Topic Summary
|
จากคุณ: xest |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 07:08:22 |
ออกตัวก่อนว่าผมรู้ราละเอียดคร่าวๆนะครับไม่ได้รู้ลึกเท่าไหร่ ตามที่ผมเข้าใจคือรพ.ที่รับปกส. จะได้เงินก้อนรายปีจากสนง.ปกส.แล้วเอามาบริหารเอาเองในระยะเวลา 1 ปี เงินที่เหลือก็คือเป็นกำไรเข้ารพ. ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ ทีนี้ผมได้ยินเพื่อนๆผมที่ทำงานเอกชนที่รับปกส.บ่นกันเยอะมาก เวลาที่จะส่ง investigate บางอย่างจะต้องขออนุมัติเช่นพวก CT ถ้าเป็นเคสที่ indication มันชัดเจนส่วนใหญ่จะได้รับการอนุมัติ แต่ถ้าเคสบางเคสที่มันก้ำกึ่งๆ ก็ลุ้นเอาว่าจะได้หรือไม่ได้ เช่น - sudden severe headache สงสัย subarachnoid --> ขออนุมัติส่ง CT บางเคสได้บางเคสไม่ได้ แล้วแต่ดวง ส่วนใหญ่จะตีกลับมาว่าถ้า neurosign ไม่มีอะไร ให้ treat ยาก่อนแล้วนัดมาดู แต่จากประสบการณ์ผมที่ทำงานใน ER 10 กว่าปี ไอ้เคสแบบนี้ คนไข้อายุน้อ ย ไม่มีโรคประจำตัว sudden headache + neurosigh normalผมส่ง CT เพื่อ R/O แล้วเจอ SAH มาแล้วก็หลายเคส - ปวดท้องมานานๆ สงสัย biliary colic จะส่ง ultrasound ดูพวก gallstone บางเคสก็ได้บางเคสก็ไม่ได้ ผมเลยสงสัยว่าต้นทุนในการทำ imaging พวกนี้แต่ละครั้งรพ.ต้องแบกรับต้นทุนอะไรไว้บ้างนอกจากค่าไฟ เลยอนุมัติกันยากจัง จะเรียกว่ารพ.จะเสียเงินก็ไม่ใช่ เพราะได้เงินก้อนรายหัวตามจำนวนผู้ประกันตนรายปีมาแล้ว สงสัยครับ ขอถามผู้รู้หน่อยนะครับ
|
จากคุณ: finches |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 08:19:44 |
ต้นทุนในการทำ investigation จะยกตัวอย่างกรณี CT นะครับ ประกอบด้วยสองส่วน ส่วนต้นทุนคงที่ Fix cost (ซื้อหรือเช่าเครื่องมา เป็นค่าเสื่อมกับค่าเช่า อันนี้กำหนดไว้คงที่ในแต่ละปี) กับ ส่วนต้นทุนแปรผัน Variable cost เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้งที่ใช้งาน กรณี Variable cost ก็เช่น ค่าไฟ ค่าแรงเจ้าหน้าที่ ค่าอ่านของหมอรังสี ค่ายาที่ใช้กับผู้ป่วยแต่ละครั้งที่ใช้งาน ใช้มากเสียมาก คิดว่าทางโรงพยาบาลคงต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนต้นทุนแปรผัน (Variable cost) นี่ล่ะครับเพราะเป็นส่วนที่จะเพิ่มขึ้นตามครั้งที่ใช้งาน ไม่ให้มากเกินไป ซึ่งก็ต้องไปดูเป้าหมายด้วยว่า มีเป้าในการทำกำไรเท่าไร ถ้าตั้งเป้าไว้สูงก็จะคุมเข้มหน่อยนั่นเอง
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 10:52:02 |
