หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: 7ข้อน่าสงสัยวัคซีนโควิดสำหรับคนไทย..เมื่อไรจะได้ฉีดกันซะที )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:33:37
Grin Grin Grin
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:33:54
Undecided
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:34:15
Angry
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:34:36
Grin
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:34:55
Grin
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:35:10
Grin
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:35:32
Grin
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 17:36:49
Grin
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 19:01:09
อันนี้คือวัคซีนที่ทางรัฐจะฉีดให้กับประชาชนฟรีๆ รึเปล่าครับ...จึงต้องเลือก ยา/ เวชภัณฑ์ จากบริษัทฯที่ทำ MOU กับทางรัฐไว้
ส่วนท่านใดจะฉีดวัคซีนแบบเสียเงินเอง จะเลือกวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัท...(ตอนนี้ในโลกที่ผลิตวัคซีน COVID- 19ได้ยังมีแค่ 3-4 ยี่ห้อ) ก็ตามสะดวกรึเปล่าครับ อิ อิ อิ
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 19:02:59
เหมือนมีรถเมล์ฟรี/ บัตรทอง ให้ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี
แต่หลายๆคน ก็ใช้รถส่วนตัว/ จ่ายค่ารักษาเอง
ก็ไม่ว่ากัน
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 19:44:21
on 01/19/21 เวลา 19:01:09, Dr._Panya wrote:
อันนี้คือวัคซีนที่ทางรัฐจะฉีดให้กับประชาชนฟรีๆ รึเปล่าครับ...จึงต้องเลือก ยา/ เวชภัณฑ์ จากบริษัทฯที่ทำ MOU กับทางรัฐไว้
ส่วนท่านใดจะฉีดวัคซีนแบบเสียเงินเอง จะเลือกวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัท...(ตอนนี้ในโลกที่ผลิตวัคซีน COVID- 19ได้ยังมีแค่ 3-4 ยี่ห้อ) ก็ตามสะดวกรึเปล่าครับ อิ อิ อิ

มันส่อแววทุจริตจ๋าๆเลยค่ะ คุณพี่   เป็นของที่จะใช้กับประชาชนต้องมีคุณภาพนะคะ
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 21:09:46
ตอบ  “ธนาธร” ทุกคำถาม
ปมวัคซีนโควิด-19 และบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์  
 
วานนี้คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ค ตั้งถามเรื่องการจัดหาวัคซีนของทางการไทยในหลายเรื่อง แน่นอนว่าพฤติกรรมของคุณธนาธรนั้น ได้บั่นทอนกำลังใจคนทำาน ที่ หามรุ่ง หามค่ำ ทำงานนี้ จนเกิดความคืบหน้า  
 
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า  
 
เบื้องต้น ประเทศไทยเลือกใช้วัคซีนของบริษัทแอสตราเซนนิกา เป็นสูตรวัคซีนของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด กระบวนการผลิต เรียกว่า Viral Vector Vaccine
 
วัคซีนชนิดนี้ มนุษย์รู้จักมานาน ถือว่ามีความปลอดภัย และเป็นวิธีทำวัคซีนหลายๆ ชนิด อาทิ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบเป็นต้น  
 
กับประเทศไทย บริษัทแอสตราเซนนิกา ได้ให้ทางบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นโรงงานผลิต ปัจจุบัน ได้รันการผลิตไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรฐานเพื่อการผลิตจริง คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
 
อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบใหม่ ทำให้ไทย ต้องเร่งการจัดหาวัคซีน กระทั่งทางการได้พิจารณานำเข้าวัคซีนของ Sinovac เพื่อมาฉีดให้บุคลากรการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยงก่อน  
 
กำหนดการรับวัคซีนคือเดือนกุมภาพันธ์ 2564  
 
แต่คุณธนาธร ก็ยังมองว่าไทยบริหารจัดการล่าช้า และโจมตีในหลายประเด็น  
 
มาในเรื่องการจัดหาวัคซีนที่คุณธนาธร มองว่าล่าช้าก่อน  
 
สำหรับประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่าเราไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตวัคซีน และมิใช่เป็นประเทศที่ร่ำรวยเงินทอง การจัดหาวัคซีนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด  
 
ในช่วงที่หลายบริษัทเดินหน้าผลิตวัคซีน และเปิดสั่งจองช่วงกลางปี 2563 เงื่อนไขของแทบจะทุกบริษัทเหมือนกันคือ  
 
จะต้องเป็นการสั่งจอง และจ่ายเงินไปก่อน พร้อมกับยอมรับผลที่ตามมา หากการผลิตวัคซีนไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องยอมเสียเงินที่สั่งจอง
 
นี่คือประเด็นที่ทางการไทย จำเป็นต้องสงวนท่าที แม้จะมีการพูดคุยกับหลายบริษัท แต่ยังไม่ตัดสินใจ  
 
กระทั่งมีความคืบหน้าจากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ทางการไทยจึงขยับตัว  
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า  
 
หน่วยงานเอกชนของไทยคือ เอสซีจี กับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดมีความสัมพันธ์กันในเชิงการวิจัยนวัตกรรมเทคโนโลย ี (technology innovation research) มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี
 
ดังนั้นเอสซีจีจึงสอบถามไปยังมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นผู้คิดค้นวิจัยวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะได้วัคซีนประสิทธิภาพดี  
 
มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดชี้แจงว่าหากสนใจเรื่องดังกล่าวจะต้องประสานงานผ่านแ อสตร้าเซนเนก้าเพราะเป็นผู้ดูแลการผลิตวัคซีนในต่างประเทศ และเป้าหมายของทั้งสองคือการสร้างซัพพลายการผลิตวัคซีนจำนวนมากให้เกิดขึ้นท ั้งโลก ในกำลังการผลิต 3,000 ล้านโดสต่อปี
 
ดังนั้น แอสตร้าเซนเนก้าก็ต้องไปหาพันธมิตรในต่างประเทศ เช่น บราซิล เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซีย  
 
ขณะนั้นทางแอสตราฯ กำลังมองหาฮับในการผลิตในอาเซียน  
 
ในรายงานประจำปี 2563 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเติบโต (emerging markets)  
 
และยังมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมในการผลิตวัคซีน รวมไปถึงการมีโรงงานผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐาน มีเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง “สยาม ไบโอไซเอนซ์”  
 
ทั้งเป็นแหล่งของนักเรียนหัวกะทิที่พร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากแ อสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด  
 
เป็นสาเหตุว่าทำไมไทย กับ แอสตราฯ จึงได้มีโอกาสมาทำข้อตกลงเรื่องวัคซีนกัน  
 
ทั้งนี้ ทางบริษัทแอสตราฯ ให้ไทยเป็นฐานการผลิต แลกกับไทยต้องสั่งจองวัคซีนล่วงหน้า  
 
อย่างไรก็ตาม ไทยดึงจังหวะ จนมั่นใจว่าบริษัทแอสตราเซนนิกา สามารถผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยได้ จึงตัดสินใจจับมือกับแอสตราเซนนิกาเมื่อช่วงปลายปี 2564  
 
