดี ทำดี ทำดี ทำดี ทำดี
 
เพื่อ
 
พ่อ
 
เป็นกำลังใจอยู่เสมอ
 
จากคุณ: google โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 11:27:18
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล  มันซึ้งจนบอกไม่ถูก
 
ก็คิดว่าถ้าผมอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว  ผมจะทำอย่างไรดีหนอ
จากคุณ: job6910 โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 11:46:44
สู้สู้ครับ  เป็นกำลังใจให้
จากคุณ: cumulonimbus โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 15:33:48
คุมุ..มาให้กำลังใจคับ  Smiley  Smiley
จากคุณ: OMG โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 18:43:37
ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
จากคุณ: -=JFK=- โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 19:00:50
เป็นกำลังใจให้อีกคน ครับ
จากคุณ: Little_@_PIG โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 22:15:58

   อนุโมทนาบุญกับคุณพ่อ...ของน้องด้วยค่ะ...
 
อ่านแล้วขนลุกค่ะ....
 
ปล. เป็นกำลังใจให้นะคะ...น้องเข้มแข็งมากค่ะ..  
 
จากคุณ: Pucca_K โพสเมื่อวันที่: 06/19/07 เวลา 23:14:56
ตั้งใจเรียนนะค่ะ ท่านอุทิศตนเพื่อเรานักศึกษาแพทย์  
ขอให้สำเร็จดังใจหวังค่ะ
 
 
จากคุณ: putin โพสเมื่อวันที่: 06/20/07 เวลา 02:04:41
ขอให้น้องตั้งใจเรียนและจบเป็นแพทย์ที่ดีนะครับ Smiley     "อันร่างกายนี้ ล้วนหาความสะอาดมิได้ มีความแตกดับทำลายสลายสิ้นไปเป็นธรรมดา ควรพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตน" Smiley (พระธรรมเทศนา  เวทนาปริคคหสูตร)
จากคุณ: Dr.KJ โพสเมื่อวันที่: 06/20/07 เวลา 13:08:27
น้องเข้มแข็งมากเลยครับ
พี่ยังจำสภาพตัวเองได้ เมื่อปีที่แล้วกลับบ้านไปแล้วไปเจอป๊ะป๋าที่ ICCU  
 
น้องเข้มแข็งอยู่แล้ว ขอให้อดทน และตั้งใจเรียนนิดนึงนะครับ
พี่ว่าวงการแพทย์ของเราก็จะได้หมอดีๆเพิ่มมาอีกคนนึงแน่นอน
 
เชื่อพี่ดิ คุณพ่อเฝ้ามองน้องอยู่นะ
 
Cheer up
จากคุณ: KC_1 โพสเมื่อวันที่: 06/20/07 เวลา 15:21:51
เป็นกำลังใจให้ครับ  
 
ขอให้ตั้งใจเรียนและจบเป็นแพทย์ที่ดีนะครับ Wink
จากคุณ: Ativan โพสเมื่อวันที่: 06/20/07 เวลา 16:13:47
อ่านแล้วซาบซึ้งมากค่ะ
 
สิ่งที่คุณพ่อน้องทำเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
 
ตั้งใจเรียน และจบมาเป็นหมอที่ดีนะคะ
 
เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ค่ะ Wink
จากคุณ: Puntagan โพสเมื่อวันที่: 06/20/07 เวลา 21:31:15
เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ ตั้งใจเรียนเป็นหมอที่ดีให้ได้นะครับ
จากคุณ: อารามdog โพสเมื่อวันที่: 06/21/07 เวลา 11:01:17
-ความดี ที่คุณพ่อของน้องสร้างไว้
 
ย่อมตกแก่ท่าน และ ครอบครัว ครับ
 
 Smiley Smiley ขอให้น้องเข้มแข็ง และ เป็นแพทย์ที่ เก่ง และ ดี ต่อไปในอนาคตครับ
จากคุณ: `๏'๛<<..nubee..>>๛`๏' โพสเมื่อวันที่: 06/21/07 เวลา 11:39:04
เข้ามาอีกครั้ง อ่านแล้วซึ้งอ่ะ  Cry สู้ๆนะเบบี้มูน
จากคุณ: sailormoon โพสเมื่อวันที่: 06/21/07 เวลา 17:22:33
ซึ้งที่สุด Cry
 
น้องตั้งใจเรียนนะจ๊ะ ให้ประสบความสำเร็จดังที่คุณพ่อตั้งใจไว้นะ Wink
จากคุณ: ^AuRuMi^ โพสเมื่อวันที่: 06/21/07 เวลา 19:02:20
Cry
 
อยากให้พี่ภูมิใจในตัวคุณพ่อของพี่นะคะ
จากคุณ: SweetRocktor โพสเมื่อวันที่: 06/23/07 เวลา 10:10:22
มาให้กำลังใจอีกรอบจ้า Cheesy
จากคุณ: PK_D โพสเมื่อวันที่: 06/24/07 เวลา 01:04:00
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สิ่งที่คุณพ่อและครอบครัวของน้องทำยิ่งใหญ่มากค่ะ  Smiley
จากคุณ: suede โพสเมื่อวันที่: 06/25/07 เวลา 21:11:16
u ve got the greatest dad, and ur dad ve got a greatest daughter too....he d hope ( also i am) u ll become a great doctor one day.
 
 
many people s waiting for u na,
 
face up!!
 
จากคุณ: kandidy โพสเมื่อวันที่: 06/26/07 เวลา 10:09:05
ขอเป็นกำลังใจให้น้องนะคะ
ขอให้น้องจบมาเป็นคุรหมอที่ดีมีคุณธรรมเป็นคนดีของสังคมให้สมกับที่เป็นลูกข องคุณพ่อนะคะ
เราเพิ่งเสียพ่อไปไม่ถึงปีเหมือนกันค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ๆ
จากคุณ: 37.0_celsius โพสเมื่อวันที่: 06/27/07 เวลา 17:50:30
เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ
จากคุณ: BirdSwine โพสเมื่อวันที่: 06/30/07 เวลา 10:07:59
อ่านบทความนี้แล้วพูดไม่ออกเหมือนกันเนอะ อึ้ง..... เหมือนกัน ถ้าเป็นเราเราจะรู้สึกยังไงนะ  
   อืม ตั้งใจเรียนนะคับ ปีหน้าจะขึ้นคลีนิกแล้ว สู้ ๆ นะคับ
จากคุณ: 5-FU โพสเมื่อวันที่: 07/01/07 เวลา 00:53:18
คุณพ่อคงภูมิใจในตัวลูกสาวที่เป็นหมอที่ดีในอนาคตค่ะ
จากคุณ: หนูแดง โพสเมื่อวันที่: 07/01/07 เวลา 13:03:31
ขอให้น้องมีกำลังใจเข้มแข็งนะคะ  สู้สู้นะคะ Smiley Smiley
จากคุณ: บัวใต้น้ำ โพสเมื่อวันที่: 07/02/07 เวลา 14:27:46
เป็นมนุษย์ และเป็นพ่อที่ประเสริฐมากๆครับ    Smiley    
 
จากคุณ: พรายทะเล โพสเมื่อวันที่: 07/02/07 เวลา 20:38:48
เข้าใจน้องมาก ๆ ค่ะ และขอเป็นกำลังใจให้น้องอย่างยิ่ง  ขอให้น้องอดทนเข้มแข็ง รักษาความตั้งใจ และความดี(อันนี้สำคัญมาก) ไว้ตลอดไป ให้สมกับความเสียสละของคุณพ่อ  
ไม่ว่าจะท้อแท้เหนื่อยล้า ก็ขอให้มีกำลังใจต่อสู้และอดทน หากล้มก็ขอให้ลุกขึ้นได้อย่างเข้มแข็ง  ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหรือเรื่องร้ายใด ๆ ขอให้อดทนฟันฝ่าอย่างมีจุดยืน นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว และคนรอบข้างที่ดีกับน้อง น้องก็จะมีพลังใจอยู่เสมอ
 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
จากคุณ: Dr.pumpim โพสเมื่อวันที่: 07/03/07 เวลา 12:37:51
 คัดลอกมาจากกระดานบูชาอาจารย์ใหญ่  หน้าห้อง gross มหาวิทยาลัยรังสิต  
 
บางข้อความตัวหนังสือขาดหายไป ต้องขออนุญาติเรียบเรียงใหม่    
 
    คือแสงทอง   สู่ทาง    สว่างล้ำ  
 
คือครูนำ     สู่ทาง   กว้างไพศาล  
 
คือความรู้   สู่ชีวิต  สู่วิญญาณ  
 
คือปฏิธาน  สู่เพื่อนพ้อง    และผองชน  
 
   ทุกร่างทอด   พลีกาย     สงบนิ่ง  
 
ทุกร่างทอด มอบทุกสิ่ง ให้ศึกษา  
 
ทุกร่างทอด เพิ่อชีวิต   ด้วยวิญญา  
 
ทุกร่างทอด ให้ค้นคว้า     มารู้เรียน  
 
   ร้อยเส้นเอ็น   ร้อยกล้ามเนื้อ    เจือเอ็นร้อย  
 
กรีดเป็นรอย    ผ่าเป็นแนว แล้วอ่านเขียน  
 
เส้นเลือดนี้  ระบบนั้น     หมั่นพากเพียร  
 
ผ่านวันเปลี่ยน  ประยุกต์มา รักษาคน  
 
    กราบระลึก    พระคุณท่าน     อาจารย์ใหญ่  
 
กราบระลึก   จากจิตใจ    ทุกแห่งหน  
 
กราบระลึก   พระคุณครู  อยู่เบื้องบน  
 
ช่วยผู้คน พ้นเจ็บไข้  ได้เพราะครู  
 
 
 
 
 