on 11/07/20 เวลา 07:08:22, xest wrote:ออกตัวก่อนว่าผมรู้ราละเอียดคร่าวๆนะครับไม่ได้รู้ลึกเท่าไหร่ ตามที่ผมเข้าใจคือรพ.ที่รับปกส. จะได้เงินก้อนรายปีจากสนง.ปกส.แล้วเอามาบริหารเอาเองในระยะเวลา 1 ปี เงินที่เหลือก็คือเป็นกำไรเข้ารพ. ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ ทีนี้ผมได้ยินเพื่อนๆผมที่ทำงานเอกชนที่รับปกส.บ่นกันเยอะมาก เวลาที่จะส่ง investigate บางอย่างจะต้องขออนุมัติเช่นพวก CT ถ้าเป็นเคสที่ indication มันชัดเจนส่วนใหญ่จะได้รับการอนุมัติ แต่ถ้าเคสบางเคสที่มันก้ำกึ่งๆ ก็ลุ้นเอาว่าจะได้หรือไม่ได้ เช่น - sudden severe headache สงสัย subarachnoid --> ขออนุมัติส่ง CT บางเคสได้บางเคสไม่ได้ แล้วแต่ดวง ส่วนใหญ่จะตีกลับมาว่าถ้า neurosign ไม่มีอะไร ให้ treat ยาก่อนแล้วนัดมาดู แต่จากประสบการณ์ผมที่ทำงานใน ER 10 กว่าปี ไอ้เคสแบบนี้ คนไข้อายุน้อ ย ไม่มีโรคประจำตัว sudden headache + neurosigh normalผมส่ง CT เพื่อ R/O แล้วเจอ SAH มาแล้วก็หลายเคส - ปวดท้องมานานๆ สงสัย biliary colic จะส่ง ultrasound ดูพวก gallstone บางเคสก็ได้บางเคสก็ไม่ได้ ผมเลยสงสัยว่าต้นทุนในการทำ imaging พวกนี้แต่ละครั้งรพ.ต้องแบกรับต้นทุนอะไรไว้บ้างนอกจากค่าไฟ เลยอนุมัติกันยากจัง จะเรียกว่ารพ.จะเสียเงินก็ไม่ใช่ เพราะได้เงินก้อนรายหัวตามจำนวนผู้ประกันตนรายปีมาแล้ว สงสัยครับ ขอถามผู้รู้หน่อยนะครับ |
| ลองคิดในมุมกลับว่า ถ้า จขกท. เป็น ผู้บริหาร หรือ เจ้าของ รพ.เอกชน นั้นๆ แล้วมีแพทย์ใน รพ.มาขอให้ Investigations นั่น นี่ โน่น...จะให้ทำได้เองเลยมั้ย หรือ คุณ จขกท. จะอนุมัติทุกราย หรือ เกือบทุกราย มั้ยครับ อิ อิ อิ
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 10:59:18 |
ถ้าทุกๆอย่าง อย่างที่คุณ จขกท.เล่ามานั้นปกติ แต่เจอ SAH/ SDH แล้วไง...เคส SDH or SAH นั้นต้องผ่าตัดทุกราย หรือผ่าตัดทันที รึเปล่าครับ...ถามอาจารย์ Neuro Surgeons ดูสิครับ อิ อิ อิ (ประวัติ+ ตรวจ ร่างกาย จึงสำคัญกว่า+ ต้องมาก่อน Investigations เสมอครับ)
|
จากคุณ: only2b |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 13:37:51 |
ต้นทุนประกันสังคม ใช้เกินเงินที่ได้ทั้ง รพ รัฐ และเอกชน ทั้งนั้น แต่ รพ รัฐอยู่ได้ เพราะเป็นเงินที่เพิ่มเติมจากงบ ของ สำนักประกันสุขภาพ กรมบัญชีกลาง และเงินบริจาค รพ.เอกชน ก็ได้ เพราะมีเงินสดเข้าจำนวนหนึ่งแน่นอน เอาไปกู้เงินได้ คนไข้เพิ่ม ทำให้ รพ.ดูดี มีคนไข้ติด ไม่เงียบเหงา OPD และคนไข้ในเพิ่ม ถ้าจะขาย รพ. หรือเข้าตลาดหุ้น ก็มีราคา พอมีคนไข้มากก็หากินกับการเปิดโรงเรียนสอนคนดูแลผู้ป่วย เก็บเงินจากคนที่มาเรียนการดูแลผู้ป่วย ได้ทั้งเงินจากคนมาเรียน ได้แรงงานต้นทุนตำ่มาดูคนไข้
|
จากคุณ: xest |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 15:09:52 |