หมอนคร กล่าวว่า  
 
“มันจะแปลกมาก หากว่าวัคซีนที่สยามไบโอไซเอนซ์ผลิตได้ตามมาตรฐานของอ็อกซ์ฟอร์ด แล้วประเทศไทยไม่ใช้ มันก็จะลดทอนความน่าเชื่อถือของวัคซีนใช่ไหม
 
 นี่แหละคือที่มาที่ไปของการจองซื้อวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้า มีความพิเศษที่ไม่ได้จองซื้อจากบริษัทตรง ๆ ทั่วไป แต่เราได้เงื่อนไขของการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตด้วยตั้งแต่ต้นน้ำ"
 
จะเห็นว่าการพิจารณาใช้วัคซีนของแอสตราเซนนิกานั้น เมื่อเทียบกับการระบาดในประเทศ เมื่อปี 2563 ไม่ได้เรียกว่าชักช้าแต่ประการใด  
 
เพราะประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศที่มีการระบาดอยู่ในขั้นต่ำ แม้การระบาดระลอก ใหม่ ก็ไม่ได้เป็นการระบาดหนักหนาสาหัส ที่ต้องเร่งนำเข้าวัคซีน เร่งฉีด  
 
ซึ่งดูจะเป็นการเอาชีวิตประชาชนเข้ามาเสี่ยงโดยไม่จำเป็น  
 
ปัจจุบัน ได้มีการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจาก Sinovac แล้ว ซึ่งเป็นการคัดเลือก โดยเน้นไปที่ระยะเวลาได้รับเร็วที่สุด และวิธีการทำ ก็เป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีความปลอดภัยที่สุด  
 
มีเป้าหมายเพื่อระดมฉีดบุคลากรการแพทย์  
 
คุณธนาธร อาจมองว่า การจัดการวัคซีนของไทยนั้น มิได้รวดเร็วทันใจ แต่ในมุมของแพทย์แล้ว ในสถานการณ์ที่สามารถจัดการกับโรคระบาดได้ ก็ไม่สมควร  
 
ต้องเอาชีวิตคนไปเสี่ยงกับวัคซีนที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ถึงขั้นที่  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) พูดเรื่องวัคซีนว่า  
 
“หากมีผู้ที่ฉีดเยอะ ก็ทำให้เรามีข้อมูลมากขึ้น หรือเรียกว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม”  
 
หากพูดในอีกมุมหนึ่ง ต้องยอมรับว่า ประเทศที่กำลังตะลุยฉีดนั้น กำลังจะให้คำตอบกับประเทศที่เหลือว่า วัคซีนแบบไหนดีที่สุด แบบไหนควรเลือกใช้ และแบบไหนมี Side EFFECT อะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจ สำหรับประเทศ ที่ยังไม่ตะลุยซื้อ รวมถึงไทยด้วย  
 
ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ที่สถานการณ์ในไทยไม่รุนแรง และเปิดโอกาสให้ไทย ได้เลือกวัคซีนที่ดีที่สุด
 
นอกจากนั้นคุณธนาธร ยังกล่าวว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีความไม่น่าเชื่อถือเนื่องจากเป็นการทำธุรกิจที่ขาดทุน ทั้งนี้ ในเรื่องของความมั่นคงด้านการลงทุน บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าการลงทุนสะสมถึง 4.5 พันล้านบาท  
 
ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ตัวเลขขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้น มิได้บ่งบอกถึงศักยภาพในการผลิต เนื่องจากบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มีปณิทานการทำงาน เพื่อช่วยเหลือระบบสาธารณสุขไทย
 
บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มาจากพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระราชทานพระราชดำรัสเรื่องสุขภาพของประชาชน
 
 ด้วยทรงเห็นว่า ‘คน’ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาประเทศ สร้างความพอมี พอกิน และทรงให้ความสำคัญในการฟื้นฟูปัญหาสุขภาพของประชาชน เพื่อการพัฒนาประโยชน์สุขให้เกิดกับส่วนรวมและประเทศชาติ  
 
จึงมิได้เป็นบริษัทที่มุ่งหากำไรมาตั้งแต่ต้น  
 
แต่บริษัทนี้เอง ซึ่งเป็นบริษัท ที่ช่วยเหลือกระทรวงสาธารรสุข ในการผลิตน้ำยาตรวจเชื้อโควิด-19 ในวันที่ไทยพบการระบาดระลอกแรก ซึ่งทำให้ไทยมีน้ำยาตรวจเชื้อเพียงพอ ไม่ขัดสน เหมือนในต่างประเทศ ซึ่งการจำหน่ายของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์นั้น เป็นการคิดตามราคา “ต้นทุน” เท่านั้น  
 
ปัจจุบัน บริษัท ก็ไม่ได้ผลิตสินค้าใดทั้งนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตวัคซีน
 
รูปแบบการทำงานเช่นนี้ คงจะหากำไรได้ยาก แต่ก็แลกมาด้วยสุขภาพที่ดีขึ้นของคนไทย
 
จากนั้น มีคำถามจากนายธนาธร ว่าประเทศไทย สั่งจองวัคซีนน้อยกว่าความต้องการ ปัจจุบันนี้ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการสั่งจองวัคซีนประมาณ 30 ล้านโดส และกำลังสั่งจองเพิ่มเติมจนครบตามความต้องการของจำนวนประชากรทุกคน  
 
ถามว่าทำไม จึงไม่สั่งจองรวดเดียว เอาให้ครบ เนื่องจาก ไทยยังมีโอกาสเลือกวัคซีนที่ดีที่สุด จึงไม่จำเป็นต้องเทงบ เพื่อการจัดซื้อแบบรอบเดียวจบ
 
 และ 2 ความเป็นจริงแล้ว การฉีดวัคซีน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่นั้น ไม่จำเป็นต้องฉีดให้ครบทุกคน แต่ประชาชนต้องเคยติดเชื้อมีภูมิคุ้มกัน บวกกับฉีดวัคซีนรวมกันที่ 60% ของประชากรทั้งหมด ก็สามารถป้องกันโรคได้แล้ว
 
นี่คือปัจจัยว่าทำไมรัฐบาลจึงทยอยซื้อวัคซีน  
 
ทำไมต้องซื้อวัคซีนของแอสตราเซนนิกา  
 
และทำไมบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จึงขาดทุน
https://www.thairath.co.th/news/society/2009880
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_5763659
https://www.thaipost.net/main/detail/90269
https://www.bbc.com/thai/thailand-55672015
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8 %94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/137254
 
#Soundofthailnd
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 21:22:02
https://youtu.be/N9YViLkPR7c
 
ฟัง ผอ สถาบันวัคซีนพูดบ้างนะ
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 21:39:19
ตอบมาไม่ตรงคำถามเลย
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 22:32:50
สรุปข้อเท็จจริง ที่ ธนาธร “ไม่เข้าใจ”
 
