หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: สถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ-ค่าแรงต่ำเชื่อมโยงกับภาวะสมองเสื่อม )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: IQ โพสเมื่อวันที่: 08/08/22 เวลา 10:43:38

ความขาดแคลนเชิงสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงความเสียเปรียบด้านละแวกที่อยู่อาศัยและค่าแรงต่ำต่อเนื่องยาวนาน มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงสูงกว่าที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม สมรรถนะการทำงานรู้คิดของสมองที่ต่ำกว่า และการเสื่อมถอยของความจำที่เกิดขึ้นเร็วกว่า จากงานศึกษาวิจัยหลายงานที่นำเสนอในวันนี้ภายในงานประชุมนานาชาติของสมาคมอั ลไซเมอร์ ประจำปี 2565 หรือ Alzheimer's Association International Conference(R) (AAIC(R)) 2022 ซึ่งจัดขึ้นในเมืองซานดิเอโกและทางออนไลน์
 
สถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ ( SES) ซึ่งสะท้อนการวัดทั้งในเชิงสังคมและเศรษฐกิจของประสบการณ์การทำงานของบุคคล ตลอดจนการเข้าถึงทรัพยากรเชิงเศรษฐกิจและตำแหน่งทางสังคมของปัจเจกบุคคลหรือ ของครอบครัว มีความเชื่อมโยงกับทั้งสุขภาพในเชิงกายภาพและเชิงสรีรศาสตร์และสุขภาวะ งานวิจัยที่ศึกษาผลกระทบของสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจต่อการทำงานรู้คิดของ สมองมีเพิ่มมากขึ้น ในการนี้ ข้อค้นพบสำคัญที่นำเสนอภายในงานประชุม AAIC ประจำปี 2565 มีดังต่อไปนี้
 
ปัจเจกบุคคลที่ประสบกับความขาดแคลนเชิงสังคมและเศรษฐกิจในระดับสูง ซึ่งวัดโดยใช้รายได้/ความมั่งคั่ง อัตราการว่างงาน การเป็นเจ้าของรถยนต์/บ้าน และความแออัดของครัวเรือน มีแนวโน้มสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม เมื่อเทียบกับปัจเจกบุคคลที่มีสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมสูงกว่า แม้จะมีความเสี่ยงทางกรรมพันธุ์มากกว่าก็ตามทรัพยากรคุณภาพต่ำในละแวกที่อยู ่อาศัยและความยากลำบากในการจ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน มีความเชื่อมโยงกับคะแนนการทดสอบการทำงานรู้คิดของสมองที่ต่ำกว่าในบุคคลชาว ผิวดำและชาวลาตินสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจที่สูงกว่าของพ่อแม่มีความเชื่อ มโยงกับความเข้มแข็งที่สูงกว่าต่อผลกระทบเชิงลบของสารบ่งชี้อัลไซเมอร์ พีเทา-181 ( ptau-181) ความสามารถด้านการบริหารจัดการของสมอง (executive function) ระดับเส้นฐานที่ดีกว่า และความเสื่อมถอยของสมองที่ช้ากว่าในช่วงวัยที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับแรงงานท ี่ได้รับค่าแรงสูงกว่า แรงงานที่ได้รับคำแรงต่ำอย่างต่อเนื่องยาวนานประสบกับการเสื่อมถอยของความจำ ที่เกิดขึ้นรวดเร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญในช่วงวัยที่สูงขึ้น
 
"เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องมุ่งศึกษาปัจจัยสังคมกำหนดสุขภาพที่เกี ่ยวข้องกับการทำงานรู้คิดของสมอง รวมถึงสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อที่เราจะได้ดำเนินนโยบายสาธารณสุขและสร้างสภาพแวดล้อมในชุมชนที่จะยกระ ดับสุขภาพและสุขภาวะของทุกคน" แมทธิว โบมการ์ท (Matthew Baumgart) รองประธานฝ่ายนโยบายสุขภาพ สมาคมอัลไซเมอร์ กล่าว
 
ในการประชุมหัวข้อ "การส่งเสริมมุมมองที่หลากหลาย: แก้ปัญหาความแตกต่างเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และภ าวะสมองเสื่อมทุกชนิด" (Promoting Diverse Perspectives: Addressing Health Disparities Related to Alzheimer's and All Dementias) ของสมาคมอัลไซเมอร์ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ นักวิจัยได้รวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความรู้และขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันเกี่ย วกับประเด็นความเสมอภาคทางสุขภาพที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงปัจจัยสังคมที่กำหนดความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมอย่างสถานภาพทางสังค มและเศรษฐกิจ
 
ความขาดแคลนทางสังคมและเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมที ่เพิ่มขึ้น
 
นักวิจัยเริ่มที่จะเข้าใจว่าความเสี่ยงของการเสื่อมถอยของการทำงานรู้คิดของ สมองและภาวะสมองเสื่อมถูกกำหนดโดยสภาพที่บุคคลเกิด เติบโต อาศัย ทำงาน และแก่ตัวอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อทำความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้นว่าสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมและความเสี่ยงเชิ งพันธุกรรมที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมอาจมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร แมทเธียส คลี ( Matthias Klee) นักศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์ก (University of Luxembourg) และทีมได้ทำงานร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซ์เตอร์ (Exeter) และออกซ์ฟอร์ด (Oxford) ในการศึกษาข้อมูลจากประวัติของผู้เข้าร่วม 196,368 รายในคลังทรัพยากรชีวภาพ ยูเค ไบโอแบงค์ (U.K. Biobank) ซึ่งมีการประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมโดยใช้คะแนนความเสี่ยง
 
ด้วยกลุ่มตัวอย่างนี้ นักวิจัยได้สำรวจอิทธิพลของความขาดแคลนเชิงสังคมและเศรษฐกิจของปัจเจกบุคคล อย่างเช่นรายได้และความมั่งคั่งที่ต่ำ และความขาดแคลนเชิงสังคมและเศรษฐกิจระดับพื้นที่ อย่างเช่นอัตราการว่างงานและการเป็นเจ้าของรถยนต์/บ้าน ต่อความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม และเปรียบเทียบกับความเสี่ยงเชิงพันธุกรรมที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม
 
คลีและทีมรายงานในงานประชุม AAIC ประจำปี 2565 ว่า
 
ความขาดแคลนเชิงสังคมและเศรษฐกิจทั้งในระดับปัจเจกและระดับพื้นที่มีความเชื ่อมโยงกับความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมที่สูงขึ้นสำหรับกลุ่มผู้ที่อยู่ในละ แวกที่อยู่อาศัยที่มีความเสียเปรียบอย่างมากสำหรับผู้เข้าร่วมการวิจัยที่มี ความเสี่ยงเชิงพันธุกรรมในระดับปานกลางหรือสูง ความขาดแคลนระดับพื้นที่ที่สูงกว่ามีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่จะเกิดภา วะสมองเสื่อมในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากวิเคราะห์โดยคำนึงถึงความแตกต่างทางสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจระดับ ปัจเจกการวิเคราะห์โดยใช้การสร้างภาพตัวบ่งชี้แสดงให้เห็นว่าความขาดแคลนเชิ งสังคมและเศรษฐกิจทั้งในระดับปัจเจกและระดับพื้นที่มีความเชื่อมโยงกับปัญหา รอยโรคในสมองเนื้อขาวในระดับที่สูงกว่า ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การเสื่อมถอยและความเสียหายของสมอง
 
"ข้อค้นพบของเราชี้ให้เห็นความสำคัญของสภาพที่บุคคลอาศัยอยู่ ทำงาน และแก่ตัว สำหรับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเปราะบางเชิงพันธุกรรมสูงกว่าอยู่แล้ว" คลี กล่าว "ทั้งพฤติกรรมทางสุขภาพระดับปัจเจกและสภาพการใช้ชีวิตที่ไม่สามารถได้รับอิท ธิพลมีความเกี่ยวข้องในการอธิบายความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะสำหรับปัจเจกบุคคลที่มีความเปราะบางเชิงพันธุกรรมสูงกว่า องค์ความรู้นี้เปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการลดจำนวนผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสมองเสื่อม ไม่เพียงด้วยการแทรกแซงเชิงสาธารณสุข แต่รวมถึงการยกระดับสภาพเชิงสังคมและเศรษฐกิจด้วยการออกนโยบาย"
 
ความขัดสนเชิงเศรษฐกิจและความเสียเปรียบด้านละแวกที่อยู่อาศัยเชื่อมโยงกับค ะแนนการทดสอบการทำงานรู้คิดของสมองที่ต่ำกว่า
 