 
จากคุณ: hok828 โพสเมื่อวันที่: 07/04/07 เวลา 07:18:58
พยายามเข้านะครับ เป็นหมอที่ดีของประชาชน อ่านแล้วก็ซึ้งครับ
จากคุณ: lotty โพสเมื่อวันที่: 07/05/07 เวลา 11:57:02
อ่านแล้วน้ำตาซึม ขอให้น้องภูมิใจกับคุณพ่อเถอะค่ะ  
ว่าได้ทำทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
ตั้งใจเรียน แล้วเป็นหมอที่ดีที่สุดนะคะ
อาจารย์มาให้กำลังใจน้องและคุณแม่ค่ะ
สู้ๆ!!
อาจารย์หมอสูติ ขอนแก่น
จากคุณ: yoshisune โพสเมื่อวันที่: 07/07/07 เวลา 00:26:06
พ่อของน้องคงภูมิใจที่เห็นน้องเข้มแข็งครับ  Smiley
จากคุณ: aekung โพสเมื่อวันที่: 07/12/07 เวลา 11:43:34
เป็นกำลังใจให้นะ
จากคุณ: ThaiMan โพสเมื่อวันที่: 07/15/07 เวลา 06:27:20
ร่างกายทีเหยียดยาวอยู่บนเตียง
ต่อหน้านักศึกษาแพทย์ ทุกรุ่น...
มีเบื้องต้นเป็นจิตใจที่ยิ่งใหญ่.. _/\_
............
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: aekung โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 15:02:51
Smiley Smiley
จากคุณ: Doc.DIP โพสเมื่อวันที่: 07/16/07 เวลา 21:34:55
ขอคารวะ  ดวงใจอันสูงส่ง
ขอกุศลผลบุญจงนำไปสู่ภพชาติหน้า
ที่รุ่งเรือง  และได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
ด้วยเทอญ.......................................สาธุ
จากคุณ: mwanchai โพสเมื่อวันที่: 07/17/07 เวลา 11:10:48
พ่อของน้องตั้งความหวังกับน้องไว้อย่างไรครับ ทำตามนั้นแหละ ดีที่สุด พี่เองยังจำชื่อ อาจารย์ใหญ่ของพี่ได้เลย (เมือ่ 24 ปีก่อนโน้น)
จากคุณ: Dr.Turn โพสเมื่อวันที่: 07/18/07 เวลา 22:45:55
Cool น้องและครอบครับ น่ายกย่องมากครับ ขอให้น้องตั้งใจเรียน เพื่อสิ่งที่พ่อน้องต้องการจะสมหวังครับ
จากคุณ: Niwach โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 06:18:57
ขอให้ตั้งใจเรียน...ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
 
 Cool
จากคุณ: น้ำพริกหนุ่ม โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 15:48:18
ตั้งใจเรียนนะน้อง  
 
พี่ๆจะคอยเป็นกำลังใจให้
จากคุณ: |3a|3yMoon โพสเมื่อวันที่: 07/20/07 เวลา 18:36:51
ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะค้ะ  ช่วยนี้กำลังสอบอยุ่เรยค่ะ  เมื่อกี้ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมา  ผ่านห้องกรอสตอนจะกลับ
 
  อดไม่ได้ค่ะ ที่จะไปขอพรจากพ่ออีกครั้ง สำหรับการสอบครั้งนี้    เปิดผ้าคลุมดู พ่อเหมือนนอนหลับ แม้ว่าร่างกายของพ่อจะถูกผ่าไปแล้วเกือบทั่วร่างกาย ยกเว้นใบหน้า
 
แล้วน้ำตาก็ไหลค่ะ     Cry    
 
ขอให้พ่อเป็นกำลังใจ   ในการอ่านหนังสือสอบครั้งนี้ด้วยค่ะ
 
รักพ่อมากๆเลยนะ      Smiley
จากคุณ: virus50 โพสเมื่อวันที่: 07/25/07 เวลา 19:47:00
ซึ้งจัง ถ้าเป็นเราจะทำใจได้ไม๊เนี่ย ยังไงก็สู้ต่อไปนะ  Cry
จากคุณ: yumi โพสเมื่อวันที่: 07/28/07 เวลา 01:16:49
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
 
อย่างน้อย พ่อ ก็ยังได้สอนคุณ แม้ท่านหมดลมหายใจไปแล้ว
พ่อที่อยู่ในใจคุณ ก็ยังไม่เคยลบเลือนหายไปใช่ไหมคะ
 
เช่นกันค่ะ พ่อสำหรับฉัน ก็ยังอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา
ครบหนึ่งปีที่พ่อจากไป แม้น้ำตาไม่เคยหยุดไหล
แต่ก็ยิ้มได้ทุกครั้งที่หยุดร้องให้
เพราะรู้ว่าพ่อกำลังเฝ้ามองลูกสาวคนนี้อยู่
 
สู้ต่อไปนะคะ
จากคุณ: Amygdala โพสเมื่อวันที่: 07/30/07 เวลา 14:04:06
น้องเข้มแข็งมากนะคะ ขอชื่นชมจากใจจริงๆ พี่ขอให้น้องประสบความสำเร็จเป็นแพทย์ที่ดีในอนาคตค่ะ Smiley
จากคุณ: Dr.Pok โพสเมื่อวันที่: 08/05/07 เวลา 22:49:28
คุณแม่ของพี่ก็บริจาคร่างกายครับหลังจากที่พี่เรียนและได้เล่าให้คุณแม่ฟังเ รื่องความสำคัญของ อาจารย์ใหญ่ ต่อนักศึกษาแพทย์
ทุกวันนี้ เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ก็ยังระลึกถึงพระคุณอาจารย์ใหญ่เสมอครับ
เป็นกำลังใจให้น้องด้วยครับ
จากคุณ: cascade โพสเมื่อวันที่: 08/08/07 เวลา 06:58:26
คุณตาคุณยายผมก้อทำเรื่องบริจาคร่างกายไว้ที่  มอ.อ่ะครับ
 
คุณแม่ผม  คุณป้าและน้าอีก 2 คนบริจาคอวัยวะและดวงตาไว้ที่สภากาชาด
 
ส่วนตัวผมเองกะลังคิดว่าจะเลือกบริจาคอะไรดี
 
ขอความเห็นพี่ๆด้วยครับ
จากคุณ: nongnay โพสเมื่อวันที่: 08/20/07 เวลา 07:45:59
เข้มแข็งไว้นะคะ
ครอบครัวของน้องทำดีที่สุดแล้วจริงๆค่ะ
จากคุณ: lonely_in_av โพสเมื่อวันที่: 08/22/07 เวลา 08:50:25
i have nothing to say. I hope this will make us to talk to and take care of our parents as much as possible when we still have a chance.  Thank again for sharing your feeling. This makes me realize the most important thing in my life.
จากคุณ: nyx โพสเมื่อวันที่: 09/07/07 เวลา 15:36:53
ขอให้คุณพ่อน้องได้บุญนี้ ดังที่ตั้งใจ
ร่างกายเมื่อสูญสิ้นลมหายใจแล้ว  ก็เหลือแต่ร่าง ไม่เจ็บปวดอีก
 
แต่คนๆนั้นจะยังมีชีวิตอยู่กับเราเสมอ  ถ้าเราไม่ลืมเขา และระลึกถึงเขาอยู่เสมอ  
 
คุณพ่อพี่เสียไป10ปีแล้ว แตก็ยังเสมือนมีท่านอยู่ใกล้ๆเสมอทั้งยามทุกข์ หรือ สุข เพราะยังจำทั้งเสียงและภาพได้อย่างแจ่มชัด
 
ตรงกันข้ามกัน ถึงแม้จะยังมีลมหายใจอยู่ แต่ก็คือตายจากกัน  ถ้าเราลืมคนๆนั้นแล้ว
จากคุณ: PEACE โพสเมื่อวันที่: 09/20/07 เวลา 10:47:07
เป็นกำลังใจใหเครับ Wink
จากคุณ: pinkyevil โพสเมื่อวันที่: 09/22/07 เวลา 16:58:46
พี่่เป็นกำลังใจให้จ้า ขอให้น้องตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานเป็นหมอที่ดีจ้า
จากคุณ: FAT_DOCTOR โพสเมื่อวันที่: 10/21/07 เวลา 10:46:20
ขอให้น้องเข้มแข็ง ตั้งใจเรียนให้สมกับที่คุณพ่อของน้องได้ทำตัวอย่างที่ดีไว้
พวกเราทุกคนจะรอดูความสำเร็จของน้อง   Smiley  สู้ต่อไป อย่าท้อถอย
จากคุณ: time211 โพสเมื่อวันที่: 10/29/07 เวลา 18:48:15
มีเรื่องสั้น ของ อ.อุดากรมาให้อ่านนะครับ คล้าย ๆ กันเลย
 
ตึกกรอสส์

 
 