คุณหมอยง ตอบเรื่องนี้ไว้ได้ดีมาก  
 
1. ในขณะนี้ตลาดของวัคซีนเป็นของผู้ขายไม่ใช่ผู้ซื้อ
 
2. ในการจองแต่ละครั้งต้องมีการวางมัดจำ และถ้าวัคซีนผลิตไม่สำเร็จเงินจำนวนนี้ก็จะไม่ได้คืนไม่เว้นแม้แต่กับบริษัท  Astra Zenecaทซึ่งไม่สามารถใช้เงินหลวงมัดจำได้
 
3. การให้วัคซีนในเด็กต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่สามารถที่จะให้ได้ ดังนั้นเมื่อตัดกลุ่มนี้ออกไปจะเป็นประชากรผู้ใหญ่เท่านั้นที่จะได้รับวัคซี น
 
4. การให้วัคซีนในปัจจุบันเป็นวิธีการเสริมจากการป้องกันที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเราทำได้ดีอยู่แล้ว การให้วัคซีนก็ไถึงกับต้องเร่งรีบมากจนเกินไป รอการศึกษาให้ได้วัคซีนที่ปลอดภัยดีกว่า
 
5. ในปีหน้าตลาดของวัคซีนจะเป็นของผู้ซื้อ เราสามารถที่จะเลือกซื้อได้ในตัวที่ดีที่สุด
และราคาถูกที่สุด ดังนั้นการประเมินที่ 26 ล้านโด๊สแรกมีความเหมาะสม ดีกว่าทุ่มเงินมัดจำไปทั้งหมด
 
6. สิ่งที่ได้อีกอย่างหนึ่งในการผลิตวัคซีนในประเทศไทย คือการส่งต่อเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเรื่อง เกี่ยวกับชีววัตถุซึ่งมีความสำคัญมากในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทที่พร้อม คือ บริษัทสยามไบโอไซน์และไบโอเนทเอเชีย
 
7. วัคซีนที่ออกมาใหม่เมื่อถามประชาชนว่าต้องการฉีดหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ในอเมริกามีคนที่ต้องการฉีดไม่ถึงครึ่ง
 
8. เนื่องจากกลัวภาวะแทรกซ้อนในการพัฒนาอย่างเร่งรีบ ประเทศไทยไม่ได้มีการระบาดอย่างรุนแรงอย่างในอเมริกา การตัดสินใจสายกลางจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
 
9. การให้วัคซีนเป็นจำนวนล้นล้นคนจะต้องใช้เวลา เป็นไปไม่ได้ที่จะฉีดได้วันละเป็นล้าน การบริหารวัคซีนต้องรอบคอบ คำนึกถึงหลายๆ ปัจจัย
 
#เราจะเชื่อนักการเมืองหรือหมอ
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/19/21 เวลา 22:44:19
ถ้ายังเชื่อในข้อมูลของคณะก้าวหน้า  ฝากไปบอกให้ สส ก้าวไกลเอาไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา  ถ้ายังเก่งพูดฝ่ายเดียวนอกสภาแบบนี้ คงต้องถูกฟ้อง
 
https://youtu.be/Tkfiwbi6GEE
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 13:24:42
https://www.nationtv.tv/main/content/378813639/?qline=
 
ตอบทั้ง7ประเด็น ครบถ้วน
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 14:08:37
เรื่องนี้ยังไง  ชาวบ้านก็มองว่ารัฐบาลล้อกสเปค ให้บริษัทๆเดียวได้ผูกขาดการผลิตค่ะ  และรัฐก็แก้ตัวไม่ขึ้น
เมื่อวานนี้ทั้ง รมต.อนุทิน แบะ นายก ออกมาแถลงแบบอารมณ์เสียมาก
นึกภาพแล้วเหมือน เด็กที่ขี้โกงแต่โดนจับได้ เลยพาลโมโห
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 14:46:07
เวลาเราจะซื้อ บ้าน / รถ หรือของใดๆ ที่มูลค่ามันสูง คนเราก็จะใช้เวลาศึกษา หาข้อมูลก่อนจะตัดสินใจ ว่าจะเลือกซื้อบ้านจากโครงการไหน/ รถยี่ห้อใด รึเปล่าครับ
ซึ่ง คุณภาพ/ ราคา/ After Sale- Service รวมทั้ง พนักงานขาย ขาว สวย พูดจาดี ฯลฯ ก็จะเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณา
ถ้าจะให้เป็นธรรมคือ ต้องแบ่งงานให้ 3-4 บริษัทที่ผลิตวัคซีน บริษัทละเท่าๆกันอย่างนั้น เหรอครับ
อิ อิ อิ
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 14:48:27
วัคซีน Dose ละ 1,000 บาท คนไทย 70 ล้านคน ต้องฉีดกันคนละ  2 doses เป็นเงิน= 140,000 ล้านบาท
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 14:50:06
on 01/20/21 เวลา 14:46:07, Dr._Panya wrote:
เวลาเราจะซื้อ บ้าน / รถ หรือของใดๆ ที่มูลค่ามันสูง คนเราก็จะใช้เวลาศึกษา หาข้อมูลก่อนจะตัดสินใจ ว่าจะเลือกซื้อบ้านจากโครงการไหน/ รถยี่ห้อใด รึเปล่าครับ
ซึ่ง คุณภาพ/ ราคา/ After Sale- Service รวมทั้ง พนักงานขาย ขาว สวย พูดจาดี ฯลฯ ก็จะเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณา
ถ้าจะให้เป็นธรรมคือ ต้องแบ่งงานให้ 3-4 บริษัทที่ผลิตวัคซีน บริษัทละเท่าๆกันอย่างนั้น เหรอครับ
อิ อิ อิ

กระจายความเสี่ยงดีกว่านะ  เพราะสัญญามันต้องทำล่วงหน้าแล้วตอนนั้นก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าไหนจะผลิต วัคซีนสำเร็จและeffective  เกิดไปดีลไว้เจ้าเดียว แต่ดันเป็นเจ้าที่ทำวัคซีนออกมาห่วย  คนไทยก็ซวยรับกรรม ต้องใช้วัคซีนห่วยๆนะสิคะ
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 14:53:02
ประเทศอเมริกา มีประชากรประมาณ 330 ล้านคน เลือกฉีดกับบริษัท...
ประเทศอังกฤษ มีประชากรประมาณ 56 ล้านคน เลือกฉีดวัคซีนกับบริษัท...
ประเทศจีน มีประชากรประมาณ 1400 ล้านคน เลือกฉีดวัคซีนกับบริษัท...
 
