หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: ควรทำงานไปนานเท่าไร ถึงจะรู้ว่าตัวเองว่าควรย้ายที่ทำงานครับ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 16:02:18
ถ้าเป็นหมอทำงานใน รพ.แห่งหนึ่ง แล้วรู้สึกไม่ชอบระบบการทำงานขององค์กรตัวเอง
ควรทำงานไปนานเท่าไรถึงจะรู้ว่า มันถึงเวลาที่เราจะย้ายที่ทำงานแล้ว
 
ผมเคยดูกระทู้ตามที่ต่างๆ (ที่เป็นงานสายอื่นๆที่ไม่ใช่บุคคลากรทางการแพทย์)
เขาจะแนะนำว่าควรทนไปก่อนอย่างน้อย 1 ปี  เพราะถ้าย้ายงานบ่อย เวลาไปสมัครงานจะดูไม่ดี
บ้างก็แนะนำว่าระวังหนีเสือปะจระเข้นะ ไปที่ใหม่อาจแย่กว่าเก่า
สุดท้ายกลายเป็นที่เก่าก็กลับไม่ได้ ที่ใหม่ก็อยู่ไม่ไหว
 
แต่วงการสายงานอื่นๆเขามีหลายองค์กรให้เลือก ลาออกจากที่นึง ก็ไปสมัครบริษัทอื่นได้
แต่วงการแพทย์นั้นแคบ หมอๆเขามักจะรู้จักกัน โรงพยาบาลที่มีให้เลือกก็ไม่ได้เยอะเหมือนสายงานอื่นๆ แล้วถ้าเราลาออก/ย้ายไป 1-2 ที่แล้ว แล้วยังลาออกอีก กลัวจะไม่เหลือโรงพยาบาลให้ผมทำงานแล้ว เพราะผมก็ไม่อยากไปทำงานจังหวัดอื่น ยังอยากอยู่จังหวัดของตัวเอง
 
ผมเลือกอยู่ รพ.รัฐ คงไม่ลาออก แต่อาจจะย้ายงานแทนครับ
พี่ๆที่มีประสบการณ์ รบกวนช่วยแนะนำให้ผมหน่อยได้ไหมครับว่า...
 
1)ผมควรทำงานที่เดิมไปนานซักเท่าไร ถึงจะมั่นใจได้ว่าผมไม่เหมาะสมกับองค์กรนั้นๆ และสมควรหาโรงพยาบาลที่จะย้ายได้แล้ว
2)ควรทำงานอย่างน้อยกี่ปีก่อนลาออก/ย้ายที่ทำงาน ถึงจะไม่ดูเป็นคนไม่มีความอดทน
 
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ
จากคุณ: positive โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 16:28:27
ตอบ  
 
1.) นานแค่ไหนถึงจะรู้ว่าเราเหมาะ/ไม่เหมาะ : ถ้าคุณมาตั้งคำถามในกระทู้นี้ คิดว่าคุณคงมีเหตุผลพอสมควร และ คุณคงอยากย้ายแล้ว  แค่ไม่ถึงกับลาออก ลองพิจารณาว่า ประเด็นอะไรคือที่สุด ที่คุณไม่อยากเจอ เอาซัก 3 อย่าง แล้วถ้าที่ทำงานใหม่ที่คุณสนใจ เขาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้(ไม่มีปัญหาเหล่านั้นเลย หรือมีน้อยมาก) ซัก 2/3 ข้อ ก็น่าจะลองย้ายดูครับ อยากให้มองที่เหตุผลในการย้าย มากกว่าระยะเวลาที่เหมาะสมครับ  
 
2.) ทำงานสั้นแค่ไหนที่จะมองว่าเป็นปัญหาที่คน หรือ เป็นปัญหาที่ที่ทำงานเก่า : ผมมองที่เหตุผลครับ ถ้าเขาอธิบายได้  ผมก็เข้าใจได้ อยู่นานแค่ไหนจะเป็นเรื่องรองครับ  แต่ถ้าเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยๆอันนี้ ก็มองได้ว่าปัญหาอยู่ที่คน ไม่ใช่ที่ทำงานเก่า อีกอย่างถ้าผมเป็นผอ.ผมก็จะมองว่า แล้วองค์กรของผมจะแก้ปัญหาของคุณได้รึเปล่าด้วยครับ เพราะถ้าคุณอ้างเหตุอันผมก็แก้ไม่ได้ งั้นผมก็จะมองว่าคุณคงจะไม่เหมาะกับองค์กรผมเช่นกัน  
 
