ThaiClinic.Com (http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl)
For MD. >> Doctor Room l ห้องพักแพทย์ >> =พาใจกลับบ้าน=
(Message started by: <<GOOD LIFE<< on 07/02/20 เวลา 13:48:36)

Title: =พาใจกลับบ้าน=
ส่งโดย <<GOOD LIFE<< on 07/02/20 เวลา 13:48:36
ขณะที่นิ้วกำลังเลื่อนหน้าฟีดอย่างไหลลื่น ภาพและเรื่องราวมากมายได้ผ่านสายตาในเวลาไม่ถึงนาที
.
ผมเห็นเพื่อนเลื่อนตำแหน่ง เห็นคนมีบ้านมีรถใหม่ เห็นเขาออกกำลังกายสุขภาพดี เห็นเพื่อนมัธยมที่เรียนด้วยกันมา โพสต์ภาพตัวเองหัวเราะอย่างร่าเริงในทริปเที่ยวต่างประเทศ
.
.
ภายใต้รอยยิ้มที่ชื่นชมยินดีกับคนเหล่านั้น
.
มีความเจ็บจี๊ดเล็ก ๆ วิ่งพุ่งมาชนที่หัวใจ พร้อมกับเสียงตะโกนที่ดังกึกก้องว่า...
.
.
“เขาไปไหนต่อไหนกันหมดแล้ว มึงยังอยู่ตรงนี้อยู่เลย!”
.
.
คิดแล้วก็เจ็บใจ อยากจะพลักตัวเองให้ไปข้างหน้าเพื่อจะได้ จะมี จะเป็นแบบเขา
.
สิ่งเร้าเหล่านี้ มาเคาะประตูและกระตุ้นให้อยากจะมีมากขึ้นกว่าเดิมและไม่หยุดอยู่กับที่ในทุก ๆ วัน เป็นกิจวัตร
.
.
แต่เมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้เริ่มถูกสิ่งเร้านั้นครอบงำชีวิตมากเกินไปแล้ว
.
ผมมักจะกลับมานั่งทบทวนตัวเองใหม่ เพื่อไม่ให้ตัวเองหลงทางไปกับสิ่งเร้าเหล่านั้นมากจนลืมตัว
.
.
มีแง่คิดดี ๆ ที่ผมได้เรียนรู้ จากการฟังสัมมนา "Living a life of presence" ของ Eckhart Tolle
.
เจ้าของหนังสือ The Power of Now (พลังแห่งจิตปัจจุบันขณะ) ผู้ถูกจัดเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิผลด้านจิตวิญญาณอันดับ 4 ของโลก
.
.
ผมขอหยิบแง่คิดบางส่วน มาแบ่งปันดังนี้...
.
.
1. Enjoy กับการอยู่เฉย ๆ บ้าง
.
.
สาขาจิตวิทยาของ University of Virginia และ Harvard University ได้ทำงานวิจัยที่ชื่อว่า “Just think”
.
พบว่า ผู้ชาย 67% และผู้หญิง 25% เลือกที่จะกดปุ่มให้ช็อตไฟฟ้ากับตัวเอง มากกว่าที่จะยอมอยู่เฉย ๆ กับความคิดตัวเองเป็นเวลา 15 นาที!!
.
.
การ Enjoy กับการอยู่เฉย ๆ ดูจะเป็นเรื่องยากและขัดกับความเชื่อของกระแสโลกส่วนใหญ่ แต่มันคือช่วงเวลาที่พิเศษและล้ำค่าจริง ๆ เมื่อได้สัมผัสมัน
.
.
หากลองเปิดใจที่จะอยู่เฉย ๆ วางมือถือ ปิดโทรทัศน์ ตัดสิ่งรบกวนออกไปทั้งหมด
.
เมื่อได้อยู่กับตัวเอง อยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบบมีสติ อยู่กับลมหายใจ นั่นอาจเป็นวินาทีที่เราได้ค้นพบว่า... “เรามีทุกสิ่งที่ต้องการ เพื่อที่จะให้ชีวิตมีความสุขอยู่แล้ว”
.
.
2. ไม่มีบ้าง ก็ไม่เป็นอะไร
.
.
Eckhart กล่าวว่า...
.
“เราเป็นผู้สร้างความทุกข์ขึ้นมาเอง จากความคิดอันผิดเพี้ยน ที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว”
.
บางทีสิ่งที่เราคิดว่าจำเป็นต้องมีนั้น ความคิดนั้นถูกสร้างมาเพราะเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
.
ทั้งที่จริงแล้วชีวิตเราอาจไม่ได้จำเป็นต้องมีเหมือนอย่างเขาก็ได้
.
.
บางเรื่องจำเป็นต้องมีจริง ๆ แต่หลายเรื่องมันเป็นแค่ “ถ้าได้ก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่ตาย”
.
.
เมื่อมองออกไปภายนอกมากเกินไป ความคิดจะถูกหล่อหลอมให้เชื่อว่า “จำเป็นจะต้องมี” สิ่งเหล่านั้น
.
แต่อาจหลงลืมไปว่าสิ่งที่ “จำเป็นและมีความหมาย” ของเราคืออะไร
.
.
3. โอบรับธรรมชาติและสิ่งที่เกิดขึ้น
.
.
ทุกข์เกิดขึ้น เมื่อเราไม่โอบรับ "ธรรมชาติ" หรือ "สิ่งที่เกิดขึ้น"
.
เมื่ออะไร ๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิดฝัน เราไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้นเป็นเรื่องจริง
.
บางคนระบายความไม่พอใจนั้นด้วยการกล่าวโทษดินฟ้า บางคนกล่าวโทษเศรษฐกิจ บางคนกล่าวโทษสังคม
.
หรือบางคนอาจกล่าวโทษและตำหนิตัวเอง และไม่ว่าจะกล่าวโทษหรือตำหนิอะไรก็ตาม ความทุกข์ก็เกิดขึ้นตามมาเสมอ
.
แต่หากเปิดใจโอบรับว่าสิ่งเหล่านั้นมันเกิดขึ้นยอมรับว่ามันเกิดขึ้นจริง
.
ยอมรับว่ามันมีความผิดพลาด ยอมรับว่ามันไม่ได้ดังหวัง ยอมรับว่า... “มันเกิดขึ้นแล้ว”
.
เมื่อยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริง ใจก็จะคลายจากความทุกข์ และกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะได้
.
.
4. เป็นธรรมดาที่จะทุกข์
.
.
แต่ถึงจะรู้ว่าการอยู่กับปัจจุบันนั้นจะทำให้ไม่ทุกข์ แต่ก็อย่าได้หวังที่จะสุขตลอดเวลา ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้นอยู่เป็นปกติ
.
Eckhart บอกว่า...
.
.
“ตัวตนนั้นชอบหาศัตรู เพราะเมื่อมีศัตรู ก็จะทำให้เกิดการโต้เถียง เกิดการโมโห เกิดการพยายามทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง ซึ่งอาการเหล่านั้น ทำให้ตัวตนแข็งแรงมากขึ้น และทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีตัวตนอยู่”
.
.
แม้จะรู้ว่าการเปรียบเทียบทำให้เป็นทุกข์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังอยากเด่น อยากดี อย่างมี อยากได้
.
ความอยากยังเป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้เรารู้สึกว่ายังมีตัวตนอยู่ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่เราจะทุกข์
.
ลองวางความหวังที่จะมีความสุขเพียงอย่างเดียว และเปิดใจโอบรับที่จะทุกข์บางในบางจังหวะชีวิตก็ไม่เสียหาย
.
.
5. การเปิดรับความทุกข์เป็นประตูสู่ความก้าวหน้า
.
Eckhart ยังได้กล่าวว่า...
.
.
“ความทุกข์ คือเครื่องมือนำพาเราไปสู่การตื่นรู้ เพราะความทุกข์ที่แสนสาหัสกำลังสอนให้เรายอมศิโรราบ และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ในแบบที่มันเป็น”
.
และ “ความทุกข์เกิดขึ้นเพื่อทำลาย และทำให้ตัวตนของคุณมีรอยแตกร้าว ซึ่งรอยแตกร้าวนั้น จะทำให้สิ่งที่งดงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวตนได้เบ่งบาน”
.
.
หากขาดสมดุลด้านความทุกข์ไป เราก็อาจหลงใหลไปกับความสุขและความพึงพอใจได้
.
ลองมองย้อนกลับไปในชีวิตในช่วง 2 – 5 ปีที่ผ่านมานี้ดูสิ
.
ทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญบางอย่างในชีวิต
.
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจย้ายงานใหม่ ตัดสินใจดูแลสุขภาพ ตัดสินใจฝึกใจหาความสงบ หรือตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม
.
มันคือ “ความสุข” หรือ “ความทุกข์” กันล่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลง??
.
เมื่อมองความทุกข์ว่าเป็น “เรื่องธรรมดา” คุณจะมีสติ และสามารถเติบโตเพราะความทุกข์นั้นได้
.
.
และถ้ายังไม่เข้าใจมากพอว่าจะเปิดใจยอมรับความทุกข์ไปทำไม
.
ก็ลองทบทวนดูว่า...
.
เพราะความทุกข์จากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นหรือเปล่าล่ะ ที่ทำให้คุณได้อ่านบทความและรู้สึกแบบที่คุณกำลังรู้สึกในตอนนี้
.
.
กิตติ ไตรรัตน์
#พาใจกลับบ้าน
#SelfLeadershipFacilitator