ราคาวัคซีนก็ประมาณ 1,000 บาท (ของเหมือนกัน ราคาใกล้เคียงกันแหละ) ...ผูกขาดจัง อิ อิ อิ
 
 
 
ประเทศมหาอำนาจ ทั้งสามประเทศ ก็เลือกฉีดวัคซีนจากบริษัทที่มีฐานการผลิต หรือเป็นบริษัทของประเทศตัวเอง นั่นแหละครับ (ที่จะเป็นวัคซีนจากประเทศอื่น ก็คงจะเป็นส่วนน้อย เหมือนกันแหละครับ) อิ อิ อิ
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 15:05:32
ไลฟ์สด บิดเบือนข้อมูลหวังโจมตีสถาบัน โดนแจ้งความดำเนินคดี
 
ด่วน! แจ้งจับ 'ธนาธร' ผิด ม.112  
https://www.thaipost.net/main/detail/90442
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 15:19:04
ถ้ากระจายความเสี่ยง/ แบ่งเค้ก ให้ 3- 4 บริษัทฯ เท่าๆกัน
ก็เอาวัคซีนจากบริษัท...ที่ฉีดแล้วตายหลายคน (บริษัทอื่นๆ ฉีดแล้วยังไม่มีคนตาย แค่มี Reactions นิดหน่อย) ฉีดให้นักการเมืองทุกคน ละกัน อิ อิ อิ
จากคุณ: blitzs โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 15:47:06
 โรงงานยังสร้างไม่เสร็จเลยนิครับ  เผลอๆทำโรงงานมาได้ ทำการผลิตจริง ล็อตแรกๆเกิดติดปัญหา อะไรขึ้นมา ก็อาจช้าไปอีก 3-6 เดือน แต่ช้าๆก็อาจจะดี เพราะอาจคิดออกว่า มีวัคซีนไปก็เท่านั้น เปลี่ยนอะไรไม่ได้
   ฉีดได้เฉพาะ ผู้ใหญ่ เกิน 18  ปี  อ้าวแล้ว เด็กๆก็โดนปิดเรียนต่อไม่มีกำหนด  Huh  วัคซีนฉีดแล้วก็ติดเชื้อได้อยู่ดี แค่น่าจะลดความรุนแรงได้ กลายเป็นฉีดแล้ว ก็เป็นพาหะไม่มีอาการแพร่เชื้อต่อได้ ต้องใส่หน้ากาก เว้นระยะกันต่อ  
    โอ้ สรุปประเทศเรา ระบาดต่ำ ใส่หน้ากาก เว้นระยะ ก็ต่ำอยู่แล้ว แล้ววัคซีนมันจะช่วยอะไรให้ดีกว่านี้เนาะ หรือฉีดแล้วจะได้ไปบ่อนได้สะดวกขึ้นหน่อย  ไม่นับความกังวล ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนอีก
 
    ส่วนเรื่องการเมือง  ถ้าท่านทำงานกันจริงไม่ต้องหัวเสีย  เอาข้อมูลมาบอกประชาชน  ว่าเราได้โอกาศดีงามอย่างไรบ้างที่ aztra ใช้เราเป็นฐานผลิต  ประเด็นนั้นคือสิ่งที่ประชาชนอยากฟังและสร้างความมั่นใจ ไม่ใช่ ทำท่าใส่อารมณ์ แล้วก็ขู่จะฟ้องอย่างเดียว  แบบนั้นมันดูไม่น่าเชื่อถือ ไม่มืออาชีพ
จากคุณ: leuheang โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 16:39:29
on 01/20/21 เวลา 14:08:37, Pandermonium wrote:
เรื่องนี้ยังไง  ชาวบ้านก็มองว่ารัฐบาลล้อกสเปค ให้บริษัทๆเดียวได้ผูกขาดการผลิตค่ะ  และรัฐก็แก้ตัวไม่ขึ้น
เมื่อวานนี้ทั้ง รมต.อนุทิน แบะ นายก ออกมาแถลงแบบอารมณ์เสียมาก
นึกภาพแล้วเหมือน เด็กที่ขี้โกงแต่โดนจับได้ เลยพาลโมโห

 
เอาจริงๆ นะ
รัฐก็ทำอาจอะไรผิดบ้าง  
ผมว่ามันก็อาจมีจุดที่ผิดบ้างได้จริงๆ
 
แต่ในทางกลับกัน  
ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมารัฐก็แสดงให้เห็นว่า  
เรายังไม่เคยต้องประสบกับวิกฤต ประเภท ICU เต็ม
หรือ หมอต้องเลือกว่าใครจะได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ คนไหนจะต้องปล่อยตาย
 
บางคนอาจจะบอกว่าเรา บังเอิญ โชคดี เลยรอด
แต่ถ้าเปรียบ วิกฤต ครั้่งนี้เป็นการสอบ ก็ต้องถือว่ารัฐสอบผ่าน
(ถึงแม้ว่าบางคนอาจ ค่อนขอดว่า สอบผ่านเพราะดวง)
 
ผมว่า รัก พรรคไหน ชอบ พรรคไหน ก็ไปเลือกตั้ง  
เลือกเขาเข้ามาทำงาน อันนี้ไม่ผิด
แต่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน
บ้านกำลังไฟไหม้  
 
ใครมีหน้าที่อะไรทำหน้าที่นั้นให้ดีๆ  
อย่าเตะตัดขากันเอง
อย่าสร้างความระส่ำระสาย
 
พวกเราจะได้มีชีวิตรอด
อยุ่จนเลือกตั้งครั้งหน้าโดยสวัสดิภาพ ครับผม
จากคุณ: Dr.Dolittle โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 16:43:09
หลายคำถามของธนาธร มีคำตอบ และข้อเท็จจริงอ้างอิงไว้แล้ว
จะเห็นว่าพอจบ live จึงมีผู้เกี่ยวข้องโพสต์ข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ กันโดยละเอียด
 
คุณธนาธร ควรจะเข้าใจด้วย ในการทำธุรกิจกับคู่ค้า(ระหว่างนิติบุคคล เอกชนด้วยกัน) ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดสู่สาธารณะ เพราะจะมีผลต่อ vender และ supplier ที่ร่วมธุรกิจด้วย ซึ่งธนาธรก็ทำธุรกิจ น่าจะเข้าใจดีในส่วนนี้
 
หน้าที่ของนักการเมือง ควรจะตรวจสอบการใช้เงินภาษีของรัฐว่า คุ้มค่าหรือไม่
Oxford เลือกทำสัญญากับ AstraZeneca เพราะ non profit แล้วทางบริษัททำตามสัญญา และขายวัคซีนให้กับไทย รวมถึงประเทศอื่นด้วยราคาต้นทุนจริงหรือไม่ (ตอนนี้ยังไม่ได้จำหน่าย)
สัญญาจัดซื้อจัดจ้างจัดหาของรัฐ ที่จัดซื้อวัคซีนจากแหล่งต่างๆ มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ถูกหรือแพงประการใด
 
