หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: หมดไฟในการทำงาน รบกวนขอความเห็นจากพี่ๆเพื่อนๆหน่อยค่ะ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 17:14:53
คุณ
 
ตอนนี้ทำงานรับราชการที่รพศ. ตำแหน่ง subspecialist โดยขอทุนรพศ.ไปเรียน 2ปี ตั้งใจกลับมาเป็นอาจารย์สอนนศพ.และช่วยคนไข้ที่มีฐานะยากจน แต่หลังจากมาทำงานได้เดือนครึ่งเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบ (เป็น onco gyn ค่ะ)set ผ่าตัดวันนั้นไว้ 2 เคส เป็น elective case ไม่ใช่เคสเปคค่ะ เคสแรกเริ่ม 9.00 เสร็จ 14.45 น. (ทำ Radical hysterectomy with bso with pelvic node dissection ค่ะ ผู้ช่วยคือพยาบาลที่ไม่เคยทำเคสแบบนี้มาก่อน เนื่องจากเป็นเคสแรกของรพ.ค่ะ) ตามกฏรพ.ไม่ให้เริ่มเคสใหม่หลัง 15.00 น. เราเลยขอพยาบาลเปิดเยื้องอีกห้องที่ว่างเพื่อนำคนไข้เคส 2 เข้าห้องก่อน 15.00 น. พยาบาลบอกต้องคุยกับหมอดมยาก่อนว่าจะให้ทำมั้ย เราก็เลยขอให้พยาบาลดยาตามหมอให้ (เคสที่2 เป็น bilateral endometrima ที่ CA 125 rising จึงถูกยกมาให้ onco มาทำ ซึ่งเราก็ยินดี เพราะเพิ่งเรียนจบกลับมาใหม่ ไฟแรง 555) หมอมา 15.15 แล้วก็บอกเราว่าขอ off case เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลา 15.15 น. ตามกฏ รพ.ไม่ให้ทำ ถ้าจะทำให้ไปขอผอ. เราก็ shock อย่างแรง คนไข้ NPO AMN+เตรียม bowel ถ่ายไป 20 ครั้ง แล้ว OR ก็ไปรับคนไข้มาแล้ว รอแค่เข็นเข้าห้อง ความรู้สึกตอนนั้นคืองงและก็ฉุนมาก ก็เลยบอกว่าเราทำตามกฏนี่ ขอเข้าห้องตอน 14.45 ทำไมไม่ให้เราทำ สงสารคนไข้ NPO มาตั้งนานแถมถูกเตรียม bowel มาอีก เขาก็ยืนยันคำเดียวว่าไม่ให้ทำ สรุปได้ off case เราเลยบอกเค้าว่าถ้าอย่างนั้นรบกวนไปบอกคนไข้ด้วยนะคะขอ off case เค้าก็บอกว่าไม่ใช่หน้าที่เค้า ให้เราไปบอกเอง อึ้งค่ะ สุดท้ายเราก็เป็นคนไปบอกคนไข้ คนไข้เสียใจมากกลับบ้านไปในวันนั้น อาชีพหาเช้ากินค่ำ มานอนรพ.รอบนี้ก็ยืมเงินคนข้างบ้านมา 2,000 วันต่อมาเราถูกรองแพทย์เรียกไปด่า หาว่าเราเห็นแก่ตัว ทำงานไม่นึกถึงคนอื่น ถ้ามีหมอแบบเราสัก 3 คน รพ.คงวุ่นวาย...
ตอนนี้รู้สึกท้อแท้กับระบบมาก set OR staging ได้วันละเคส คิวก็ยาวเป็นหางว่าว สงสารคนไข้ก็สงสาร เพราะผ่าช้าก็เปลี่ยน stage poor prognosis ไปอีก หลังจากนั้นก็มีเรื่องหยุมหยิมมาอีกเรื่อยๆ คนในกลุ่มงานแทงข้างหลังบ้างอะไรบ้าง จนตอนนี้ท้อแท้ใจเหลือเกิน อยู่ได้ถึงทุกวันนี้เพราะสงสารคนไข้และนสพ. ตอนนี้มีรพ.เอกชนมาเสนอรายได้ให้ 330k คิดว่าอยากออกเพราะเบื่อระบบ และเพื่อนร่วมงานบางคน แต่ก็ไม่มั่นใจในรพ.เอกชนเท่าไหร่ เพราะเขาจะเลิกจ้างเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือจะทนอีก 6 เดือนเพื่อขอย้ายที่ทำงานดีคะ ตอนนี้ก็พยายามไม่สนใจใคร ไม่ยุ่งกับใคร แต่ก็ยังคงมีคนนอกที่ไม่รู้จักเราพูดถึงเราในแง่ลบเรื่อยๆให้ได้ยิน ช่วงนี้จิตตกมาก ถึงขั้นดิ่ง หมดไฟในการทำงาน เลยอยากขอความเห็นพี่ๆน้องๆว่าไปต่อทางไหนดีคะ
จากคุณ: crv01 โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 18:13:49
ย้ายครับ.   หรือขอไปพบผอเพื่อทำความเข้าใจ.   จริงๆๆกรณีที่ผ่าเกินเวลาราชการควรเบิกโอทีให้ทุกคนในทีม.  ลองปรึกษาผอดู.  หมอที่ขยันทำโดยไม่มีconflicts of interest. ควรสนับสนุน.  ดีกว่าเอาเคสเพคมาผ่าตามฤกษ์.  ถ้าได้ค่าตอบแทนที่สมควรคิดว่าทุกฝ่ายพร้อมจะร่วมมือครับ.  ผอที่มีวิสัยทัศน์น่าจะคิดได้
จากคุณ: Mr.Note โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 19:11:19
เข้าใจทุกๆฝ่ายครับ ทั้งคนที่อยากเคลียร์เคส ทั้งคนไข้ที่เตรียมตัวเตรียมใจเคลียร์ทุกอย่างมาผ่า หมอยาดมที่ไม่อยาหให้เปิดเคสใหญ่ล่วงเวลา รวมถึงผู้บริหาร
อันนี้คงแล้วแต่ศักยภาพ รพ. ว่านอกเวลามีทีมผ่าตัดเยอะไหม เปิดORได้กี่ห้อง มีทีมemerพอไหมถ้าเคสมีปัญหามากกว่า1เคสในเวรจะทำอย่างไร ประมาณนี้อะครับ
แต่เท่าที่ฟังมายาดมใจดีกว่า รพ. ผมมากมาย555
 
เอกชนการันตีเค้าคงให้ปีนึงแล้วปีต่อไปตามจริงมั้งครับ ถ้าคุยการันตีสองปีก็น่าไปครับ อยากรู้ระบบขอลองไปPTก่อนเค้าน่าจะให้ (อย่างกรณีผม รพ มีFT อยู่แล้ว แต่เค้าคงเกรงใจที่จะออฟsubแบบผม เลยให้มานั่งจรวจคู่FTซะเลยนอกเวลา)
 ยิ่งยาดมยิ่งใจดีใหญ่เลย เคยอยู่เวรรับปรึกษาเอกชน อยากเซตกี่โมงก็เซตได้ ตี5ยังได้เลย(กะว่าถ้าเค้าปฏเสธจะได้ให้เค้าโอนFT เป็นพวกชอบนอนกินการันตีมากกว่า แต่พอเซตได้ก้อต้องขับรถไปกลับ80กม. ผ่าเซต8โมง มาผ่าที่ รพศ ต่อถึงเย็น เป็นซอมบี้เลย)
 
