Topic Summary
|
จากคุณ: Ya55 |
โพสเมื่อวันที่: 07/30/19 เวลา 16:49:33 |
คือหนูเป็น intern3ค่ะ ตอนนี้ทำงานรพช. มีหมอแค่3คนรวมผอ.แล้วค่ะ ทั้งปีจะได้น้องมาวนเพิ่มแค่2เดือน รู้สึกอึดอัดมากที่ต้องอยู่สภาพนี้ คือเวรถี่ๆ และreferเมดยากมากๆ ต้องดองเคสไว้เองเยอะ เครื่องมือรพช.ก็ไม่พร้อม เสี่ยงตลอด เครียดจนเริ่ม depress หน่อยๆ พอมาคิดทบทวนว่าเราจะออกจากสภาพนี้ได้อย่างไรก็คือต้องหนีไปเรียนต่อ หรือลาออกจากราชการไปเลย แต่ตอนนี้คิดว่ายังไม่พร้อมสู่สนาม resident ค่ะ ยังไม่เจอสาขาที่ใช่สุดๆ ลาไปelectiveก็ยากมาก ถ้ามีหมอ1ใน3คนลาจะรู้สึกจิตตกมากๆ ไม่พร้อมสมัครสำหรับปีนี้ เลยอยู่ช่วงตัดสินใจว่าจะทนไถนาต่อ หรือจะออกจากราชการมาตั้งหลักก่อนดี แต่ถ้าออกก็เสี่ยงที่จะสมัคร free train ไม่ติดอีก ทีนี้เลยต้องคิดแผนสำรองกรณีต้องเป็น GP ไปเรื่อยๆ ระยะสั้นที่คิดไว้คือทำงานในรพ.รัฐสังกัดกทม.แต่ไม่ได้บรรจุ/รพ.เอกชน/คลินิ ก รายได้พอใช้จ่ายค่ะ แต่ระยะยาวงานจะเป็นอย่างไรยังมองภาพไม่ออก อยากจะรบกวนพี่ๆ GP ที่อยู่กันยาวๆ happyดี ไม่ได้อยากกลับไปเรียนต่อแล้ว ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้างค่ะ ชีวิตเป็นอย่างไรบ้างคะ ขอบคุณพี่ๆที่มาแสดงความคิดเห็นนะคะ
|
จากคุณ: crv01 |
โพสเมื่อวันที่: 07/30/19 เวลา 21:31:23 |
อายุน้อยไปเรียนเถอะครับ. ลองหาสาขาที่ชอบ. ไม่นั้นเป็นจีพีคนไข้จะไม่ค่อยเชื่อถือ. แม้นแต่ในสังคมแพทย์ด้วยกัน.
|
จากคุณ: Hybrid VI |
โพสเมื่อวันที่: 07/30/19 เวลา 23:03:00 |
อายุ 37 ปี แต่มาหารเวรช่วยน้อง 12 เวร/เดือนครับ รพช.90 เตียง
|
จากคุณ: positive |
โพสเมื่อวันที่: 07/31/19 เวลา 08:31:04 |
บริบทเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ ปัจจุบันของรุ่นพี่ อาจไม่ใช่อนาคตของรุ่นน้องครับ ถ้าไม่พร้อมไปเรียน อย่าเรียนครับ ชีวิตเรามีทางเลือกมากกว่านั้น เพื่อนหมอรุ่นเดียวกันกับผมป่วยหนักและเสียชีวิตไปหลายคนแล้ว ตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 (ไม่เกี่ยวกับงาน หรือ เครียดนะครับ แค่จะชี้ว่าชีวิตไม่แน่นอน ) อย่าเครียดเกินไปครับ อยากทำอะไรก็เป็นไปครับ อย่ายึดติดกับมาตรฐานของสังคมมากเกินไปครับ เพราะตาคุณจ้องมองออกไปข้างนอกตลอด คุณจะเหนื่อยตลอดไป รีบเรียน รีบเก่ง รีบรักษา รีบเดินทาง รีบก้าวหน้า รีบวิจัย รีบรับจ๊อบ รีบไปเรียนอีกที วงจรนี้ไม่ผิด ถ้าคุณไม่ได้เครียดกับมันมากเกินไป ถ้าคุณไม่เป็นทุกข์มากเกินไป วันนี้ผมได้ฟัง youtube คุณชวน หลีกภัย วัย 81 ปี เล่าเรื่องชีวิตนักการเมือง ทำให้ผมเข้าใจว่า เขาอยู่ในจุดของเขาจริงๆ จึงยืนยงในงานนี้มาได้ทุกวันนี้ (ไม่ได้มุ่งประเด็นการเมืองนะครับ ดูเรื่องอาชีพที่เหมาะเฉยๆ) ผมจะบอกว่าเรารีบไปหาจุดที่ลงตัวของเราจะดีกว่าครับ อย่ามองไปข้างนอกมาก เปรียบเทียบมากไป จะทำตัวเป็นภัยต่อชีวิตตัวเอง เลือกแนวทางที่ไม่ suffer มากก็ดีนะครับ ปลายทางอาจไม่ต่างกัน