อยากฟังเรื่องจับผิดรัฐบาล มากกว่าเรื่อง ใครถือหุ้นสยามไบโอไซเอนซ์
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/20/21 เวลา 19:42:02
https://www.kaohoon.com/content/417081
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 01/21/21 เวลา 11:06:59
ล็อคเสปก ไม่มีเปิดประมูล  ไม่ผิด กม เหรอค่ะ เวลาจ้างเอกชน ทำงาน
บอกว่าวิกฤตแต่รอวัคซีนเป็นปีไม่ซื้อมา  ที่ซื้อมาก็ข้อมูลไม่ครบเหมือนเอาคนไทยมาเป็นเฟส III  
    รัฐบาลทำเพื่อประชาชนหรือพวกพ้องกันแน่  ทำอะไร อาศัยแต่อำนาจพิเศษไม่โปร่งใส ผลงานบริหารก็เจ้าขั้นเลวร้าย  ใช้ 112 จับคุกคน40 -50ปี  
   มีใครจะแก้ตัวอีกไหม
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/21/21 เวลา 16:26:02
AZ , oxford เป็นผู้เลือก บ.สยามไบโอฯ  รัฐบาลแค่สนับสนุน
 
-เปิดคำสัมภาษณ์ผู้บริหาร AstraZeneca ว่าทำไมวัคซีนจาก Oxford ถึงห้ามขายทำกำไร-
และในอาเซียน บริษัทที่เข้าเงื่อนไขการผลิตวัคซีนโดยไม่ประสงค์ต่อกำไรมีเพียงบริษัทเดียว คือ "สยามไบโอไซเอนซ์" ของประเทศไทย
.
บทความแปลจาก Reporter Journey นี้ เป็นการคัดบางส่วนจากบทความต้นฉบับของ BBC (ประเทศอังกฤษ) โดยบทความดังกล่าวที่หยิบยกมาชื่อว่า “Oxford-AstraZeneca vaccine: Bogus reports, accidental finds – the story of the jab.” ที่เล่าถึงกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันแรก ผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนจริง ๆ การเผชิญหน้ากับปัญหาและความยากลำบากจริง ๆ รวมทั้งการทดสอบวัคซีนกับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเขียนไว้อย่างละเอียด
.
ซึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในบทความนี้คือ คำพูดของทาง Sir Mene Pangalos รองประธานบริหารของ AstraZeneca หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 รายใหญ่ของโลก ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC อังกฤษ ถึงข้อตกลงในการผลิตวัคซีนที่คิดค้นและวิจัยโดย Oxford มหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในความหวังของการมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
.
สำหรับเส้นทางการทดสอบวัคซีนของ Oxford นั้นจากเดิมที่มีการวิจัยและทดสอบกันในโรงงานของสถาบันฯ ซึ่งมีขนาดที่เล็กมากและกำลังการผลิตน้อย จึงไม่สามารถรองรับความต้องการได้ ทีมวิจัยจึงตัดสินใจที่จะจ้างการผลิตบางส่วนไปยังอิตาลี แต่เมื่อตัวอย่างวัคซีนชุดแรกพร้อมจะผลิตก็เกิดปัญหาขึ้น จากการปิดตายการเดินทางทั่วยุโรป นั่นหมายความว่าไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ใดที่จะขนส่งไปกรุงโรม ประเทศอิตาลีได้
.
ในที่สุดทีมวิจัยจึงต้องเช่าเหมาเครื่องบินเพื่อนำวัคซีน 500 โดสไปผลิต เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะได้รับวัคซีนนี้ทันเวลา ซึ่งนี่เป็นส่วนที่สำคัญมากของเรื่องราวการเริ่มต้นขยายปริมาณวัคซีนให้มากข ึ้นในหลายเดือนให้หลังจากนั้น โดยผู้ผลิตชาวอิตาลีใช้เทคนิคที่แตกต่างกันใน Oxford เพื่อตรวจสอบความเข้มข้นของวัคซีนว่า มีอนุภาคไวรัสจำนวนเท่าใดเจือปนอยู่ในแต่ละครั้ง เมื่อนักวิทยาศาสตร์ของ Oxford ใช้วิธีการของพวกเขาปรากฏว่า วัคซีนของอิตาลีมีความเข้มข้นขึ้น 2 เท่า!!
.
ทั้งนี้มีการพูดคุยไปยังหน่วยงานกำกับดูแลทางการแพทย์ เป็นที่ตกลงกันว่าอาสาสมัครควรได้รับวัคซีนเพียงครึ่งเดียวโดยพิจารณาว่า นี่เป็นเรื่องของความปลอดภัยต่อผู้ทดสอบ และการให้น้อยลงคงปลอดภัยมากกว่าที่จะให้โดสเข้มข้นมากเกินไป แต่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์นักวิทยาศาสตร์ก็ตระหนักว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น อาสาสมัครไม่ได้รับผลข้างเคียงตามปกติ เช่น เจ็บแขนหรือมีไข้ อาสาสมัครประมาณ 1,300 คนได้รับวัคซีนเพียงครึ่งเดียวแทนที่จะเต็ม 1 เข็ม หน่วยงานกำกับดูแลอิสระกล่าวว่าการทดลองควรดำเนินต่อไปและกลุ่ม Half-Dose สามารถอยู่ในเคสการศึกษาได้
.
ในตอนนั้นทีมวิจัยของ Oxford ยอมกัดฟันเมื่อมีข้อเสนอแนะว่าการให้วัคซีนในสูตรของ Oxford อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเข้มข้น แต่มันได้รับการพิสูจน์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าว่า พวกเขาคือกลุ่มดาวเด่นในแง่ของประสิทธิภาพของวัคซีน
.
ตั้งแต่เริ่มต้นทีมงานของ Oxford มีเป้าหมายในการสร้างวัคซีนที่สามารถช่วยโลกได้ ดังนั้นพวกเขาต้องการปริมาณหลายพันล้านโดสซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทผู้ผลิตในระ ดับอุตสาหกรรมเท่านั้นที่สามารถทำได้ ทำให้ Sir Mene Pangalos รองประธานบริหารของ AstraZeneca ยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ในเคมบริดจ์ แนะนำว่าบริษัทสามารถช่วยให้ความต้องการของ Oxford เป็นจริงได้
.
แต่ Oxford ก็มีเงื่อนไขอยู่ว่า “วัคซีนควรมีราคาไม่แพง” ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีผลกำไรสำหรับบริษัทยา กล่าวคือ “บริษัทยาที่จะผลิตวัคซีนของ Oxford ห้ามกระทำการค้าที่ก่อให้เกิดผลกำไร”
.
“เพราะจุดประสงค์หลักของวัคซีนสูตร Oxford ก็เพื่อช่วยคนทั่วโลก ไม่ใช่ช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับนายทุน”
.
หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นพวกเขาบรรลุข้อตกลงเมื่อปลายเดือนเมษายนปี 2563 ว่า วัคซีนนี้จะจัดให้โดยไม่หวังผลกำไรทั่วโลก เพราะเอาเข้าจริงแล้วในช่วงเวลาของการระบาดแบบนี้ วัคซีนหรือยามักจะมีราคาแพงสำหรับประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ดังนั้นเพื่อการกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันจึงต้องไม่มีผลกำไรมาเกี่ยวข้ อง
.
