หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: ชาร์ลส เอ็ม ไรซ์ คว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: IQ โพสเมื่อวันที่: 10/07/20 เวลา 13:25:25

 
ชาร์ลส เอ็ม ไรซ์ นักไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ คว้ารางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ จากผลงานวิจัยที่มีส่วนช่วยรักษาไวรัสตับอักเสบซี
 
 
ชาร์ลส เอ็ม ไรซ์ ศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยา ซึ่งได้รับวิทยฐานะ Maurice R. and Corinne P. Greenberg Professor และหัวหน้าห้องปฏิบัติการทางไวรัสวิทยาและโรคติดเชื้อ ผู้ทำการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคและวิธีการป้องกันของระบบภูมิค ุ้มกัน คว้ารางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ จากมูลนิธิโนเบลในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ประจำปีนี้ ร่วมกับ ฮาร์วีย์ เจ อัลเทอร์ จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ และ ไมเคิล ฮอตัน จากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา
 
งานวิจัยของศาสตราจารย์ไรซ์มีส่วนช่วยโดยตรงต่อการรักษาไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเป็นโรคชนิดรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อผู้คน 170 ล้านคนทั่วโลก ห้องแล็บของเขาทำงานด้านไวรัสมานานถึง 3 ทศวรรษ และกลายเป็นห้องแล็บแห่งแรกที่สามารถผลิตไวรัสที่เพาะเลี้ยงและศึกษาในห้องป ฏิบัติการได้ ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้ มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาจีโนมไวรัสที่ปรับปรุงขึ้นด้วยการจำลองแบบและสร ้างโปรตีนของไวรัส จนนำไปสู่การผลิตยาชนิดใหม่ 3 ประเภท เพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีโดยตรง โดยมีงานวิจัยรับรองว่า การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกันสามารถลดปริมาณไวรัสตับอักเสบซีให้อยู่ในระดับที่ตร วจไม่พบ และสามารถรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
"การติดเชื้อแบบเรื้อรังซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมากอย่าง ไวรัสตับอักเสบซี สามารถรักษาได้แล้ว และเมื่อเวลาผ่านไป ความก้าวหน้าทางการแพทย์นี้จะช่วยชีวิตผู้คนนับล้านและพัฒนาชีวิตอีกมากมาย นี่เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากงานวิจัยของศาสตราจารย์ไรซ์" ริชาร์ด พี ลิฟตัน อธิการบดีมหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ กล่าว "ผลงานวิจัยด้านไวรัสของเขา รวมถึงความสำเร็จอันเป็นเอกลักษณ์ในการสร้างไวรัสตับอักเสบซีในห้องปฏิบัติก าร ได้แสดงให้เห็นถึงพันธกิจของมหาวิทยาลัยนี้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือวิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ ผมรู้สึกยินดีที่เขาได้รับเลือกให้รับรางวัลโนเบลซึ่งเป็นเกียรติยศขั้นสูงส ุดในวงการวิทยาศาสตร์"
 
อัลเทอร์ และฮอตัน เริ่มดำเนินการโคลนจีโนมไวรัสตับอักเสบซีมาตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ทำให้เราสามารถระบุหาผู้ที่ติดเชื้อแล ะกำจัดไวรัสออกจากเลือดได้ อย่างไรก็ตาม ความพยายามตลอดหลายปีในการเพาะไวรัสในเซลล์ตับในห้องแล็บ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาเพิ่มเติมและการพัฒนายากลับประสบความล้ มเหลว โดยไรซ์ได้อธิบายเหตุผลว่า ปลายของจีโนมของไวรัสซึ่งจำเป็นสำหรับการเริ่มต้นการจำลองของไวรัสนั้นขาดหา ยไป จนในที่สุดเขาสามารถระบุลักษณะของจีโนมไวรัสได้แล้วเสร็จในปี 2539 และหนึ่งปีต่อมา เขาก็ประสบความสำเร็จในการผลิตไวรัสที่ติดเชื้อในห้องปฏิบัติการ
 