ความตื่นเต้นของเธอฉายออกมาอย่างชัดเจนทั้งดวงตาและท่าทาง ขณะที่ผลักบังตาเข้าไปอย่างร้อนรน “เจษ-“ เธอพูดเสียงเร็วปรื่อ “วิทยามาแล้ว”
นักเรียนแพทย์ผู้นั้นเงยหน้าขึ้นจากกล้องจุลทรรศน์อย่างรวดเร็ว “อะไรนะต้อย?” เมื่อหญิงสาวทวนประโยคนั้นเจษฎางค์กระโดดขึ้นยืนอย่างลืมตัว แต่ชั่วขณะที่เขามองใบหน้าของผู้ที่เขาเรียกว่าต้อยอย่างเต็มตา เห็นใบหน้าซึ่งเผือดและซีดขาวราวกับเสื้อกาวน์ที่เธอสวมอยู่ เห็นริมฝีปากที่สั่นระริก และเห็นขอบตาที่แดงช้ำ ประกายปิติของเขาก็วูบลงเหมือนดาวที่หล่นจากท้องฟ้า เสียงเครือไปด้วยสำนึกในท่าทีนั้น “วิทยามาแล้วทำไมหรือ?”
เสียงของหญิงสาวเกือบจะเป็นสะอื้น ขณะที่เธอตอบ “ป่วยหนักอยู่ที่ตึกอายุรกรรม-อยากพบเจษเดี๋ยวนี้ ฉันตามหาเธอตั้งนาน ไปซิ”
เจษฎางค์เม้มริมฝีปาก เขาดึงสไลด์ออกจากล้องและเก็บเข้าที่อย่างรีบร้อน ปิดหนังสือเล่มขนาดยักษ์ที่กางอยู่ตรงหน้าและผลักไปรวมกันอยู่ทางหนึ่ง เลื่อนกล้องเข้าไปในหีบไม้เบอร์ ๔ แล้วก้าวตามหญิงสาวออกมาติดๆ
“เป็นอะไรนะ ต้อย?”
“Pulmonary embolism” หญิงสาวตอบเสียงเกือบไม่ได้ยิน
เจษฎางค์ขบกรามจนโปนออกมาเห็นชัด เขาก้าวเท้าถี่ๆ ตามหญิงสาวซึ่งเดินเกือบจะเป็นวิ่งไปตามถนนปูน “ใครเป็นเจ้าของไข้?”
“ฉันเอง” หญิงสาวหันมาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย “แต่อย่างเพิ่งถามเลย, เจษ, ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
 
แสงแดดในยามเย็นทอดเงาของนักเรียนแพทย์ทั้งสองนั้นทาบติดอยู่กับพื้นถนน และไหวไปมาไม่หยุดหย่อน นักเรียนพยาบาลสองสามคนเดินสวนมาชำเลืองอาการรีบร้อนนั้นอย่างประหลาดใจ
เมื่อเขาเลี้ยวและเธอก้าวขึ้นไปบนบันไดตึกด้านใต้ของตึกอายุรกรรม ความเงียบแผ่ซ่านบริเวณตึกนั้นจนสะดุดใจ กลิ่นอายของอีเทอร์ล่องลอยมาจากที่ใดที่หนึ่ง ขณะที่พยาบาลในชุดสีขาวบริสุทธิ์กำลังแจกยาหลังอาหารแก่คนไข้อย่างเงียบๆ เจษฎางค์หันมาทางหญิงสาว ถามด้วยเสียงหอบ “ไหน?”
หญิงสาวชี้ไปยังเตียงหนึ่งซึ่งกั้นม่านไว้อย่างมิดชิด และโดยไม่พูดจนคำเดียวเธอสาวเท้าไปยังที่นั่น เปิดม่านสีขาวนั้นออก “นั่นอย่างไร” จบคำพูดนั้นน้ำตาเธอไหลพราก “นั่นอย่างไรวิทยา” เธอพูดซ้ำคล้ายคนไร้สติ
เจษฎางค์เบือนหน้าไปจากภาพที่เห็นนั้นอย่างสลดใจ ร่างนั้นดำเกรียมจนเกือบจะเหมือนต้นไม้ที่ถูกสุม ผอมจนเกือบจะไม่มีหนังพอที่จะหุ้มกระดูก เส้นเอ็นปรากฏที่นั่นและที่นี่เหมือนขดเชือก ผมยาวเป็นกระเชิง เช่นเดียวกับหนวดเคราซึ่งปล่อยไว้รุงรังและสกปรก วิทยาอยู่ในเสื้อและกางเกงสีขาวเนื้อหยาบๆ ของโรงพยาบาลเหมือนกับคนไข้อนาถาทั้งหลาย นอกจากอาการหายใจหอบอย่างน่ากลัวของเขานั้นแล้ว ไม่มีเครื่องหมายอันใดเลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่
 
พยาบาลผู้หนึ่งก้าวมาหยุดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เธอมองดูคนไข้และหันมาทางนักเรียนแพทย์สาว กล่าวขึ้นด้วยสำเนียงสุภาพ “หลับค่ะ ดิฉันฉีดมอร์ฟีนให้แกเมื่อครู่นี้เอง คุณหมอชัยสั่งไว้”
หญิงสาวพนักหน้าและเบือนออกไปนอกหน้าต่าง เจษฎางค์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างหน้าเตียงนั้น เขามองดูคนไข้อย่างสมเพช เป็นนาน เขาจึงหันมาทางหญิงสาว และถามด้วยสำเนียงต่ำๆ และแผ่วเบา
“วิทยามาถึงที่นี่เมื่อไร?”
“บ่ายสามโมง” เธอตอบ
“ใครเป็นคนพามา?”
“คนเรือโยงสองคนจ้ะ, เจษ วิทยาโดยสารเข้ามาจากปากน้ำโพ ป่วยหนักมาแต่ที่นั่น เมื่อเขาเห็นฉัน เขาดีใจมากเหลือเกิน เขาจับมือฉันไว้และบีบแน่นขณะที่บอกว่า “เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับบั้นท้ายแห่งชีวิตของพี่ เพียงแต่ได้แลเห็นต้อย  
เห็นศิริราช และหากเจษอีกคนหนึ่ง-เขายังอยู่มิใชหรือ?”-พี่คงตายอย่างเป็นสุข” น้ำตาของหญิงสาวไหลพราก เมื่อเธอกล่าวประโยคต่อไป “วิทยาหายใจหอบอย่างน่ากลัวเหลือเกินกระนั้นยังอุตสาห์ถามฉันว่า เคยคิดถึงเขาบ้างไหม”
เจษฎางค์นิ่งงัน ขณะที่หญิงสาวก้าวมาใกล้เขาและกระซิบเสียงสั่นสะท้าน “และเดี๋ยวนี้ ต่อปัญหาว่าทำไมวิทยาจึงหายหน้าจากเราไปหลังจากคืนวันนั้นบนตึกกรอสส์ ก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เจษดูนี่ซิ วิทยาเป็นคนมอบให้ฉันเองเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว วิทยาพบกระดาษแผ่นนี้คั่นอยู่ในหนังสือของคุณอาของเขา, พระอรรถธรรมธาดา เธอยังจำได้มิใช่หรือ ก่อนหน้าที่เขาจะจากเราไปวันหนึ่ง เมื่อสามปีที่แล้ว?”
 
เจษฎางค์รับกระดาษสีเทานั้นจากหญิงสาวและคลี่อ่านอย่างลุกลน เมื่ออ่านจบเขาถอนสายตาขึ้นและทอดออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉยเมย ใบไม้สีเขียวขจีสองสามใบหล่อนลงมาจากกิ่งและระไปตามรั้วสังกะสีซึ่งกั้นเขตโ รงพยาบาลออกจากบริเวณภายนอก ซึ่งบางครั้งมีเสียงนกร้องจากต้นไม้ครึ้มนั้น เมฆฝนแห่งต้นเดือนสิงหาคมปรากฏขึ้นรางๆ ที่ขอบฟ้าขณะที่สีแสดแกมทองของฟ้ากำลังเปลี่ยนไปเป็นสีของกลางคืนความเงียบแ ผ่มนต์มหัศจรรย์ไปแทรกแซงอยู่กับบรรยากาศเหนือตึกอายุกรรม มันวังเวงอย่างประหลาด จนครั้งหนึ่งเจษฎางค์ต้องหันมาจ้องดูคนไข้ซึ่งนอนแบบอยู่บนเตียงอย่างไม่แน่ ใจ
 
ลมหอบกลิ่นเหม็นอย่างฉุนเฉียวของเนื้อที่ถูกชำแหละออกจากศพซึ่งนักเรียนแพทย ์ใช้เรียนใน แล็บกรอสส์และถูกเผาอยู่ในเตาเผาหลังตึกกรอสน์นั้นมาวูบหนึ่ง เจษฎางค์ลุกขึ้นยืนอย่างอิดโรย ตึกกรอสส์…อนิจจา…วิทยากับคืนวันหนึ่งที่ตึกกรอกส์-คืนที่เจษฎางค์คิดว่าเขา จะลืมไม่ได้จนชั่วชีวิต
 
เมื่อสามปีก่อน วิทยาเป็นนักเรียนแพทย์ซึ่งข้ามฟากมาพร้อมๆ กับเจษฎางค์และต้อย เขาเป็นคนเรียนหนังสือเก่งมาก แต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่เตรียมอุดมฯ ตั้งแต่ที่จุฬา กระนั้นวิทยายังขะมักเขม้นเป็นพิเศษเมื่อข้ามมาเรียนที่ศิริราช ทุกวิชา, ทุกห้องที่ตึกกรอสส์, โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องชำแหละศพ, เป็นห้องที่วิทยาหลงใหลอย่างยิ่ง วิทยามีวิธีการใช้ disecting needle และ forcepts ได้ประณีตจนใครๆ มหัศจรรย์ ศพที่โต๊ะเบอร์ 11 ของเขา ซึ่งมีต้อย เจษฎางค์ และเพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นเจ้าของ มักจะมีนักเรียนแพทย์อื่นๆ มามุงอยู่เสมอและบ่อยๆ ครั้งที่อาจารย์ใช้เป็น sample เพราะนอกจาก nerve และ blood vessels ทุกชิ้นจะปรากฏอยู่อย่างชัดเจนด้วยฝีมือของวิทยาแล้ว ศพนั้นยังใหญ่โตเป็นพิเศษ ที่บอร์ดซึ่งติดประจำศพในห้องชำแหละนั้น ปรากฏว่าเจ้าของศพนั้นเป็นนักโทษชื่อแจ้ง ชัยงาม ตายด้วยโรคมาลาเรียและอุทิศศพของตนให้โรงพยาบาลด้วยสมัครใจ
ทั้งอาจารย์และนักเรียนแพทย์ทั้งหลายพากันหวังว่า ในอนาคตอันใกล้ ศิริราชพยาบาลจะได้นายแพทย์ที่ดีไว้ใช้อีกคนหนึ่ง หลายคนเชื่อว่าวิทยาจะต้องได้ไปเรียนต่อต่างประเทศและทุกคนเชื่อว่าวิทยาจะต ้องได้เหรียญทอง แต่ท่ามกลางความหวังเหล่านี้ วิทยาได้สร้างความมหัศจรรย์แก่ตัวของเขาเองในคืนหนึ่งภายในความมืดทะมึนของต ึกกรอสส์และในระหว่างความประหลาดใจอันใหญ่หลวงนั้น วิทยาหายไปจากมหาวิทยาลัยอย่างเงียบเชียบ ไม่มีใครรู้ว่าวิทยาอยู่ที่ไหน แม้แต่เพื่อนรักของเขาอย่างเจษฎางค์ แม้แต่คนรักของเขาอย่างต้อย และแม้แต่คุณอาผู้ที่เลี้ยงเขามาแต่เล็กๆ อย่างพระอรรถธรรมธาดา…กระทั่งบัดนี้-บัดนี้-ขณะที่เขาใกล้จะตายอยู่แล้ว
 
