Topic Summary
|
จากคุณ: surg12345 |
โพสเมื่อวันที่: 07/02/20 เวลา 16:43:08 |
รบกวนถามพี่ๆเนื่องจากผมไม่เข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น สมมติถ้า เดิม รพ รัฐบาลแห่งนึง ไม่มีหมอ hepatobiliary surgeon เคส hepato ที่ยากๆ ก็จะ refer ไปยังที่อื่นที่มีศักยภาพ หรือโรงเรียนแพทย์ แต่ถ้าสมมติรับหมอ hepato มาแล้วสามารถผ่าเคสที่มันยากขึ้นได้ ไม่ต้อง refer แล้วทาง รพ รัฐบาล นั้น จะได้รับประโยชน์อย่างไรเพิ่มขึ้นครับ
|
จากคุณ: Pandermonium |
โพสเมื่อวันที่: 07/02/20 เวลา 19:39:08 |
ก็ดีแต่มีคนเพิ่ม แต่ก็ต้องดูศักยภาพทีมด้วยนะคะ ว่าพร้อมแคร์เคสhepatoรึเปล่า
|
จากคุณ: 6699 |
โพสเมื่อวันที่: 07/02/20 เวลา 21:09:45 |
ประโยชน์ที่รพ.จะได้ 1.เพิ่มศักยภาพของรพ. ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากขึ้น รักษาได้ใกล้บ้านมากขึ้น 2.การเรียน การสอนนักเรียนแพทย์ ได้เห็นเคส ที่ก้าวหน้าขึ้น 3.ค่า RW ของโรงพยาบาลดีขึ้น 4.ทำเงินให้รพ. ยกตัวอย่าง ถ้าศูนย์หัวใจ ถ้าผู้ป่วยสวนหัวใจ และใส่เครื่องมือทางการแพทย์ ค่า RW จะประมาณ 14 ถ้า RW ของรพ.นั้น=8500 บาท ทางรพ. จะได้เงินประมาณ 119,000 บาท ถ้าสวนหัวใจวันละ 10 คน จะได้เงิน วันละ 1,190,000 บาท ปีละ434 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนคงที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก แต่ถ้าส่งผป.ไปสวนหัวใจที่ส่วนกลาง ค่า RW สูงกว่า รพ.ต้นทาง จะต้องเสียเงินเพิ่ม แล้วทำเรื่องเบิกคืน อาจจะได้ไม่เต็ม 5. ถ้ามีหมอเฉพาะทางที่มีความรู้ ความสามารถ และรับผิดชอบดี จะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องนอนรพ.นาน ผู้ป่วยไม่ต้องเสียเวลาสำหรับการวินิจฉัยโรค เพราะการได้รับเงินของรพ. จะเป็นการเหมาจ่ายตาม DRG ถ้ารพ.หนึ่ง วันนอนรพ.ของผู้ป่วยเท่ากับ 5วัน ย่อมมีต้นทุนมากกว่า อีกรพ.หนึ่ง ที่ขนาดเท่ากัน แต่วันนอนรพ.เหลือแค่ 3 วัน แต่รพ.จะได้เงินเหมาจ่ายผู้ป่วยเท่ากัน แต่ ต้นทุนของรพ.ที่ผป.มีวันนอนรพ.นาน 5 วัน จะเป็น 5/3 เท่าของอีกรพ.หนึ่ง ทำให้รพ.เสียค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ 6.ปัจจุบัน หมอ Med และหมอ Ped ศัลยกรรม จะเรียนเป็น Sub board ทำให้ความรู้แหว่งไป หมอ ทารกแรกเกิด ถ้าไม่มีหมอหัวใจเด็กมาร่วมด้วยในรพ. จะรักษาได้ยาก เพราะเมื่อเด็กเขียว จะแยกได้ยากว่า เขียว จากอะไร เป็นจากโรคปอด หรือโรคหัวใจ ทำให้นอนรพ.นานกว่าปกติ รพ.ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า จะคลำทางได้ถูกต้อง แต่เมื่อเก็บเงินจากส่วนกลาง จะเก็บเงินได้ตาม DRG ทั้งที่ผู้ป่วยนอนรพ.นาน และมีต้นทุนค่ารักษามากตามวันนอนรพ.
|
จากคุณ: Hippo |
โพสเมื่อวันที่: 07/02/20 เวลา 22:19:02 |
ความเป็น general surgery แนวโน้มมันจะลดลงเรื่อยๆ sub-specialty กระจายมากขึ้น แถมเป็นผ่าตัดแบบ minimally ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีก
|
จากคุณ: blitzs |
โพสเมื่อวันที่: 07/03/20 เวลา 11:05:08 |
ขาดทุนเพิ่มครับ ยิ่งยากค่าใช้จ่ายที่เกิดจริงยิ่งสูง rw สรุปแทบตายได้ไม่คุ้มค่าผ่า รพ.มีกำไรก็อาศัย จำนวนเยอะๆ rw ที่พอได้แต้ม ทำเวชระเบียนให้ครบก็จะพอเบิกได้ แต่พอเบิกมากๆเข้า ก็โดนชักดาบบ้าง หรือไม่ก็มาแกล้งบอกว่า rwไม่สมศักดิ์ศรี รพ. ให้หัดทำไรยากๆขึ้น ผู้บริหารฟังก็รีบหาหมอsubทั้งหลาย หารู้ใหม่ ขาดทุนทั้งนั้น แต่ระบบจะดูแลคนไข้ได้ดีขึ้น แต่รพ.จะขาดทุน
|
จากคุณ: positive |
โพสเมื่อวันที่: 07/04/20 เวลา 10:19:13 |
นั่นสิครับ นึกไม่ออกเลย
|
จากคุณ: หมอเมืองสยาม |
โพสเมื่อวันที่: 07/04/20 เวลา 14:58:20 |
มีประโยชน์อะไรรึ ? - " ใครจะไปรู้อนาคต"...
|
จากคุณ: luzeus |
โพสเมื่อวันที่: 12/01/20 เวลา 22:37:57 |
เห็นด้วยว่า รพ.รัฐ ยิ่งผ่ายิ่งขาดทุน ยิ่งรพ.เล็กๆ เพราะเคลมได้ไม่เท่ากับที่ลงทุน สมมติ คืนนึงเปิด OR1 เคส (รพช. 90 เตียง) อย่างไส้ติ่ง 1 เคส จ้าง OT หมอ1 พยาบาลสครับ2 พยาบาลดมยา2 ผู้ช่วย1 หมอศัลย์1 หมอดมยา1 ถามว่าเคลมสปสช. ได้คุ้มค่า OT มั้ย ยังไม่ลบต้นทุน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่ายาสลบ ค่า sterile อุปกรณ์ผ่าตัด คิดยังไง ก็ไม่น่าคุ้มทุน เท่าที่รู้มี ผ่าสมอง กับพวกส่องกล้องยูโร ดูน่าจะคุ้มทุน
|