แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 202: ความดันลูกตาสูง 2 ครั้งใน 3 เดือน  (จำนวนคนอ่าน 9609 ครั้ง)
« เมื่อ: 06/23/12 เวลา 05:58:06 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ตอนนี้ร้อนใจและจิตตกมาก รบกวนขอคำแนะนำจากทุกท่านด้วย คือ
 
[*ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ตาซ้าย]
[*มีนาคมปีที่แล้วคือปี 54 เคยมีอาการมองเห็นหมอก แสงรุ้งคล้ายพระจันทร์ทรงกลดรอบดวงไฟอยู่ 2-3 วัน แล้วหายเอง โดยไม่ได้ไปหาหมอ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าคืออะไร)]
[*ผ่านไปหนึ่งปี พบว่าความดันลูกตาสูง 34 เมื่อต้นเดือนมีนาคม 55]
[*หยอดตาอยู่เดือนนึง (PRED FORTE) ความดันลดลงสู่ปกติ ประมาณสิบนิดๆ]
[*ช่วงรอยต่อระหว่างเมษา-พฤษภา มีอาการคล้ายตาอักเสบ คือหมอบอกว่ามีเม็ดเลือดขาวลอยมาระหว่างกระจกตา แต่ความดันลูกตายังปกติ ได้ยาตัวเดิมมาหยอด 2 อาทิตย์ก็หาย เลนตาเคลียร์ ทุกอย่างปกติ]
[*ตอนนี้ 22 มิถุนายน เมื่อสองวันก่อนมีอาการตามัว เห็นหมอก มีแสงคล้ายพระจันทร์ทรงกลดรอบดวงไฟ ไปตรวจพบความดันลูกตา 38]
[*กลับจากหาหมอ เราย้อนกลับไปโรงพยาบาลอีกรอบ ตัดสินใจทำลานตา (หมอไม่ได้สั่ง) ผลออกมาปกติ (แต่รู้สึกว่าตาที่มีปัญหาจะทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าตาที่ปกติ *ตาที่มีปัญหาสั้นกว่าตาปกติ 25 คือ 175 และ 150)]
[*ตอนนี้ร้อนใจมาก กลัวเป็นต้อหิน (หรือเป็นแล้วก็ไม่รู้ แต่หมอไม่ได้บอกนะ ยอมรับช่วงนี้คิดไปเอง/หลอนเยอะ) กลัวประสาทตาเสียหาย แม้นิดเดียวก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น]
 
ใครก็ได้ช่วยแนะนำที T________T
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
110.49.234.*


« ความเห็นที่ #1 เมื่อ: 06/23/12 เวลา 18:54:43 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

อาการเหมือนกลุ่มอาการม่านตาอักเสบร่วมกับต้อหินแทรกซ้อน
 
อาการจะเป็นๆหายๆ   บางคนหายไปไม่นานก็เป็นอีก   บางคนหายไปนานจนลืมแล้วว่าเคยเป็นเมื่อไหร่
 
 
ปกติต้อหินชนิดนี้จะไม่ได้เป็นแบบถาวร   จะมีความดันตาสูงเฉพาะช่วงที่มีม่านตาอักเสบ    
 
 
การปฏิบัติตัวก็ต้องหยอดยาตามที่แพทย์ระบุอย่างเคร่งครัด  และไปตรวจตามนัด       หมั่นสังเกตอาการตัวเอง  ถ้าเริ่มมีตาพร่ามัว สู้แสงไม่ได้ มองเห็นไฟเป็นแสงแปลกๆ หรือมีตาแดงก็ควรรีบไปตรวจ    อย่าทิ้งอาการไว้หลายวัน เพราะระหว่างนั้นความดันตาสูงอาจทำลายประสาทตาได้
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/23/12 เวลา 18:55:09 by ตาน้ำ »

แวะมาช่วยตอบครับ
ส่งโดย: ตาน้ำ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 842  
   
103.10.121.195 fwd for 118.173.50.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: 06/24/12 เวลา 01:23:21 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอบคุณคุณตาน้ำมากๆ เลยที่อุตส่าห์สละเวลามาช่วยตอบ คิดว่าจะไม่มีคนตอบซะแล้ว เพราะดูจากกระทู้ก่อนหน้าไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวเลย ^_^
 