เจษฎางค์จำได้อย่างติดตา คืนนั้น…เดือนกระจ่างฟ้าละลอกเล็กๆ ในลำแม่น้ำเจ้าพระยาเต้นพรายคล้ายอาบด้วยเงินยวง ขณะที่เรือแจวลำหนึ่งพุ่งหัวออกจากท่าศิริราช แม้เวลาจะเลยสามทุ่มไปนานแล้วก็ตาม แต่พวกนักเรียนแพทย์ปี ๑ กรุ๊ป บี ก็เพิ่งจะออกจากแล็บกรอสส์เดี๋ยวนี้เอง ระหว่างนั้นเป็นระยะเวลาระหว่างสงคราม การที่มหาวิทยาลัยต้องยืดกำหนดเปิดภาคช้าไปกว่าปรกติทำให้ต้องเพิ่มเวลาเรีย นกันให้มากขึ้นไปอีกจากเดิม ดังนั้น ทั้งแล็บ physiology หรือแล็บกรอสส์ในบางวันของสัปดาห์จึงต้องใช้เวลากลางคืนเช่นนี้ด้วย และด้วยจำนวนนักเรียนแพทย์ที่ข้ามมาล้นหลามผิดปรกติในปีนั้น จึงทำให้นักเรียนแพทย์ปีที่ 1 เกือบทั้งหมดไม่มีหออยู่ ในเรือแจวลำนี้จึงเต็มไปด้วยนักเรียนแพทย์ทั้งหญิงและชาย ซึ่งเพิ่งลงจากตึกกรอสส์เมื่อครู่ แต่อย่างไรในเรือลำนั้นไม่มีวิทยารวมอยู่ด้วย เพราะเขาไม่ได้มามหาวิทยาลัยตั้งแต่เช้า หลายคนแปลกใจ เพราะวิทยาไม่เคยขาดเรียนแม้แต่วันเดียว ตั้งแต่เปิดภาคเรียนที่ 1– และที่ 2 ซึ่งกำลังดำเนินอยู่นี้ต้อยขรึมกว่าทุกๆ วัน เธอนั่งเงียบเชียบอยู่กับเจษฎางค์ที่หัวเรือนั้น กระทั้งเมื่อเรือเทียบท่าพระจันทร์ ซึ่งที่นี้เองเขาทั้งสองต้องร้องอย่างสนเท่ห์เมื่อเห็นวิทยายืนอยู่ที่โป๊ะน ั้น จากแสงไฟซึ่งพรางไว้อย่างสลัว หญิงสาวสังเกตเห็นใบหน้าอันฉายแววตระหนกของเขาได้อย่างชัดเจน วิทยาแต่งกายลวกๆ ชายเสื้อข้างหนึ่งยังแลบออกมาจากกางเกง ผมยุ่งเหยิงเหมือนไม่เคยได้พบกับแปรง เธอถามเขาทันทีที่ก้าวขึ้นจากเรือ “วิทยาทำไมไม่มาเรียนหนังสือ?”
วิทยาไม่ตอบ แต่ถามสวนขึ้นอย่างลุกลน แล็บกรอสส์ปิดหรือยังจ๊ะ, ต้อย?”
ต้อยดูเขาอย่างไม่เข้าใจ “กำลังปิด ทำไมหรือ?”
วิทยาก้าวพรวดลงไปในเรือ หน้าของเขาเครียดขณะที่บอกเจษฎางค์ว่า “เจษ, อย่าเพิ่งขึ้น ไปตึกกรอสส์กับกันเดี๋ยว”
 
จากคุณ: time211 โพสเมื่อวันที่: 10/29/07 เวลา 18:49:02
ตึกกรอสส์,ตึกแห่งเดียวในประเทศไทยซึ่งสะสมศพดองไว้เป็นจำนวนนับสิบในโรงมหึ มาราวกับฮวงซุ้ยของจอมจักรพรรดิโบราณแห่งไอยคุปต์ ตึกซึ่งซากและอวัยวะเฉพาะส่วนของมนุษย์นับเป็นจำนวนร้อยพันชิ้นถูกเก็บไว้ใน สภาพเดิมในโลงที่เปี่ยมด้วยน้ำยา และตึกซึ่งระเกะระกะด้วยกระดูกและกะโหลกมนุษย์นั้น, ยืนทะมึนขาวพร่าอยู่ท่ามกลางแสงอร่ามของดวงจันทร์ขณะที่เสียงครางเบาๆ ของคนไข้และกลิ่นจางๆ ของอีเทอร์ที่ถูกลมพัดหอบมาแต่ตึกศัลยกรรมทำให้บรรยากาศ
ตึงเครียดลงไปอีก
 
วิทยาวิ่งขึ้นบันไดตึกอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแสงไฟในห้องชำแหละศพวูบลง “เร็วหน่อย, เจษ” เขาตะโกน “เดี๋ยวคนงานจะปิดห้องเสีย” อย่างไรทั้งวิทยาและเจษฎางค์มาถึงห้องชำแหละศพพอดีขณะที่คนงานกำลังจะใส่กุญ แจห้อง “ประเดี๋ยว” วิทยาร้อง “ขอเข้าไปสักครู่เถอะ มีธุระ”
เจษฎางค์ก้าวตามวิทยาเข้าไปติด ๆ ทั้ง ๆ ที่เคยเข้าห้องนี้มาจนนับครั้งไม่ถ้วน เขาก็อดสะท้านใจไม่ได้ กลิ่นน้ำยาอาบศพล่องลอยอยู่อับ ๆ แสงเดือนที่ฉายลอดบานกระจกเข้ามาส่องให้เห็นเงาตะคุ่มของศพซึ่งคลุมด้วยผ้าอ าบยาไว้บนโต๊ะชำแหละเป็นแถวยาวยืด โครงกระดูกที่ประกอบไว้ยืนจังก้าขาวโพลนอยู่ท่ามกลางความมืดสลัวๆ นั้นคล้ายจะหลอกหลอน แต่วิทยาไม่เอาใจใส่สิ่งเหล่านี้แต่อย่างใดเลย เขาก้าวเท้าไปที่โต๊ะชำแหละเบอร์ 11 ของเขาอย่างเร่งร้อน เปิดไฟเหนือศพนั้นขึ้น และด้วยอาการอันลุกลน เขาดึงผ้าคลุมศพผืนใหญ่นั้นออกอย่างแรง คลายผ้าอาบยาที่พันหน้าและศีรษะนั้นออกอย่างรวดเร็ว ยกหัวศพนั้นขึ้น พยายามพลิกกระทั่งศพนั้นคว่ำหน้าลงด้วยอาการของคนบ้า วิทยาดึงดวงไฟลงมาจนชิดท้ายทอยของศพ และก้มลงจ้องดูอย่างพินิจพิเคราะห์ ไฝสามเม็ดซึ่งเรียงอยู่เป็นแถวที่ท้ายทอยอันมีผมเกรียนของศพนั้นปรากฏขึ้นอย ่างชัดเจน วิทยาร้องเสียงแหลมคล้ายสัตว์ที่เจ็บปวด เขาล้มลงอย่างแรงหัวฟาดโต๊ะชำแหละตัวซึ่งอยู่ติด ๆ กันนั้นเสียงสนั่นมันก้องไปในความเงียบและสะท้อนกลับมา เสียงกึงกังเหมือนจะหลอน
 
นั้นเอง คือ คืนอวสานแห่งชีวิตนักเรียนแพทย์ของวิทยาไม่มีใครพบเขาที่มหาวิทยาลัยอีกนับแ ต่วันนั้นเขาหายไปจากมหาวิทยาลัยและเตลิดไปจากบ้านคล้ายกับจะหลีกลี้ต่อทวาร ปรภพ ไม่มีใครทราบว่าทำไมวิทยาไปที่ตึกกรอสส์ในคืนนั้น ไม่มีใครทราบว่าทำไมวิทยาจึงต้องหายหน้าไปจากมหาวิทยาลัยและเตลิดไปจากบ้าน ไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าแม้แต่คนที่เขารักอย่างสุดสวาทขาดใจเช่นต้อย ทุกอย่างยังคงเป็นเรื่องลี้ลับกระทั่งสองปีต่อมา  ขณะที่เพื่อนและคนรักของเขาเป็นนักเรียนแพทย์ปีที่ 3 ขณะที่เขากำลังจะตายเช่นในขณะนี้เอง  เขากลับมาศิริราชอีกครั้งหนึ่งด้วยหวังจะเห็นคนที่เขารักเป็นครั้งสุดท้าย และในวินาทีเหล่านี้เอง ความลับเหล่านั้นคลี่คลายออกด้วยเพียงกระดาษชิ้นเล็กๆ ชิ้นเดียวที่เขาส่งให้หญิงที่เขารักด้วยสมัครใจ
เสียงพูดปนเสียงหอบดังขึ้นจากเตียง “เจษ, นั่นแกหรือ?”
 