หวังว่าเป็นประโยชน์ครับ  Grin Grin Grin
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 18:59:11
ขอบคุณสำหรับคำตอบของทั้งสองท่านครับ
 
คือผมเข้าใจว่าที่ทำงานทุกที่ต่างก็มีปัญหา ไม่มีที่ไหนไม่มีปัญหา ที่ๆปัญหาน้อยข้อดีเยอะๆก็น่าจะมีคนเลือกจนไม่น่าว่างมาถึงผม
 
ถึงจะไปสืบว่าที่ทำงานใหม่ระบบดีกว่าที่เดิมไหม แต่ท้ายที่สุดเมื่อวันนึงได้มาทำงานที่นั่นจริงๆ ก็อาจเจอปัญหา กลัวจะกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้  
 
ปัญหาบางอย่างถ้าไม่ได้เข้าทำงานที่แห่งนั้นจริงๆ ก็อาจมองไม่ออก เพราะที่ๆผมทำงานอยู่ ผมเคย elective แล้วชอบมากเลยมาสมัคร
แต่พอเข้ามาทำงานจริงๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด  Cry
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 19:08:02
ถ้าเลือกได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แบบไหน ok กว่าครับ
 
หัวหน้า/เจ้านายดี แต่ระบบองค์กรไม่ดี (ปัญหาที่ระบบบางอย่างหัวหน้าก็ช่วยเราไม่ได้ แต่หัวหน้าเข้าใจและพร้อมจะช่วยเหลือเท่าที่เค้าพอจะช่วยได้)
 
 VS
 
หัวหน้า/เจ้านายไม่ดี แต่ระบบองค์กรดี (เช่น ระบบรับ consult รับ case ดี/แพทย์ต่างแผนกไม่เกี่ยงงาน เป็นต้น แต่หัวหน้าดูเหมือนไม่ชอบเรา เราอาจเข้ากับหัวหน้าไม่ได้)
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 19:11:41
เป็นinternHuh
จบเพิ่มพูนทักษะก็ต้องย้ายไป รพช.นะๆ
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 19:39:57
จบ board แล้วครับ หลังเรียนจบก็มาอยู่ รพ.รัฐ
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 19:56:03
อ่อ  จบบอรดแล้วดันหมดไฟ
คงหมดความท้าทายในชีวิตแล้ว
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 12/30/20 เวลา 21:11:09
ถ้าตจว.เปิดคลินิก ถ้ากทม.ก็รับรพ เอกชน หาภาระต้องผ่อนนู่นนี่นั่นเยอะๆ มันจะเหนื่อยจนลืมคิดเรื่องชอบไม่ชอบองค์กรรัฐไปเองล่ะครับ
จากคุณ: positive โพสเมื่อวันที่: 12/31/20 เวลา 09:02:20
on 12/30/20 เวลา 19:08:02, Your_doctor wrote:
ถ้าเลือกได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แบบไหน ok กว่าครับ
 
หัวหน้า/เจ้านายดี แต่ระบบองค์กรไม่ดี (ปัญหาที่ระบบบางอย่างหัวหน้าก็ช่วยเราไม่ได้ แต่หัวหน้าเข้าใจและพร้อมจะช่วยเหลือเท่าที่เค้าพอจะช่วยได้)
 
 VS
 
หัวหน้า/เจ้านายไม่ดี แต่ระบบองค์กรดี (เช่น ระบบรับ consult รับ case ดี/แพทย์ต่างแผนกไม่เกี่ยงงาน เป็นต้น แต่หัวหน้าดูเหมือนไม่ชอบเรา เราอาจเข้ากับหัวหน้าไม่ได้)

 
 