on 11/07/20 เวลา 08:19:44, finches wrote:ต้นทุนในการทำ investigation จะยกตัวอย่างกรณี CT นะครับ ประกอบด้วยสองส่วน ส่วนต้นทุนคงที่ Fix cost (ซื้อหรือเช่าเครื่องมา เป็นค่าเสื่อมกับค่าเช่า อันนี้กำหนดไว้คงที่ในแต่ละปี) กับ ส่วนต้นทุนแปรผัน Variable cost เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้งที่ใช้งาน กรณี Variable cost ก็เช่น ค่าไฟ ค่าแรงเจ้าหน้าที่ ค่าอ่านของหมอรังสี ค่ายาที่ใช้กับผู้ป่วยแต่ละครั้งที่ใช้งาน ใช้มากเสียมาก คิดว่าทางโรงพยาบาลคงต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนต้นทุนแปรผัน (Variable cost) นี่ล่ะครับเพราะเป็นส่วนที่จะเพิ่มขึ้นตามครั้งที่ใช้งาน ไม่ให้มากเกินไป ซึ่งก็ต้องไปดูเป้าหมายด้วยว่า มีเป้าในการทำกำไรเท่าไร ถ้าตั้งเป้าไว้สูงก็จะคุมเข้มหน่อยนั่นเอง |
| โอ้ มันมีตรงนี้อยู่ที่ผมไม่ทราบ ความรู้ใหม่เลย ขอบคุณครับ
|
จากคุณ: xest |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 15:14:00 |
on 11/07/20 เวลา 10:59:18, Dr._Panya wrote:ถ้าทุกๆอย่าง อย่างที่คุณ จขกท.เล่ามานั้นปกติ แต่เจอ SAH/ SDH แล้วไง...เคส SDH or SAH นั้นต้องผ่าตัดทุกราย หรือผ่าตัดทันที รึเปล่าครับ...ถามอาจารย์ Neuro Surgeons ดูสิครับ อิ อิ อิ (ประวัติ+ ตรวจ ร่างกาย จึงสำคัญกว่า+ ต้องมาก่อน Investigations เสมอครับ) |
| ผมเห็นด้วยครับอาจารย์ว่ามันไม่ต้องผ่าทุกเคสหรอกครับ medical treatment ได้เป็นส่วนใหญ่ด้วยครับ แต่ถ้าในรพ.เอกชน บอกว่าตรวจร่างกายปกติ ไม่ investigate แล้วนัดมา follow แล้วมาตรวจเจอทีหลังว่า bleed ผมว่ามันโคตรเสี่ยงโดนฟ้องเลยครับ อาจารย์ว่าไงครับ
|
จากคุณ: xest |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 15:19:01 |
on 11/07/20 เวลา 10:52:02, Dr._Panya wrote: ลองคิดในมุมกลับว่า ถ้า จขกท. เป็น ผู้บริหาร หรือ เจ้าของ รพ.เอกชน นั้นๆ แล้วมีแพทย์ใน รพ.มาขอให้ Investigations นั่น นี่ โน่น...จะให้ทำได้เองเลยมั้ย หรือ คุณ จขกท. จะอนุมัติทุกราย หรือ เกือบทุกราย มั้ยครับ อิ อิ อิ |
| ก็เพราะผมไม่ทราบถึงเรื่องการบริหารต้นทุนไงครับ ผมถึงมาถามเพื่อเก็บเป็นความรู้
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 18:28:26 |
on 11/07/20 เวลา 15:14:00, xest wrote: ผมเห็นด้วยครับอาจารย์ว่ามันไม่ต้องผ่าทุกเคสหรอกครับ medical treatment ได้เป็นส่วนใหญ่ด้วยครับ แต่ถ้าในรพ.เอกชน บอกว่าตรวจร่างกายปกติ ไม่ investigate แล้วนัดมา follow แล้วมาตรวจเจอทีหลังว่า bleed ผมว่ามันโคตรเสี่ยงโดนฟ้องเลยครับ อาจารย์ว่าไงครับ |