งานวิจัยจำนวนมากได้แสดงว่าสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจมีอิทธิพลต่อความเสี่ ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมในช่วงหลังของชีวิต สถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจมักได้รับการศึกษาโดยใช้จำนวนปีของการเข้ารับการ ศึกษาและระดับรายได้เป็นปัจจัยทั่วไปในการวิจัยด้านสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความเข้าใจว่าตัวชี้วัดที่เป็นอัตวิสัย อย่างเช่นการรับรู้ด้านสภาพแวดล้อมของละแวกที่อยู่อาศัยและการเข้าถึงทรัพยา กร อาจมีบทบาทในด้านสุขภาพของสมองเช่นกัน
 
เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์นี้ให้ดียิ่งขึ้น แอนโธนี ลองโกเรีย ( Anthony Longoria) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต นักศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยาเชิงคลินิกมหาวิทยาลัยเท็กซัส เซาธ์เวสเทิร์น (University of Texas Southwestern) ได้ศึกษาการรับรู้สภาพแวดล้อมเชิงกายภาพของละแวกที่อยู่อาศัยและการรับรู้สถ านภาพทางสังคมและเศรษฐกิจควบคู่กับการวัดการทำงานรู้คิดของสมอง (โดยใช้คะแนนการประเมินการทำงานรู้คิดของสมองมอนทรีอัล หรือ Montreal Cognitive Assessment scores) ในปัจเจกบุคคลที่หลากหลายจำนวน 3,858 รายในการศึกษาวิจัยแดลลัส ฮาร์ท (Dallas Heart Study)
 
นักวิจัยพบว่าทรัพยากรคุณภาพต่ำกว่าในละแวกที่อยู่อาศัย การเข้าถึงอาหาร/ระบบทำความร้อนและการดูแลสุขภาพที่ด้อยกว่า และการเผชิญกับความรุนแรง มีความเชื่อมโยงกับคะแนนที่ต่ำกว่าในการทดสอบการทำงานรู้คิดของสมองที่ใช้โด ยทั่วไปในผู้เข้าร่วมวิจัยชาวผิวดำและชาวฮิสแปนิก แต่ไม่รวมถึงในผู้เข้าร่วมวิจัยชาวผิวขาว
 
"นี่เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อคำนึงว่าชนกลุ่มน้อยประสบกับความขัดสนเชิงเศรษฐกิจและความเสียเปรียบด้ านละแวกที่อยู่อาศัยอย่างไม่ได้สัดส่วน ประกอบกับมีแนวโน้มสูงกว่าที่จะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสมองเสื่อมและได้ รับการดูแลที่ทันท่วงทีน้อยกว่า" ลองโกเรีย กล่าว
 
การวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมแสดงว่าความเสียเปรียบด้านละแวกที่อยู่อาศัยและ สถานภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นที่รับรู้ อาจส่งผลต่อปริมาณสสารสีขาว ( white matter volume หรือ WMV) และสัญญาณความเข้มสูงของสสารสีขาว (white matter hyperintensities หรือ WMH) ในสมอง ซึ่งทั้งคู่มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมและปัจจัยด้านหล อดเลือด รายได้และระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าตามที่มีการรายงานมีความเชื่อมโยงกับสัญญา ณความเข้มสูงของสสารสีขาวในกลุ่มตัวอย่างโดยรวม ขณะที่ความไว้วางใจ การเข้าถึงบริการดูแลรักษาสุขภาพ รายได้ และระดับการศึกษาที่ต่ำกว่ามีความเชื่อมโยงกับปริมาณสสารสีขาวในสมองที่ต่ำก ว่า ทั้งนี้ "ความรุนแรง" มีความเชื่อมโยงกับสัญญาณความเข้มสูงของสสารสีขาวที่สูงกว่าในผู้หญิงผิวดำ "ความไว้วางใจ" ที่ต่ำกว่ามีความเชื่อมโยงกับปริมาณสสารสีขาวที่ต่ำกว่าในผู้ชายชาวฮิสแปนิก  และ "การเข้าถึงการดูแลทางการแพทย์" ที่ต่ำกว่ามีความเชื่อมโยงกับปริมาณสสารสีขาวที่ต่ำกว่าในผู้หญิงผิวขาว
 
