Topic Summary
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/23/12 เวลา 05:58:06 |
ตอนนี้ร้อนใจและจิตตกมาก รบกวนขอคำแนะนำจากทุกท่านด้วย คือ [*ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ตาซ้าย] [*มีนาคมปีที่แล้วคือปี 54 เคยมีอาการมองเห็นหมอก แสงรุ้งคล้ายพระจันทร์ทรงกลดรอบดวงไฟอยู่ 2-3 วัน แล้วหายเอง โดยไม่ได้ไปหาหมอ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าคืออะไร)] [*ผ่านไปหนึ่งปี พบว่าความดันลูกตาสูง 34 เมื่อต้นเดือนมีนาคม 55] [*หยอดตาอยู่เดือนนึง (PRED FORTE) ความดันลดลงสู่ปกติ ประมาณสิบนิดๆ] [*ช่วงรอยต่อระหว่างเมษา-พฤษภา มีอาการคล้ายตาอักเสบ คือหมอบอกว่ามีเม็ดเลือดขาวลอยมาระหว่างกระจกตา แต่ความดันลูกตายังปกติ ได้ยาตัวเดิมมาหยอด 2 อาทิตย์ก็หาย เลนตาเคลียร์ ทุกอย่างปกติ] [*ตอนนี้ 22 มิถุนายน เมื่อสองวันก่อนมีอาการตามัว เห็นหมอก มีแสงคล้ายพระจันทร์ทรงกลดรอบดวงไฟ ไปตรวจพบความดันลูกตา 38] [*กลับจากหาหมอ เราย้อนกลับไปโรงพยาบาลอีกรอบ ตัดสินใจทำลานตา (หมอไม่ได้สั่ง) ผลออกมาปกติ (แต่รู้สึกว่าตาที่มีปัญหาจะทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าตาที่ปกติ *ตาที่มีปัญหาสั้นกว่าตาปกติ 25 คือ 175 และ 150)] [*ตอนนี้ร้อนใจมาก กลัวเป็นต้อหิน (หรือเป็นแล้วก็ไม่รู้ แต่หมอไม่ได้บอกนะ ยอมรับช่วงนี้คิดไปเอง/หลอนเยอะ) กลัวประสาทตาเสียหาย แม้นิดเดียวก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น] ใครก็ได้ช่วยแนะนำที T________T
|
จากคุณ: ตาน้ำ |
โพสเมื่อวันที่: 06/23/12 เวลา 18:54:43 |
อาการเหมือนกลุ่มอาการม่านตาอักเสบร่วมกับต้อหินแทรกซ้อน อาการจะเป็นๆหายๆ บางคนหายไปไม่นานก็เป็นอีก บางคนหายไปนานจนลืมแล้วว่าเคยเป็นเมื่อไหร่ ปกติต้อหินชนิดนี้จะไม่ได้เป็นแบบถาวร จะมีความดันตาสูงเฉพาะช่วงที่มีม่านตาอักเสบ การปฏิบัติตัวก็ต้องหยอดยาตามที่แพทย์ระบุอย่างเคร่งครัด และไปตรวจตามนัด หมั่นสังเกตอาการตัวเอง ถ้าเริ่มมีตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ มองเห็นไฟเป็นแสงแปลกๆ หรือมีตาแดงก็ควรรีบไปตรวจ อย่าทิ้งอาการไว้หลายวัน เพราะระหว่างนั้นความดันตาสูงอาจทำลายประสาทตาได้
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/24/12 เวลา 01:23:21 |
ขอบคุณคุณตาน้ำมากๆ เลยที่อุตส่าห์สละเวลามาช่วยตอบ คิดว่าจะไม่มีคนตอบซะแล้ว เพราะดูจากกระทู้ก่อนหน้าไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวเลย ^_^ เรามี 2 คำถามนะ 1. เราจะทราบได้อย่างไรว่าประสาทถูกทำลายไปบ้างแล้วหรือยัง 2. เราจะไปขอให้หมอทำการรักษาอาการความดันตาสูงด้วยเลเซอร์หรือผ่าตัด เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอาการความดันตาสูงในอนาคต คือเราเห็นว่าถ้ามีวิธีที่มั่นใจได้ เราก็ควรจะเลือกทางที่ไม่ต้องเสี่ยงหรือเสี่ยงน้อยที่สุด เราไม่อยากสูญเสียโอกาสในขณะที่ตายัง (หวังว่า) ปกติอยู่
