ThaiClinic.Com (http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl)
For MD. >> Doctor Room l ห้องพักแพทย์ >> การสูญเสียการรับกลิ่นเพราะโควิด อาจทำให้เกิดปัญหากระบวนการรู้คิด
(Message started by: IQ on 08/05/22 เวลา 14:46:49)

Title: การสูญเสียการรับกลิ่นเพราะโควิด อาจทำให้เกิดปัญหากระบวนการรู้คิด
ส่งโดย IQ on 08/05/22 เวลา 14:46:49

ข้อมูลจากการประชุมนานาชาติของสมาคมโรคอัลไซเมอร์ประจำปี 2565

การเข้ารักษาใน ICU อาจทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเท่าตัว

ผลวิจัยต่าง ๆ ที่นำเสนอในการประชุมนานาชาติของสมาคมโรคอัลไซเมอร์ประจำปี 2565 หรือ Alzheimer's Association International Conference(R) (AAIC(R)) 2022 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซานดิเอโกและออนไลน์ เผยให้เห็นข้อมูลเจาะลึกใหม่ ๆ เกี่ยวกับปัจจัยที่อาจช่วยคาดการณ์ เพิ่มโอกาส หรือป้องกันผลกระทบที่โรคโควิด-19 และการระบาดใหญ่มีต่อความจำและทักษะการคิด

ข้อค้นพบสำคัญที่รายงานในการประชุม AAIC 2022 มีทั้ง

การวิจัยจากอาร์เจนตินาพบว่า การสูญเสียการรับกลิ่นเป็นเวลานานอาจเป็นสิ่งที่บ่งชี้ปัญหาด้านการรู้คิดและการทำกิจวัตรได้ดีกว่าความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระยะเบื้องต้นการเข้ารับการรักษาในหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักอาจทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากการศึกษาของศูนย์โรคอัลไซเมอร์รัช (Rush Alzheimer's Disease Center) ที่ชิคาโกในระหว่างที่เกิดการแพร่ระบาด เพศหญิง ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน และสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่น้อยกว่า มีโอกาสที่จะพบอาการทางการรู้คิดมากกว่า ในการวิจัยกลุ่มใหญ่จากประเทศแถบลาตินอเมริกา 9 ประเทศผลการศึกษาอาสาสมัครกลุ่มเดียวกันในลาตินอเมริกาพบว่า ประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตในทางที่ดีขณะเกิดโรคระบาด (เช่น ได้ใช้เวลาดี ๆ กับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น หรือใช้เวลากับธรรมชาติมากขึ้น) ช่วยลดผลเสียที่การแพร่ระบาดมีต่อความจำและทักษะการคิด

"โควิด-19 ทำให้คนนับล้านทั่วโลกป่วยและเสียชีวิต และสำหรับบางคนแล้ว ผลการวิจัยใหม่บ่งชี้ว่า โรคนี้มีผลกระทบระยะยาวต่อความจำและการคิดด้วยเช่นกัน" ดร.เฮเธอร์ เอ็ม สไนเดอร์ (Heather M. Snyder) รองประธานฝ่ายการแพทย์และวิทยาศาสตร์สัมพันธ์ของสมาคมโรคอัลไซเมอร์ กล่าว "ไวรัสนี้น่าจะอยู่กับเราไปอีกนาน การหาปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยป้องกันอาการทางการรู้คิดจะช่วยรักษาและป้องกันไม่ให้อาการลองโควิด (long COVID) ลุกลามต่อไปได้"

การสูญเสียการรับกลิ่นเป็นเวลานานบ่งชี้ปัญหาด้านการรู้คิดได้ดีกว่าความรุนแรงของโรคโควิด-19

นักวิจัยในอาร์เจนตินาที่ทำงานร่วมกับกลุ่มพันธมิตรว่าด้วยผลกระทบทางด้านประสาทจิตเวชเรื้อรังจากการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ของสมาคมโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's Association Consortium on Chronic Neuropsychiatric Sequelae of SARS-CoV-2 Infection) ได้ติดตามอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่อายุ 55-95 ปีที่มีโอกาสสัมผัสกับโรคโควิด-19 จำนวน 766 คนเป็นเวลา 1 ปี และได้ดำเนินการทดสอบทางกายภาพ การรู้คิด และประสาทจิตเวชหลายครั้ง โดยในการวิจัยกลุ่มนี้ มีอาสาสมัครที่ติดเชื้อเป็นสัดส่วน 88.4% ขณะที่อีก 11.6% อยู่ในกลุ่มควบคุม