ถือว่าเป็น Choice ที่แย่พอๆกันครับ แต่ส่วนตัวผมถ้าจำต้องเลือก ผมจะเลือกระบบดี หัวหน้าแย่ เพราะระบบมันมีองค์ประกอบจากคนทั้งองค์กร แปลว่าภาพรวมที่ทำงานนั้นดี ส่วนปัญหาเรื่องหัวหน้า ก็ค่อยๆแก้ไปครับ  
โอกาสที่จะอยู่ได้ยาวอย่างมีความสุข น่าจะมากกว่าระบบไม่ดี หัวหน้าดี  
 
 
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 12/31/20 เวลา 11:01:08
ถ้าเราดีแต่ที่ทำงานห่วย ให้คิดว่าเค้าโชคดีที่มีคนดีๆอย่างเราอยู่
ถ้าเราไม่ดี ให้ไปบ่นที่อื่น
 
ถ้าเราทำงานหนักกว่าคนอื่น ทำประโยชน์มากกว่าคนอื่น  
อำนาจต่อรองของเราจะมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งช่วยคนอื่น ยิ่งเพิ่มบารมี อันนี้เป็นเท็คนิกของ Godfather
อยากได้อะไร ต้องลงทุนเยอะหน่อย
 
ประมาณ 2-3 ปี เราจะได้ทำเฉพาะสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ ไม่ทั้งหมด แค่บางส่วน แต่ทำให้เราอยู่ในที่เดิมได้ง่ายขึ้นเยอะ
 
ถ้ามีคนอาศัยประโยชน์จากแรงงานของเรา เราจะมีอำนาจต่อรองทันที
ถ้าหน้าที่ความรับผิดชอบต่อองค์กรของเรามากขึ้น นั่นคือโอกาสที่เราจะเปลี่ยนองค์กรให้ไปในทางที่ดีขึ้น
 
be the change you want to see in the world - คานธี
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 12/31/20 เวลา 13:32:18
on 12/31/20 เวลา 09:02:20, positive wrote:

 
 
ถือว่าเป็น Choice ที่แย่พอๆกันครับ แต่ส่วนตัวผมถ้าจำต้องเลือก ผมจะเลือกระบบดี หัวหน้าแย่ เพราะระบบมันมีองค์ประกอบจากคนทั้งองค์กร แปลว่าภาพรวมที่ทำงานนั้นดี ส่วนปัญหาเรื่องหัวหน้า ก็ค่อยๆแก้ไปครับ  
โอกาสที่จะอยู่ได้ยาวอย่างมีความสุข น่าจะมากกว่าระบบไม่ดี หัวหน้าดี  
 
 

 
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ
ตอนแรกผมคิดว่า หัวหน้าดี ระบบองค์กรไม่ดี น่าจะดูแย่น้อยกว่าอีกแบบ
แต่พออ่านความเห็นนี้ ก็ทำให้เห็นอีกมุมมองนึงที่น่าสนใจ Smiley
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 12/31/20 เวลา 13:37:22
on 12/31/20 เวลา 11:01:08, muji wrote:
ถ้าเราดีแต่ที่ทำงานห่วย ให้คิดว่าเค้าโชคดีที่มีคนดีๆอย่างเราอยู่
ถ้าเราไม่ดี ให้ไปบ่นที่อื่น
 
ถ้าเราทำงานหนักกว่าคนอื่น ทำประโยชน์มากกว่าคนอื่น  
อำนาจต่อรองของเราจะมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งช่วยคนอื่น ยิ่งเพิ่มบารมี อันนี้เป็นเท็คนิกของ Godfather
อยากได้อะไร ต้องลงทุนเยอะหน่อย
 
ประมาณ 2-3 ปี เราจะได้ทำเฉพาะสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ ไม่ทั้งหมด แค่บางส่วน แต่ทำให้เราอยู่ในที่เดิมได้ง่ายขึ้นเยอะ
 
