|
« เมื่อ: 09/01/12 เวลา 13:10:27 » |
 
|
|
เริ่มแรกเป็นไข้หวัดและมีอาการไอร่วมด้วย จึงซื้อยาลดไข้และยาแก้ไอชนิดเม็ดของไบโซววอนและโซลแมกมาทาน แต่ก็ไม่หาย ไอทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะกลางคืนไอจนไม่ได้หลับ และปวดชายโครงข้างขวา ไอมาตั้งแต่เดือนพฤษภา แต่ตอนนี้อาการปวดชายโครงขวาหายไปแล้ว อาการไอก็เบาลง แต่ถ้าไอขึ้นมาจะหยุดไม่ได้ เหมือนร่างกายพยายามดูดอะไรบางอย่างที่อยู่ลึกๆออกมา ไอจนรู้สึกเหนื่อย โดยเฉพาะกลางคืน กับเวลาอากาศเย็น รู้สึกมีเสมหะเหนียวๆตลอดเวลา จนวันที่26 สิงหา ได้ไปร้านขายยา มีเภสัชท่านนึงจัดยาให้ มียาFascar500เป็นยาแก้อักเสบ ฆ่าเชื้อ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละสองครั้ง กับยาแก้ไอชนิดเม็ด(เหมือนน้ำมันตับปลาแต่เล็กและกลมกว่า)รับประทานครั้งละ2 เม็ดวันละสามครั้ง แต่น้องสาวเอายามาดูแล้วเผลอสลับซองยา กลายเป็นดิฉันทานยาฆ่าเชื้อวันละ 6 เม็ด(ซึ่งตอนนั้นมันไปอยู่ในซองยาแก้ไอที่ให้รับประทาน ครั้งละสองเม็ดวันละสามครั้ง) เมื่อดิฉันทานไปก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ใจสั่น มือไม้สั่น แน่นหน้าอก ท้องเสียดิฉันจึงตัดสินใจหยุดยาฆ่าเชื้อ (ซึ่งตอนนั้นมันคือยาแก้ไอ) ผลก็คือดิฉันยังคงกินยาฆ่าเชื้อติดต่อกันจนหมด (10 เม็ด) อยากทราบว่าการทานยาฆ่าเชื้อเกินขนาดมีผลอย่างไรบ้้างค่ะ เพราะตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายท้องเลยแล้วดิฉันควรรักษาอาการไออย่างไร (ที่ทราบว่าซองยาสลับกันเพราะดิฉันเอาตัวยาไปsearchดูในgoogleค่ะ)
|
|
หัวข้อ 222: ไอมา4เดือน เภสัชให้ยาฆ่าเชื้อ แต่ทานเกินขนาด (จำนวนคนอ่าน 4983 ครั้ง)
115.87.114.*