ปล.คิวผ่าผมที่ รพศ ถึง มิย63ละครับ แถมอุปกรณ์ก็ไม่มี ต้องยืมบริษัทเอา(ชุดกล้อง)รวมถึงเก้าอี้นั่งผ่าตัดริมทะเลด้วย ถ้าออฟเคสทีรึคนไข้หนีทีก็หน้ามืดทีต้องเมเนจเคสพอๆกะสมัยเฟลโลเลย
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 20:04:20
on 11/13/19 เวลา 18:13:49, crv01 wrote:
ย้ายครับ.   หรือขอไปพบผอเพื่อทำความเข้าใจ.   จริงๆๆกรณีที่ผ่าเกินเวลาราชการควรเบิกโอทีให้ทุกคนในทีม.  ลองปรึกษาผอดู.  หมอที่ขยันทำโดยไม่มีconflicts of interest. ควรสนับสนุน.  ดีกว่าเอาเคสเพคมาผ่าตามฤกษ์.  ถ้าได้ค่าตอบแทนที่สมควรคิดว่าทุกฝ่ายพร้อมจะร่วมมือครับ.  ผอที่มีวิสัยทัศน์น่าจะคิดได้

 
ไปคุยกับผอ.มาแล้วค่ะ ผอ.ขอให้ห้องผ่าเปิดให้ทำเคส onco ได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่นี่ก็ผ่านมา 3 เดือนแล้วยังไม่ได้คำตอบจากหัวหน้าห้องผ่าตัดเลยค่ะว่าจะให้ทำมั้ย ถ้าไปทวงถามก็กลัวจะโดนด่าอีก T_T
ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยคิด หนูคงต้องรอย้ายจริงๆค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 20:09:12
on 11/13/19 เวลา 19:11:19, Mr.Note wrote:
เข้าใจทุกๆฝ่ายครับ ทั้งคนที่อยากเคลียร์เคส ทั้งคนไข้ที่เตรียมตัวเตรียมใจเคลียร์ทุกอย่างมาผ่า หมอยาดมที่ไม่อยาหให้เปิดเคสใหญ่ล่วงเวลา รวมถึงผู้บริหาร
อันนี้คงแล้วแต่ศักยภาพ รพ. ว่านอกเวลามีทีมผ่าตัดเยอะไหม เปิดORได้กี่ห้อง มีทีมemerพอไหมถ้าเคสมีปัญหามากกว่า1เคสในเวรจะทำอย่างไร ประมาณนี้อะครับ
แต่เท่าที่ฟังมายาดมใจดีกว่า รพ. ผมมากมาย555
 
เอกชนการันตีเค้าคงให้ปีนึงแล้วปีต่อไปตามจริงมั้งครับ ถ้าคุยการันตีสองปีก็น่าไปครับ อยากรู้ระบบขอลองไปPTก่อนเค้าน่าจะให้ (อย่างกรณีผม รพ มีFT อยู่แล้ว แต่เค้าคงเกรงใจที่จะออฟsubแบบผม เลยให้มานั่งจรวจคู่FTซะเลยนอกเวลา)
 ยิ่งยาดมยิ่งใจดีใหญ่เลย เคยอยู่เวรรับปรึกษาเอกชน อยากเซตกี่โมงก็เซตได้ ตี5ยังได้เลย(กะว่าถ้าเค้าปฏเสธจะได้ให้เค้าโอนFT เป็นพวกชอบนอนกินการันตีมากกว่า แต่พอเซตได้ก้อต้องขับรถไปกลับ80กม. ผ่าเซต8โมง มาผ่าที่ รพศ ต่อถึงเย็น เป็นซอมบี้เลย)
 
ปล.คิวผ่าผมที่ รพศ ถึง มิย63ละครับ แถมอุปกรณ์ก็ไม่มี ต้องยืมบริษัทเอา(ชุดกล้อง)รวมถึงเก้าอี้นั่งผ่าตัดริมทะเลด้วย ถ้าออฟเคสทีรึคนไข้หนีทีก็หน้ามืดทีต้องเมเนจเคสพอๆกะสมัยเฟลโลเลย

ไปคุยรายละเอียดมาแล้วค่ะไม่มีการลดการันตีในปีถัดๆไป แต่สัญญาเป็นปีต่อปีค่ะ นี่แหละค่ะที่กังวล กลัวพอออกมาถูกเลิกจ้าง คงเคว้งคว้างน่าดู
ปล.ยังมียาดมที่ใจร้ายกว่านี้อีกเหรอคะ แล้วพี่ทำไงคะ หรือทำใจเอา
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 20:13:15
ทุกที่มันมีปัญหาจริงๆครับ ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน
รัฐก็มีปัญหาแบบหนึ่ง เอกชนก็มีปัญหาแบบหนึ่ง
ส่วนเอกชนเรื่องset caseไม่ค่อยมีปัญหามาก อยากsetเวลาไหนก็set เอาที่หมอเจ้าของไข้สะดวก เพราะORกะหมอดมยามีมาก แถมมีDFเป็นแรงจูงใจอีก มีแต่หมอดมยาอยากมาดมให้
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 21:16:30
น้องเห็นใจและเข้าใจคุณพี่มากค่ะ
จากคุณ: peaupo โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 21:17:28
รู้กฎอยู่แล้วว่าต้อง set ก่อน 15.00 น.
ถ้าเคสแรกเป็นการผ่าตัดที่ยากและเป็นครั้งแรกของ รพ.
น่าจะใช้เวลาผ่าตัดค่อนข้างนาน
แล้วทำไมไม่นัดเคสที่ 2 อีกวันนึงละครับ
หมอดมยากับทีมพยาบาล หมดเวลางานราชการแล้ว
เค้าก็น่าจะอยากมีเวลาส่วนตัวให้ครอบครัวบ้าง
…
…
เหมือนจะพยายามสร้างเหตุการณ์ให้อยู่ รพศ. ลำบาก
เพื่อที่จะได้มีเหตุผลในการย้ายไปทำ รพ.เอกชน
…
…
หรือผมคิดมากไปเอง  
 
 
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 21:37:50
 Grin  Grin  Grin  Grin  Grin
ในฐานะคนสวยน้องของวิเคาระห์ต้นตอปัญหานี้นะคะ
ปัญหา คือ ระบบการพัฒนาโรงพยาบาลยังแยกเป็นส่วนๆค่ะ
ส่งหมอไปเรียนหลักสูตรเฉพาะทาง แต่ไม่ได้พัฒนาทีมพยาบาล หรือเครื่องมือไปด้วย  ยังใช้ของเก่า  พอเทรนกลับมาไม่มีทีมที่พร้อม ทำงานได้ไม่คุ้มกับที่ไปลำบากเรียนมา  ทำให้หมอส่วนใหญ่ท้อ และรู้สึกว่าความรู้ของตัวเองเสียของค่ะ  ทำให้หมอบางส่วนเลือกจะกลับไปรรพ.ที่ทำอะไรได้มากกว่า หรือไปอยุ่เอกชนค่ะ
แต่น้องเชื่อว่ากรณีของพี่น่าจะแก้ไปได้ค่ะ ลองคุณกับ ผอ.ดู
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 21:57:47
on 11/13/19 เวลา 21:17:28, peaupo wrote:
รู้กฎอยู่แล้วว่าต้อง set ก่อน 15.00 น.
ถ้าเคสแรกเป็นการผ่าตัดที่ยากและเป็นครั้งแรกของ รพ.
น่าจะใช้เวลาผ่าตัดค่อนข้างนาน
แล้วทำไมไม่นัดเคสที่ 2 อีกวันนึงละครับ
หมอดมยากับทีมพยาบาล หมดเวลางานราชการแล้ว
เค้าก็น่าจะอยากมีเวลาส่วนตัวให้ครอบครัวบ้าง
…
…
เหมือนจะพยายามสร้างเหตุการณ์ให้อยู่ รพศ.ลำบาก
เพื่อที่จะได้มีเหตุผลในการย้ายไปทำ รพ.เอกชน
…
…
หรือผมคิดมากไปเอง  
 