|
จากคุณ: gundamwing |
โพสเมื่อวันที่: 07/31/19 เวลา 09:28:08 |
on 07/31/19 เวลา 08:31:04, positive wrote:บริบทเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ ปัจจุบันของรุ่นพี่ อาจไม่ใช่อนาคตของรุ่นน้องครับ ถ้าไม่พร้อมไปเรียน อย่าเรียนครับ ชีวิตเรามีทางเลือกมากกว่านั้น เพื่อนหมอรุ่นเดียวกันกับผมป่วยหนักและเสียชีวิตไปหลายคนแล้ว ตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 (ไม่เกี่ยวกับงาน หรือ เครียดนะครับ แค่จะชี้ว่าชีวิตไม่แน่นอน ) อย่าเครียดเกินไปครับ อยากทำอะไรก็เป็นไปครับ อย่ายึดติดกับมาตรฐานของสังคมมากเกินไปครับ เพราะตาคุณจ้องมองออกไปข้างนอกตลอด คุณจะเหนื่อยตลอดไป รีบเรียน รีบเก่ง รีบรักษา รีบเดินทาง รีบก้าวหน้า รีบวิจัย รีบรับจ๊อบ รีบไปเรียนอีกที วงจรนี้ไม่ผิด ถ้าคุณไม่ได้เครียดกับมันมากเกินไป ถ้าคุณไม่เป็นทุกข์มากเกินไป วันนี้ผมได้ฟัง youtube คุณชวน หลีกภัย วัย 81 ปี เล่าเรื่องชีวิตนักการเมือง ทำให้ผมเข้าใจว่า เขาอยู่ในจุดของเขาจริงๆ จึงยืนยงในงานนี้มาได้ทุกวันนี้ (ไม่ได้มุ่งประเด็นการเมืองนะครับ ดูเรื่องอาชีพที่เหมาะเฉยๆ) ผมจะบอกว่าเรารีบไปหาจุดที่ลงตัวของเราจะดีกว่าครับ อย่ามองไปข้างนอกมาก เปรียบเทียบมากไป จะทำตัวเป็นภัยต่อชีวิตตัวเอง เลือกแนวทางที่ไม่ suffer มากก็ดีนะครับ ปลายทางอาจไม่ต่างกัน |
| ชอบความเห็นนี้
|
จากคุณ: moulini |
โพสเมื่อวันที่: 07/31/19 เวลา 16:10:34 |
ส่วนตัวแล้วอยู่ได้เรื่อยๆนะ เป็น GP ก็ถือว่าสบายในระดับหนึ่งนะคะ แต่ก็ตรวจเยอะหน่อย อยู่ในวังวนของเอกชนมา 10 กว่าปี ก็ตรวจ ปกส บัตรทองวนไป ๆ สมัยก่อนงานรับ GP เยอะ แต่เดี๋ยวนี้น้อยลงนะเท่าที่ตามดูประกาศหางาน ส่วนเรทก็ 500/h มาหลายปีดีดัก ยังไม่มีแนวโน้มจะขึ้นเลย ส่วนเรื่องไม่สบายใจ มันก็ต้องมีบ้าง เวลา consult แล้วโดนด่ากลับมางี้ แต่ถ้าให้แนะนำ ก็เรียนต่อเถอะ ถ้าน้องค้นพบว่าชอบอะไร เป็นเฉพาะทางมันภาษีดีกว่าอยู่แล้วล่ะ รายได้ด็ดีกว่าและทำอะไรได้มากกว่า เวลารักษาคนไข้ก็มีความมั่นใจมากกว่า
|
จากคุณ: doreus |
โพสเมื่อวันที่: 07/31/19 เวลา 17:01:54 |