เรามี 2 คำถามนะ
 
1. เราจะทราบได้อย่างไรว่าประสาทถูกทำลายไปบ้างแล้วหรือยัง
2. เราจะไปขอให้หมอทำการรักษาอาการความดันตาสูงด้วยเลเซอร์หรือผ่าตัด เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอาการความดันตาสูงในอนาคต คือเราเห็นว่าถ้ามีวิธีที่มั่นใจได้ เราก็ควรจะเลือกทางที่ไม่ต้องเสี่ยงหรือเสี่ยงน้อยที่สุด
 
เราไม่อยากสูญเสียโอกาสในขณะที่ตายัง (หวังว่า) ปกติอยู่
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
125.27.21.*


« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: 06/24/12 เวลา 09:08:43 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

1. เราจะทราบได้อย่างไรว่าประสาทถูกทำลายไปบ้างแล้วหรือยัง
 
โดยทั่วไปก็ประเมินตอนตรวจจอประสาทตา   เช่นดูความลึกของขั้วประสาทตา  เส้นใยประสาทตารอบขั้วประสาทตา ฯลฯ     และตรวจลานสายตา (กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของลานสายตา  ส่วนใหญ่ขั้วประสาทตาถูกทำลายไปพอสมควรแล้ว)
 
 
2. เราจะไปขอให้หมอทำการรักษาอาการความดันตาสูงด้วยเลเซอร์หรือผ่าตัด เพื่อแก้ปัญหาระยะยาว และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอาการความดันตาสูงในอนาคต คือเราเห็นว่าถ้ามีวิธีที่มั่นใจได้ เราก็ควรจะเลือกทางที่ไม่ต้องเสี่ยงหรือเสี่ยงน้อยที่สุด
 
การเลเซอร์หรือผ่าตัดไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดในการรักษา    แพทย์จะพิจารณาว่าต้อหินชนิดไหนเหมาะกับการเลเซอร์    ส่วนการผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อใช้ทุกวิธีทางแล้วไม่ได้ผลครับ
 
 
สรุปคือ ตรวจตามนัด  สังเกตอาการของตัวเองว่ามีอาการผิดปกติเมื่อไหร่เป็นวิธีที่ดีที่สุดและเสี่ ยงน้อยที่สุดแล้วครับ

แวะมาช่วยตอบครับ
ส่งโดย: ตาน้ำ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 842  
   
103.10.121.195 fwd for 118.173.49.*


« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: 06/24/12 เวลา 16:55:34 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

เราอายุแค่ 30 ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ...
 
ก่อนหน้าที่ความดันลูกตาจะสูงถึง 38 ก่อนหน้านั้น 6 วันไปพบคุณหมอและวัดความดันตา รู้สึกว่าจะอยู่ที่สิบนิดๆ นะ จำได้ไม่แม่น หมอว่าพูดทำนองว่าวิตกไปหรือเปล่า คิดไปเองหรือเปล่า อย่าไปเครียด (เราพยายามไปหาหมอบ่อยๆ เพื่อวัดความดันตา)
 
ผ่านไปหกวันมันทำไมพุ่งพรวดขนาดนั้น จนเกิดอาการตามัวและมองเห็นสีรุ้งรอบดวงไฟ
 
เฮ้ออ
 
ขอบคุณคุณตาน้ำมากๆ เลยนะ
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
125.27.23.*


« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 06/25/12 เวลา 13:51:39 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

หาคำว่า
glaucomatocyclitic crisis
หรือ
Possner-Schlossman syndrome อ่าน
น่าจะได้ข้อมูลเพิ่มนะครับ

no fate but what we make
ส่งโดย: หมอเถื่อน male
สถานะ: ThaiClinic Staff *****
จำนวนความเห็น: 3420 10150055 10150055   Email
   
61.19.199.*


« ความเห็นที่ #6 เมื่อ: 06/26/12 เวลา 12:52:44 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอบคุณคุณหมอเถื่อน อุตส่าห์แวะมาตอบให้ทั้งสองที่เลย
 
เมื่อวานเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลรามคำแหง คุณหมอจันทร์เพ็ญบอกว่า เราเป็นม่านตาอักเสบที่จะมาพร้อมกับความดันลูกตาสูง ตามข้อ 1 ที่คุณหมอเถื่อนว่าเลย
 
คุณหมอบอกว่าขั้วประสาทตายังปกติอยู่ เพื่อพิจารณาร่วมกับลานสายตาที่ยังปกติ (เราตัดสินใจทำลานด้วยตนเองก่อนหน้านี้ 3-4 วัน) ก็พอจะสรุปได้ว่ายังไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น
 