ในห้องเล็กเชอร์ซึ่งถูกใช้เป็นห้องประชุมคราวนั้นเงียบกริบเหมือนโบสถ์ร้าง เฟรชชี่ทั้งหญิงและชายซึ่งนั่งติดกันและซ้อนเป็นแถวยาวยืดตัวครั้งตรงและดูเ หมือนเกือบจะไม่เต็มใจ บรรยากาศเหนือสถานที่ประชุมนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นครั้งแรกในปีนั้นที่มีการประชุมเฟรชชี่ซึ่งเพิ่งข้ามฟากมาจากจุฬาฯ ทุกสิ่งที่เขาทั้งหลายได้เห็นและได้ฟังเป็นสิ่งใหม่ซึ่งให้ความตื่นเต้นมากเ หลือเกิน ซีเนียร์ซึ่งสวมเสื้อกาวน์สีขาวบริสุทธิ์ และยืนเรียงรายอยู่ที่ผนังห้องประชุมด้วยอิริยาบถต่างๆ กันนั้น ทำให้เขาพากันคิดถึงบาทหลวงในโบสถ์วินเชสเตอร์ ขณะที่มีงานราชพิธีอันโอ่อ่า
 
หลังโต๊ะเล็กเชอร์และเบื้องหน้ากระดานดำแผ่นใหญ่นั้นหัวหน้านักเรียนแพทย์ยื นตระหง่านอยู่ เขากำลังพูดด้วยเสียงที่มีจังหวะจะโคนและดื่มด่ำเข้าไปในความรู้สึกของผู้ฟั งอย่างประหลาด แววตาของเขาฉายแสงกล้าขณะที่ย้ำถึง seniority, unity, order และ spirit ซึ่งเป็น tradition ของมหาวิทยาลัย เขาพูดถึงคณะบดี คณาจารย์ และนายแพทย์ทั้งหลาย ซึ่งดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในโรงพยาบาล พูดถึงงานต้อนรับน้องใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นต่อไปในต้นเดือนหน้า และที่สุดหัวหน้านักเรียนแพทย์แนะนำให้เพรชชี่รู้จักกับประธานแผนกต่างๆ ของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งแต่งตั้งขึ้นจากซีเนียร์และยืนอยู่ในที่นั้น
 
เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อมีการขานชื่อประธานแผนกแต่ละคน สายตาทุกคู่เบนจากที่นั้นมาสู่ที่นี้ แล้วแต่ว่าประธานแผนกนั้นจะยืนอยู่ ณ ที่ใด ทุกครั้งเขาได้รับการก้มศีรษะและยิ้มให้อย่างบริสุทธิ์ใจ และเสียงปรบมือที่ยืดยาวและกึกก้องที่สุดในวันนั้นดังขึ้นเมื่อหัวหน้าขานชื ่อวรนาถ เวชการพิทักษ์, หัวหน้านักเรียนแพทย์หญิง เฟรชชี่เหล่านั้นพากันคิดว่าเขาจำผู้ที่กล่าวนามหลังนี้ได้ดีกว่าใครๆ เพราะว่าเจ้าของร่างแบบบางและมีใบหน้าหวานผุดผ่องนั้นมีประกายตาเศร้าอยู่เป ็นนิจ แม้ในขณะที่ก้มศีรษะให้อย่างแช่มช้อยและพยายามยิ้มให้อย่างอ่อนหวานก็ตาม
 
การเลือกหัวหน้านักเรียนปี 1 ได้เริ่มขึ้นภายหลังนั้นและเมื่อมันสุดสิ้นเรียบร้อยไป การประชุมก็มีท่าทีจะยุติลงหัวหน้ากำลังกล่าวปิดประชุมอย่างเพราะพริ้ง แต่ในวินาทีซึ่งนักเรียนแพทย์ทั้งหลายคาดกันว่าจะได้ฟังคำสุดท้ายจากผู้กล่า วปิดประชุมนั้นเอง เขาพบว่าคำนั้นขาดไปจากริมฝีปากของผู้พูดเฉยๆ หัวหน้านักเรียนแพทย์หยุดพูดโดยกะทันหัน และเปลี่ยนสำเนียงใหม่อย่างร้อนรน
“ประทานโทษ…ขอเวลาผมอีกสักครู่ ช่วยบอกผมหน่อยว่า ใครเป็นเจ้าของศพโต๊ะที่ 11 ในห้องชำแหละ?” อย่างประหลาดใจ เสียงซุบซิบดังขึ้นในห้องนั้นคล้ายเสียงลมครางขณะพัดไปตามกิ่งลู่ของต้นไม้ และอย่างเงียบๆ นักเรียนแพทย์ปีที่ 1 สี่คนยืนขึ้นจากที่นั่ง ใครคนหนึ่งในจำนวนนั้นแนะนำเขาเหล่านั้นให้หัวหน้ารู้จักร่างตระหง่านซึ่งสว มเสื้อกาวน์ขาวโพลนอยู่หน้ากระดานดำแผ่นนั้นนิ่งอึ้ง สายตากวาดลงต่ำ-มันมีประกายหมอง บรรยากาศเคร่งเครียดไปโดยฉับพลัน เสียงหวูดเรือจากลำแม่น้ำเจ้าพระยาดังครวญครางเสียงแหลม ขณะที่ลมฝนพัดมาปะทะแผ่นกระจกที่หน้าต่างดังอู้ไม่ขาดระยะ และท่ามกลางความเงียบงันคล้ายถูกมนต์สะกดนี้เอง วรนาถก้าวเท้าเดินออกจากห้องนั้นอย่างแช่มช้า แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหม่นหมองและรันทด ฝีเท้าของเธอดังไกลออกไปทุกทีๆ และเงียบหายไปในที่สุด
 
หัวหน้านักเรียนแพทย์เม้มริมฝีปาก ขณะที่จ้องดูนักเรียนแพทย์ปีที่ 1 ทั้งสี่นั้นเขม็ง เขาเริ่มพูดต่อไป แต่ครั้งนี้เขารู้สึกแต่เพียงได้ยินเสียงของเขาล่องลอยมาจากที่ใดที่หนึ่งไก ลเหลือเกินจากที่เขายืนอยู่นั้น
“ผมอยากจะขอร้องให้คุณใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับศพนั้น โดยปรกติเราก็ถือกันอยู่แล้วว่า ศพที่ใช้ชำแหละในแล็บกรอสส์นั้นมีค่าเท่ากับครูของเราเอง และดังที่คุณเคยทราบ เราย่อมไม่แสดงกิริยาใดซึ่งแสดงถึงการดูถูกดูแคลน ล้อเลียน หรือแสดงท่าทีอันน่าบัดสีต่อศพนั้น หลายศพอาจจะได้มาจากศพที่ไม่มีญาติ แต่หลายศพเราได้มาจากความสมัครใจของผู้ที่เป็นศพนั้นเอง” กรามของผู้พูดโปนขึ้นมาจนเห็นชัด “ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะอุทิศร่างของตนให้เป็นบริการของสาธารณะและ โดยเฉพาะโต๊ะ 11 ” เสียงเขาสะท้านไปด้วยความทรงจำ “ผมอยากจะบอกให้คุณทราบด้วยตัวผมเองว่า เราถือเป็นโต๊ะศักดิ์สิทธิ์…ตั้งแต่นานมาแล้วกระทั่งปีนี้, ทราบได้ด้วยว่าศพโต๊ะ 11 นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเรียนแพทย์เช่นเดียวกับคุณ นักเรียนแพทย์ที่รู้จักวิธีใช้ disecting needle และ forceps กระทั่งเป็นที่เลื่องลือในรุ่นผมนั้น-เขาต้องออกจากการเป็นนักเรียนแพทย์ด้ว ย” เสียงชะงัก “ด้วยอุปัทวเหตุ และเป็นนักเรียนแพทย์ที่ทำพินัยกรรมมอบศพตัวของเขาเองให้แก่ตึกกรอสส์…”
 
เมื่อการประชุมได้สิ้นสุดลง หัวหน้านักเรียนแพทย์ก้าวเท้าลงจากตึก pathology และอย่างเงียบๆ เขาเดินก้มศีรษะอย่างจะใช้ความคิดไปตามถนนปูนเล็กๆ วันคืนอาจจะผ่านไป แต่เขาคิดว่าเขาไม่อาจจะลืมเสียงของวิทยาทาร้องอย่างเจ็บปวดในความมืดของห้อ งชำแหละศพเมื่อสามปีก่อน ไม่อาจลืมร่างอันดำเกรียมซึ่งปราศจากลมหายใจบนตึกอายุรกรรมและการ
หลั่งน้ำตาอย่างเป็นสายเลือดของต้อยเมื่อหกเดือนที่แล้วมานั้นได้เลย เขาเหลือบมองดูตึกกรอสส์แวบหนึ่งขณะที่จะเลี้ยวผ่านหน้าหอนักเรียนแพทย์หญิง  และเม้มริมฝีปาก ที่นี่เองซิ เป็นที่ซึ่งครั้งหนึ่ง-ด้วยกาลและอาจจะตลอดไปด้วยความทรงจำ-เป็นที่ซึ่งบันท ึกความรักของมนุษย์อันจะพึงให้และแสดงออกต่อกันได้ด้วยรูปแตกต่างออกไปอีกแบ บหนึ่งมือเขาเย็นเฉียบเมื่อคิด
ขณะที่เขาก้าวขึ้นบันไดตึกอำนวยการ วรนาถก็ก้าวเข้ามาขอบตายังแดงช้ำเห็นถนัด เธอดึงชายเสื้อของเขาและพูดอย่างเหน็ดเหนื่อยว่า “เธอบอกเรื่องอะไรของวิทยาแต่เด็กใหม่เหล่านั้นหรือ, เจษ?”
หัวหน้านักเรียนแพทย์สั่นศีรษะ “ฉันบอกเขาเพียงให้ใส่ใจในศพเท่านั้นเอง” เขาหยุดและมองวรนาถอย่างเต็มที่ “เธอคิดว่าฉันเล่าเรื่องกระดาษสีเทาแผ่นนั้นแก่พวกเขาหรือ, ต้อย ฉันจะบอกเขาได้อย่างไรเมื่อค่าของกระดาษแผ่นนั้นมันหมายถึงความหลังของชีวิต หนึ่ง, และบางทีสองชีวิตจะถูกกว่า, บนโต๊ะชำแหละที่ 11”
วรนาถมองเจษฎางค์อย่างเซื่องซึม “เธอยังเก็บมันไว้อยู่หรือ?”
เจษฎางค์พยักหน้า วรนาถบิดมือตัวเองอย่างร้าวใจและพูดเกือบจะกระซิบ “ทำลายมันเสีย, เจษ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บมันไว้อีก มันควรจะเป็นความลับอยู่เช่นนั้นตลอดกาลมากกว่า แม้ว่าวิทยายินดีจะให้เปิดเผยก็ตาม”
เมื่อแยกทางกับวรนาถ เจษฎางค์ก็มุ่งตรงไปยังหอ เขาไขกุยแจ ผลักประตูห้องเข้าไป ดึงลิ้นชักออก หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาลูบคลำอยู่ครู่ใหญ่ และคลี่มันออกมาอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายด้วยพินิจพิเคราะห์คล้ายจะฝัง มันไว้กับความทรงจำ ลายมือนั้นยุ่งและเลือนไปด้วยกาลเวลา
 