 

น่าจะคิดมากไปเองนะคะ เพราะตอนนั้นจบมาทำงานได้แค่ 1 เดือนกว่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร เอกชนติดต่อมาตั้งแต่เป็น fellow แล้วค่ะแต่ปฏิเสธไปเพราะสงสารคนไข้ที่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปศูนย์มะเร็งที่ไ กลออกไปอีก 130 กิโล ไปกลับก็ 260 กิโล ไหนจะค่ากิน ค่าน้ำมันรถ อ่อนเพลียหลังจากให้เคโม ส่วนนสพ.นี่น่าสงสารมาก ส่วนใหญ่อาจารย์ทำแต่เคสเปค ซึ่งบางทีมันก็ไม่ตรงไปตรงมาพอเด็กเห็นอาจารย์ทำก็จำไปเลยว่าต้องทำแบบนี้ๆ ซึ่งบางทีมันก็...ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการบ้าง (ที่รู้เพราะตรวจรายงายนสพ.ค่ะ) แล้วเคสเปคอาจารย์บางท่านก็ไม่ให้นสพ.เข้าเคสเพราะรู้สึกว่าทำกับพยาบาลง่าย กว่า นสพ.ปีสี่บางคนยังไม่เคยเห็นมดลูก รังไข่ของจริงเลยค่ะ (ตอนนี้กำลังคุยกับศูนย์แพทย์เรื่องทำวิดีโอล้างมือ ใส่เสื้อ ถุงมือเข้า OR, เครื่องมือที่ใช้ในห้องผ่าตัดและวิธีการใช้, ขั้นตอนการตัดมดลูกและรังไข่, การสอนให้คำแนะนำผู้ป่วยก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด อันนี้คือเท่าที่ทำได้ในปีนี้นะคะ ถ้าต้องอยู่ต่อจริงๆก็คงจะพัฒนาหลักสูตรไปอีก) นสพ.ตามรพศ.บางที่น่าสงสารจริงๆนะคะ ยิ่งตอนออกไปอยู่รพช.น้อง intern จะกลัวมาก ขอ refer บ่อยๆ ซึ่งเราก็รับทุกเคสนะคะ แล้วก็สอนทางโทรศัพท์ไปด้วยว่าจริงๆต้อง manage ยังไง
ส่วนที่ว่าทำไม set 2 เคส เพราะเค้ามี OR ให้เราแค่ 1วัน/สัปดาห์ แล้วเคสที่ 2 ก็ไม่ใช่เคสยากค่ะ ประเมินแล้วว่าทำ 1 ชม.เสร็จ ซึ่งวันที่ได้ทำก็ใช้เวลาแค่ 1 ชม.จริงๆค่ะ ผ่าเสร็จก็ช่วยจ่ายค่าเดินทางคนไข้ที่ต้องเสียเวลา และโดนเตรียม bowel ถึง 2 ครั้งT_T
ขอโทษนะคะที่พิมพ์ยาวไป มันอัดอั้นค่ะ ขออนุญาตระบาย
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 22:07:33
on 11/13/19 เวลา 20:13:15, น้ำเน่าในเงาจันทร์ wrote:
ทุกที่มันมีปัญหาจริงๆครับ ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน
รัฐก็มีปัญหาแบบหนึ่ง เอกชนก็มีปัญหาแบบหนึ่ง
ส่วนเอกชนเรื่องset caseไม่ค่อยมีปัญหามาก อยากsetเวลาไหนก็set เอาที่หมอเจ้าของไข้สะดวก เพราะORกะหมอดมยามีมาก แถมมีDFเป็นแรงจูงใจอีก มีแต่หมอดมยาอยากมาดมให้

เอกชนมันมั่นคงมั้ยคะพี่ โอกาสโดนเลิกจ้างกลางคันสูงมั้ยคะ ตอนนี้มีติดต่อมา 2 ที่ หนูก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่ต่อหรือจะไปตายเอาดาบหน้ส ถ้าจะอยู่ต่อก็สงสารตัวเอง ถ้าจะไปก็สงสารคนไข้กับนสพ. แล้วก็กลัวความไม่มั่นคงของเอกชนด้วยค่ะ ปล.หนูไม่ได้มีปัญหาเรื่องรายได้ค่ะ เคยไปทำ part time เอกชนก่อนไปเรียน subboard รู้สึกว่าระบบเขา OK, support หมอ จะ set OR กี่โมงก็ได้ ไม่มี off case ไปทำวันอื่น อีกอย่าฃหมอดมยาอยู่ตั้งแต่เริ่มเคสจนจบเคสเลยค่ะ เคสไหนมี U/D หมอ med ก็มาช่วยดูให้ มันก็ทำให้เราสบายใจและอุ่นใจขึ้นเยอะค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 22:08:57
on 11/13/19 เวลา 21:16:30, SantaNiCo wrote:
น้องเห็นใจและเข้าใจคุณพี่มากค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับกำลังใจ^^
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 22:19:31
on 11/13/19 เวลา 22:07:33, Onc wrote:

เอกชนมันมั่นคงมั้ยคะพี่ โอกาสโดนเลิกจ้างกลางคันสูงมั้ยคะ ตอนนี้มีติดต่อมา 2 ที่ หนูก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะอยู่ต่อหรือจะไปตายเอาดาบหน้ส ถ้าจะอยู่ต่อก็สงสารตัวเอง ถ้าจะไปก็สงสารคนไข้กับนสพ. แล้วก็กลัวความไม่มั่นคงของเอกชนด้วยค่ะ ปล.หนูไม่ได้มีปัญหาเรื่องรายได้ค่ะ เคยไปทำ part time เอกชนก่อนไปเรียน subboard รู้สึกว่าระบบเขา OK, support หมอ จะ set OR กี่โมงก็ได้ ไม่มี off case ไปทำวันอื่น อีกอย่าฃหมอดมยาอยู่ตั้งแต่เริ่มเคสจนจบเคสเลยค่ะ เคสไหนมี U/D หมอ med ก็มาช่วยดูให้ มันก็ทำให้เราสบายใจและอุ่นใจขึ้นเยอะค่ะ

 
เอกชนที่ดีๆมันก็มีครับ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไม่ได้มีหมอให้เลือกมาก
ถ้าเอกชนเกรดดีๆ เจอเคสหนักๆก็จะมีคนมาช่วยดูเคสคอยsupportให้เรา ช่วยเบาแรงได้มาก  
ผมเจอเคส GI bleed with shock มีคนมาคอยresuscitate มาดูventilatorให้ตรูscope พอstop bleedingเสร็จ สะบัดตูด มีคนช่วยดูต่อ  ถ้าเจอเคสหนักๆแล้วดูคนเดียวตายห่านแน่
จากคุณ: peaupo โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 22:30:31
on 11/13/19 เวลา 21:57:47, Onc wrote:

น่าจะคิดมากไปเองนะคะ เพราะตอนนั้นจบมาทำงานได้แค่ 1 เดือนกว่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร เอกชนติดต่อมาตั้งแต่เป็น fellow แล้วค่ะแต่ปฏิเสธไปเพราะสงสารคนไข้ที่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปศูนย์มะเร็งที่ไ กลออกไปอีก 130 กิโล ไปกลับก็ 260 กิโล ไหนจะค่ากิน ค่าน้ำมันรถ อ่อนเพลียหลังจากให้เคโม ส่วนนสพ.นี่น่าสงสารมาก ส่วนใหญ่อาจารย์ทำแต่เคสเปค ซึ่งบางทีมันก็ไม่ตรงไปตรงมาพอเด็กเห็นอาจารย์ทำก็จำไปเลยว่าต้องทำแบบนี้ๆ ซึ่งบางทีมันก็...ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการบ้าง (ที่รู้เพราะตรวจรายงายนสพ.ค่ะ) แล้วเคสเปคอาจารย์บางท่านก็ไม่ให้นสพ.เข้าเคสเพราะรู้สึกว่าทำกับพยาบาลง่าย กว่า นสพ.ปีสี่บางคนยังไม่เคยเห็นมดลูก รังไข่ของจริงเลยค่ะ (ตอนนี้กำลังคุยกับศูนย์แพทย์เรื่องทำวิดีโอล้างมือ ใส่เสื้อ ถุงมือเข้า OR, เครื่องมือที่ใช้ในห้องผ่าตัดและวิธีการใช้, ขั้นตอนการตัดมดลูกและรังไข่, การสอนให้คำแนะนำผู้ป่วยก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด อันนี้คือเท่าที่ทำได้ในปีนี้นะคะ ถ้าต้องอยู่ต่อจริงๆก็คงจะพัฒนาหลักสูตรไปอีก) นสพ.ตามรพศ.บางที่น่าสงสารจริงๆนะคะ ยิ่งตอนออกไปอยู่รพช.น้อง intern จะกลัวมาก ขอ refer บ่อยๆ ซึ่งเราก็รับทุกเคสนะคะ แล้วก็สอนทางโทรศัพท์ไปด้วยว่าจริงๆต้อง manage ยังไง
ส่วนที่ว่าทำไม set 2 เคส เพราะเค้ามี OR ให้เราแค่ 1วัน/สัปดาห์ แล้วเคสที่ 2 ก็ไม่ใช่เคสยากค่ะ ประเมินแล้วว่าทำ 1 ชม.เสร็จ ซึ่งวันที่ได้ทำก็ใช้เวลาแค่ 1 ชม.จริงๆค่ะ ผ่าเสร็จก็ช่วยจ่ายค่าเดินทางคนไข้ที่ต้องเสียเวลา และโดนเตรียม bowel ถึง 2 ครั้งT_T
ขอโทษนะคะที่พิมพ์ยาวไป มันอัดอั้นค่ะ ขออนุญาตระบาย

 
ขอโทษที่เข้าใจคุณหมอผิดไปนะครับ
ถ้ามีปัญหาอย่างนี้ควรไปขอ ผอ. เพิ่มวัน set OR ดีกว่าครับ
ถ้าเป็นหมอที่ต้องผ่าตัดไม่มีปัญหากับหมอดมยาจะดีที่สุดครับ
สู้ๆนะครับ ค่อยๆปรับ ปรับคนอื่นไม่ได้ก็ปล่อยวางครับ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 22:47:25
on 11/13/19 เวลา 22:30:31, peaupo wrote:

 
ขอโทษที่เข้าใจคุณหมอผิดไปนะครับ
ถ้ามีปัญหาอย่างนี้ควรไปขอ ผอ. เพิ่มวัน set OR ดีกว่าครับ
ถ้าเป็นหมอที่ต้องผ่าตัดไม่มีปัญหากับหมอดมยาจะดีที่สุดครับ
สู้ๆนะครับ ค่อยๆปรับ ปรับคนอื่นไม่ได้ก็ปล่อยวางครับ

 
ตอนนี้หนูก็คิดว่าคงต้องปล่อยวางจริงๆค่ะ set วันละเคสพอให้ไม่มีปัญหากับใคร เคสไหนคิวนานหน่อยก็คงให้เคโมรอไปก่อนค่ะ
ขอบคุณที่พี่เข้าใจหนูนะคะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/13/19 เวลา 22:50:41
on 11/13/19 เวลา 22:19:31, น้ำเน่าในเงาจันทร์ wrote:

 
เอกชนที่ดีๆมันก็มีครับ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไม่ได้มีหมอให้เลือกมาก
ถ้าเอกชนเกรดดีๆ เจอเคสหนักๆก็จะมีคนมาช่วยดูเคสคอยsupportให้เรา ช่วยเบาแรงได้มาก  
ผมเจอเคส GI bleed with shock มีคนมาคอยresuscitate มาดูventilatorให้ตรูscope พอstop bleedingเสร็จ สะบัดตูด มีคนช่วยดูต่อ  ถ้าเจอเคสหนักๆแล้วดูคนเดียวตายห่านแน่

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ^^
จากคุณ: KPhysician โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 01:44:18
เห็นใจเจ้าของกระทู้นะครับ ค่อยๆปรับอย่างที่ท่านอื่นบอกนะครับ
สงสารตัวเองด้วยครับ แก่ไปพวกนศพ ที่เรียนจบเป็นหมอ อีกหน่อยก็มารักษาพวกเราเองนี่แหละครับ ไม่กล้าถามเลยว่าจังหวัดไหน ถ้าผมขับเกิดอุบัติเหตที่นั่น เจอน้องๆหมอ ผมจะรอดไหมครับ
จากคุณ: Robocop โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 02:10:10
เคยเจอปัญหาแนวๆเดียวกันก่อนออกมาอยู่เอกชนครับ
 
    บางปัญหา เราไม่สามารถไปแก้ไขได้จริงๆ ก็ปล่อยวาง หรือเอาตัวเราเองออกมาจากจุดนั้น    
 
   พูดถึงเอกชน  ถ้าตัดสินใจออกมาแล้ว อย่าไปกังวลเรื่องโดนเลิกจ้างลอยแพเลยครับ   ไม่เคยได้ข่าวจริงๆ
 
    ปล. ส่วนตัวตอนนี้กลับมาช่วย รพ  ที่เล็กลง ระบบง่ายๆ  และรับ PT เอกชนครับ
 
    เอาใจช่วยน้องใหม่ครับ
จากคุณ: <<GOOD LIFE<< โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 10:17:51

 
case onco เป็นเคสที่ยากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าทีมไม่เคยช่วยผ่ามาก่อนจะลำบากในช่วงเริ่มต้น พอเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็จะดีไปเอง
 
วิธีที่พอจะช่วยได้ คือ เอา case ง่าย ที่คาดการณ์ได้ขึ้นมาผ่าก่อน เพื่อจะได้มั่นใจว่า case ต่อไปจะได้ทำแน่ๆ เพราะ case สุดท้ายพอ on แล้ว จะเสร็จเวลาไหนก็ได้
 
การเอา case ยากขึ้นก่อน ทำให้คุณหมอจะต้องมาห่วงพะวงและต้องเร่งตัวเอง ซึ่งจะทำให้ประสิทธิผลอาจน้อยลง
 