โดยบริษัทที่เข้าเงื่อนไขการผลิตวัคซีนโดยไม่ประสงค์ต่อกำไรคือ “สยามไบโอไซเอนซ์” ของประเทศไทย และถูกกำหนดให้เป็นบริษัทเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเป็นศูน ย์กลางการผลิตวัคซีนสูตร Oxford กระจายไปทั่วทั้งย่านนี้
.
ที่สำคัญที่สุด AstraZeneca ตกลงที่จะรับความเสี่ยงทางการเงินแม้ว่าวัคซีนจะไม่ได้ผลก็ตาม
.
ในเดือนพฤษภาคม 2563 ด้วยความเชื่อมั่นอย่างมาก รัฐบาลสหราชอาณาจักรตกลงที่จะซื้อวัคซีน 100 ล้านโดสและให้การสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนอีกเกือบ 90 ล้านปอนด์
.
ในช่วงต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา ระดับการติดเชื้อโคโรนาไวรัสลดลงในสหราชอาณาจักร แม้ว่านี่จะเป็นข่าวดี แต่ก็ทำให้การใช้ชีวิตยากขึ้นสำหรับการทดลองซึ่งต้องอาศัยอาสาสมัครที่สัมผั สกับไวรัส เพื่อที่จะทราบว่าวัคซีนจะป้องกันพวกเขาได้หรือไม่ ดังนั้นวัคซีนจึงต้องลองส่งไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างในประเทศอื่น ๆ ด้วยเพื่อดูว่ามันทำงานอย่างไรในประเทศที่มีลักษณะประชากรที่แตกต่างกัน
.
และแล้วการทดสอบก็ได้เริ่มขึ้นในแอฟริกาใต้ และบราซิลซึ่งในไม่ช้ากลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา
.
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ผลการวิจัยเบื้องต้นได้รับการเผยแพร่ซึ่งแสดงให้เห็นว่า วัคซีนจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของอาสาสมัคร 1,000 คนแรกหรือไม่ ตอนนั้นทีมงานรู้สึกกดดัน
Prof Katie Ewer ผู้เป็นหัวหน้าทีมทดสอบกล่าวว่า “ฉันทำงานเกี่ยวกับวัคซีนมานานพอที่จะรู้ว่าวัคซีนส่วนใหญ่ที่ผลิตกันมาจากท ี่ต่าง ๆ ใช้ไม่ได้ผล และมันเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดในโลกที่มีความคาดหวังสูงเช่นนี้แล้วก ็ไม่เห็นอะไรเลย”
.
ข่าวดี วัคซีนของ Oxford – AstraZeneca ดูเหมือนจะปลอดภัย และได้กระตุ้นการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกันแบบที่พวกเขาหวังไว้ มันผลิตแอนติบอดีที่ต่อต้านไวรัสและเซลล์ T ซึ่งสามารถฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อได้ แต่ข้อมูลยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ เพราะก่อนหน้านี้ทีม Oxford หวังว่าจะผลิตวัคซีนที่สามารถส่งมอบได้ในครั้งเดียวดังนั้นจึงมีวัคซีนเพิ่ม ขึ้นอีกรอบ
.
อย่างไรก็ตามผู้เข้าร่วมทดสอบ 10 คนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส แสดงให้เห็นว่ามีการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นมาก ดังนั้นอาสาสมัครทุกคนจึงได้รับเชิญให้กลับมารับวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มโ อกาสในการป้องกัน ซึ่งแม้ว่าผลลัพธ์ในช่วงแรกเหล่านี้จะมีแนวโน้มที่ดี แต่ในขั้นตอนนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าวัคซีนสามารถป้องกันโควิด -19 ได้จริงหรือไม่
.
อย่างไรก็ตามในบทความยังกล่าวถึงการทดลองวัคซีนจากบริษัทอื่นว่า ในเดือนพฤศจิกายนมีการเผยแพร่ผลการทดลองวัคซีนอีก 2 รายการ คือ Pfizer-BioNTech เป็นเจ้าแรก จากนั้นหนึ่งสัปดาห์ต่อมา Moderna ได้ประกาศว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพประมาณ 95% ทำให้ทีมงาน Oxford เริ่มมีกำลังใจ
.
ในที่สุดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน คณะกรรมการอิสระด้านความปลอดภัยของข้อมูลก็พร้อมที่จะเปิดเผยผลการวิจัยของ Oxford-AstraZeneca แต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าประหลาดใจและซับซ้อนกว่าที่คาดไว้
.
ในขณะที่ Pfizer-BioNTech และ Moderna มีตัวเลขประสิทธิภาพที่สูงมาก ส่วน Oxford ได้ตัวเลขผลลัพธ์
ว่าป้องกันได้โดยรวม 70%
โดยมาจากผู้ได้รับ 2 โดสเต็มสามารถป้องกันไวรัสได้ 62%
ในขณะที่ผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดคือในกลุ่มเล็ก ๆ ที่ได้รับยาครึ่งโดสครั้งแรก และเต็มโดสในเข็มที่ 2 จะมีภูมิคุ้มกันสูงสุด 90% แถมยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากการรับวัคซีนสูตร Oxford  
.
มันเรื่องที่น่าสนใจคือ เมื่อรับวัคซีนไป ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายค่อย ๆ ถูกสร้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ นอกจากนี้อาสาสมัครทั้งหมดในกลุ่มนี้อายุต่ำกว่า 55 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแรงของร่ายกายสูง
.
เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2563 ทีมวิจัย Oxford ได้เผยแพร่การวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองของพวกเขาในวารสารทางการแพทย์ Lancet ความโปร่งใสนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจได้ว่า แม้ประสิทธิภาพของวัคซีนต่อการฉีด 1 เข็มจะน้อยกว่าของ Pfizer-BioNTech เล็กน้อย แต่ความปลอดภัย และอาการแพ้ที่รุนแรงไม่มีปรากฏเหมือนกับวัคซีนของบริษัทอื่น
.
อีกทั้ง Oxford-AstraZeneca ก็มีข้อได้เปรียบที่สำคัญคือขวดของมันสามารถเก็บและขนส่งได้ที่อุณหภูมิตู้เ ย็นปกติ ในขณะที่ Pfizer-BioNTech ต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส ซึ่งมีต้นทุนตู้แช่และการขนส่งที่สูง ทำให้วัคซีนจะมีราคาสูงตามไปด้วย
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://reporter-journey.com/2021/01/19/เปิดคำสัมภาษณ์ผู้บริหา/?fbclid=I wAR33X4S1s3d1IZ4qYGvqSYpHphpqcVMYo19AcAWoyh9inZM7hb0wV6rHga4
 
https://www.bbc.com/news/health-55308216
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook :  https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
จากคุณ: leuheang โพสเมื่อวันที่: 01/22/21 เวลา 08:54:21
ผมว่า จากประเดิ็นการแพทย์ ตอนนี้กระทู้ที่ได้กลายเป็น ประเด็นความเห็นต่างทางการเมืองไปแล้ว
 