ถ้ามีคนอาศัยประโยชน์จากแรงงานของเรา เราจะมีอำนาจต่อรองทันที
ถ้าหน้าที่ความรับผิดชอบต่อองค์กรของเรามากขึ้น นั่นคือโอกาสที่เราจะเปลี่ยนองค์กรให้ไปในทางที่ดีขึ้น
 
be the change you want to see in the world - คานธี

ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
ชอบคำคมนี้ เพียงแต่งานที่ผมทำ คนอื่นๆสามารถทำแทนผมได้ในระดับนึง  ดังนั้นอำนาจการต่อรองไม่มี แม้จะทำงานเยอะ อาจจะเยอะกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ
 
(ขออนุญาตไม่บอกว่าจบ board อะไร)
สมมติให้เห็นภาพง่ายๆ สมมติผมเป็น Gen med ตรวจ case เยอะมากๆๆๆๆ  ถ้าขาดผมไป หมอคนอื่นๆก็ยังพอจะทำงานแทนได้
และสามารถหาคนมาแทนผมได้ง่ายมาก อำนาจการต่อรองผมไม่มีเลยครับ
จากคุณ: Capucino19 โพสเมื่อวันที่: 12/31/20 เวลา 15:26:54
ของดิฉันเองก็เป็นอีกกรณี อยากทราบว่าเราเป็น int 3 ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาเรื่องที่ทำงานเลย พอไปเรียนต่อสาขาที่อยากเรียน รู้สึกไม่ชอบระบบ (ส่วนบุคคลก็มีบ้าง) จึงตัดสินใจออกมา โชคดีที่ได้ที่ทำงานที่เพื่อนร่วมงานค่อนข้างดี แต่ปีหน้าจะย้ายกลับไปอยู่รพช เดิม อยากเข้าเรียนต่อสาขาที่ใกล้เคียงเดิมจะพอมีโอกาสไหมคะ อยากทำงานต่ออีก 1-2 ปีก่อนไปเรียนต่อ
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ โพสเมื่อวันที่: 12/31/20 เวลา 22:17:06
ไม่มีที่ไหนไม่มีข้อเสียครับ อย่างที่ จขกท พูดเอง แต่ถ้าเราอยู่และยอมรับได้ก็ทำงานต่อได้
จากคุณ: Your_doctor โพสเมื่อวันที่: 01/01/21 เวลา 09:05:50
on 12/31/20 เวลา 22:17:06, น้ำเน่าในเงาจันทร์ wrote:
ไม่มีที่ไหนไม่มีข้อเสียครับ อย่างที่ จขกท พูดเอง แต่ถ้าเราอยู่และยอมรับได้ก็ทำงานต่อได้

นั่นแหละครับ เลยอยากรู้ระยะเวลาว่าควรทนข้อเสียของที่ๆตัวเองอยู่ไปซักกี่ปี ถึงจะรู้ว่าเราทนไม่ได้จริงๆแล้วย้าย(ซึ่งก็ไปเสี่ยงกับที่ใหม่ ที่ก็อาจมีข้อเสียที่เรายังไม่รู้อีก)  Cry
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ โพสเมื่อวันที่: 01/01/21 เวลา 12:12:58
on 01/01/21 เวลา 09:05:50, Your_doctor wrote:

นั่นแหละครับ เลยอยากรู้ระยะเวลาว่าควรทนข้อเสียของที่ๆตัวเองอยู่ไปซักกี่ปี ถึงจะรู้ว่าเราทนไม่ได้จริงๆแล้วย้าย(ซึ่งก็ไปเสี่ยงกับที่ใหม่ ที่ก็อาจมีข้อเสียที่เรายังไม่รู้อีก)  Cry

 
ผมไม่รู้เหมือนกันครับว่าระยะเวลาเท่าไหร่ แต่สำหรับผมจะหักลบข้อดีข้อเสียแล้วดูว่าโอเคไหม ผมรับได้ไหม ยกตัวอย่างของผมครับ
 