"นักวิทยาศาสตร์และผู้ออกนโยบายควรเน้นย้ำเรื่องการปรับปรุงทรัพยากรในละแวก ที่อยู่อาศัย รวมถึงความปลอดภัย การเข้าถึงอาหารคุณภาพสูง พื้นที่กลางแจ้งที่สะอาด และบริการดูแลรักษาสุขภาพ ในการพัฒนานโยบายสาธารณสุขเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของชุมชนที่จะเกิดโรคอัลไซเ มอร์และภาวะสมองเสื่อมที่เกี่ยวข้อง" ลองโกเรีย กล่าว
 
สถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของพ่อแม่เชื่อมโยงกับผลกระทบของโรคอัลไซเมอร์ที ่ลดลงในช่วงหลังของชีวิต
 
ปัจจุบันมีงานวิจัยจำนวนน้อยที่ได้ศึกษาผลกระทบของสภาพเชิงสังคมและเศรษฐกิจ ต่อความเข้มแข็งของสมอง รวมถึงตัวบ่งชี้เชิงชีววิทยาสำหรับการเสื่อมของระบบประสาท เพื่อศึกษาเรื่องนี้ ดร.เจนนิเฟอร์ แมนลี ( Jennifer Manly) อาจารย์ด้านประสาทจิตวิทยา ศูนย์การแพทย์เออร์วิง มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (University Irving Medical Center) และทีม ได้ร่วมมือกับผู้เข้าร่วมในการศึกษาตัวแทนประชากรต่างรุ่นวัยในนครนิวยอร์ก เพื่อระบุว่าสถานภาพเชิงสังคมและเศรษฐกิจของพ่อแม่ วัดจากจำนวนปีของการศึกษา เป็นกันชนต่อความเชื่อมโยงกับระดับของพลาสมาพีเทา-181 (สารบ่งชี้ความเสื่อมถอยของสมองและโรคอัลไซเมอร์) หรือไม่ พวกเขายังได้ศึกษาว่ามีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของความจำในกลุ่มผู้ใ หญ่วัยกลางคนหรือไม่ และว่าการบรรเทาของโรคอัลไซเมอร์และการเปลี่ยนแปลงของสมองที่เกี่ยวข้องมีคว ามใกล้เคียงกันในกลุ่มเชื้อชาติและชาติพันธุ์หรือไม่
 
ตามที่รายงานในงานประชุม AAIC ประจำปี 2565 แมนลีกับทีมพบว่าสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจที่สูงกว่าของพ่อแม่มีความเชื่อ มโยงกับผลกระทบที่ลดลงของสารบ่งชี้อัลไซเมอร์ พีเทา-181 ต่อความจำ ภาษา และการจัดการตัวเองของสมองลูกเมื่อมีอายุมากขึ้น
 
"หลักฐานจากการศึกษาวิจัยหลากหลายชาติพันธุ์ต่างรุ่นวัยชี้ว่า สภาพเชิงสังคมและเศรษฐกิจในช่วงต้นของชีวิตอาจส่งเสริมศัยกภาพการทำงานรู้คิ ดของสมองต่อการเปลี่ยนแปลงของสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์" แมนลี กล่าว "ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการลงทุนเชิงโครงสร้างและเชิงนโยบาย ในเรื่องอย่างเช่นการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูง มีนัยเชิงรุ่นวัยอย่างไร การแทรกแซงที่ลดความยากจนวัยเด็กสามารถลดความแตกต่างเหลื่อมล้ำที่เกี่ยวข้อ งกับอัลไซเมอร์ให้แคบลงได้"
 
ค่าแรงต่อชั่วโมงที่ต่ำเชื่อมโยงกับการเสื่อมถอยของความจำที่เกิดขึ้นเร็วกว ่าในช่วงวัยที่สูงขึ้น
 
การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของรายได้ที่ต่ำกว่าต่อสุขภาพกำลังขยายตัวอย่างรวด เร็ว เพื่อศึกษาว่าการมีรายได้ต่อชั่วโมงต่ำเป็นระยะเวลานานมีความเชื่อมโยงกับกา รเสื่อมถอยของความจำหรือไม่ ดร.แคทรินา เคซิออส ( Katrina Kezios) นักวิจัยหลังปริญญาเอก วิทยาลัยสาธารณสุขเมลแมน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University Mailman School of Public Health) และทีมได้ใช้ข้อมูลจากการศึกษาระยะยาวระดับชาติกับผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่ทำง านรับค่าจ้างในช่วงวัยกลางคน
 


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by