ถ้าเป็นไปได้  
เรียนฝาก admin ย้ายกระทู้ไปห้อง Hot zone ก็น่าจะดีนะครับ ^ ^
จากคุณ: only2b โพสเมื่อวันที่: 01/22/21 เวลา 08:59:32
ราคาวัคซีนแพงกว่าปกติ แต่ก็ไม่ใช่จากการทุจริตก็ได้ จำได้ครั้งหนึ่งคนไทยแย่งประมูลซื้อสิทธ์การถ่ายทอดพรีเมียร์ลืกด้วยราคาที่ โลกตะลึงมาแล้ว กรณีสร้างโรงงานรับจ้างผลิตมีข้อดีที่คนไทยได้ประโยชน์จนลืมหรือไม่กล้วข้อก ล่าวหาการทุจริต
 
อยากจะสรุปซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ว่าเหตุผลที่คนนั้นมาปะติดปะต่อเรื่องรา คาวัคซีนกับการที่สยามไบโอได้รับการอุดหนุนและได้เป็นผู็รับจ้างผลิตวัคซีน เขาสามารถคิดเอาไปเกี่ยวพันถึงปมในใจเขาต่อสถาบัน เป็นวิธีคิดเกินปกติของมนุษย์ธรรมดา ซึ่งเขาแสดงออกมาหลายครั้ง หลายวิธีการแล้ว กระทำอย่างมั่นใจว่าเขาถูกและเป็นคนดี ทำถูกต้องแล้ว ในอนาคตน่าจะมีอะไรที่ออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 01/23/21 เวลา 08:01:28
สรุปว่าจ้างเอกชนเป็นoutsouceทำวัคซีน ทำไม ไม่ทำแบบเปิดประมูลใช้ กม ปกติอะค่ะ คือ ฮั่วประมูลล็อคสเปค อันนี้รึเปล่าที่สงสัย เอื้ประโยชน์ให้บริษัทเดียว เป็นการแข่งขันที่ผูกขาดทางการค้า อันนี้มองอีกมุมนะคะ ตาม กม นั่นแหละ  อบากให้ประเทศไทยไม่สองมาตรฐานจัง
จากคุณ: White_mask โพสเมื่อวันที่: 01/23/21 เวลา 17:28:30
on 01/23/21 เวลา 08:01:28, jumpoo wrote:
สรุปว่าจ้างเอกชนเป็นoutsouceทำวัคซีน ทำไม ไม่ทำแบบเปิดประมูลใช้ กม ปกติอะค่ะ คือ ฮั่วประมูลล็อคสเปค อันนี้รึเปล่าที่สงสัย เอื้ประโยชน์ให้บริษัทเดียว เป็นการแข่งขันที่ผูกขาดทางการค้า อันนี้มองอีกมุมนะคะ ตาม กม นั่นแหละ  อบากให้ประเทศไทยไม่สองมาตรฐานจัง

 
จะซื้อวัคซีนโควิด วัคซีนใหม่ที่เป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก ไม่ใช่ซื้อยาสามัญทั่วไป ถึงจะมาเรียกหา กม.ปกติ
ช่วยอ่านข้อมูลจาก อ.หมอยง ให้ละเอียดนะ โดยเฉพาะ 5 ย่อหน้าแรก
 
"ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ" ราชบัณฑิต หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ท่านบอกว่า.....
.
                "เนื่องจากมีคนออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับวัคซีนโดยมีความเข้าใจที่ผิดพลาดหลาย ประการ
.
                ในฐานะนักวิชาการด้านไวรัสวิทยาและวัคซีน มีความจำเป็นที่ต้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนและสังคมเข้าใจให้ถูกต้อง"
.
  ขณะนี้ตลาดของวัคซีนเป็นของผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ซื้อ วัคซีนที่จะผลิตออกมามีความขาดแคลนอย่างมาก
.
            ในระยะแรก ไม่มีหลักประกันใดเลย ที่จะบ่งบอกถึงว่าวัคซีนตัวไหนจะถึงเป้าหมาย จึงต้องมีการจองไว้ก่อน
.
            ประเทศที่ร่ำรวยก็อาจได้เปรียบ มีเงินจองวัคซีนที่จะคิดค้นและพัฒนาได้มากกว่าประเทศไทย
.
 ในการจองแต่ละครั้ง ต้องมีการวางมัดจำ และการวางมัดจำนี้ ถ้าวัคซีนผลิตไม่สำเร็จ เงินจำนวนนี้ ก็จะไม่ได้คืน
.
            แม้กระทั่งการวางมัดจำกับบริษัท Astra Zeneca ก็ไม่สามารถใช้เงินหลวงไปวางมัดจำได้
.
            จึงจำเป็นต้องใช้เงินของ "บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยฯ" ไปวางมัดจำ เพราะช่วงดังกล่าว ไม่มีหลักค้ำประกันได้เลย ว่าจะได้วัคซีนตัวไหน?
.
 การให้วัคซีนในปีนี้ ในเด็กต่ำกว่า ๑๘ ปี ยังให้ไม่ได้ เพราะไม่มีการศึกษา เมื่อตัดกลุ่มเด็กออกไป ก็จะเป็นกลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้น ที่จะได้รับวัคซีน
.
            ถึงแม้ประเทศจีน ผลิตวัคซีนเป็นจำนวนมาก จีนเองยังไม่คิดที่จะให้ถึง ๕๐ หรือ ๖๐% ของประชากร
.
  เพราะการให้วัคซีนปัจจุบัน เป็นวิธีการเสริมจากการป้องกันที่มีอยู่แล้ว
.
            การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และกำหนดระยะห่าง ถ้าเราทำได้ดี การให้วัคซีนก็ไม่ถึงกับต้องเร่งรีบมากจนเกินไป รอการศึกษาให้ได้วัคซีนที่ปลอดภัยดีกว่า
.
 ในปีหน้า ตลาดวัคซีนจะเป็นของผู้ซื้อ มีการผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก เราก็สามารถที่จะเลือกซื้อได้ ในตัวที่ดีที่สุดและราคาถูกที่สุด
.
            ดังนั้น ผมเชื่อว่าการประเมินที่ ๒๖ ล้านโดสแรก น่าจะมีความเหมาะสม รอเวลาที่จะเลือกวัคซีนตัวดีที่สุด/ราคาเหมาะสม เข้ามาเสริมในระยะสุดท้าย
.
            ดีกว่าที่จะทุ่มเงินมัดจำไปทั้งหมด แล้วในที่สุด ก็ไม่สามารถจะเลือกชนิดวัคซีนได้
.
            โดยจะเสียเงินมัดจำไปเปล่าประโยชน์ วัคซีนตัวแรกที่ออกมา ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นวัคซีนที่ดีที่สุด
.
 สิ่งที่ได้อีกอย่างในการผลิตวัคซีนในประเทศไทย คือ การส่งต่อเทคโนโลยีต่างๆ (Transfer of technology) ในด้านการผลิตเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับชีววัตถุ ซึ่งมีความสำคัญมากในอนาคต
.
            ขณะนี้ บริษัทใหญ่ที่ทำได้ในประเทศไทย ก็หนีไม่พ้น "บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ฯ" และ "ไบโอเนทเอเชีย" ที่จะเป็นบริษัทเชิดหน้าชูตาของไทยได้เท่านั้น บริษัทอื่น ยังไม่มีศักยภาพเพียงพอ
.
 วัคซีนที่ออกมาใหม่ เมื่อถามประชาชนว่า ต้องการฉีดหรือไม่ ยกตัวอย่างประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกามีคนที่ต้องการฉีดไม่ถึงครึ่ง  เนื่องจากกลัวภาวะแทรกซ้อนในการพัฒนาอย่างเร่งรีบ ประเทศไทยไม่ได้มีการระบาดรุนแรงอย่างในอเมริกาด้วยซ้ำ การตัดสินใจสายกลาง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ดีกว่าที่จะไปผูกมัดจนเกินไป
.
 การให้วัคซีนเป็นจำนวนล้านล้านคน จะต้องใช้เวลานาน เป็นไปไม่ได้ที่จะฉีดวันละเป็นล้าน
.
            การบริหารวัคซีนต้องรอบคอบ ตั้งแต่โลจิสติกส์จนถึงการลงทะเบียนทุกอย่าง เร่งไม่ได้ และไม่สามารถบังคับว่าทุกคนต้องฉีด
.
            ถ้าเราเลือกวัคซีนไม่ดี แล้วไม่มีคนฉีด ความสูญเสียจะมากมายจากเงินลงทุนไปโดยเปล่าประโยชน์
.
            สิ่งที่ประเทศไทยเราทำอยู่ในขณะนี้ มีความเหมาะสม พอเพียง พอดี บนพื้นฐานของความประมาณตน
.
            โดยใช้ความรู้ และพึ่งพาตนเองได้ ตามรอยพระราชดำริ" ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
.
            "ขอฝากให้คนไทยทุกคน แสวงหาความรู้ อย่าเชื่อข่าวลือ หรือข่าวที่ไม่เป็นจริง
.
            ระมัดระวังดูแลรักษาสุขภาพของตนให้ดี ใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกู ล้างมือ รักษาระยะห่างทางกายภาพ แล้วเราจะผ่านวิกฤติมหาโรคระบาดไปด้วยกัน”
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/24/21 เวลา 09:38:08
คนที่ไม่ชอบสถาบันเบื้องสูง/ รัฐบาลลุงตู่+ ไม่เห็นด้วยกับหลักการซื้อวัคซีนแบบนี้+ อยากจะได้รับวัคซีนที่คิดว่าคุณภาพดีกว่ายี่ห้อนี้+ ไม่ลำบากเรื่องเงินทอง (เข็มละประมาณ 1 พันบาท/ ต้องฉีดคนละ 2 เข็ม)+ อยากจะช่วยชาติประหยัดเงิน ฯลฯ ก็อาจจะเลือกปฏิเสธวัคซีนฟรี แล้วฉีดวัคซีนยี่ห้อที่ตัวเองเลือกเองครับ
 