คุณหมอเป็นคนตั้งใจมาก พยายามค่อยๆคิดและปรับแก้ไป  
 
ทุกอย่างเป็นไป เพื่อให้เราใช้ปัญญามากขึ้น เท่านั้นเองครับ
 
สุดท้าย
 
เอาที่ใจลึกๆของเรา ว่าอยากทำ อยากเป็นแบบไหน อันนั้นถูกสำหรับชีวิตเรา
 
 
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 10:51:27
ปัญหาโลกแตก รพ.รัฐส่วนใหญ่เป็นทุกที่
ที่ไม่ให้ set เคสตอนบ่ายแก่ๆ เพราะไม่อยากจ่าย OT เจ้าหน้าที่นั่นแหละครับ
จากคุณ: postgrad โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 11:50:14
- เห็นใจคุณหมอนะคะ มีความตั้งใจช่วยเหลือคนไข้ มีเจตนาดี แต่อยากฝากหลายๆเรื่องลองไปพิจารณานิดนึง ไม่มีผิดถูกนะคะ แล้วแต่บริบทของสถานการณ์และสถานที่ค่ะ
-เพิ่งจบใหม่ ไฟแรง แต่การรักษาเราทำงานเป็นทีมนะคะ หากเราเข้าไปแรกๆ การสร้างมิตรดีกว่าการสร้างศัตรูค่ะ คงต้องหาข้อมูลว่าเงื่อนไขของ รพ.ที่ต้องเกี่ยวข้องการงานของเรานั้น เป็นอย่างไร บางอย่างอย่าเพิ่งออกตัวแรง แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเจ้าที่แรงค่ะ ควรค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะ  
-เพิ่งจบใหม่ต้องสร้างบารมีนะคะ ต่อไปเราถึงจะมีคนคอยช่วยเหลือ ไม่คอยขัดแข้งขา สุดท้ายคนได้รับประโยชน์ที่สุด คือ คนไข้และคุณหมอเองค่ะ
-เมื่อเริ่มมีมิตรมากกว่าศัตรู ต้องการอะไรค่อยชี้แจงไปความข้อมูลจริง  เน้นผลดี ผลเสีย ทั้งในส่วนของการผู้ให้บริการ และส่วนของผู้ป่วยค่ะ ส่วนนี้เน้นทาง ผอ. รอง ผอ. ผู้บริหาร หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ใจเย็นให้ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
-หมอพยาบาลทุกคนคือมนุษย์มีกิเลสทุกคนนะคะ การทำงานกับคนจึงปวดหัวมากค่ะ เพราะคิดไม่เหมือนกัน มองต่างกัน ทุกคนมีความยึดมั่นและมีทิฐิค่ะ
-ใช้ชีวิตและทำงานให้มีศิลปะค่ะ  พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ บางอย่างแก้ไม่ได้ให้ปล่อยวางไปก่อน อะไรพอแก้ได้แก้ไขก่อน อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า  เพิ่งเข้าไปใหม่ๆต้องสังเกตคนอื่นๆไปก่อนนะคะ ถ้าเราเองมีความยึดมั่นบางเรื่องมากไปก็ไม่ดีนะคะ ถ้าเราอยู่เป็นมันก็ไม่มีเหลียมมุมไปกระทบใครเขามาก  มันก็กลิ้งไหลไปไม่กระแทก ไม่กระทบใครค่ะ แต่มันต้องมีศิลปะ ไม่ใช่เราเห็นเรื่องผิดเป็นถูกนะคะ แต่บารมีเรายังไม่มากพอที่จะไปแก้มันได้  บารมีเราเราต้องสร้างขึ้นมา ใช้เวลา ใช้ความอดทน แต่ได้ผลค่ะ  
-ถ้าทนไม่ไหวต้องการแบบใจเรา แล้ว รพ.มันไม่ได้เลยจริงๆ ก็คงต้องขอย้ายค่ะ
จากคุณ: Head_transplant โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:21:05
อย่าแก้ปัญหาครับ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง
สะสมบารมีไปก่อน
ของอย่างงี้ต้องมองยาวๆๆ
คิดไปก็กลุ้มใจฟรีๆ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:23:34
on 11/14/19 เวลา 01:44:18, KPhysician wrote:
เห็นใจเจ้าของกระทู้นะครับ ค่อยๆปรับอย่างที่ท่านอื่นบอกนะครับ
สงสารตัวเองด้วยครับ แก่ไปพวกนศพ ที่เรียนจบเป็นหมอ อีกหน่อยก็มารักษาพวกเราเองนี่แหละครับ ไม่กล้าถามเลยว่าจังหวัดไหน ถ้าผมขับเกิดอุบัติเหตที่นั่น เจอน้องๆหมอ ผมจะรอดไหมครับ

เอาจริงๆก็กลัวเหมือนกันค่ะ เลยตั้งใจสอน
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:24:29
on 11/14/19 เวลา 02:10:10, Robocop wrote:
เคยเจอปัญหาแนวๆเดียวกันก่อนออกมาอยู่เอกชนครับ
 
    บางปัญหา เราไม่สามารถไปแก้ไขได้จริงๆ ก็ปล่อยวาง หรือเอาตัวเราเองออกมาจากจุดนั้น    
 
   พูดถึงเอกชน  ถ้าตัดสินใจออกมาแล้ว อย่าไปกังวลเรื่องโดนเลิกจ้างลอยแพเลยครับ   ไม่เคยได้ข่าวจริงๆ
 
    ปล. ส่วนตัวตอนนี้กลับมาช่วย รพ  ที่เล็กลง ระบบง่ายๆ  และรับ PT เอกชนครับ
 
    เอาใจช่วยน้องใหม่ครับ

ขอบคุณมากค่ะพี่
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:28:54
on 11/14/19 เวลา 10:17:51, <<GOOD LIFE<< wrote:

 
case onco เป็นเคสที่ยากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าทีมไม่เคยช่วยผ่ามาก่อนจะลำบากในช่วงเริ่มต้น พอเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็จะดีไปเอง
 
วิธีที่พอจะช่วยได้ คือ เอา case ง่าย ที่คาดการณ์ได้ขึ้นมาผ่าก่อน เพื่อจะได้มั่นใจว่า case ต่อไปจะได้ทำแน่ๆ เพราะ case สุดท้ายพอ on แล้ว จะเสร็จเวลาไหนก็ได้
 
การเอา case ยากขึ้นก่อน ทำให้คุณหมอจะต้องมาห่วงพะวงและต้องเร่งตัวเอง ซึ่งจะทำให้ประสิทธิผลอาจน้อยลง
 
คุณหมอเป็นคนตั้งใจมาก พยายามค่อยๆคิดและปรับแก้ไป  
 
ทุกอย่างเป็นไป เพื่อให้เราใช้ปัญญามากขึ้น เท่านั้นเองครับ
 
สุดท้าย
 
เอาที่ใจลึกๆของเรา ว่าอยากทำ อยากเป็นแบบไหน อันนั้นถูกสำหรับชีวิตเรา
 
 