โรงพยาบาลที่ 1 สมัยทำงานเป็น gen med
ข้อดี
1 เงินดีมากๆ หมอน้อย ตัวหารก็น้อย มีเคสให้ตรวจเยอะมาก ไม่ค่อยแย่งเคสกัน แถมมีแต่คนไม่ค่อยอยากได้เคส เพราะส่วนใหญ่พี่ๆเค้ารวย ลูกโตหมดแล้ว ไม่ค่อยมีภาระอะไรแล้ว ส่วนใหญ่เค้าอยากตรวจสบายๆจิบชา จิบกาแฟไป รายได้เกินการันตีทุกเดือน
2 อยู่กันแบบพี่น้อง รู้จักกันหมด เพราะโรงพยาบาลเล็กๆ
3 มีความมั่นคงไม่โดนไล่ออกหรือเชิญออกแน่ๆถ้าไม่ไปทำผิดร้ายแรง ด้วยความเป็นโรงพยาบาลแบบธุรกิจครอบครัว
4 สวัสดิการดีมาก เบิกยาได้หมดของตัวเองและครอบครัว
ข้อเสีย
1 งานหนักมาก เคสIPDราวด์เยอะมาก OPDก็ตรวจเยอะมาก ICUตามดึกๆบ่อย อดหลับอดนอนบ่อย
2 มีคนให้consultน้อยๆ บางช่วงsubboardบางหน่วยไม่อยู่ ต้องholdเคสหนักๆไว้เอง จะมีความหนักใจ
3 ความที่เป็นธุรกิจครอบครัว โรงพยาบาลไม่อยากพัฒนาหรือลงทุนเพื่อยกระดับไปรักษาโรคที่ยากๆซับซ้อน อาจจะเป็นไปได้ว่าลงทุนไปอาจจะไม่คุ้มทุน  
4 อะไรก็ตรู เคสอะไรบางครั้งไม่ใช่ของเราแต่เพราะไม่มีหมอสาขานั้นอยู่ในโรงพยาบาล บางครั้งก็ต้องตรวจ เช่น head injury เดินล้มศีรษะกระแทกมาด้วยปวดศีรษะ เนื่องจากไม่มีneuro surgeonเป็นfulltime มีแต่part time จึงต้องตรวจๆไปก่อน แล้วค่อยโทรไปconsult
 
โรงพยาบาลที่1สาเหตุที่ลาออกคือ มีคนชวนไปเรียนsubboardเลยไปเรียนต่อ ให้อยู่ต่อก็อยู่ได้ถึงจะงานหนักแต่เงินดีๆก็แลกกันล่ะ
==================================
 
โรงพยาบาลที่2 ที่ทำงานปัจจุบัน หลังเรียนจบsubboard
ข้อดี
1 มีคนให้consultเกือบทุกsubboard แล้วมีคนทดแทนตลอดให้consultได้ทุกวัน แถมมารับconsultเร็วด้วย  
2 เนื่องจากpositionโรงพยาบาลคือsuper tertiary รักษาโรคซับซ้อนจึงมีการพัฒนาลงทุน เครื่องมือใหม่ๆได้เข้ามาเรื่อยๆ  
3 เคสหนักๆที่ต้องอยู่ICU มีหมอICUช่วยราวด์ ช่วยแบ่งเบาความหนักไปได้เยอะ กลางคืนโดนตามน้อยมากๆเพราะมีเวรICUและมีเวรwardอยู่แล้ว
4 ได้ตรวจเคสสาขาที่ตัวเองถนัด น้อยมากๆที่จะต้องไปช่วยตรวจนอกสาขาตัวเอง เพราะโรงพยาบาลมีsubเยอะมาก  
ข้อเสีย
1 รายได้ปานกลาง เกินการันตีบ้าง ไม่เกินบ้าง เนื่องจากมีหมอเยอะ ตัวหารก็เยอะ รายได้ต้องลดลงเป็นธรรมดา
2 เข้าไปอยู่เราอาจจะไม่ได้เป็นเบอร์ 1 ในสาขานั้น เนื่องจากมีคนเก่าอยู่แล้ว เคสที่ได้ตรวจอาจจะน้อยเพราะเราเป็นคนหลังๆ คนไข้มักจะrequestหมอเก่าๆที่มีชื่อเสียงอยู่ก่อนแล้ว
จากคุณ: Mr.Note โพสเมื่อวันที่: 01/01/21 เวลา 14:52:52
ถ้าจบที่ยังอยากอยู่ในจังหวัดก็คงต้องใช้ทนต่อไป
 