ถึงพระอรรถธรรมธาดา
จดหมายฉบับนี้คงเป็นฉบับสุดท้ายที่ฉันจะได้เขียนถึงเธอ เพราะว่าไข้กำเริบขึ้นทุกขณะ แต่ดีใจว่าจะหมดเวรหมดกรรมเสียที ถ้าไม่ตายเสียก็คงจะรับทุกข์มรมานต่อไปอีก ฉันเบื่อเต็มที แต่อย่างไรก็ดีฉันคิดถึงลูก วิทยาคงหลงว่าพ่อของเขานั้นตายมานานแล้ว แต่ดีละ เขารู้อย่างนั้นดีกว่าจะรู้ว่าพ่อของเขาเป็นนักโทษตลอดชีวิต เพราะฆ่าคนที่ทำลายเกียรติยศของแม่เขา
ฉันตั้งใจจะอุทิศศพของฉันเองให้โรงพยาบาลศิริราชเพื่อเป็นบริการของนักเรียน แพทย์ วิทยาคงจะข้ามฟากปีหน้าใช่ไหม? ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกเลยเกือบตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ดังนั้น ฉันภาวนาว่าขอให้ได้อยู่ใกล้ ๆ กับเขาสักหน่อยเถิด แม้ว่าจะสิ้นชีวิตไปแล้วก็ตามอย่าลืมทำลายเอกสารที่มีรูปและรอยตำหนิของฉันเ สีย ทั้งๆ ที่ฉันอยากจะอยู่ใกล้ๆ ลูกเมื่อตายไปแล้ว แต่ก็คงไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันเป็นใครอยู่ดี ไฝสามเม็ดที่ท้ายทอยของฉันไม่เหมือนใคร อย่าให้วิทยารู้จักพ่อของเขาได้จากตำหนินั้น หากเขาจะได้ชำหละศพพ่อของเขาด้วยมือของเขาเอง
ลาก่อน ขอให้เธอและวิทยาจงเป็นสุข
         จากพี่  
แจ้ง ชัยงาม
 
เจษฎางค์ยิ้มอย่างเหียมเกรียม วิทยาใช้เวลาถึงสามปีและกับชีวิตของเขาอีกชีวิตหนึ่ง ซึ่งแพงมากเหลือเกินสำหรับเพื่อเพียงที่จะสำนึกในความภาคภูมิในความรักอันจะ หาสิ่งใดเปรียบมิได้เลยของบิดาที่มีต่อเขา-และกว่าที่จะทราบว่ามันมีค่าเหนื อสิ่งใด แม้แต่ความอับอายขายหน้าอันควรจะได้รับในการที่มีพ่อเป็นนักโทษตลอดชีวิตนั้ น
เจษฎางค์จุดไม้ขีด เปลวไฟลุกขึ้นวูบหนึ่ง กระดาษนั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปสิ้น และสีของมันดำเหมือนสีของกลางคืน
 
พิมพ์ครั้งแรกใน สยามสมัย ๑:๕๒ (๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๑)
 
จากคุณ: time211 โพสเมื่อวันที่: 10/29/07 เวลา 18:49:23
อ.อุดากรที่ข้าพเจ้ารู้จัก
 
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า มนุษย์เราทุกคนย่อมวกวนอยู่ในวัฎสงสาร, การเวียนว่ายตายเกิด, เป็นของธรรมดา เมื่อมีการเกิดแล้วย่อมมีการดับสูญ อุดม อุดาการ หรือ อ.อุดากร ก็เป็นมนุษย์ที่ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดเช่นกัน เขากำเนิดและดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ตามประกาศิตของพระพรหม เขาเกิดมาพร้อมกับความปลาบปลื้มของพ่อแม่และพี่ๆ เวลาเขาตาย ความดีงามของเขาทำให้บรรดามิตรสหาย พ่อแม่ และพี่ ๆ ต้องเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดประมาณ รวมทั้งความอาภัพไม่
สมหวังของเขาในชาตินี้ เขาจากไปแล้วเหลือคุณความดีให้คนอื่นระลึกถึง เหลือกองเถ้าถ่านปฏิกูลให้ผู้อื่นปลงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสังขารในฐานะที่ ร่วมชายคาสถานศึกษาเดียวกันมา แม้จะขาดความใกล้ชิดเพราะอุดมและข้าพเจ้าเรียนต่างชั้นกัน แต่ก็มีบางสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักเขาได้เกือบเป็นอย่างดี ครั้งกระนั้นเรารู้จักกันในฐานะสหายร่วมโรงเรียน ขั้นต่อมารู้จักเขาในนามปากกาที่ประสบความมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในหมู ่ชนทั้งหลาย ในวาระสุดท้ายข้าพเจ้าได้รู้จักเขาอีกในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีความอดทนต่อสู ้กับเหตุการณ์รอบตัวที่แสนจะขมขื่น สิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ทำให้เขายิ้มได้เต็มที่เลย ข้าพเจ้าอยากจะพูดว่าเขามีกรรมมากที่สุด เขาไม่เคยประสบความสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนาเลย จนแม้กระทั่งเมื่อเขาสิ้นแรงที่จะเป่าสำลีให้พ้นจากจมูกไปได้ ข้าพเจ้าต้องถอนหายใจเมื่อทราบข่าวว่าเขาสิ้นชีวิตเสียแล้ว
 
ท่ามกลางเสียงนกโพระดกและเสียงลมพัดต้องระฆังเล็กๆ บนองค์พระปฐมเจดีย์ส่งเสียงดัง กรุ๋งกริ๋ง อุดม อุดาการก็เริ่มมีชีวิตอุบัติขึ้นมาในโลก เป็นบุตรคนที่ 7 เป็นน้องคนสุดท้องของพี่  ๆ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2467 อำเภอนครไชยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นเพราะอุดมเริ่มมีร่างกายผิดปกติ คือ ขาข้างหนึ่งพิการ พี่ ๆ ทั้งหกจึงเรียกอุดมว่า “ตาโด้” แต่แววตาจากดวงตาที่กลมโตบอกถึงความอดทนอย่างถึงขนาด และประกอบกับเป็นน้องคนสุดท้อง อุดมจึงเป็นที่รักของพี่ ๆ ทุกคน
อุดมเริ่มการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2474 และสำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2481 ที่โรงเรียนประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ตลอดเวลาที่เรียนอุดมไม่เคยพลาดที่ 1 เลย เมื่ออยู่ชั้น ม. 5 กลางปีอุดมก็สอบข้ามชั้นไปเรียน ม.6 และก็สอบไล่ได้ในปีนั้น
 