พี่รับราชการครับ เปิดคลินิก รายได้ดี เลยไม่เรียนต่อ เวลาตรวจก็จะสร้างแผนกโน้นนี้นั้นขึ้นมาครับ ขี้เกียจcounsellingเอง ส่งไปให้พยาบาลทำ ก็ตรวจได้เรื่อยๆนะครับ ในกรณีนี้พี่เป็นผอ.มาตลอดนะครับ พออายุราชการครบ25ปีก็ลาออกครับ ทำคลินิกเล็กๆรายได้ก็ดีใช้ได้ครับ ทำสนุกๆเพราะมีบำนาญกับเงินเก็บอยู่แล้ว แต่อย่างว่า มันคนละยุคกัน น้องต้องมียุคของน้อง เช่นทำช่องยูทูบ ขายของออนไลน์ อะไรของน้องไป พยายามเรียนออนไลน์ครับสนุกดีอย่าซังกะตายอยู่เฉยๆ อาชีพหมอในอนาคตไม่น่าจะดีนะครับ หาอาชีพเสริมอย่างอื่นๆดูดีกว่าอายุยังน้อย
|
จากคุณ: cmu33 |
โพสเมื่อวันที่: 07/31/19 เวลา 19:03:28 |
ที่ กทม.ได้บรรจุเป็นข้าราชการนะครับ เว้นแต่ว่าน้องอยากเป็น parttime ตลอดแค่นั้นเอง อย่างโรงพยาบาลพี่ก็มีตำแหน่งว่างนะเช่น นิติเวช เป็นต้นครับ
|
จากคุณ: blitzs |
โพสเมื่อวันที่: 08/01/19 เวลา 13:45:25 |
ขอย้าย ไป รพช ที่เวรน้อยลงสิครับ refer ไม่ได้ ก็บอกญาติไปตามตรงว่าปลายทางเตียงเต็ม ติดต่อให้แล้ว พยายามแล้ว ญาติเขาไม่เอาผิดไรเราหรอกครับ ขอแค่บอกเขาให้ชัดว่า ไปไม่ได้เพราะอะไร ถ้าเราไม่บอกนั้นแหละปัญหา เขาจะโทษว่าเราไม่ใส่ใจ
|
จากคุณ: SantaNiCo |
โพสเมื่อวันที่: 08/01/19 เวลา 17:40:09 |
ลงไปอยู่อนามัยสิ. คนไข้น้อยแถมไม่มีเวร
|
จากคุณ: Dr.Mae |
โพสเมื่อวันที่: 08/01/19 เวลา 18:46:02 |
รวมกันเราจะอยู่ อันนี้น่าจะใช้ได้อีกนาน ถ้ายังไม่พบที่ชอบ ก็ทำงานหาประสพการณ์ไปก่อน อีกหน่อยอาจต้องทำงานไปเรียนไปตลอดชีวิต ไม่มีใครแก่เกินเรียนค่ะ ถ้ารพ สต มีอุปกรณ๊์การละเล่นมากเด็กก็พัฒนาไว
|
จากคุณ: GSDTinTin |
โพสเมื่อวันที่: 08/02/19 เวลา 23:27:34 |
พี่อายุ 43 ค่ะ จบบอร์ด minor ward สาขาขาดแคลน และ อนุมัติบัตร fam med เลิกทำงานminor สาขาที่จบมา 8ปี และลาออกจากร.พ.มา12ปีแล้ว ทุกวันนี้เปิดคลินิก เป็นgp มีความสุขดี รายได้พออยู่ได้สบายๆ ลงทุนในอสังหาไว้หลายที่ คิดว่าไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปยังไง ที่อยู่อาศัยก็เป็นสิ่งมี่ถูกทดแทนได้ยาก (ซึ่งอาจจะผิดก็ได้) บอกตามตรงว่าพี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาชีพเราจะถูกแทนที่จากเทคโนโลยีในปีไหน จะถึง10ปีจากนี้รึเปล่ายังไม่รุ้เลย อย่างสาขาขาดแคลนที่พี่จบมา น่าจะเป็นสาขาแรกๆเลยที่จะมีAIมาแทน พี่คิดว่าในยุคนี้ อย่ายึดติด การเรียนต่อแล้วต่ออีก อาจจะไม่ใช่คำตอบอีกแล้ว และอาจไม่มีอะไรเลยที่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง เราต่างรู้อนาคตได้น้อยเท่าๆกัน ทำอาชีพอะไรก็ได้ที่เอาตัวรอดกับการเปลี่ยนแปลงได้ คิดกว้างๆเข้าไว้ และเป็นคนพร้อมจะเปลี่ยนแปลง เร็วต่อการปรับตัวได้เสมอ
|
จากคุณ: angrybird121 |
โพสเมื่อวันที่: 08/03/19 เวลา 18:48:58 |