ห.งานมีปัญหาก็ปล่อยเค้าไป ทำงานส่วนของเรา
และงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย(ที่คิดว่าไม่เกินกำลังรึโดนเอาเปรียบ)
เรารับเงินเดือนจากส่วนกลางไม่ใช้เค้าครับ ยิ่งองค์กรณ์ไม่ได้คล้อยตามเค้าทั้งหมดยิ่งไม่ต้องอะไรมาก
หน.วันนึงอาจจะย้ายไปกิน ตน.ที่อื่น อาจจะearly รึอาจติดโควิดจนทำงานต่อไม่ได้ก็ได้ครับ
 
ผมเป็นเคสเดียวกับ จขกท. คือ ฟรีเทรน มา elecแล้วชอบใจ
สลับกันคือ หน.และบุคคลในหน่วยดี แต่ใน อกพ.มีปัญหาค่อนข้างเยอะ
 
การเป็นsubเดียวใน รพศ ก็ไม่ได้แปลว่าจะสำคัญครับ
เคสที่ผมทำได้คนเดียวทั้ง รพศ เคยมีปัญหาเรื่องส่วนเกินคนไข้ไม่สามารถจ่ายได้
ผมเคยไปติดต่อขอสังคมสงเคราะห์ให้คนไข้สุดท้ายคือไม่ได้
เบื้องบนบอกว่าทางออกต้องรีเฟอร์academicและไปตามจ่ายเค้า(จ่ายทั้งหมดในขณะ ที่ถ้าให้ผมทำ คือ รพ.จ่ายแค่ส่วนเกิน)
 
ตั้งแต่บัดนั้นจึงบรรลุเลยว่า ถึงจะเป็นคนเดียวใน รพศ
แต่ถ้าไม่มีผมเค้าก็อยู่กันได้ แค่รีเฟอร์ละก็รอคนใหม่ที่คอนโทรลได้ง่ายกว่าผมมาเท่านั้นเอง
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/01/21 เวลา 18:59:37
ทำไมชีวิตช่างลำบาก
จากคุณ: DrWinny โพสเมื่อวันที่: 01/03/21 เวลา 16:00:56
แนะนำ ใช้ทฤษฎี worst case cenario
จากคุณ: <<GOOD LIFE<< โพสเมื่อวันที่: 01/04/21 เวลา 11:37:02
แนะนำ หนังสือ The magic of Thinking BIG  
 
อ่านแล้วนำไปปรับใช้ครับ คุ้มค่ามาก
 
....
 
ทุกๆเรื่อง เกี่ยวเนื่องกับทัศนคติของเราเอง (การตีความ จากประสบการณ์เก่าๆของตัวเราเอง)
 
เพราะเรื่องเดียวกันนี้ บางคนเขากลับไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อ ร้อนใจด้วยซ้ำไป
 
ลองปรับวิธีคิดของเราดูครับ
 
ถ้าเรารู้สึกไม่โอเคกับหัวหน้า...เปลี่ยนมุมมอง และอีกอย่างหัวหน้าส่วนใหญ่มักแก่  อีกไม่นานก็เกษียณ
 
ฟ้าอาจส่งเขามา เพื่อช่วยให้เราได้ฝึกอะไรบางอย่างก็เป็นได้
 
....
 
ด้วย Mindset จากหนังสือ ผมทำงานจริงๆ แค่ 10 ปี เท่านั้น
 
-ทุกวันนี้ เหลือตรวจคนไข้ที่เป็นฐานแฟนอาทิตย์ละ 20 ชม. และมีรายได้ทางอื่นที่ไม่ต้องทำงาน รวมๆแล้วมากกว่าเดิม
 
-ตรวจเท่าที่อยากตรวจ
 
-สอนนศพ.และ intern เท่าที่อยากสอน ได้ค่าสอนมาก็บริจาคคืนหมด
 
-ได้นอนเต็มอิ่ม วันละ 8 ชั่วโมง
 
....
 