ผลการประเมินทางคลินิกได้แสดงให้เห็นความบกพร่องด้านความจำในอาสาสมัครที่ติดเชื้อเป็นสัดส่วนสองในสาม ซึ่งครึ่งหนึ่งในจำนวนนี้มีอาการรุนแรง ขณะที่การทดสอบการรู้คิดในอาสาสมัครอีกกลุ่มหนึ่งแบ่งผู้ที่มีสมรรถนะลดลงได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

11.7% มีความบกพร่องด้านความจำเพียงอย่างเดียว8.3% มีความบกพร่องเรื่องสมาธิและการบริหารจัดการตนเอง11.6% พบความบกพร่องหลายส่วน (ทั้งความจำ การเรียนรู้ สมาธิ และการบริหารจัดการตนเอง)

ผลการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่า การสูญเสียการรับกลิ่นเป็นเวลานานเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ปัญหาด้านการรู้คิดได้ ขณะที่ความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระยะเบื้องต้นทำไม่ได้

ดร.กาเบรียลลา กอนซาเลซ-เอลแมน (Gabriela Gonzalez-Aleman), LCP ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งอาร์เจนตินา (Pontificia Universidad Catolica Argentina) กรุงบัวโนสไอเรส กล่าวว่า "ยิ่งเรามีข้อมูลบอกสาเหตุหรืออย่างน้อยก็คาดการณ์ได้ว่าใครจะมีปัญหาด้านการรู้คิดระยะยาวจากการติดเชื้อโควิด-19 มากเท่าใด เราก็จะติดตามและเริ่มพัฒนาวิธีป้องกันได้ดีเท่านั้น"

การเข้ารับการรักษาในหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักอาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมมากขึ้น

นักวิจัยจากศูนย์โรคอัลไซเมอร์รัช (RADC) ในเครือระบบสุขภาพมหาวิทยาลัยรัช (Rush University System for Health) เมืองชิคาโก ได้ใช้ข้อมูลจากการวิจัยผู้สูงอายุที่ไม่ได้เป็นโรคสมองเสื่อมรวม 5 โครงการ (n=3,822) เพื่อสังเกตอาการขณะรักษาในหน่วยดูแลผู้ป่วยหนัก (ICU) ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะรู้คิดบกพร่องในผู้สูงอายุ แต่มีการวิจัยไม่มากนักที่ประเมินว่าทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นหรือไม่

นักวิจัยได้ดูบันทึกข้อเรียกร้องในระบบเมดิแคร์ตั้งแต่ปี 2534 ถึงปี 2561 (ก่อนเกิดการระบาดใหญ่) และได้ตรวจเช็คดูอาการโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมทุกประเภททุกปี โดยใช้แบบประเมินการรู้คิดตามมาตรฐาน โดยจากการติดตามผลเฉลี่ย 7.8 ปีพบว่า อาสาสมัคร 1,991 คน (52%) เข้ารับการรักษาใน ICU อย่างน้อย 1 ครั้ง, 1,031 คน (27%) เคยเข้ารับการรักษาใน ICU ก่อนร่วมการวิจัย และ 961 คน (25%) เข้ารับการรักษาใน ICU ขณะร่วมการวิจัย

นักวิจัยพบว่า เมื่อประเมินตามอายุ เพศ การศึกษา และเชื้อชาติแล้ว การเข้ารับการรักษาใน ICU มีความสัมพันธ์กับการที่มีโอกาสเป็นภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 63% และมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมทุกประเภทเพิ่มขึ้น 71% ส่วนในแบบจำลองที่ประเมินตามปัจจัยสุขภาพอื่น ๆ เช่น ปัจจัยเสี่ยงและโรคด้านหลอดเลือด อาการทางการแพทย์เรื้อรังอื่น ๆ และความผิดปกติในการทำกิจวัตรแล้ว ความสัมพันธ์ที่ว่านี้ยิ่งสูงขึ้น โดยการเข้ารับการรักษาใน ICU มีความสัมพันธ์กับการที่มีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 110% และมีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมทุกประเภทเพิ่มขึ้น 120%

"เราพบว่า การเข้ารับการรักษาใน ICU ทำให้ผู้สูงอายุเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเท่าตัว" ดร.ไบรอัน ดี เจมส์ (Bryan D. James) นักระบาดวิทยาประจำศูนย์ RADC กล่าว "ข้อค้นพบเหล่านี้อาจมีนัยสำคัญเมื่อประเมินจากการที่ผู้สูงอายุมีอัตราเข้ารับการรักษาใน ICU สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่มีผู้เข้ารับการรักษาใน ICU เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงโควิด-19 ระบาด การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการเข้ารับการรักษาใน ICU กับการก่อตัวของโรคสมองเสื่อมได้เข้ามามีความสำคัญมากยิ่งกว่าที่เคย"