เป็น GP ทำความงามยู่ รายได้ 180-220k แต่ทำอยู่ใน ตจว.ที่คู่แข่งค่อนข้างน้อย แต่จะมาสายนี้ถ้าไม่ชอบจริง หรือคิดว่าตัวเองไม่เก่งจริงๆหรือจะมาทำเล่นๆ อย่ามาเล ไม่รุ่งแน่นอน เพราะเปิดกันเยอะมาก สุดท้ายคนไข้เค้าจะไปอยู่กับหมอที่เก่งและดีเอง ส่วนพวกที่เปิดใหม่หรือทำไม่เก่ง ก็จะค่อยๆหายไป
|
จากคุณ: หมอเมืองสยาม |
โพสเมื่อวันที่: 08/04/19 เวลา 11:31:46 |
GP. ชีวิตเป็นไง? - " ก้อยังดูหลุดๆอยู่ "
|
จากคุณ: devilmanToT @.โหมดลั้นลา |
โพสเมื่อวันที่: 08/06/19 เวลา 18:08:05 |
น่าเบื่อครับ เห็นเพื่อนที่จบเฉพาะทาง โดยเฉพาะพวกศัลยกรรม หรือ ออโธ เห็นเขาทำงานกันน่าสนุกครับ มีเคสมา disscuss กันในกลุ่มไลน์ สนุกสนาน ได้ผ่าตัดกันทั้งคืน เพื่อนบางคนบอก ผ่าตั้งแต่ 2 ทุ่ม ถึง 8 โมงเช้า น่าสนุกดีจัง ส่วนผม GP ลาออกจากราชการมา 10 กว่าปี อายุ 40 วันๆทำงานเดิมๆ เปิดคลินิกทั่วไป ตื่น 8 โมง อาบน้ำ กินกาแฟ มาตรวจที่คลินิก 9 โมง ประมาณ 11 โมง หรือเต็มที่ก็เที่ยง คนไข้ช่วงเช้าก็หมด พักไปกินข้าว บ่ายๆออกกำลังกาย แล้วก็นอน ตื่นอีกที 4 โมงเย็น อาบน้ำ แล้วก็มาคลินิก นั่งตรวจจนถึงประมาณ 1ทุ่มครึ่ง หรือเต็มที่ก็ 2 ทุ่ม แล้วก็กลับบ้าน กินข้าว อาบน้ำ นอนดูหนัง ไม่ก็เล่น PUBG แล้วก็นอน น่าเบื่อจริงๆครับ
|
จากคุณ: Omo |
โพสเมื่อวันที่: 08/07/19 เวลา 21:47:01 |
รุ่นหลังๆ แพทย์จบปีละเกือบ 3000++ คน เข้าเรียนต่อ board ได้จำนวนจำกัดไม่รู้ถึง 30%หรือเปล่า? ประกอบด้วยหมอรุ่นใหม่ Gen Z, gen Y รักอิสระ ต้องการทำอะไรที่สบายและรวยเร็ว จึงมาลงที่ Cosmetic short course แล้วเปิดคลีนิคความงาม หรือเป็นลูกจ้างในคลีนิคความงาม กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ 1. Supplier เช่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องเลเซอร์ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ไหมที่ร้อย วิตามิน ครีม บลาๆๆ 2. เจ้าของอสังหาขายหรือปล่อยให้เช่าห้องเปิดคลีนิค 3. อาจารย์ที่เปิดสอน short course หรือ hand on ราคาหลายหมื่นบาท หรือเป็นแสน คอร์สจะออกมาเรื่อยๆ หมอๆก็กลัวจะตกเทรนด์ก็ไปประชุมตลอด 4. เอเจนซี่ที่ส่งคนไข้เข้าคลีนิค รวมทั้งนักการตลาด กลุ่มที่เสียผลประโยชน์ 1. หมอ GP ทำความงามกันมาก ความรู้แบบ short course มีวิชามารในการรักษาคนไข้ มีการแย่งเคสกัน ทำการตลาดที่รุนแรง มีสงครามตัดราคา 2. เกิดการแข่งขันระหว่างคลีนิค และส่งเรื่องฟ้องร้องกันเอง 3. ต้องพยายามทำ product ใหม่ๆออกมา หลอกล่อให้ ลค. ว้าว แต่จริงๆแค่เปลี่ยนชื่อ เบื้องลึกคือวิชามาร หลักการคือรักษาต้นทุนให้ต่ำสุด 4. หลักการของหมอกลุ่มนี้คือ กระตุ้นให้คนไข้หลงในกิเลสตัณหา ห้ามเหี่ยว ห้ามแก่ ขัดแย้งกับหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฟังแล้วเหนื่อยแทน..