เมื่อเรียนจบแล้วอุดมก็ต้องอยู่กับบ้านเฉย ๆ ยังเข้าเรียนอะไรต่อไม่ได้เพราะอายุยังน้อย ตลอดเวลาที่เขายังเป็น
นักเรียนข้าพเจ้ายังจำอุดมในสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตามปกติอุดมเป็นคนเกือบจะเล็กที่สุดในชั้น ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นอุดมเล่นฟุตบอลหรือบาสเกตบอลเลย ตามปกติมักจะเห็นอุดมเขียนเรื่องสั้นๆ ให้เพื่อนๆ อ่านเล่น อุดมเคยได้รับความชมเชยจากคุณครูผู้สอนในการเรียงความเรื่อง “ฉางกาย” สำหรับกีฬาอุดมสมัครที่จะส่งเสียงอยู่ข้างนอกมากกว่า แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ายังจำได้ติดหูติดตาก็คือ ในการรื่นเริงปิดภาคเรียน อุดมต้องเป็นผู้แต่งเรื่องละครให้เพื่อน ๆ แสดง ที่อุดมแสดงเองเพราะใจชอบมากก็คือการ
เชิดหุ่นกระบอกและพากย์เสด็จยังไม่ลืมคำที่อุดมร้องว่า “อั๊วยี้เป้งพูเอียก-ห่านางเอียกยังบิล่ยเล้อย” ซึ่งทำให้พวกเราที่ตัวเล็กๆ ต้องว่ากันเสียงหาย
หลังจากที่รอเวลาถึงหนึ่งปีและอายุครบแล้ว อุดมก็ลาพวกเรา ลาอุตรดิตถ์ เข้ามาเรียนต่อในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากผลของการสอบแต่ละครั้งที่ได้เป็นเยี่ยม ทำให้ครูอาจารย์และเพื่อนๆ รวมทั้งข้าพเจ้าด้วยภูมิใจในเกียรติประวัติของนักเรียนเก่าอุตรดิตถ์ยิ่งนัก  
เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมฯ แล้ว เขาก็เข้าเรียนเตรียมแพทย์ในจุฬาฯ ในวิชาที่เขารักอย่างยิ่ง ชั่วเวลาสามปีเขาก็จบหลักสูตรเตรียมแพทย์ อุดมข้ามฟากไปเรียนวิชาแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชในปี พ.ศ. 2487 ข้าพเจ้ากับเพื่อนอีกหลายคนพลอยปลาบปลื้มใจในโชคดีองเขาครั้งนี้ยิ่งนัก และอยากจะโชคดีอย่างเขาบ้าง แต่ใครเลยจะคาดได้ถึง ในขณะที่อุดมกำลังจะขึ้นต้นไม้สุดยอดแล้ว…ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอนิจจัง เหตุการณ์ทุกอย่างอาจบังเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน…อุดมก็เช่นกัน เขาได้รับการพิพากษาจากโชคชะตารุนแรงเหลือเกิน ในตอนปลายปีๆ แรกในศิริราชนั่นเอง คณะแพทยศาสตร์ก็สั่งให้เขาพักเรียนเพราะเขาเป็นโรคปอดชื้น (early T.B.) เป็นเวลาถึงสองปี ดังนั้นอุดมต้องจากสถานศึกษา มิตรสหายและวิชาที่เขารักด้วยลักษณะของผู้น้ำตาตกใน พระพรหมได้ให้ความแข็งกร้าวของเขาไว้ที่ดวงตา ดังนั้นเขาจึงกลับสู่ศิริราชอีกครั้งเมื่อสัญญาของนายแพทย์ที่ให้ไว้สองปีได ้สิ้นสุดลงแต่ก็ต้องกลับผิดหวังอีก เพราะนายแพทย์ไม่ต้องการเห็นอุดมต้องทนทุกข เวทนาในการเรียน ครั้งนี้เขาต้องร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด มันเป็นเจตนาดีของนายแพทย์ที่สั่นสะเทือนจิตใจอุดมอย่างเหลือแสน ไม่มีครั้งใดที่เขาจะเสียใจเท่าครั้งนี้เมื่อคณะแพทย์ไม่ต้อนรับเขา ความฝันที่จะได้บำเพ็ญกรณีย์แก่เพื่อนร่วมโลกด้วยความรู้จักจากวิชาแพทย์ก็ส ูญสิ้นตามไปด้วย ดวงโคมชีวิตของเขาเริ่มหรี่แสงลงทีละน้อย ๆ
ท่านจะเชื่อบ้างไหมว่า การสูญเสียสิ่งที่ปรารถนาดังดวงใจของคนเราบางครั้งก็ทำให้เกือบวิกลจริต บางครั้งก็ยังผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอย่างรุนแรง แต่ อ.อุดากร คนนี้ที่ข้าพเจ้ารู้จัก ข้าพเจ้าเห็นความผิดพลาดหวังทั้งสิ้นของเขาซึ่งใครๆ ก็คิดว่าเขาอาจจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ก็ได้ แต่เปล่า, ข้าพเจ้าไม่เห็นเขาล้มความตั้งใจ เมื่อพลากหวังอย่างหนึ่งก็ต้องพยายามให้ได้มาซึ่งสิ่งหนึ่งเพื่อชดเชยกัน อุดมพยายามที่จะลืมชีวิตของนายแพทย์เสีย แล้วเริ่มชีวิตใหม่ ด้วยเจตนาอันแน่วแน่ที่จะศึกษาวิชากฎหมายและใช้ความรู้จากวิชานั้นให้เป็นปร ะโยชน์แก่สาธารณชนต่อไป อุดมจึงได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ในที่สุดก็ได้รับอนุปริญญาทางนิติศาสตร์ ทั้งๆ ที่เต็มไปด้วยความอดทนบึกบัน ร่างกายของอุดมก็ทรุดโทรมลงไปทุกทีเพราะโรคร้ายเกาะกิน อันปริญญาทางนิติศาสตร์ดูจะเป็นรางวัลที่พระพรหมประทานให้เพื่อเป็นกำลังใจต ่อสู้ฟาดฟันต่อไป อุดมเป็นคนยึดมั่นในภาษิตที่ว่า “คนที่อยากอยู่เฉยๆ คือคนที่ไม่อยากมีอนาคต” ดังนั้นเมื่อร่างกายเริ่มอ่อนแอไม่ยอมจะทำงาน แต่จิตใจของเขายังหายอมไม่ เมื่อไปไหนมาไหนไม่ได้ อุดมก็หันเข้าจับปากกาดินสอบรรยายความผลักดันแห่งจิตใจและความผิดพลาดหวังใน สิ่งที่ปรารถนาลงเป็นนวนิยายส่งไปประกวด “เรื่องสั้นโบว์สีฟ้า” ในนิตยสารสยามสมัย เรื่องนั้นได้แก่ “ตึกกรอสส์” “เกษราลิขิต” และ “ชำหนึ่ง” และก็เรื่อง “ตึกกรอสส์” ที่ชนะเลิศในการประกวดได้ช่วยให้เขาสุดที่จะภาคภูมิใจ ริมฝีปากเขาเผยอยิ้มเหมือนจากคนที่ใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้วแต่แฝงความปลาบปลื้ มไว้ในดวงตา ท่านผู้อ่านคงได้ผ่านตามาแล้วในคมปากกาของเขาตั้งแต่ “ตึกกรอสส์” จนกระทั่ง “สัญชาตญาณมืด” หลายท่านเรียกร้องอยากอ่านเรื่องของเขา หลายคนประณามเกลียดเขาในความร็สึกผิดปกติ ทั้งสองอย่างในเรื่อง “สัญชาตญาณมืด” แต่ท่านทั้งหลาย ถึงแม้ท่านจะรักจะเกลียดเขาอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าขอร้องท่านให้สมเพชเวทนาเขาบ้าง เพราะขณะเดียวกันกับที่ทุกคนรัก เกลียดเขา เขากำลังมีชีวิตอยู่อย่างต้นไม้ใกล้ฝั่งเขายิ้มรับการวิพากษ์วิจารณ์ของท่าน จากหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยน้ำตาที่นองอาบแก้ม ไม่ใช่เพราะเขามีจิตใจผิดปกติ แต่เป็นเพราะเขาสิ้นกำลังลงไปทุกที เขาร้องไห้เพราะหมดโอกาสที่จะพิสูจน์ความดีของเขาก่อนที่พญายมจะให้โอกาสแก่ เขาในบั้นสุดท้าย
ชีวิตในบั้นปลายของเขามีแต่ความเปล่าเปลี่ยว ไม่ค่อยจะได้มีใครสังสรรค์ ไม่ใช่เพราะเขาชั่วช้า แต่ทุกคนหวั่นในฤทธิ์ของโรคร้าย ยามเมื่อหงอยเหงาไวโอลินกับเพลง Home Sweet Home ที่ซื่อสัตย์และขึ้นอกขึ้นใจเท่านั้นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
วาระสุดท้ายของอุดมคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที พญายมดูเหมือนจะให้โอกาสแก่เขาในครั้งสุดท้าย เขาได้เริ่มแข็งแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อโอกาสเป็นของเขาเช่นนั้น อุดมไม่รอช้ารีบขวนขวายหางานทำเพื่อหารายได้ช่วยเหลือพี่ๆ เพราะตลอดเวลาที่เขาล้มเจ็บป่วยมา พี่ๆ ต้องเสียเงินทองในการพยาบาลรักษา มิไยที่พี่ ๆ จะคัดค้านคอเป็นเอ็น เพราะไม่มีใครอยากจะเห็นเขาต้องล้มหมอนนอนเสื่ออีกวาระหนึ่ง พี่ทุก ๆ คนสงสารเพราะเห็นเป็นน้องคนสุดท้อง ไม่มีใครต้องการให้เขาเป็นไปมากกว่านี้
แต่แล้วคำคัดค้านของทุกๆ คนก็ไร้ผล อุดมได้เข้าเป็นเสมียนในแผนกมหาดไทยของจังหวัดอุตรดิตถ์จนได้
เหมือนนกที่ออกจากกรง เมื่อเขาได้อิสรภาพอีกครั้งหนึ่งเขาต้องทำสิ่งที่เขาพอใจเสมอ จิตใจของเขายึดแน่นอยู่แต่ว่า  
I do as I like ดังนั้นเมื่อมัจจุราชยังให้เวลาเขา เขาก็จะยังทำงานต่อไป เมื่อหมดภาระในตอนกลางวันแล้ว กลางคืนเขาก็ยังอดหลับอดนอนเพื่อจัดทำนิตยสาร ธรรมสภา ให้เป็นที่สนใจแก่ประชาชนด้วย พี่ ๆ พากันตัดพ้อที่เห็นเขาทำงานเช่นนั้น มันเป็นการทำความดีที่กำลังฆ่าตัวเอง แต่เขากลับตอบว่า “ก่อนที่จะเป็นอะไรไป ขอให้ผมได้มีโอกาสช่วยให้สีเหลืองของพุทธศาสนาเข้มข้นขึ้นบ้าง”
บางครั้งเขาก็โหมงานเสียเกือบแจ้ง ทั้ง ๆ ที่ร่างกายทรุดโทรม อุดมพูดกับพี่ๆ ว่า “เขาทำงานด้วยใจ ไม่ใช่ร่างกาย” อุดมรับการขอความช่วยเหลือจากท่านข้าหลวงประจำจังหวัดเพื่อจัดทำหนังสือชักช วนท่องเที่ยว เรื่อง เที่ยวลับแล เมืองธรรมชาติ เพื่อชักชวนชาวจังหวัดใกล้เคียงให้สนใจในอุตรดิตถ์ เขาหักโหมเกินกำลังไปเสียแล้ว ร่างกายเขาสุดที่จะต้านทานไหว ก่อนที่เขาจะได้ภูมิใจในผลงานชิ้นสุดท้ายของเขา เขาก็ล้มเจ็บอีกวาระหนึ่ง คราวนี้มัจจุราชไม่ให้โอกาสแก่เขาเลยแม้แต่นิดเดียวหมดหวังแม้แต่จะลุกนั่ง เขาต้องนอนอยู่เช่นนั้นจนเป็น bed sore หลังเป็นแผลฟุ เขาสิ้นความสามารถแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง แววตาของเขายังบอกถึงการขอต่อสู้เพื่อถึงที่สุด ดวงไฟชีวิตของเขาเริ่มหรี่ลงไปอีกทีละน้อย ๆ และก็ดับในที่สุด เขาสิ้นลมหายใจในอ้อมแขนของพี่ ๆ คำพูดที่หลุดจากปากคำสุดท้ายก็คือ “ช่วยส่งมีดผ่าตัดให้ฉันหน่อย” หลังจากนั้นดวงตาที่บอกความอดทนก็หรี่ลง ๆ ปลายนิ้วสั่นระริก ผิวเนื้อที่ซีดเซียวอยู่แล้วกลับซีดคล้ำลงไปอีก สุดสิ้นแล้วเหมือนชื่อเรื่อง “สิ้นพยาบาท” เรื่องสุดท้ายจากปลายปากกาของเขาที่ได้ถูกนำลงพิมพ์ออกสู่การต้อนรับอันอบอุ ่นของประชาชน อุดมสิ้นใจอย่างสงบเมื่อวันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2499 เวลา 10.10 น. ท่ามกลางความวิปโยคของพี่ ๆ และมิตรสหายเพียงสามสี่คนเท่านั้น
 