ดร.เจมส์ เสริมว่า "จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อค้นพบเหล่านี้และขยายความปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อม ยกตัวอย่างเช่น ภาวะเจ็บป่วยวิกฤตเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ หรือขั้นตอนที่ปรับเปลี่ยนได้ขณะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมมากขึ้นหรือไม่"

ประสบการณ์ดี ๆ ในชีวิตเพียงครั้งเดียวในช่วงการแพร่ระบาด อาจเป็นเครื่องป้องกันอาการทางการรู้คิดได้

นักวิจัยจากประเทศต่าง ๆ ทั่วอเมริกากลางและอเมริกาใต้ และในสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันประเมินว่า ปัจจัยทางสังคมประชากรและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในชีวิตที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการระบาดใหญ่ มีความสัมพันธ์กับอาการด้านการรู้คิดหรือไม่ รวมถึงปัญหาเรื่องความจำ สมาธิ และทักษะการคิดอื่น ๆ ในการระบาดใหญ่ช่วงแรก ๆ

ในการวิจัยที่รายงานในการประชุม AAIC นั้น อาสาสมัครวัยผู้ใหญ่อายุ 55-95 ปีที่พูดภาษาสเปน จำนวน 2,382 คน (อายุเฉลี่ย 65.3 ปี ขณะที่ 62.3% เป็นเพศหญิง) จาก 9 ประเทศในลาตินอเมริกา ได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์และโทรศัพท์ เข้ารับการทดสอบการรู้คิดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และกรอกแบบฟอร์มประเมินผลกระทบทางบวกและทางลบจากการระบาดใหญ่เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม 2563 ซึ่งเมื่อนับรวมอาสาสมัครทั้งหมดแล้ว มี 145 คน (6.09%) ที่แสดงอาการของโรคโควิด-19

ผู้ร่วมการวิจัยมาจากอุรุกวัย (1,423 คน, 59.7%), เม็กซิโก (311 คน, 13.1%), เปรู (153 คน, 6.4%), ชิลี (152 คน, 6.4%), สาธารณรัฐโดมินิกัน (117 คน, 4.9%), อาร์เจนตินา (106 คน, 4.5%), โคลอมเบีย (50 คน, 2.1%), เอกวาดอร์ (39 คน, 1.6%), เปอร์โตริโก (19 คน, 0.8%) และอื่น ๆ (12 คน, 0.5%)

ข้อค้นพบสำคัญ

เพศหญิง ผู้ที่ไม่ได้ทำงาน และผู้ที่มีสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจน้อยกว่า มีความสัมพันธ์กับการที่มีอาการทางการรู้คิดมากกว่าในการระบาดใหญ่ช่วงแรกการเปลี่ยนแปลงทางลบในชีวิตระหว่างการระบาดใหญ่ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ และไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม มีความสัมพันธ์อย่างเห็นได้ชัดกับการที่มีอาการทางการรู้คิดมากขึ้น อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ดังกล่าวแผ่วลงในกลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิตอย่างน้อย 1 ครั้งระหว่างการระบาดใหญ่ เช่น การได้ใช้เวลาดี ๆ กับเพื่อน ๆ และครอบครัวมากขึ้น หรือใช้เวลากับธรรมชาติมากขึ้น

"การหาปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยป้องกันอาการทางการรู้คิดในช่วงระบาดใหญ่เป็นความก้าวหน้าสำคัญในการพัฒนาแนวทางป้องกัน" ดร.มาเรีย มาร์กินี (Mar?a Marquine) รองศาสตราจารย์แผนกเวชกรรมและจิตเวชศาสตร์ และผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยความแตกต่าง แผนกเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ชราภาพวิทยา และการดูแลบรรเทาอาการ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก กล่าว "ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิตระหว่างการระบาดใหญ่ อาจช่วยบรรเทาผลกระทบที่ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีในชีวิตมีต่ออาการทางการรู้คิดได้"

ดร.มาร์กินี เสริมว่า "การวิจัยดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นการรวมพลังของนักวิจัยจากหลาย ๆ ประเทศในลาตินอเมริกาและสหรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์อันยากลำบาก ซึ่งหลาย ๆ คนไม่เคยได้ทำงานร่วมกันมาก่อนและมีทรัพยากรจำกัด แต่มีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ และผลลัพธ์สำคัญที่ความร่วมมือข้ามวัฒนธรรมมอบให้ได้"



ThaiClinic.Com . All Rights Reserved.