| เราซักประวัติ+ ตรวจร่างกายดีแล้ว คิดถึงภาวะ/ โรค...นี้แล้ว+ Notify/ Consult แพทย์เฉพาะทางแล้ว เค้ารับทราบ/ ชี้แนะ ว่าให้ทำ...แล้ว+ นัดผู้ป่วยมาติดตามอาการแล้ว แต่ต่อมามีภาวะ/ โรค...อย่างที่เราคิดถึงจริงๆ ก็ Notify/ Consult อาจารย์ประจำแผนกอีกครั้งสิครับ ผป. จะมาฟ้องอะไรเรา เราไม่ได้ Missed Diagnosis or Malpractice ซะหน่อย นิ - เคสปวดกลางท้องวันนี้ เรา DX+ RX as Acute Gastritis, แต่เราคิดถึง+ แนะนำ Appendicitis + นัด Follow up แก่ ผป.แล้ว แต่อีก 3 วันต่อมา กลายเป็น Appendicits จริงๆ - เคส Low risk Pregnancy...Visit Labor Room อยู่ดีๆ ทุกอย่างดีหมด จู่ๆก็มี Non-Reassuring of Fetal Tracing ฯลฯ เป็นต้น ขอเพียงเรา Manage ผป. อย่างถูกต้อง/ เหมาะสม ตามหลักวิชาการแพทย์+ สถานการณ์นั้นๆ สิ่งที่เกิดภายหลัง เราก็ได้คิดถึง/ แนะนำ/ ป้องกัน/ รักษาในระดับที่เหมาะสมแล้ว นิ (ไม่ได้ ประมาท/ เลินเล่อ/ จงใจ ให้เกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ซะหน่อย) อิ อิ อิ
|
จากคุณ: elcondor_pasa |
โพสเมื่อวันที่: 11/07/20 เวลา 19:23:05 |
on 11/07/20 เวลา 18:28:26, Dr._Panya wrote: เราซักประวัติ+ ตรวจร่างกายดีแล้ว คิดถึงภาวะ/ โรค...นี้แล้ว+ Notify/ Consult แพทย์เฉพาะทางแล้ว เค้ารับทราบ/ ชี้แนะ ว่าให้ทำ...แล้ว+ นัดผู้ป่วยมาติดตามอาการแล้ว แต่ต่อมามีภาวะ/ โรค...อย่างที่เราคิดถึงจริงๆ ก็ Notify/ Consult อาจารย์ประจำแผนกอีกครั้งสิครับ ผป. จะมาฟ้องอะไรเรา เราไม่ได้ Missed Diagnosis or Malpractice ซะหน่อย นิ - เคสปวดกลางท้องวันนี้ เรา DX+ RX as Acute Gastritis, แต่เราคิดถึง+ แนะนำ Appendicitis + นัด Follow up แก่ ผป.แล้ว แต่อีก 3 วันต่อมา กลายเป็น Appendicits จริงๆ - เคส Low risk Pregnancy...Visit Labor Room อยู่ดีๆ ทุกอย่างดีหมด จู่ๆก็มี Non-Reassuring of Fetal Tracing ฯลฯ เป็นต้น ขอเพียงเรา Manage ผป. อย่างถูกต้อง/ เหมาะสม ตามหลักวิชาการแพทย์+ สถานการณ์นั้นๆ สิ่งที่เกิดภายหลัง เราก็ได้คิดถึง/ แนะนำ/ ป้องกัน/ รักษาในระดับที่เหมาะสมแล้ว นิ (ไม่ได้ ประมาท/ เลินเล่อ/ จงใจ ให้เกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ซะหน่อย) อิ อิ อิ |
| เห็นด้วยกับคำแนะนำคะ
|
จากคุณ: jumpoo |
โพสเมื่อวันที่: 11/08/20 เวลา 12:57:41 |
หมอมีindicationก็ยื่นไปนั้นแหละ ถ้าเค้าไม่อนุมัติก็บอกคนำข้ไปตรง ปกส ก็ เป็นlow cost health care system เหมือนกัน ถ้าไม่คุมค่าใช้จ่ายก็เจ๋ง
|
จากคุณ: blitzs |
โพสเมื่อวันที่: 11/09/20 เวลา 10:53:47 |
ถามผิดแล้ว ไม่เกี่ยวกับต้นทุนเลย ระบบเหมาจ่าย มันทำให้ต้องลด ค่าใช้จ่าย ที่อาจจำเป็น หรือไม่จำเป็นลงก็แค่นั้นเอง มันก็เลยมีกำแพงเล็กๆ ให้ต้องสะดุดคิด ถ้าลองจ่ายเอง ทุกการ ตรวจรักษา แปลว่าได้เงิน ได้กำไร สิ่งจำเป็นก็ได้ตรวจอย่างรวดเร็ว และ จะเกิดการตรวจที่ไม่จำเป็นมากกว่าปกติ เผลอๆการตรวจที่มากกว่าปกติ ก็เป็นอัตรายกับคนไข้ ไม่ได้เพิ่ม ความปลอดภัยหรือความรวดเร็วในการรักษา เพราะมัวแต่ตรวจนอกเรื่อง เสียเงินเสียเวลาอยู่