 
 
ถ้าเราไม่เปลี่ยนวิธีคิด...ถึงไปอยู่ที่ไหน ความคิดมันก็ติดไปครับ
 
#ขอเป็นกำลังใจให้ครับ  
 
#อย่าได้กังวล ทุกอย่างมีทางออกเสมอ
จากคุณ: Pandermonium โพสเมื่อวันที่: 01/04/21 เวลา 13:08:56
เบื่อหมอทวีศิลป และ ไอ้หนู
จากคุณ: MK ลุยงานอย่างเดียว โพสเมื่อวันที่: 01/08/21 เวลา 12:17:43
on 12/30/20 เวลา 16:02:18, Your_doctor wrote:
ถ้าเป็นหมอทำงานใน รพ.แห่งหนึ่ง แล้วรู้สึกไม่ชอบระบบการทำงานขององค์กรตัวเอง
ควรทำงานไปนานเท่าไรถึงจะรู้ว่า มันถึงเวลาที่เราจะย้ายที่ทำงานแล้ว
 
ผมเคยดูกระทู้ตามที่ต่างๆ (ที่เป็นงานสายอื่นๆที่ไม่ใช่บุคคลากรทางการแพทย์)
เขาจะแนะนำว่าควรทนไปก่อนอย่างน้อย 1 ปี  เพราะถ้าย้ายงานบ่อย เวลาไปสมัครงานจะดูไม่ดี
บ้างก็แนะนำว่าระวังหนีเสือปะจระเข้นะ ไปที่ใหม่อาจแย่กว่าเก่า
สุดท้ายกลายเป็นที่เก่าก็กลับไม่ได้ ที่ใหม่ก็อยู่ไม่ไหว
 
แต่วงการสายงานอื่นๆเขามีหลายองค์กรให้เลือก ลาออกจากที่นึง ก็ไปสมัครบริษัทอื่นได้
แต่วงการแพทย์นั้นแคบ หมอๆเขามักจะรู้จักกัน โรงพยาบาลที่มีให้เลือกก็ไม่ได้เยอะเหมือนสายงานอื่นๆ แล้วถ้าเราลาออก/ย้ายไป 1-2 ที่แล้ว แล้วยังลาออกอีก กลัวจะไม่เหลือโรงพยาบาลให้ผมทำงานแล้ว เพราะผมก็ไม่อยากไปทำงานจังหวัดอื่น ยังอยากอยู่จังหวัดของตัวเอง
 
ผมเลือกอยู่ รพ.รัฐ คงไม่ลาออก แต่อาจจะย้ายงานแทนครับ
พี่ๆที่มีประสบการณ์ รบกวนช่วยแนะนำให้ผมหน่อยได้ไหมครับว่า...
 
1)ผมควรทำงานที่เดิมไปนานซักเท่าไร ถึงจะมั่นใจได้ว่าผมไม่เหมาะสมกับองค์กรนั้นๆ และสมควรหาโรงพยาบาลที่จะย้ายได้แล้ว
2)ควรทำงานอย่างน้อยกี่ปีก่อนลาออก/ย้ายที่ทำงาน ถึงจะไม่ดูเป็นคนไม่มีความอดทน
 