วันนั้นที่เอาเคสยากขึ้นก่อนเพราะเป็นเคส high risk ค่ะ eldery,DM,HT,DLD แต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ปรับตัวค่ะ เคสยาก set วันละเคส ถ้าไม่ยากก็ 2 เคสค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
จากคุณ: Omo โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:31:12
หมอผ่าตัดที่อยู่ รพ.เอกชน ไม่ค่อยได้ผ่าเคสยากๆหรอก
เพราะคนไข้สู้ คชจ. ไม่ไหว ส่วนใหญ่ขอย้ายไป รพศ หรือศูนย์มะเร็ง
หมอผ่าตัดที่เป็น FT เอกชน อาจดูสบาย เงินดี งานไม่หนัก เพราะส่วนใหญ่ทำแต่เคสง่ายๆ หมอที่ชอบความท้าทายอาจไม่เหมาะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:33:40
on 11/14/19 เวลา 11:50:14, postgrad wrote:
- เห็นใจคุณหมอนะคะ มีความตั้งใจช่วยเหลือคนไข้ มีเจตนาดี แต่อยากฝากหลายๆเรื่องลองไปพิจารณานิดนึง ไม่มีผิดถูกนะคะ แล้วแต่บริบทของสถานการณ์และสถานที่ค่ะ
-เพิ่งจบใหม่ ไฟแรง แต่การรักษาเราทำงานเป็นทีมนะคะ หากเราเข้าไปแรกๆ การสร้างมิตรดีกว่าการสร้างศัตรูค่ะ คงต้องหาข้อมูลว่าเงื่อนไขของ รพ.ที่ต้องเกี่ยวข้องการงานของเรานั้น เป็นอย่างไร บางอย่างอย่าเพิ่งออกตัวแรง แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเจ้าที่แรงค่ะ ควรค่อยๆเป็นค่อยๆไปค่ะ  
-เพิ่งจบใหม่ต้องสร้างบารมีนะคะ ต่อไปเราถึงจะมีคนคอยช่วยเหลือ ไม่คอยขัดแข้งขา สุดท้ายคนได้รับประโยชน์ที่สุด คือ คนไข้และคุณหมอเองค่ะ
-เมื่อเริ่มมีมิตรมากกว่าศัตรู ต้องการอะไรค่อยชี้แจงไปความข้อมูลจริง  เน้นผลดี ผลเสีย ทั้งในส่วนของการผู้ให้บริการ และส่วนของผู้ป่วยค่ะ ส่วนนี้เน้นทาง ผอ. รอง ผอ. ผู้บริหาร หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ใจเย็นให้ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
-หมอพยาบาลทุกคนคือมนุษย์มีกิเลสทุกคนนะคะ การทำงานกับคนจึงปวดหัวมากค่ะ เพราะคิดไม่เหมือนกัน มองต่างกัน ทุกคนมีความยึดมั่นและมีทิฐิค่ะ
-ใช้ชีวิตและทำงานให้มีศิลปะค่ะ  พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ บางอย่างแก้ไม่ได้ให้ปล่อยวางไปก่อน อะไรพอแก้ได้แก้ไขก่อน อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า  เพิ่งเข้าไปใหม่ๆต้องสังเกตคนอื่นๆไปก่อนนะคะ ถ้าเราเองมีความยึดมั่นบางเรื่องมากไปก็ไม่ดีนะคะ ถ้าเราอยู่เป็นมันก็ไม่มีเหลียมมุมไปกระทบใครเขามาก  มันก็กลิ้งไหลไปไม่กระแทก ไม่กระทบใครค่ะ แต่มันต้องมีศิลปะ ไม่ใช่เราเห็นเรื่องผิดเป็นถูกนะคะ แต่บารมีเรายังไม่มากพอที่จะไปแก้มันได้  บารมีเราเราต้องสร้างขึ้นมา ใช้เวลา ใช้ความอดทน แต่ได้ผลค่ะ  
-ถ้าทนไม่ไหวต้องการแบบใจเรา แล้ว รพ.มันไม่ได้เลยจริงๆ ก็คงต้องขอย้ายค่ะ

เจ้าที่แรงจริงๆค่ะ กัดไม่ปล่อยเลยค่ะ บางทีก็มานั่งนอยด์ว่าถ้าเคส onco มันนาน ไม่อยากให้ทำ แต่จะตั้งศูนย์มะเร็ง แล้วส่งเราไปเรียนทำไมT_T หรือรพ.เค้ายังตกลงกันไม่ได้ว่าเป็นศูนย์มะเร็งด้วยก็ไม่ทราบค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 12:34:52
on 11/14/19 เวลา 12:21:05, Head_transplant wrote:
อย่าแก้ปัญหาครับ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง
สะสมบารมีไปก่อน
ของอย่างงี้ต้องมองยาวๆๆ
คิดไปก็กลุ้มใจฟรีๆ

จะพยายามเลิกคิดค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 15:34:58
on 11/14/19 เวลา 15:01:46, 6699 wrote:
ราชการส่วนมากเล่นกันเงียบๆ แต่แรง
 
ต้องมองให้ออกว่า หมอดมยาคนนั้น เป็นคนหลงตัวเองหรือเปล่า ถ้าเป็นคนหลงตัวเอง ที่โลกหมุนรอบตัวเขาเอง โอกาสที่คุณจะชนะเขามีน้อยมาก พวกหมอดมยา จะอยู่กันเป็นทึม และรักกันมาก ด้วยความผูกพันธ์บางอย่าง  
 
ค่าเวรของหมอดมยาตอนตอกเวลาราชการแพงมาก เมื่อคิดตามระเบียบราชการ  
คุณต้องการให้ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร ไม่ได้บอกให้ชัดเจน เช่น
-ต้องการให้คนป่วยคนที่สองได้ผ่าตัดทำอย่างไร
-ต้องการตอบโต้หมอดมยาทำอย่างไร
-ต้องการตอบโต้รองแพทย์ทำอย่างไร
-ถ้าคุณไม่มีทีม ไม่มีพรรคพวก คุณทำอะไรไม่ได้ คุณต้องมีทีม หรือพรรคพวกที่ต่อรอง ทางรพ.ขาดหมอonco gyn ทางรพ.ไม่เดือดร้อน แต่ขาดหมอดมยา อาจจะเดือดร้อน เพราะมีหลายคน มีพวกมากกว่า  
-เชื่อได้เลย แม้แต่คุณย้ายไปจากรพ. ทางรพ.เขายังไม่คิดเสียใจอะไร แถมดีใจอีกเสียด้วย เพราะคนป่วยพวกนี้ เวลามาตรวจ ใช้การส่งต่อง่ายกว่ามาก และเรื่องนี้ ยังไม่ได้เป็นนโยบายของเขต หรือกระทรวง ทำให้ความสำคัญของคุณมีน้อยลง  
-ถ้าคุณมีทีม หรือพรรคพวก แม้แต่ผู้อำนวยการ คุณยังสามารถแกล้งให้ย้ายออก หรือทำให้ย้ายออกจากพื้นที่ได้เลย  
-

ตอนเรียนหมอไม่เคยได้รับรู้เรื่องอะไรพวกนี้เลยค่ะ เพราะอาจารย์ที่รรพ.เป็นคนดีมาก ทั้งหมอผ่าตัด ทั้งดมยา ทำงานเป็นทีมช่วยเหลือคนไข้ บางวันผ่ากันถึง 3 ทุ่มก็ยังไม่มีปัญหาเลยค่ะ เลยคิดว่าโลกข้างนอกก็คงเป็นเหมือนกัน แต่มันตรงกันข้ามหมดเลยค่ะ เรื่องทีมมีแค่ผอ.ที่เข้าใจและบอกรองแพทย์ไว้ว่าหมอคนนี้เป็นคนดีมาก ตั้งใจทำงาน ยังไงก็ต้องรักษาเค้าไว้ให้ได้ แต่อีกไม่นานผอ.ท่านนี้ก็จะย้ายแล้วค่ะ ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง T_T อย่างที่พี่บอก เค้าอาจจะดีใจกันด้วยซ้ำที่หนูลาออก เพราะไม่ต้องมาทำเคสนานๆ
จากคุณ: Hippo โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 20:46:26
เรียกว่าอาการ culture shock ที่เกิดกับทุกคนหลังออกจาก รรพ. ไม่นาน
ตอนนี้ก็เป็นอีกห้วงเวลานึงของชีวิต  
เป็นกำลังใจให้ครับ  
 
 
จากคุณ: พุฝอยสาหร่าย โพสเมื่อวันที่: 11/14/19 เวลา 22:17:10
ไม่ขอแสดงความเห็นครับ เพราะระบบราชการมันพูดไม่ออกจริงๆ   เห็นใจครับ  ขอเป็นกำลังใจให้แบบเงียบๆตรงนี้ล่ะกัน  สู้ๆครับ
จากคุณ: Hippopotamus โพสเมื่อวันที่: 11/15/19 เวลา 00:19:10
เข้าใจ และเห็นใจครับ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/15/19 เวลา 09:52:55
on 11/14/19 เวลา 20:46:26, Hippo wrote:
เรียกว่าอาการ culture shock ที่เกิดกับทุกคนหลังออกจาก รรพ. ไม่นาน
ตอนนี้ก็เป็นอีกห้วงเวลานึงของชีวิต  
เป็นกำลังใจให้ครับ  
 
