|
||
Title: จดหมายเพื่อนแพทย์ฉบับที่ 235 ส่งโดย dr.friend on 07/07/20 เวลา 08:48:42 ฉบับที่ 235 วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 เพื่อนแพทย์ที่รัก : เรื่องย้าย ผอ.ขอนแก่นยังไม่ค่อยจะจางหายเลยก็มีเรื่องใหม่ขึ้นมา แต่ผมว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์กับ ผู้ป่วยและขบวนการรักษาพยาบาลทั้งหมด แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มออกมาโจมตีครับ ผมลองให้อ่านประกาศของแพทยสภา เรื่อง หน้าที่อันพึงปฏิบัติของผู้ป่วยที่แพทยสภาประกาศออกไป 10 ข้อ ให้ดู (1) ด้วยกระบวนการรักษาพยาบาลภายใต้การดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปเพื่อมุ่งหวังให้ผู้ป่วยพ้นจากความเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานอันเนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นสำคัญ แต่นอกเหนือจากความพยายามของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและบุคลากรสาธารณสุขแล้วหนึ่งในปัจจัยสำคัญอันจะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ คือ การได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วย ซึ่งหลายประเด็นเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยอาจไม่ทันตระหนักหรือทราบมาก่อนว่า เป็นสิ่งจำเป็นและมีผลอย่างยิ่งต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ (๑) ประกอบกับมาตรา ๗ (๒) และ ๗ (๔) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๒๕ แพทยสภาจึงออกประกาศเรื่อง หน้าที่อันพึงปฏิบัติของผู้ป่วย ดังนี้ ข้อ ๑ การเอาใจใส่และดูแลสุขภาพของตนเอง รวมทั้งการปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ หากผู้ป่วยเห็นว่าไม่อาจทำตามคำแนะนำดังกล่าวได้ ผู้ป่วยควรแจ้งให้ทราบโดยทันที เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ข้อ ๒ ผู้ป่วยพึงเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ ที่เป็นจริงและอยู่ในความรับรู้ ของผู้ป่วยแก่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทั้งนี้ เพื่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะได้รับทราบข้อมูลด้านสุขภาพทั้งหมดอันจะเป็นประโยชน์ต่อการให้การรักษาพยาบาลและป้องกันมิให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อตัวผู้ป่วยเองและต่อผู้ป่วยรายอื่น รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ข้อ ๓ ผู้ป่วยพึงปฏิบัติตามระเบียบที่สถานพยาบาลกำหนดไว้ ข้อ ๔ ผู้ป่วยพึงตระหนักว่าการใช้สิทธิการรักษาพยาบาล รวมทั้งสิทธิผู้ป่วยตามที่กำหนดไว้ต้องไม่เป็นการ ละเมิดสิทธิของผู้ป่วยท่านอื่น ข้อ ๕ ผู้ป่วยพึงหลีกเลี่ยงการกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของผู้ประกอบ วิชาชีพเวชกรรมและบุคลากรสาธารณสุข หากมีกรณีที่ผู้ป่วยไม่เห็นด้วยต่อการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ท่านสามารถให้คำแนะนำหรือใช้สิทธิร้องเรียนได้ตามระเบียบปฏิบัติของสถานพยาบาลนั้น ๆ ข้อ ๖ ผู้ป่วยพึงตระหนักว่า ห้องฉุกเฉินเป็นสถานที่ซึ่งจัดเตรียมไว้เป็นการเฉพาะเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ตกอยู่ใน ภาวะเร่งด่วนและเป็นภยันตรายอันใกล้ต่อชีวิต เป็นสำคัญ บุคลากรสาธารณสุขจะให้การรักษาตามลำดับความเร่งด่วนทางการแพทย์เป็นสำคัญ ดังนั้นพึงหลีกเลี่ยงหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ อันเป็นการรบกวนการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบของบุคลากรในห้องฉุกเฉิน ข้อ ๗ ผู้ป่วยพึงตระหนักว่า ทรัพยากรในระบบสาธารณสุขมีราคาแพงและมีจำนวนจำกัด ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมร่วมกับสถานพยาบาล จึงจำเป็นต้องมีมาตรการในการจัดสรรการใช้ทรัพยากรอันมีค่าอย่างระมัดระวัง การ กระทำใด ๆ ของผู้ป่วยโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียทรัพยากรอันมีค่า และส่งผลเสียร้ายแรงต่อการรักษาพยาบาลของตัวผู้ป่วยเอง รวมทั้งต่อผู้ป่วยท่านอื่น ข้อ ๘ ผู้ป่วยพึงเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของบุคลากรสาธารณสุขและผู้ป่วยท่านอื่นในสถานพยาบาล โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ห้ามกระทำการถ่ายรูป บันทึกเสียงหรือภาพเคลื่นไหว รวมทั้งกระทำการอื่นใดที่คล้ายคลึงกันนี้ โดยมิได้รับความยินยอมก่อน ข้อ ๙ ผู้ป่วยพึงตระหนักว่า เอกสารลงนามในการให้ความยินยอมเพื่อรับการรักษาพยาบาล เป็นเอกสารสำคัญ ที่ให้รายละเอียด ตลอดจนข้อจำกัดและความเสี่ยงของการรักษาพยาบาล ดังนั้น ก่อนทำการลงนามในเอกสารดังกล่าว ผู้ป่วยต้องอ่านและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือมีความไม่เข้าใจใด ๆ ควรสอบถาม ผู้เกี่ยวข้องก่อนการลงนามทุกครั้ง ข้อ ๑๐ ผู้ป่วยพึงตระหนักว่า การละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามรายละเอียดข้างต้น อาจส่งผลเสียต่อการรักษาพยาบาล ของผู้ป่วยเอง และในบางกรณีหากเกิดความเสียหายต่อสถานพยาบาลหรือผู้ป่วยท่านอื่น ท่านอาจได้รับโทษตามที่ กฎหมายบัญญัติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา จะเห็นว่าไม่ได้บังคับอะไรเลย แต่ก็มีคนหาเรื่องครับ โชคดีที่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ท่านอาจารย์ประสิทธิ์ คณบดีศิริราช อุปนายกแพทยสภา และ เลขาธิการ อาจารย์อิทธพร ได้จัดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้จนเป็นที่เข้าใจ ดูเหมือนว่าจะจบนะครับ แต่อาจจะมีคนจ้องอยู่บ้างเพราะบางครั้งแพทย์เราก็แย่เพราะโดนญาติถ่ายรูปและบันทึกเสียงโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งเกิดขึ้นเสมอ ๆ เราจึงเขียนไว้ในข้อ ๘ ครับ เพื่อนแพทย์ถ้าถูกซักถามในเรื่องนี้ช่วยกรุณาอธิบายให้เข้าใจว่ามันเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยเอง และการรักษา พยาบาลด้วย (2) Covid ในประเทศน่าจะไม่มีแล้วนะครับ แต่เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดประเทศให้คนเข้ามา รัฐบาลกำลังพิจารณาเรื่องนี้ แต่ความเห็นผมคนเข้ามาต้องไม่มีเชื้อ Covid (ขณะที่เข้ามาในประเทศ) แต่ถ้าไปกักตัวเขาไม่ให้ไปไหน 14 วัน ก็คงไม่มีใครอยากเข้ามา น่าจะ Swab ทุก 5-7 วัน ถ้าเกิด +ve หลังเข้ามาแล้ว ต้องสามารถรู้ว่าไปพบใครและไปที่ไหนมาบ้าง ซึ่งอีกไม่นานรัฐบาลคงประกาศวิธิปฏิบัติครับ (3) UCEP ฉุกเฉินวิกฤต เดือนมิถุนายนนี้มีผู้ป่วยมา ER โรงพยาบาลมากขึ้นเป็น 2,286 ราย และเข้าเกณฑ์ที่จะต้องรักษาทันที เคลื่อนย้ายไม่ได้ 2,219 ราย ที่กองทุนเป็นผู้จ่ายให้ เราเคยมีเข้าเกณฑ์สูงสุดในปีนี้ คือเดือนมกราคม 2,693 ราย ผมคิดว่าก็คงจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกครับ (4) ตอนนี้ขออนุญาตแนะนำสำหรับเพื่อนแพทย์ที่สนใจในการลงทุน มีแฟนเพจใน FACEBOOK ชื่อ Doctorinvest ขอเชิญกดติดตาม และ ติดดาว ครับผม ขอให้ปลอดภัยครับ นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ E-mail:aurchart@gmail.com, Fax: 02-3740804, มือถือ 081-9118901 ปัญหาทุกเรื่องติดต่อได้ครับ : พญ. สมศรี 081-8214593, นพ.ชาตรี 081-9850839, นพ. วิสูตร 086-0019228, นพ. ทวีศิลป 089-8139393, นพ. เอื้อชาติ 081-9118901, นพ. กัมมันต์ 089-8811673, นพ. รณชัย 089-6781295 |
||
Title: Re: จดหมายเพื่อนแพทย์ฉบับที่ 235 ส่งโดย Sound_of_silence on 07/08/20 เวลา 17:03:13 ด้วยความเคารพครับ แพทยสภามีปัญหาเรื่องการสือสารกับสังคม ทั้งๆที่ผมอ่านดูแล้วเป็นประโยชน์กับทุกคนรวมทั้งผู้ป่วย จริงอยู่ ที่งานนี้ไม่ใช่หน้าที่ของแพทยสภา แต่ถ้าแพทยสภาไม่ทำแล้วใครจะทำ ผมว่าที่ข้อความที่แพทยสภาประกาศออกมา ดูเหมือนครูแพทย์สอนนักเรียนแพทย์ ถูกต้องและตรงไปตรงมา แต่สังคมไม่เข้าใจ ลองเปลี่ยน tactic ไหมครับ |
||
ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. |