|
จากคุณ: ตาน้ำ |
โพสเมื่อวันที่: 06/24/12 เวลา 09:08:43 |
1. เราจะทราบได้อย่างไรว่าประสาทถูกทำลายไปบ้างแล้วหรือยัง โดยทั่วไปก็ประเมินตอนตรวจจอประสาทตา เช่นดูความลึกของขั้วประสาทตา เส้นใยประสาทตารอบขั้วประสาทตา ฯลฯ และตรวจลานสายตา (กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของลานสายตา ส่วนใหญ่ขั้วประสาทตาถูกทำลายไปพอสมควรแล้ว) 2. เราจะไปขอให้หมอทำการรักษาอาการความดันตาสูงด้วยเลเซอร์หรือผ่าตัด เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอาการความดันตาสูงในอนาคต คือเราเห็นว่าถ้ามีวิธีที่มั่นใจได้ เราก็ควรจะเลือกทางที่ไม่ต้องเสี่ยงหรือเสี่ยงน้อยที่สุด การเลเซอร์หรือผ่าตัดไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดในการรักษา แพทย์จะพิจารณาว่าต้อหินชนิดไหนเหมาะกับการเลเซอร์ ส่วนการผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อใช้ทุกวิธีทางแล้วไม่ได้ผลครับ สรุปคือ ตรวจตามนัด สังเกตอาการของตัวเองว่ามีอาการผิดปกติเมื่อไหร่เป็นวิธีที่ดีที่สุดและเสี่ ยงน้อยที่สุดแล้วครับ
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/24/12 เวลา 16:55:34 |
เราอายุแค่ 30 ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ... ก่อนหน้าที่ความดันลูกตาจะสูงถึง 38 ก่อนหน้านั้น 6 วันไปพบคุณหมอและวัดความดันตา รู้สึกว่าจะอยู่ที่สิบนิดๆ นะ จำได้ไม่แม่น หมอว่าพูดทำนองว่าวิตกไปหรือเปล่า คิดไปเองหรือเปล่า อย่าไปเครียด (เราพยายามไปหาหมอบ่อยๆ เพื่อวัดความดันตา) ผ่านไปหกวันมันทำไมพุ่งพรวดขนาดนั้น จนเกิดอาการตามัวและมองเห็นสีรุ้งรอบดวงไฟ เฮ้ออ ขอบคุณคุณตาน้ำมากๆ เลยนะ
|
จากคุณ: หมอเถื่อน |
โพสเมื่อวันที่: 06/25/12 เวลา 13:51:39 |
หาคำว่า glaucomatocyclitic crisis หรือ Possner-Schlossman syndrome อ่าน น่าจะได้ข้อมูลเพิ่มนะครับ
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/26/12 เวลา 12:52:44 |