พอไปขอหมอให้ทำเลเซอร์ให้ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความดันลูกตาสูงอีก ก็โดนคุณหมอแซวเล็กๆ ว่าวิตกเกินไป เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องอยุ่ในความเสี่ยงแบบนี้ด้วย เพราะทุกครั้งที่ความดันลูกตาสุงขึ้น ขั้วประสาทตาเราก็โดนทำลายไปทุกครั้งๆ
 
เราอายุเพิ่ง 30 ไม่รู้ต้องเจออาการแบบนี้อีกกี่หน ถ้าตาเราต้องมัวลงเรื่อยๆ แล้วจะทำอย่างไร Sad
 
ตอนนี้เราเลยกำลังหาข้อมูลราคาเครื่องวัดความดันลูกตาแบบเป่าลม ใครจะหาว่าบ้าก็ตามใจล่ะ
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
110.49.242.*


« ความเห็นที่ #7 เมื่อ: 06/29/12 เวลา 10:12:28 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอนำคำตอบของคุณหมอเถื่อนจากกระทู้ของเราที่พันทิปมาไว้ที่นี่ด้วย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนอื่นที่เรามีอาการเหมือนเรานะ
 
---------------------------------------------------------
 
1. ความเสี่ยงของต้อหินของคุณน่ะมีสูงกว่าคนอื่น แต่ถือว่าต่ำ
 
2. เครื่องวัดความดันลูกตาแบบเป่าลม ไม่มีประโยชน์กับคุณ เนื่องจากค่ามัน error ง่าย (เดี่ยวจะสติแตก อิอิ)
 
3. ความดันตาที่สูงไม่มากนัก และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำให้ขั้วประสาทตาของคุณถูกทำลายครับ
 
 
 
สรุปว่า สิ่งที่น่าทำ
1. ถ้ามีอาการที่สงสัยม่านตาอักเสบหรือความดันตาขึ้น
----- มัวเหมือนหมอกลง
----- แสงกระจาย
----- ปวด
ก็หาหมอตาทันที
2.แล้วค่อยทำตามที่หมอบอกต่อครับ
 
นอกเหนือจากนั้น ยังไม่ต้องทำอะไร
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
1.20.0.153 fwd for 10.138.24.*


« ความเห็นที่ #8 เมื่อ: 06/29/12 เวลา 10:12:54 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอบคุณคุณหมอเถื่อน วันนี้หาข้อมูลในเน็ตไปเรื่อยๆ ได้ความว่า
 
- หยอดตาไปเรื่อยๆ สักพักก็จะใช้ไม่ได้ผล หรือได้ผลน้อย ความดันไม่ลด
- ต่อไปต้องผ่าตัด แต่ก็ผ่าตัดได้ไม่กี่ครั้ง และแต่ละครั้งก็ได้ผลน้อยลงเรื่อยๆ
- ในที่สุดตาก็บอด
 
ก็เลยสติแตกโดยไม่ต้องมีเครื่องวัดแบบเป่าลมมาเป็นตัวช่วย นั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร อายุเพิ่ง 30 จะเป็นภาระคนอื่นมั้ย จะทำยังไงกับ Honda Jazz ป้ายแดงอายุไม่กี่วัน ใครจะมาผ่อนต่อ
 
หาข้อมูลไปเรื่อยเจอเรื่องการนวดตาของคุณหมอสมเกียรติ อ่านไปอ่านมาเหมือนจะลวงโลกอีก ความหวังที่กำลังสว่างวาบขึ้นก็หายวับไปทันที....
 
ยอมรับว่าเครียดมากเหลือเกิน Sad
 
ที่คุณหมอเถื่อนบอกว่า "ความดันตาที่สูงไม่มากนัก และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำให้ขั้วประสาทตาของคุณถูกทำลายครับ"
 
ทำไมพบว่าหยอดตามาอาทิตย์นึงแล้ว ตาซ้ายที่มีอาการป่วยจึงไม่กลับมามองชัดเหมือนเดิมสักที หรือต้องรอนานกว่านี้ ไปตัดแว่นใหม่มาราคาหมื่นแปด มองชัดอยู่ไม่กี่วันเอง รบกวนคุณหมอด้วยจ้า
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
1.20.0.153 fwd for 10.138.24.*