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/09/20 เวลา 11:53:46 |
- เราก็ซักประวัติ+ ตรวจร่างกาย+ Investigations ที่จำเป็น/ เหมาะสมกับโรค/ ภาวะนั้นจริงๆ แล้วก็วินิจฉัย หรือรักษา ไปในทางที่เหมาะสมกับโรคหรือข้อจำกัดต่างๆ ครับ - คือลองนึกว่าเราเป็นหมอคนเดียวใน รพ.ชุมชน+ ไม่มีแล็บอะไรสักอย่าง+ รีเฟอร์ไปไหนไม่ได้ เราจะทำยังไง ครับ - ในกรณีที่เราไม่แน่ใจเรื่องการวินิจฉัย/ รักษา หรือคิดว่า จำเป็นต้อง Investigates/ สั่งยา บางอย่างที่จำเป็น/ ราคาแพงนี้ก็อาจจะ Consult or Notify แพทย์ผู้ใหญ่/ แพทย์เฉพาะทาง ครับ ว่าเค้าคิดเหมือน- ต่างจากเรามั้ย/ เค้าทำยังไง/ รักษายังไง เป็นต้นครับ ป.ล. แต่ว่างๆ ก็แนะนำให้อ่านหนังสือ/ ประชุมวิชาการ เยอะๆ/ บ่อยๆ โดยเฉพาะในสาขาที่เรา(คิดว่า)ไม่แม่น/ สนใจ ครับ
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/14/20 เวลา 09:46:48 |
on 11/08/20 เวลา 12:57:41, jumpoo wrote:หมอมีindicationก็ยื่นไปนั้นแหละ ถ้าเค้าไม่อนุมัติก็บอกคนำข้ไปตรง ปกส ก็ เป็นlow cost health care system เหมือนกัน ถ้าไม่คุมค่าใช้จ่ายก็เจ๋ง |
| ...ใช่ครับ ในกรณีดังกล่าว หากวันข้างหน้า ผป. มีภาวะ/ โรค/ ภาวะแทรกซ้อน อย่างที่ จขกท. คิดถึง/ Notify แพทย์ผู้ใหญ่แล้วจริงๆ แต่ว่าไม่ได้รับ Response จนเป็นเหตุให้มี ปัญหาทางการแพทย์ (ทั้ง Morbid. and Mortal) จนถึงฟ้องร้องเรียกค่าเยียวยา/ ค่าเสียหาย แก่แพทย์ผู้เกี่ยวข้อง/ คลินิก หรือทางโรงพยาบาล (มีหลักฐานใน Medical Record อยู่ ใช่มั้ยล่ะครับ) จขกท. น่าจะไม่ติดร่างแห ในการฟ้องร้อง(มั้ง)ครับ อิ อิ อิ...( ป.ล. ความเห็นส่วนตัว ครับ)
|
จากคุณ: DrWinny |
โพสเมื่อวันที่: 01/10/21 เวลา 15:08:50 |
ขอแทรกนิด...ด่วนนะ...่ช่วยแจ้งแพทยอื่นด้วย -- แต่ที่แน่ๆๆ หากแพทย์ไม่แก้ไข ด้วยที่แพทย์ส่วนใหญ่ ควรทำการลงคะแนนเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา ก็อาจมีคะแนนผีอ้างเลขประกอบวิชาชีพของท่านไปใช้ได้ และมีเวลาเหลือน้อยมาก คือ เพียงอีก ๔ วันนี้เท่านั้น ที่พอทำได้คือการเลือก (ปิดรับลงคะแนน ๑๔ มค ๖๔ เวลา ๑๖.๓๐ น.) และเวลานี้ ทำได้เฉพาะผู้ที่ลงทะเบียน e vote แล้วเท่านั้น หากเป็นผู้มีบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีีย์ ต้องส่งทาง ปณ.เท่านั้น (ห้ามไปส่งที่สำนักงานแพทสภา แบบปีก่อนๆ ) ซึ่งอาจไปถึงเกินเวลาปิดรับ ก็จะกลายเป็นบัตรเสีย ดังนั้นหากจะต้องส่งทาง ปณ.ให้ทันในเวลานี้ ควรส่งที่เคาเตอร์ ปณ.นนทบุรี อันเป็นที่ตั้งของ แพทยสภา ก็อาจจะพอทันนะ
|