ขอบคุณคุณหมอเถื่อน อุตส่าห์แวะมาตอบให้ทั้งสองที่เลย เมื่อวานเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง คุณหมอจันทร์เพ็ญบอกว่า เราเป็นม่านตาอักเสบที่จะมาพร้อมกับความดันลูกตาสูง ตามข้อ 1 ที่คุณหมอเถื่อนว่าเลย คุณหมอบอกว่าขั้วประสาทตายังปกติอยู่ เพื่อพิจารณาร่วมกับลานสายตาที่ยังปกติ (เราตัดสินใจทำลานด้วยตนเองก่อนหน้านี้ 3-4 วัน) ก็พอจะสรุปได้ว่ายังไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น พอไปขอหมอให้ทำเลเซอร์ให้ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความดันลูกตาสูงอีก ก็โดนคุณหมอแซวเล็กๆ ว่าวิตกเกินไป เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องอยุ่ในความเสี่ยงแบบนี้ด้วย เพราะทุกครั้งที่ความดันลูกตาสุงขึ้น ขั้วประสาทตาเราก็โดนทำลายไปทุกครั้งๆ เราอายุเพิ่ง 30 ไม่รู้ต้องเจออาการแบบนี้อีกกี่หน ถ้าตาเราต้องมัวลงเรื่อยๆ แล้วจะทำอย่างไร ตอนนี้เราเลยกำลังหาข้อมูลราคาเครื่องวัดความดันลูกตาแบบเป่าลม ใครจะหาว่าบ้าก็ตามใจล่ะ
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/29/12 เวลา 10:12:28 |
ขอนำคำตอบของคุณหมอเถื่อนจากกระทู้ของเราที่พันทิปมาไว้ที่นี่ด้วย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนอื่นที่เรามีอาการเหมือนเรานะ --------------------------------------------------------- 1. ความเสี่ยงของต้อหินของคุณน่ะมีสูงกว่าคนอื่น แต่ถือว่าต่ำ 2. เครื่องวัดความดันลูกตาแบบเป่าลม ไม่มีประโยชน์กับคุณ เนื่องจากค่ามัน error ง่าย (เดี่ยวจะสติแตก อิอิ) 3. ความดันตาที่สูงไม่มากนัก และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำให้ขั้วประสาทตาของคุณถูกทำลายครับ สรุปว่า สิ่งที่น่าทำ 1. ถ้ามีอาการที่สงสัยม่านตาอักเสบหรือความดันตาขึ้น ----- มัวเหมือนหมอกลง ----- แสงกระจาย ----- ปวด ก็หาหมอตาทันที 2.แล้วค่อยทำตามที่หมอบอกต่อครับ นอกเหนือจากนั้น ยังไม่ต้องทำอะไร
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/29/12 เวลา 10:12:54 |
ขอบคุณคุณหมอเถื่อน วันนี้หาข้อมูลในเน็ตไปเรื่อยๆ ได้ความว่า - หยอดตาไปเรื่อยๆ สักพักก็จะใช้ไม่ได้ผล หรือได้ผลน้อย ความดันไม่ลด - ต่อไปต้องผ่าตัด แต่ก็ผ่าตัดได้ไม่กี่ครั้ง และแต่ละครั้งก็ได้ผลน้อยลงเรื่อยๆ - ในที่สุดตาก็บอด ก็เลยสติแตกโดยไม่ต้องมีเครื่องวัดแบบเป่าลมมาเป็นตัวช่วย นั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร อายุเพิ่ง 30 จะเป็นภาระคนอื่นมั้ย จะทำยังไงกับ Honda Jazz ป้ายแดงอายุไม่กี่วัน ใครจะมาผ่อนต่อ หาข้อมูลไปเรื่อยเจอเรื่องการนวดตาของคุณหมอสมเกียรติ อ่านไปอ่านมาเหมือนจะลวงโลกอีก ความหวังที่กำลังสว่างวาบขึ้นก็หายวับไปทันที.... ยอมรับว่าเครียดมากเหลือเกิน ที่คุณหมอเถื่อนบอกว่า "ความดันตาที่สูงไม่มากนัก และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำให้ขั้วประสาทตาของคุณถูกทำลายครับ" ทำไมพบว่าหยอดตามาอาทิตย์นึงแล้ว ตาซ้ายที่มีอาการป่วยจึงไม่กลับมามองชัดเหมือนเดิมสักที หรือต้องรอนานกว่านี้ ไปตัดแว่นใหม่มาราคาหมื่นแปด มองชัดอยู่ไม่กี่วันเอง รบกวนคุณหมอด้วยจ้า