|
จากคุณ: SantaNiCo |
โพสเมื่อวันที่: 08/07/19 เวลา 22:57:32 |
on 08/07/19 เวลา 21:47:01, Omo wrote:รุ่นหลังๆ แพทย์จบปีละเกือบ 2000++ คน เข้าเรียนต่อ board ได้จำนวนจำกัดไม่รู้ถึง 30%หรือเปล่า? ประกอบด้วยหมอรุ่นใหม่ Gen Z, gen Y รักอิสระ ต้องการทำอะไรที่สบายและรวยเร็ว จึงมาลงที่ Cosmetic short course แล้วเปิดคลีนิคความงาม หรือเป็นลูกจ้างในคลีนิคความงาม กลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ 1. Supplier เช่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องเลเซอร์ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ไหมที่ร้อย วิตามิน ครีม บลาๆๆ 2. เจ้าของอสังหาขายหรือปล่อยให้เช่าห้องเปิดคลีนิค 3. อาจารย์ที่เปิดสอน short course หรือ hand on ราคาหลายหมื่นบาท หรือเป็นแสน คอร์สจะออกมาเรื่อยๆ หมอๆก็กลัวจะตกเทรนด์ก็ไปประชุมตลอด 4. เอเจนซี่ที่ส่งคนไข้เข้าคลีนิค รวมทั้งนักการตลาด กลุ่มที่เสียผลประโยชน์ 1. หมอ GP ทำความงามกันมาก ความรู้แบบ short course มีวิชามารในการรักษาคนไข้ มีการแย่งเคสกัน ทำการตลาดที่รุนแรง มีสงครามตัดราคา 2. เกิดการแข่งขันระหว่างคลีนิค และส่งเรื่องฟ้องร้องกันเอง 3. ต้องพยายามทำ product ใหม่ๆออกมา หลอกล่อให้ ลค. ว้าว แต่จริงๆแค่เปลี่ยนชื่อ เบื้องลึกคือวิชามาร หลักการคือรักษาต้นทุนให้ต่ำสุด 4. หลักการของหมอกลุ่มนี้คือ กระตุ้นให้คนไข้หลงในกิเลสตัณหา ห้ามเหี่ยว ห้ามแก่ ขัดแย้งกับหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฟังแล้วเหนื่อยแทน.. |
| จริงค่ะ แต่เงินมันหอมค่ะ. เรายังอยากทำเลย
|
จากคุณ: jumpoo |
โพสเมื่อวันที่: 08/11/19 เวลา 01:35:28 |
มี3ทางเลือกค่ะ 1 เรียนต่อ 2 อยู่ต่อ 3 ทำอาชีพอื่น รวมถึงสาย คอสเมติกด้วยคะ เลือกอย่างที่ชอบ ก่อน และศึกษา สภาพปัญหาที่ต้องเจอ ถ้าเจอที่ชอบจะเลือกได้ง่าย
|
จากคุณ: drclinic |
โพสเมื่อวันที่: 08/17/19 เวลา 11:01:38 |
ลองไปขอทุนกรมหรือกระทรวงอื่นค่ะ เช่นกรมการแพทย์ รพ.ตำรวจ ก็รับสมัครอยู่
|