« ความเห็นที่ #9 เมื่อ: 06/29/12 เวลา 10:13:07 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

คุณหมอเถื่อน "ความดันตาที่สูงไม่มากนัก และเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่ทำให้ขั้วประสาทตาของคุณถูกทำลายครับ"
 
สงสัยว่า
 
1. 38 นี่ถือว่าสูงมากมั้ย
2. แล้วนานกี่วันจึงจะถือว่าเป็นระยะเวลานานพอ นับจากวันที่มองเห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟหรือไม่
 
รบกวนด้วยจ้า
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
1.20.0.153 fwd for 10.138.24.*


« ความเห็นที่ #10 เมื่อ: 06/29/12 เวลา 21:44:10 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอตอบแทนก่อนนะครับ
 
ความดันตา 38 ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อย    อยู่ที่ว่าหยอดยาแล้วความดันตาลงหรือไม่   ถ้าความตาลดก็ถือว่า OK
 
ระยะเวลานานเท่าไหร่ที่ประสาทตาจะถูกทำลาย   ไม่มีระยะเวลาแน่นอน  ขึ้ินกับระดับความดันตา  ระยะเวลาที่ความดันตาสูง  และความแข็งแรงของประสาทตาในแต่ละคน
 
 
การผ่าตัดหรือเลเซอร์ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมสำหรับต้อหินกรณีนี้      แถมอาจยิ่งทำให้การอักเสบเพิ่มมากขึ้น         ต้อหินชนิดนี้ตอบสนองต่อยาหยอดตาดีที่สุด     วิธีอื่นไม่มีความจำเป็นเลย        เว้นแต่ว่าระยะยาวเกิดเป็นต้อหินจากสาเหตุอื่นนั่นค่อยว่ากันอีกที
 
 
การจะกลับมามองเห็นได้เหมือนปกติขึ้นกับว่าความดันตากลับมาเป็นปกติเมื่อไหร ่   ม่านตาอักเสบสงบหรือยัง          ไม่แนะนำให้ตัดแว่นตอนนี้   เพราะไม่ได้เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ     ตัดไปก็เสียเงินเปล่า
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 06/29/12 เวลา 21:45:17 by ตาน้ำ »

แวะมาช่วยตอบครับ
ส่งโดย: ตาน้ำ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 842  
   
182.50.64.67 fwd for 1.0.208.*


« ความเห็นที่ #11 เมื่อ: 06/29/12 เวลา 22:43:11 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

ขอบคุณคุณตาน้ำมากๆ ขอโทษด้วยที่ดูเหมือนเรากังวลจนโวยวายเกินเหตุ (หรือเปล่า)
 
ความดันลูกตาลดลงเหลือประมาณ 12 หลังจากหยอดยาได้ 4 วัน (อาจลดลงก่อนหน้านั้นแต่ไม่ได้ไปตรวจ)
 
จนวันนี้ผ่านมา 7 วันแล้วความดันตาอยู่ที่ 11 และการอักเสบก็ไม่มีแล้ว คุณหมอเลยให้หยุดยาแล้วนัดใหม่สัปดาห์หน้า เพื่อดูว่าความดันลูกตาจะขึ้นมาอีกมั้ย
 
(วันนี้ที่เราไปโรงพยาบาลก็ไม่ใช่เพราะถึงวันนัดนะ หมอนัดไว้ 2 สัปดาห์ แต่เรากังวลมากๆ เลยวิ่งไปโรงพยาบาลหาเรื่องเสียเงินเป็นว่าเล่น)
 
อ้อ วันนี้พบคุณหมออภิรดี คุณหมอบอกว่าที่ตายังมองไม่ชัดเหมือนเดิมเพราะว่าตาแห้ง ซึ่งเรายังไม่ปักใจเชื่อเหตุผลนี้เท่าไหร่ (เราคงเป็นคนไข้ที่รั้นมากๆ เลยเนาะ ^_^)
 
เพราะการอักเสบรอบที่แล้ว เราจึงต้องเปลี่ยนแว่นจาก 175 เป็น 200 (อันละหมื่นแปดนั่นแหละ) พออักเสบอีกรอบเลน 200 ที่ว่าชัดๆ ก็กลายเป็นไม่ชัดซะงั้น
ส่งโดย: crucifier
สถานะ: Newbie *
จำนวนความเห็น: 8  
   
1.20.0.163 fwd for 10.136.171.*


Page(s) : 1 


แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print



Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by