คงจะมีหลายๆ คนคิดว่าอุดมคงจะผิดหวังรักสักครั้งเรื่องนี้อุดมไม่เคยแย้มพรายให้พี่ ๆ หรือใคร ๆ ฟังเลย ความจริงย่อมเป็นความจริงฉันใด เมื่อเขาตายไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ทราบเรื่องชีวิตรักของเขา แต่อยากจะเรียกว่า “ชีวิตที่แอบรัก” มากกว่า อุดมรักเขาเยงคนที่มีจิตใจทุกประการ แต่เป็นความรักที่แอบรักเขาข้างเดียว อุดมเขียนชื่อนางแก้วในดวงใจของเขาลงในแต่ละเรื่องที่เขาแต่งไว้ ความสมหวังของเขาก็มีแต่ความสมเพชเวทนาเท่านั้น หากใครคนนั้นทราบว่าเป็นเขาเป็นผู้สร้างจุดดำในดวงใจของคนอาภัพ
อุดมเกิดมาในชาตินี้ด้วยความอาภัพ ทนทุกข์ทรมานจริงๆ เขาเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า เพื่ออาศัยความดีในชาตินี้สร้างบุญกุศลส่งเพื่อความสุขในสัมปรายภพหน้า ในชีวิตนี้เขาเป็นตัวละครของพระพรหมแสดงบทที่แสนเศร้า โดยมีมัจจุราชเป็นผู้กำกับการแสดง บทบาทของเขาสะเทือนใจทุกคนที่มีชีวิตอยู่เหลือเกิน
 
สังคีต จันทนะโพธิ
จากคุณ: Rasputin โพสเมื่อวันที่: 11/06/07 เวลา 18:04:50
เป็นไงบ้างครับน้อง ใกล้จะขึ้นคลินิกแล้วสินะครับ อีกไม่กี่เดือนเอง
ตั้งใจเรียนนะครับ  Smiley
จากคุณ: i3ai3yMoon โพสเมื่อวันที่: 11/09/07 เวลา 21:09:02
^
^^
ช่วงนี้ยุ่งๆมากมายเรยค่ะ แต่ก็แอบมาอ่านTCCทุกวันอ่ะ
 
แต่ว่าไม่ค่อยได้พิมตอบอ่ะค้ะ ช่วงนี้ยุ่งๆไหนจะเรียนไหนจะติวเตรียมสอบNL
 
แล้วยังต้องอ่านหนังสือ สอบก็มีติดๆกันเลยค่ะ เฮ้อเหนื่อยจังค่ะ
 
แต่ยังไงจะตั้งใจเรียนค่ะ  Wink
จากคุณ: b-bad โพสเมื่อวันที่: 11/11/07 เวลา 23:54:46
ไม่ได้เข้ามานานมากค่ะ 2 ปีเห็นจะได้ พอเปิดห้องพักมาก็มาเจอกระทู้นี้ รู้สึกน้ำตาไหลไปกับน้องเขาด้วย เพราะตอนนี้พี่เองก็ไม่มีท่านเหมือนกัน แต่อยากจะบอกน้องว่ามันเป็นการทำใจได้ยากที่จะผ่านจุดนี้ไปได้ และตัวเราเองกลับรู้สึกเหมือนท่านยังไม่จากไปไหน ถ้ามีใครเอามีดมากรีดหรือทิ่มแทงตัวท่าน เราก็จะมองเห็นเป็นว่ามีคนมาทำร้ายท่าน และตัวเองก็คงไม่ต้องการทำร้ายท่านเช่นกัน ถึงแม้ว่าท่านจะไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม พี่เองเห็นใจน้องมากและถ้าเป็นตัวเองก็คงคิดเช่นนี้ เพราะถึงแม้เราจะเป็นหมอ แต่เราก็เป็นมนุษย์ปุถุชน ธรรมดาคนหนึ่งที่ยังมี รัก โลภ โกรธ และหลง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้และผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้นะค่ะ และคิดว่าคุณพ่อของน้อง ท่านก็ต้องการให้น้องผ่านไปได้ด้วยดีเช่นกัน เป็นกำลังใจให้สุด สุด เลยค่ะ สู้ สู้ สู้ตายค่ะ ขอให้จบมาเป็นหมอที่ดี และน่ารักค่ะ
จากคุณ: ladybird โพสเมื่อวันที่: 11/13/07 เวลา 12:50:31
เพิ่งได้อ่านกระทู้เมื่อสักครู่ค่ะ ขอเป็นกำลังในให้น้องอีกแรงนะคะ คุณพ่อคงจะดีใจมากที่จะมีคุณหมอดีๆๆเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนเร็วๆนี้นะคะ
จากคุณ: sinbad โพสเมื่อวันที่: 11/14/07 เวลา 12:39:59
Love Dad
จากคุณ: PiPi โพสเมื่อวันที่: 11/18/07 เวลา 15:31:07
ไม่เคยเข้ามาคุยในที่นี้มาก่อน เห็นข้อกระทุ้นี้แล้วได้ใจจริงๆ  
คุณพ่อน้องคงเฝ้าดูอยู่เสมอ ก่อนจะทำอะไรที่มันผิดๆ ให้คิดถึงคุณพ่อไว้ไม่ว่าจะเรื่องเรียน ลอกข้อสอบ อิจฉาเพื่อน เอาเปรียบเพื่อน การเห็นแก่ตัว กักข้อสอบ ทุกๆอย่างพ่อคงเห็น แต่ไม่สามารถเดินลงมาบอกได้ รวมถึงเรื่องความรักที่จะคอยมากวนใจ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของการเป็นแพทย์ โดยเฉพาะเรื่องการเห็นแก่ตัวเวลามันเหนื่อยมันเห็นแก่ตัวกันหมดถึงขั้นทิ้งค นไข้ให้ตาย ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องแล้ว สู้ตายนะครับ ขอให้จบเป็นแพทย์ที่ตามใจหวังนะ คอยเป็นกำลังใจให้ นี้แหละคือชีวิตคนที่กำลังเดินข้ามทางชีวิตจาก พี่หมอOrtho,,, ปล. ถ้ามีปัญหาลอง e-mail:::  j-piyawat@hotmail.com ถ้าแก้ให้ได้ช่วยเหลือได้จะmailกลับไปตอบให้
จากคุณ: donmyah โพสเมื่อวันที่: 12/03/07 เวลา 18:57:10
น้ำตาไหลเลยครับ  
 
จากคุณ: eErz โพสเมื่อวันที่: 12/07/07 เวลา 14:32:32
สู้ๆ นะ ซึ้งมากเลย  
ตัวเราเองก้จะสู้ด้วยเช่นกัน พยายามๆ เข้านะ ^^
จากคุณ: sholeuheing โพสเมื่อวันที่: 01/09/08 เวลา 23:43:14
Smiley
จากคุณ: kasei โพสเมื่อวันที่: 01/24/08 เวลา 01:26:29

 
 
เศร้านะ แต่ก็สู้ๆนะ ตั้งใจเรียนเป็นหมอที่ดี จะเอาใจช่วย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จากคุณ: pamm โพสเมื่อวันที่: 01/26/08 เวลา 01:38:23
อ่านแล้วคิดถีงเพื่อนคนนีงค่ะ เพื่อนพี่คุณพ่อเค้าก็บริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่เหมือนกันและยังเป็ นอาจารย์ในช่วงที่ลูกสาวเรียน Anatomyด้วย(แต่เพื่อนคนอื่นเป็นคนเรียน)   เพื่อนพี่    ก็ทำใจได้ค่ะเพราะถือว่าเป็นความตั้วตั้งใจของท่านถือเป็นเรื่องที่น่านับถื อมาก ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะตั้งใจเรียนให้สมกับความเสียสละของท่านนะคะ ทุกวันนี้พี่ก็ยังจำชื่ออาจารย์ ใหญ่ได้ระ
ลืกถีงบุญคุณของท่านและอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทุกครั้งที่ทำบุญค่ะ  Wink
 
จากคุณ: i3ai3yMoon โพสเมื่อวันที่: 03/06/08 เวลา 16:35:45
แวะมาแจ้งข่าวค่ะ ไม่ทราบว่ายังมีพี่ๆมาอ่านกระทูนี้รึเปล่า
 
แต่ว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพคุณพ่อ วันอาทิตย์ที่9 มีนาคมนี้ค่ะ
 
 
 


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by