ขณะเดียวกัน เขายังเดินหน้าพัฒนาแอมพลิคอนย่อยจีโนมของไวรัสที่สามารถจำลองในเซลล์ได้โดย ไม่ต้องสร้างไวรัสที่มีชีวิต ซึ่งทำให้สามารถออกแบบวิธีการทดสอบยาที่มีสามารถยับยั้งการจำลองของไวรัสได้ โดยตรง ในปี 2556 ยากลุ่มแรกที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีของไรซ์ ได้รับการรับรองจาก FDA เพื่อใช้กับผู้ป่วย ปัจจุบัน มียาหลายตัว และสามารถรักษาผู้คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี หลังจากได้รับการรักษาระยะสั้น โดยแทบไม่มีพิษเลย
 
นอกจากนี้ กลุ่มของไรซ์ยังพัฒนาวิธีการทดสอบปัจจัยที่จำกัดการติดเชื้อในไวรัสตับอักเส บซี ไวรัสตับอักเสบบี ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ไข้เลือดออก ไข้เหลือง ไวรัสซิกา ไวรัสชิคุนกุนยา ตลอดจนโคโรนาไวรัส เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยไรซ์ได้นำเทคโนโลยี CRISPR มาใช้ในการระบุเป้าหมายการรักษาแบบใหม่สำหรับไวรัส SARS-CoV-2 และปรับแปลงเทคนิคที่พัฒนาขึ้นในงานไวรัสตับอักเสบซีของเขาเพื่อคัดกรองยาที ่มีความสามารถในการยับยั้งโคโรนาไวรัส ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ
 
ศาสตราจารย์ไรซ์ เป็นนักวิทยาศาสตร์คนที่ 26 ที่ร่วมงานกับมหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์และได้รับรางวัลโนเบล ซึ่งนอกเหนือจากไรซ์แล้ว ยังมีอาจารย์เจ้าของรางวัลโนเบลอีก 4 ท่านที่ปัจจุบันทำงานอยู่ในคณะต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ ได้แก่ ไมเคิล ดับบลิว ยัง (2017) โรเดอริก แม็กคินนอน (2003) พอล เนิร์ส (2001) และ ทอร์สเทิน วีเซล (1981)
 
ศาสตราจารย์ไรซ์เกิดที่เมืองแซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2495 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาพันธุศาสตร์ในปี 2518 จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย โดยเขาได้เข้าทำงานในตำแหน่งนักวิจัยหลังปริญญาเอกตั้งแต่ปี 2524 ถึง 2528 ก่อนที่จะเข้าทำงานที่มหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ในปี 2544 เขาใช้เวลา 14 ปีในคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ทั้งยังเป็นสมาชิกของ National Academy of Sciences และเคยได้รับรางวัล M.W. Beijerinck Virology Prize ปี 2550 รางวัล Robert Koch Award ปี 2558 รางวัล InBev-Baillet Latour Health Prize ปี 2559 และรางวัล Lasker-DeBakey Clinical Medical Research Award ปี 2559
 
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์
 
มหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยด้านชีวการแพทย์ระดับชั้นนำข องโลก โดยทุ่มเทให้กับการวิจัยระดับนวัตกรรมและเปี่ยมด้วยคุณภาพ เพื่อยกระดับความเข้าใจในชีวิตมนุษย์ อันนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อมวลมนุษยชาติ แนวปฏิบัติด้านวิทยาศาตร์ที่โดดเด่นของทางมหาวิทยาลัยได้นำไปสู่การปฏิวัติแ ละการเปลี่ยนแปลงในแวดวงชีววิทยาและการแพทย์อย่างมหาศาล มหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 119 ปี มีนักวิทยาศาตร์ 26 คนที่สามารถคว้ารางวัลโนเบลมาครองได้สำเร็จ ขณะที่นักวิทยาศาตร์ 23 คนสามารถคว้ารางวัล Albert Lasker Medical Research Awards และนักวิทยาศาสตร์ 20 คน สามารถคว้าเหรียญเกียรติคุณ National Medal of Science
 
สื่อมวลชนติดต่อ
Katherine Fenz
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสัมพันธ์
อีเมล: kfenz@rockefeller.edu
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 10/08/20 เวลา 09:06:06
ขอแสดงความยินดีกับเฮีย Charles ด้วยครับ อิ อิ อิ


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by