Topic Summary
|
จากคุณ: yuki0109 |
โพสเมื่อวันที่: 12/23/19 เวลา 23:15:13 |
พอดีเรียนต่อสูปีหน้า แต่แอบอยากคิดถึงเรื่องsubboardไว้เนิ่นๆ มีช้อยในใจ ระหว่าง MFM กับ Infertile 1.หลังจบsub คือกะว่า จะอยู่รัฐสักพัก แล้วออกมาเอกชน กทม อยากทราบว่าปัจจุบัน infertile ในเอกชน กทม มีแพทย์เต็มหรือยังครับ ถ้าอยู่รัฐ รายได้จากการเป็นแพทย์infertile ในเวลาราชการ ได้เพิ่มเติมมั้ย เนื่องจากคนไข้ต้องจ่ายเงินเองทุกราย 2.ถ้าเป็นแค่หมอสูทั่วๆไป ที่เอกชน บ้านๆ ดูANC ทำคลอด ผ่าคลอด นี่ต่อเดือนเค้าได้ประมาณเท่าไร เพราะก็แอบอยากเรียน MFMเพื่อดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ
|
จากคุณ: 6699 |
โพสเมื่อวันที่: 12/24/19 เวลา 08:25:55 |
MFM ถ้าเป็นมวย ก็มวยรับ Infertile ถ้าเป็นมวย ก็มวยรุก คนที่เอาแต่ตั้งรับ ถูกกำหนดว่าจะต้องแพ้แน่นอน ถ้าเอาแต่รายได้ Infertile เหนือกว่า เปิดร้าน ก็คนไข้มากกว่า ตัววัดในการทำสำเร็จ ดูได้ง่ายกว่า MFM
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 12/24/19 เวลา 09:14:45 |
1. อาจารย์หมอสูติ ที่จุฬาฯ...ที่รวยๆ รายได้พิเศษเป็นเดือนละ หลายๆแสน ถึง ล้านบาท/ เดือน (มีผู้ป่วยมาฝากครรภ์ด้วย วันละหลายสิบคน+ ผ่าคลอดวันละ 3- 5 คน) นั้นเป็นอาจารย์แผนก MFM ครับ 2. ส่วนอาจารย์/ หมอ แผนก Infertile ก็อาจจะมีรายได้ดีหลัก หลายแสนบาท/ เดือนเหมือนกัน แต่ว่า ถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องมีบุตรยากแล้วล่ะก้อ คุณก็ไม่ได้ใช้บริการหมอแผนกนี้หรอก (ชาวบ้านธรรมดาๆ/ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ มีอะไรกัน 1- 2 ครั้ง ก็เห็นตั้งท้องกันแล้ว...มีลูกง่ายเกินไปด้วยซ้ำครั้บ อิ อิ อิ) 3. Doctors- Patients Relationships นั้นของแพทย์ แผนก MFM จะมีมากกว่า (กินยาวๆ) เพราะแลตั้งแต่ตั้งท้องอ่อนๆ- คลอด และหลายคนมาฝากท้องกับอาจารย์คนเดิมทุกท้อง+ แนะนำญาติๆ/ คนที่รู้จักมาฝากท้องอีกต่างหาก ครับ
|
จากคุณ: pipolulu |
โพสเมื่อวันที่: 12/26/19 เวลา 08:47:53 |
ถ้าสายดาร์ค Infertile ดีกว่าแน่นอนครับ รับคนไข้ต่างชาติ ไม่อยากท้อง มาให้คนไทยท้องแทน หรือช่วยคนจีนเลือกเพศ (ซึ่งผิดหลักจริยธรรม) รายได้ต่อเคสนี้มากมายมหาศาลครับ ส่วน MFM ไม่มีสายดาร์คมากๆครับ อย่างแย่ ก็แค่ C/S ทุกเคสโดยไม่มี indication จริงๆ (เอ๊ะ หรือผมจะไม่เคยเจอะเจอ 555) ส่วนถ้าสายสว่าง ไม่ว่างานไหน ก็ช่วยเหลือคนไข้ได้ครับ ถ้าอยู่ รพ.รัฐ ก็เงินเดือนเหมือนกัน เท่ากันหมดครับ
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 12/27/19 เวลา 09:47:59 |
ถ้าดูแล- รักษาผู้ตั้งครรภ์ แบบไม่ข้าม Fields กันระแหว่างแพทย์ MFM และ Infertile นั้นเลยล่ะก้อ... 1. หน้าที่ของแพทย์ Infertile จะช่วยเหลือผู้มีบุตรยาก (ตามชื่อ)/ เลือกแม่(อุ้มบุญ)/ เลือกเพศ/ เลือกลูก (เลือกไข่/ เลือก Sperms)/ เลือกจำนวนบุตร แค่นั้น (ซึ่งถ้าใครมีบุตรง่าย/ มีบุตรได้เอง ก็ไม่ต้องใช้บริการแพทย์แผนกนี้หรอก)...= Antepartum Period แค่นั้น 2. หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของแพทย์ MFM ทั้งนั้น เพราะว่า ขั้นตอนที่ผ่านมานั้นจัดเป็น High Risks Pregnancy ที่เกิดจาก Iatrogenic Causes ทั้งสิ้น แถมยังมี High Risk- และ Low risk- Pregnancy ที่เกิดขึ้นเองอีกมากมาย ...ซึ่งใน รพ.เอกชนชั้นนำ หญิงตั้งครรภ์ทุกๆเคสจะต้องถูกดูแลโดยแพทย์ MFM ทั้งสิ้น (ถ้าในรพ.เอกชนทั่วไป หญิงตั้งครรภ์ที่เป็น Low Risk Pregnancy จะถูกดูแลโดยหมอสูติทั่วไป) ดังนั้นใน รพ.เอกชนชั้นนำ...แพทย์ MFM จึงมีจำนวนเคสในมือมากกว่า (ทุกเคสนั่นแหละ)+ นานกว่า+ ทำเงินให้ รพ.เอกชนมากกว่า (แพทย์ Infertile อาจจะเป็นเพียงแพทย์ Part time คือมีเคสก็ค่อยตามตัวเป็นจ๊อบๆ ไป)
|