เหมือน หากเกลียดรัฐบาลชุดไหนๆ ที่สร้างทางถนนเส้นนี้ๆ/ สนามบินนี้ๆ ท่านก็ควรจะขับรถอ้อมไป/ ไม่ขึ้นเครื่องบินที่สนามบินแห่งนี้...เป็นต้นครับ อิ อิ อิ
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 01/24/21 เวลา 19:23:46
ถึงบอกว่ามันเหมือนล็อคสเป็คไง ไม่ใช่ยาสามัญแต่มีทางเลือดมี่จะได่วัคซีนและบริษัทขายยาอีกหลายเจ้า เห้อค่ะ สรุปเหตุทั้งมวลไม่ได้ล็อคแต่มีเจ้าเดียวทั้งที่....อะค่ะ พม่าได้วัคซีนแล้ว  ถ้าไม่ใช่ลุง ต  แต่ทำแบบนี้ทัวลงอยู่ดี ว่าไหมค่ะ จะเรียกว่าใช้ กมพิเศษ อำนาจพิเศษเฉพาะ รบ ชุดนี้ได้รึเปล่า
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/27/21 เวลา 08:48:09
ช่างลวงโลก
 
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/27/21 เวลา 17:19:33
Covid- 19 ส่งผลลบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจ แก่ประชากรทั่วโลก อย่างรุนแรง
แต่ Polls นี่ มองแต่ด้านดี อิ อิ อิ
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/27/21 เวลา 19:58:28
Pollsขี้หมาค่ะ  ไม่น่าเชื่อถือเลย
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/28/21 เวลา 10:25:46
เดี๋ยวนี้ Polls จากค่ายนี้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือครับ อิ อิ อิ
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 01/29/21 เวลา 01:10:59
ได้ข่าวว่าวัคซีนของ.....เรียกว่าๆรดี พ่อ หลวง สถาบัน..จะๆด้ฉีดปีหน้าปี65จริงป่าวค่ะ แลเสจะเปิดประเทศดมื่อไหร่นิคะ
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/29/21 เวลา 09:13:21
on 01/29/21 เวลา 01:10:59, jumpoo wrote:
ได้ข่าวว่าวัคซีนของ.....เรียกว่าๆรดี พ่อ หลวง สถาบัน..จะๆด้ฉีดปีหน้าปี65จริงป่าวค่ะ แลเสจะเปิดประเทศดมื่อไหร่นิคะ

เปิดเมื่อไรก็ได้  อีตู่ อิหนู ไม่เดือดร้อน
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 01/29/21 เวลา 13:43:54
on 01/29/21 เวลา 01:10:59, jumpoo wrote:
ได้ข่าวว่าวัคซีนของ.....เรียกว่าๆรดี พ่อ หลวง สถาบัน..จะๆด้ฉีดปีหน้าปี65จริงป่าวค่ะ แลเสจะเปิดประเทศดมื่อไหร่นิคะ

 
 
อ่านแล้ว งงนิดๆ สงสัยเป็นภาษาวัยรุ่น (ที่คนรุ่นก่อนอย่างผมตามไม่ทัน)...แต่ถ้าไม่ใช่ภาษาวัยรุ่นอย่างวัยของตัวเ อง ก็น่าจะตรวจทาน คำสะกด/ ภาษาเขียน ให้ถูกต้องหรืออ่านแล้วเข้าใจโดยง่ายหน่อยนะครับ อิ อิ อิ
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 02/09/21 เวลา 18:33:40
...
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 02/09/21 เวลา 18:34:09
ดิชั้นเป็นคนหยาบคาย
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 02/13/21 เวลา 09:20:14
อิหยังวะ
 


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by