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ

 
ขออนุญาตอบในมุมของผมนะครับ  
1. เมื่อไรตั้งคำถามแสดงว่าไม่สบายใจที่จะอยู่ที่เดิมแล้ว แต่ถามว่าควรย้ายไม๊อันนี้ต้องถามว่าสิ่งที่ไม่สบายใจคืออะไร แก้ไขได้ไม๊หรือผ่อนหนักผ่อนเบาได้รึเปล่า ถ้าไม่ได้คิดว่าที่ใหม่จะแก้ปัญหาอันนี้ได้ไม๊ และมีปัญหาใหม่ที่เรารับไม่ได้รึเปล่า อันนี้ต้องคิดดีๆนะครับต้องสืบดีๆ หรือถ้ามีเพื่อนหรือรุ่นที่พี่ที่สนิทกันที่ใหม่ก็อาจช่วยให้ปรับตัวได้ไม่ล ำบากมากนัก
2.กี่ปีก็ไม่อดทนทั้งนั้นแหละครับ ปัญหาคือทำไมต้องอดทนเพื่ออะไร ปัญหาอยู่ที่เราหรืออยู่ที่ระบบ ถ้าปัญหาอยู่ที่เราก็แก้ที่เรา ถ้าปัญหาอยู่ที่คนอื่นก็ต้องแก้ที่เรา (งงไม๊ครับ) คือแก้ที่เราว่าเราจะจัดการกับปัญหานั้นๆยังไง ผมชอบความเห็นพี่ muji มากๆครับ ว่าถ้าเราบริหารจัดการปัญหาได้ อยู่ไปนานๆอำนาจการต่อรองเราจะมากขึ้นเอง คนเราไม่มีใครอยุ่คำฟ้า อยากทำอะไรก็ทำครับ เรามัวแต่กลัวสุดท้ายเราก็จะมาเสียใจภายหลัง หรือถ้าเราทำแล้วผิดพลาดก็ถือเป็นบทเรียนที่ดีที่จะสอนเราว่าจะทำอะไรก็คิดห น้าคิดหลังดีๆ อนาคตไม่มีใครรู้ครับ แต่การทำปัจจุบันให้ดีย่อมการันตีอนาคตว่าดีที่สุดที่จะดีได้แล้วครับ Smiley
จากคุณ: DrWinny โพสเมื่อวันที่: 01/10/21 เวลา 12:28:13
ขอแทรกนิด...ด่วนนะ...่ช่วยแจ้งแพทยอื่นด้วย
 
--
แต่ที่แน่ๆๆ
 
หากแพทย์ไม่แก้ไข ด้วยที่แพทย์ส่วนใหญ่ ควรทำการลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา ก็อาจมีคะแนนผีอ้างเลขประกอบวิชาชีพของท่านไปใช้ได้
 
และมีเวลาเหลือน้อยมาก คือ  
 
เพียงอีก ๔ วันนี้เท่านั้น ที่พอทำได้คือการเลือก (ปิดรับลงคะแนน ๑๔ มค ๖๔ เวลา ๑๖.๓๐ น.)  
 
และเวลานี้ ทำได้เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียน e vote แล้วเท่านั้น
หากเป็นผู้มีบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีีย์  ต้องส่งทาง ปณ.เท่านั้น (ห้ามไปส่งที่สำนักงานแพทสภา แบบปีก่อนๆ )  ซึ่งอาจไปถึงเกินเวลาปิดรับ ก็จะกลายเป็นบัตรเสีย
 
ดังนั้นหากจะต้องส่งทาง ปณ.ให้ทันในเวลานี้  ควรส่งที่เคาเตอร์ ปณ.นนทบุรี อันเป็นที่ตั้งของ แพทยสภา ก็อาจจะพอทันนะ
จากคุณ: luzeus โพสเมื่อวันที่: 02/03/21 เวลา 19:07:55

จบบอร์ดมา 4 ปี  
 
ย้ายมา 4 รพ.  
 
ทุกรพ.มีปัญหา ไม่เรื่องคน ก็เรื่องงบ เรื่องของ ไม่ก็เรื่องระบบ  
 
ปิดหู ปิดตา ปิดปาก  เราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ เปลี่ยนโลกไม่ได้  
 
ช่างมัน  
 
เน้นอยุ่ใกล้บ้าน  
กลับบ้านนอนวันละ 8 ชม. แล้วตื่นเช้าไปออกกำลังกาย ทานอาหารดีดี  
 
สบายใจ  
 
 
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 02/03/21 เวลา 22:00:19
on 02/03/21 เวลา 19:07:55, luzeus wrote:

จบบอร์ดมา 4 ปี  
 
ย้ายมา 4 รพ.  
 
ทุกรพ.มีปัญหา ไม่เรื่องคน ก็เรื่องงบ เรื่องของ ไม่ก็เรื่องระบบ  
 
ปิดหู ปิดตา ปิดปาก  เราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ เปลี่ยนโลกไม่ได้  
 
ช่างมัน  
 
เน้นอยุ่ใกล้บ้าน  
กลับบ้านนอนวันละ 8 ชม. แล้วตื่นเช้าไปออกกำลังกาย ทานอาหารดีดี  
 
สบายใจ  
 
 

สรุป รพ.ในฝัน. นี่หายากสินะคะ


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by