Title: Re: =พาใจกลับบ้าน=
ส่งโดย 6699 on 07/02/20 เวลา 13:59:25
ผ่อนคลาย คิด แล้วค่อยทำ

Title: Re: =พาใจกลับบ้าน=
ส่งโดย drstop on 07/06/20 เวลา 19:29:32
ขอบคุณบทความดีๆนี้ครับ  ;D

Title: Re: =พาใจกลับบ้าน=
ส่งโดย Head_transplant on 07/07/20 เวลา 13:43:21
กำเนิด Eckhart
ตอนแรกแกเป็นโรคซึมเศร้า
กติกาคือ โลกปกติของเราคือนรกสำหรับเขา
ถ้าเขาขึ้นจากนรกมาอยู่โลกเดียวกะเรา เขาจะรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์
Eckhart ซึมเศร้าดิ่งอยู่ระยะนึง
จู่ๆวันนึงตื่นมาแกเกิดหายดิ่งเป็นคนปกติ
เลยนั่งยิ้มทั้งวัน
เห็นต้นไม้ไหวก็ยิ้ม
เห็นคนเดินผ่านไปมาก็ยิ้ม
เหมือนคนบ้า เอ้ย เหมือนมีความสุขดุจขึ้นสวรรค์
เป็นต้นกำเนิดของคำว่า แค่ไม่ทุกข์ก็สุขแล้ว สำหรับ Eckhart
แกเลยไปเขียนหนังสือแล้วเกิดขายดี
มีแม่ยกตัวแม่คือ Oprah Winfrey



ThaiClinic.Com . All Rights Reserved.