 

ขอบคุณค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/15/19 เวลา 09:53:26
on 11/14/19 เวลา 22:17:10, พุฝอยสาหร่าย wrote:
ไม่ขอแสดงความเห็นครับ เพราะระบบราชการมันพูดไม่ออกจริงๆ   เห็นใจครับ  ขอเป็นกำลังใจให้แบบเงียบๆตรงนี้ล่ะกัน  สู้ๆครับ

ขอบคุณค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/15/19 เวลา 09:53:55
on 11/15/19 เวลา 00:19:10, Hippopotamus wrote:
เข้าใจ และเห็นใจครับ

ขอบคุณค่ะ
จากคุณ: sunrise โพสเมื่อวันที่: 11/15/19 เวลา 11:56:38
ถ้าที่มันห่วยเราก็ไปเถอะค่ะ  
นี่ตอนย้าย รพ ใหม่ๆก็แย่เหมือนกัน อาศัยปรับตัวเพิ่มความร้ายค่ะ 555
แต่เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้จริงๆค่ะ subboard สูติ หางานไม่ยากหรอกค่ะ  
เอกชนเยอะแยะ
 
จากคุณ: Omo โพสเมื่อวันที่: 11/15/19 เวลา 22:32:17
ราชการก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
เอกชนก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
หมอ Onco ถ้ามาอยู่เอกชน
ปัญหาคือ คนไข้น้อย คนไข้ขอ Refer
ถ้าเป็น PT พอไหว  
ถ้า FT นี่..สร้างฐานคนไข้ลำบาก อาจต้องตรวจ general
เช่น Onco med ส่วนใหญ่ต้องให้ med ส่งเคส consult
เคส CA ส่วนใหญ่ก็มีปัญหา financial สุดท้ายก็ refer
ถ้า รพ.ไหนมีหมอ Onco เกิน 2 คน เคสก็จะถูกหารออกไปอีก
 
ปล.รพ.เอกชนที่เราอยู่เคยมี Onco gyne มาอยู่ ส่วนใหญ่ได้ตรวจเคส gen สูติ ในที่สุดขอย้ายเข้า รรพ.  
ส่วน onco med มีแต่ PT ไม่เคยส่งเคส consult เลย 555
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/16/19 เวลา 12:04:48
on 11/15/19 เวลา 22:32:17, Omo wrote:
ราชการก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
เอกชนก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
หมอ Onco ถ้ามาอยู่เอกชน
ปัญหาคือ คนไข้น้อย คนไข้ขอ Refer
ถ้าเป็น PT พอไหว  
ถ้า FT นี่..สร้างฐานคนไข้ลำบาก อาจต้องตรวจ general
เช่น Onco med ส่วนใหญ่ต้องให้ med ส่งเคส consult
เคส CA ส่วนใหญ่ก็มีปัญหา financial สุดท้ายก็ refer
ถ้า รพ.ไหนมีหมอ Onco เกิน 2 คน เคสก็จะถูกหารออกไปอีก
 
ปล.รพ.เอกชนที่เราอยู่เคยมี Onco gyne มาอยู่ ส่วนใหญ่ได้ตรวจเคส gen สูติ ในที่สุดขอย้ายเข้า รรพ.  
ส่วน onco med มีแต่ PT ไม่เคยส่งเคส consult เลย 555
 

คือที่รพศ.ตอนนี้ก็ต้องทำทั้ง genทั้งonco ค่ะ ไปเอกชนก็คงต้องทำทั้ง2 อย่าง
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 11/16/19 เวลา 19:13:02
    ...........รู้มั้ยที่คุณคิด-ทำนี่  แหกกฏมาครึ่งโหลแล้ว.....
จากคุณ: cemetery99 โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 02:54:05
ไม่ต้องกลัวเรื่องตกงานเลยครับ ถึงเป็น onco gyne ก็เถอะ
ถ้าทำแถวกทม.+ ปริมณฑลมีรพ.ให้ลงเยอะแยะครับ
 
แค่ว่าต้องcase onco อาจจะน้อย ส่วนใหญ่จต้องะตรวจ gen
ทุกรพ.อยากได้อยุ่แล้วครับ subboard เอาเป็นหน้าตารพ.
จากคุณ: brownie โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 03:49:41
ผมก็รู้สึกว่าหมอดมยามีพวกแปลกๆอยู่เยอะ ยิ่งเห็นคนผ่าตัดอายุน้อยกว่า ยิ่งอยากกด คงต้องทำใจ
จากคุณ: Humble_guy โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 09:50:53
จบใหม่ไฟแรง ไม่พอใจก็ชน มันก็จะพัง พังทั้งตัวเองและพังทั้งเพื่อนร่วมงาน
 
รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ถ้ารู้ว่ารบแล้วแพ้แน่ๆ ก็ย้ายสนามรบ
 
อยากจะเตือนคนเพิ่งจบว่า การเสียสละ ในปีแรกๆก็พอทำได้ แต่ถ้าต้องเสียสละหรือถูกเอาเปรียบไปตลอด มันก็ไม่ไหว
 
อย่าลืมว่าบางครั้งปัญหาอยู่ที่ตัวเราเองด้วย multi-disciplinary approach สำคัญกับ onconlogy ฉันใด การทำงานเป็นทีมก็สำคัญสำหรับหมอผ่าตัดฉันนั้น
 
คำพูดว่า "สงสารคนไข้" เป็นคำพูดที่ควรหลีกเลี่ยงในเวลาที่บุคคลากรทางการแพทย์กำลังทะเลาะกันหรือป รึกษาหาทางแก้ปัญหา เพราะไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมีแต่จะทำให้แย่ลง เป็นคำพูดที่จะถูกตีความว่าเอาดีใส่ตัว เอาไม่ดีใส่เพื่อนร่วมงาน
 
ขอให้โชคดีทำงานอย่างมีความสุข
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 10:07:08
ถ้าบริบทของ รพศ. แห่งนั้นเป็นอย่างที่กล่าวมา ก็ควรจะเซ็ตผ่าตัดเคสใหญ่ประมาณ 1- 2 เคส/วัน โดยเคสแรกเริ่มประมาณ 9.00 น. จริงๆแหละครับ
...Ideally แล้ว ถ้าทำผ่าตัดทุกวันในเวลาราชการ ก็จะผ่าตัดได้ 5- 10 เคส/ สัปดาห์ หรือ 20- 40 เคส/ เดือน หรือ  260- 520 เคส/ ปี
ซึ่งถือว่ามากๆๆๆๆ เลยนะครับ (มากพอๆกับ รรพ. ขนาดกลาง เลยนะครับ)
ซึ่งจะ Happy ทุกฝ่ายทั้งตัวคุณหมอเอง+ ทีมงานผ่าตัดใน รพ.+ ผู้ป่วยทั้งหลาย+ ทาง รพ. นะครับ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 12:53:47
on 11/17/19 เวลา 10:07:08, Dr._Panya wrote:
ถ้าบริบทของ รพศ. แห่งนั้นเป็นอย่างที่กล่าวมา ก็ควรจะเซ็ตผ่าตัดเคสใหญ่ประมาณ 1- 2 เคส/วัน โดยเคสแรกเริ่มประมาณ 9.00 น. จริงๆแหละครับ
...Ideally แล้ว ถ้าทำผ่าตัดทุกวันในเวลาราชการ ก็จะผ่าตัดได้ 5- 10 เคส/ สัปดาห์ หรือ 20- 40 เคส/ เดือน หรือ  260- 520 เคส/ ปี
ซึ่งถือว่ามากๆๆๆๆ เลยนะครับ (มากพอๆกับ รรพ. ขนาดกลาง เลยนะครับ)
ซึ่งจะ Happy ทุกฝ่ายทั้งตัวคุณหมอเอง+ ทีมงานผ่าตัดใน รพ.+ ผู้ป่วยทั้งหลาย+ ทาง รพ. นะครับ