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/29/12 เวลา 10:13:07 |
คุณหมอเถื่อน "ความดันตาที่สูงไม่มากนัก และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำให้ขั้วประสาทตาของคุณถูกทำลายครับ" สงสัยว่า 1. 38 นี่ถือว่าสูงมากมั้ย 2. แล้วนานกี่วันจึงจะถือว่าเป็นระยะเวลานานพอ นับจากวันที่มองเห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟหรือไม่ รบกวนด้วยจ้า
|
จากคุณ: ตาน้ำ |
โพสเมื่อวันที่: 06/29/12 เวลา 21:44:10 |
ขอตอบแทนก่อนนะครับ ความดันตา 38 ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย อยู่ที่ว่าหยอดยาแล้วความดันตาลงหรือไม่ ถ้าความตาลดก็ถือว่า OK ระยะเวลานานเท่าไหร่ที่ประสาทตาจะถูกทำลาย ไม่มีระยะเวลาแน่นอน ขึ้ินกับระดับความดันตา ระยะเวลาที่ความดันตาสูง และความแข็งแรงของประสาทตาในแต่ละคน การผ่าตัดหรือเลเซอร์ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมสำหรับต้อหินกรณีนี้ แถมอาจยิ่งทำให้การอักเสบเพิ่มมากขึ้น ต้อหินชนิดนี้ตอบสนองต่อยาหยอดตาดีที่สุด วิธีอื่นไม่มีความจำเป็นเลย เว้นแต่ว่าระยะยาวเกิดเป็นต้อหินจากสาเหตุอื่นนั่นค่อยว่ากันอีกที การจะกลับมามองเห็นได้เหมือนปกติขึ้นกับว่าความดันตากลับมาเป็นปกติเมื่อไหร ่ ม่านตาอักเสบสงบหรือยัง ไม่แนะนำให้ตัดแว่นตอนนี้ เพราะไม่ได้เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ตัดไปก็เสียเงินเปล่า
|
จากคุณ: crucifier |
โพสเมื่อวันที่: 06/29/12 เวลา 22:43:11 |
ขอบคุณคุณตาน้ำมากๆ ขอโทษด้วยที่ดูเหมือนเรากังวลจนโวยวายเกินเหตุ (หรือเปล่า) ความดันลูกตาลดลงเหลือประมาณ 12 หลังจากหยอดยาได้ 4 วัน (อาจลดลงก่อนหน้านั้นแต่ไม่ได้ไปตรวจ) จนวันนี้ผ่านมา 7 วันแล้วความดันตาอยู่ที่ 11 และการอักเสบก็ไม่มีแล้ว คุณหมอเลยให้หยุดยาแล้วนัดใหม่สัปดาห์หน้า เพื่อดูว่าความดันลูกตาจะขึ้นมาอีกมั้ย (วันนี้ที่เราไปโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เพราะถึงวันนัดนะ หมอนัดไว้ 2 สัปดาห์ แต่เรากังวลมากๆ เลยวิ่งไปโรงพยาบาลหาเรื่องเสียเงินเป็นว่าเล่น) อ้อ วันนี้พบคุณหมออภิรดี คุณหมอบอกว่าที่ตายังมองไม่ชัดเหมือนเดิมเพราะว่าตาแห้ง ซึ่งเรายังไม่ปักใจเชื่อเหตุผลนี้เท่าไหร่ (เราคงเป็นคนไข้ที่รั้นมากๆ เลยเนาะ ^_^) เพราะการอักเสบรอบที่แล้ว เราจึงต้องเปลี่ยนแว่นจาก 175 เป็น 200 (อันละหมื่นแปดนั่นแหละ) พออักเสบอีกรอบเลน 200 ที่ว่าชัดๆ ก็กลายเป็นไม่ชัดซะงั้น
|