เขาให้ผ่าได้สัปดาห์ละ 1 วัน วันละ 1 เคส 1 เดือนได้ 4-5 เคส 1 ปี ได้ 40-50 เคสลบวันหยุดราชการไปด้วยค่ะ T_T
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 13:00:12
on 11/17/19 เวลา 09:50:53, Humble_guy wrote:
จบใหม่ไฟแรง ไม่พอใจก็ชน มันก็จะพัง พังทั้งตัวเองและพังทั้งเพื่อนร่วมงาน
 
รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ถ้ารู้ว่ารบแล้วแพ้แน่ๆ ก็ย้ายสนามรบ
 
อยากจะเตือนคนเพิ่งจบว่า การเสียสละ ในปีแรกๆก็พอทำได้ แต่ถ้าต้องเสียสละหรือถูกเอาเปรียบไปตลอด มันก็ไม่ไหว
 
อย่าลืมว่าบางครั้งปัญหาอยู่ที่ตัวเราเองด้วย multi-disciplinary approach สำคัญกับ onconlogy ฉันใด การทำงานเป็นทีมก็สำคัญสำหรับหมอผ่าตัดฉันนั้น
 
คำพูดว่า "สงสารคนไข้" เป็นคำพูดที่ควรหลีกเลี่ยงในเวลาที่บุคคลากรทางการแพทย์กำลังทะเลาะกันหรือป รึกษาหาทางแก้ปัญหา เพราะไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นมีแต่จะทำให้แย่ลง เป็นคำพูดที่จะถูกตีความว่าเอาดีใส่ตัว เอาไม่ดีใส่เพื่อนร่วมงาน
 
ขอให้โชคดีทำงานอย่างมีความสุข

คือเราควรจะกลายเป็นตามน้ำแบบวัฒนธรรมในองค์กรนั้นถึงจะอยู่ได้ใช่มั้ยคะ แบบคนไข้จะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ชั้นต้องอยู่รอดปลอดภัย ไม่ให้มีเรื่องกับใคร ทำงานสบายๆ set วันละเคส เที่ยง กลับบ้านนอน ห้องผ่าตัดก็สบาย ดมยาก็สบาย ทุกคน happy post-op ก็สบายไปอีกราวน์แค่วันละเคส มันก็ดีกับเราไปอีกแบบ อย่างนั้นถึงจะอยู่ได้ถูกต้องมั้ยคะ งงใจ
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 14:35:54
on 11/17/19 เวลา 12:53:47, Onc wrote:

เขาให้ผ่าได้สัปดาห์ละ 1 วัน วันละ 1 เคส 1 เดือนได้ 4-5 เคส 1 ปี ได้ 40-50 เคสลบวันหยุดราชการไปด้วยค่ะ T_T

 
ถ้าอนุญาติให้ผ่าตัดเคส Gyne. Onco. ได้แค่สัปดาห์ละเคส ก็น้อยไปนิดนึงจริงๆแหละครับ...แต่ว่าถ้าเราค่อยๆทำไปทุกสัปดาห์ (เริ่มจากเคสที่อาการมากก่อนๆ ที่จะ Beyond Surgery ) ก็จะผ่าได้ประมาณปีละ 50 เคส ซึ่งถ้าทำงานอยู่นั่นสัก 4- 5 ปี เคสมะเร็งจะหายไปประมาณ 200+เคส เลยครับ อิ อิ อิ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 19:13:06
on 11/17/19 เวลา 14:35:54, Dr._Panya wrote:

 
ถ้าอนุญาติให้ผ่าตัดเคส Gyne. Onco. ได้แค่สัปดาห์ละเคส ก็น้อยไปนิดนึงจริงๆแหละครับ...แต่ว่าถ้าเราค่อยๆทำไปทุกสัปดาห์ (เริ่มจากเคสที่อาการมากก่อนๆ ที่จะ Beyond Surgery ) ก็จะผ่าได้ประมาณปีละ 50 เคส ซึ่งถ้าทำงานอยู่นั่นสัก 4- 5 ปี เคสมะเร็งจะหายไปประมาณ 200+เคส เลยครับ อิ อิ อิ

คุณพี่!!! คิดบวกมากค่ะ
จากคุณ: +SandsOfTime+ โพสเมื่อวันที่: 11/17/19 เวลา 23:18:05
Shocked
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 11/18/19 เวลา 16:10:36
ผ่าน้อยไป ไม่คุ้มกับที่เรียนมา อย่างว่า รพ รัฐขัดสนทุกอย่าง
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 11/19/19 เวลา 14:37:35
on 11/17/19 เวลา 10:07:08, Dr._Panya wrote:
ถ้าบริบทของ รพศ. แห่งนั้นเป็นอย่างที่กล่าวมา ก็ควรจะเซ็ตผ่าตัดเคสใหญ่ประมาณ 1- 2 เคส/วัน โดยเคสแรกเริ่มประมาณ 9.00 น. จริงๆแหละครับ
...Ideally แล้ว ถ้าทำผ่าตัดทุกวันในเวลาราชการ ก็จะผ่าตัดได้ 5- 10 เคส/ สัปดาห์ หรือ 20- 40 เคส/ เดือน หรือ  260- 520 เคส/ ปี
ซึ่งถือว่ามากๆๆๆๆ เลยนะครับ (มากพอๆกับ รรพ. ขนาดกลาง เลยนะครับ)
ซึ่งจะ Happy ทุกฝ่ายทั้งตัวคุณหมอเอง+ ทีมงานผ่าตัดใน รพ.+ ผู้ป่วยทั้งหลาย+ ทาง รพ. นะครับ

 
 Grin
จากคุณ: Dr.Mae โพสเมื่อวันที่: 11/19/19 เวลา 19:54:36
เลือกเดินทางสายกลาง ค่ะ
จากคุณ: Onc โพสเมื่อวันที่: 11/21/19 เวลา 21:28:10
on 11/19/19 เวลา 19:54:36, Dr.Mae wrote:
เลือกเดินทางสายกลาง ค่ะ

มันมีแค่ 2 ทางค่ะ อยู่ต่อแบบไร้ตัวตน กับ ออกไปตายเอาดาบหน้า T_T
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 11/23/19 เวลา 10:14:24
เมื่อเราจะเซ็ตเคส Major Operations ครั้งใดๆ บางทีเราอาจจะต้อง Notify แผนกที่อาจจะ Involve กับการผ่าตัดของเรา เช่น X-ray/ ดมยา/ Patho. ว่าเค้า Available รึเปล่าด้วยครับ
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 11/24/19 เวลา 13:23:18
        ทำไงดี ? - " คืองี้  ทำงานไม่ง่ายเหมือนทำขนม ครับ"
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 11/30/19 เวลา 14:10:45
    .......เป็นกระผมจะลาออกไปเป็นแม่ค้าขายข้าวหลาม ครับ ขายดี .....
จากคุณ: คุณแม่ลูกหนึ่ง โพสเมื่อวันที่: 12/26/19 เวลา 15:19:01

ขอย้ายไปตามรพ.มะเร็งต่างๆค่ะ สถาบันมะเร็งก็ได้ ยังขาด


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by