Topic Summary
|
จากคุณ: Optimizz |
โพสเมื่อวันที่: 06/08/19 เวลา 17:17:01 |
อยากทราบความเห็นพี่ๆครับว่าการใช้ชีวิตหลังจบเป็นอย่างไรบ้าง 1.ควรไปใช้ทุนหรือไป fix ward ดี 1.1 fix ward สอบบอร์ดได้กับสอบไม่ได้ สอบถามพี่ๆที่มีประสบการณ์ว่าคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ 1.2 fix ward สอบบอร์ดได้ vs resident 2. หากใช้ทุน 1 ปี+จ่ายเงินชดใช้ทุน หากจะสมัคร freetrain สาขาที่ต้องใช้ทุน 2 ปีขึ้นไป ก็คือต้องรอให้ได้เลขว. ครบ 2 ปีใช่ไหมครับ แล้วจะมีปัญหาอะไรในการสมัครไหมครับหากไม่นับเรื่องเครดิตจากการไม่อยู่ใช้ท ุนจนครบ 3 ปี 3. บทบาท GP ในงานเอกชน ณ เวลานี้ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ 4. GP เอกชน vs คลินิก skin พี่ๆที่มีประสบการณ์มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ เช่น ลักษณะงาน ความเป็นอยู่ คนไข้ ฯลฯ 4.1 คลินิก skin กับการเรียน Msc skin จำเป็นขนาดไหนครับ คิดว่าน่าจะเป็นคำถามที่น้องๆแพทย์ปี6 น่าจะอยากรู้กันครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นครับ
|
จากคุณ: crv01 |
โพสเมื่อวันที่: 06/08/19 เวลา 19:22:05 |
น่าจะไปใช้ทุนหาประสบการณ์ก่อนสามปี. แล้วกลับมาเรียนต่อให้จบเฉพาะทาง ถ้ามีโอกาสควรต่อซับบอรดอีก. อนาคตแพทย์ทั่วไปน่าจะไม่พอ. ควรหาที่ทำงานระดับโรงบาลใหญ่หน่อยที่มีศักยภาพมาก. หรือมีศูนย์แพทย์. เพื่อจะทำงานได้เต็มประสิทธิสภาพ. หรือมีโอกาสใช้ทุนในโรงเรียนตามสาขาที่สนใจก็อาจลองดู
|
จากคุณ: Vincristine |
โพสเมื่อวันที่: 06/08/19 เวลา 23:39:52 |
1.ควรไปใช้ทุนหรือไป fix ward ดี 1.1 fix ward สอบบอร์ดได้กับสอบไม่ได้ สอบถามพี่ๆที่มีประสบการณ์ว่าคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ >> บางคนก็ว่าเอาแบบสอบบอดได้ดีกว่า บางคนไปฟิกแล้วไม่ชอบก็มี รู้จักคนนึงที่ไปฟิก med พอครบแล้วออกมา free train รังสี ก็มี เขาบอกว่า โชคดีที่ไม่เป็นแบบฟิกแล้วสอบบอด เพราะมาค้นพบทีหลังว่าตัวเองไม่ได้ชอบ med 1.2 fix ward สอบบอร์ดได้ vs resident >> resident อาจใช้เวลานานกว่า กว่าจะจบ แต่กิจกรรมวิชาการใน รร.แพทย์ ย่อมเข้มข้นกว่า ก็เลือกดูเอา 2. หากใช้ทุน 1 ปี+จ่ายเงินชดใช้ทุน หากจะสมัคร freetrain สาขาที่ต้องใช้ทุน 2 ปีขึ้นไป ก็คือต้องรอให้ได้เลขว. ครบ 2 ปีใช่ไหมครับ แล้วจะมีปัญหาอะไรในการสมัครไหมครับหากไม่นับเรื่องเครดิตจากการไม่อยู่ใช้ท ุนจนครบ 3 ปี >> ขึ้นอยู่กับสาขาที่จะสมัคร ถ้าเป็นสาขา/สถาบันยอดนิยม คนสมัครเยอะและทุกคนใช้ทุนมาจนครบ บางคน fix ward มาด้วย น้องก็อาจเสียเปรียบอยู่ช่วงตัวนึง 3. บทบาท GP ในงานเอกชน ณ เวลานี้ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ >> ล้น ไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก และอนาคตแนวโน้มน่าจะล้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะผลิตแพทย์ได้เพิ่มขึ้น แต่คนก็ไหลออกนอกระบบหมดอยู่ดี 4. GP เอกชน vs คลินิก skin พี่ๆที่มีประสบการณ์มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ เช่น ลักษณะงาน ความเป็นอยู่ คนไข้ ฯลฯ >> ไม่มีประสบการณ์กับ clinic skin ขออนุญาตผ่าน 4.1 คลินิก skin กับการเรียน Msc skin จำเป็นขนาดไหนครับ >> เท่าที่เห็นที่มาเรียน Ms ส่วนหนึ่งคือเป็นทางผ่านเพื่อสมัคร resident ต่อ อีกส่วนนึงอาจจะเพื่อ up ค่าตัว ส่วนตัวคิดว่าถ้าในแง่ทำแค่ aesthetic วุฒิตรงนี้อาจไม่ค่อยจำเป็น ยกเว้นอยากมีไว้ประดับบารมีให้แตกต่างจาก GP skin ทั่วๆไป เพราะอนาคตคาดว่า GP จะล้นตลาด skin เช่นกัน
|
จากคุณ: doreus |
โพสเมื่อวันที่: 06/09/19 เวลา 09:30:00 |
อย่าเป็น gp เลือกได้เรียนบอร์ดไมเนอร์ หรือ subboard Neurosurgeon ตจว รวยทุกคน ขี้เกียจ ไม่อยากเรียนต่อ มาทำskin แต่ยาก ต้องบุคลิกดี อัธยาศัยดี มีทุน เรียน msc ได้ให้เข้าเรียน ต้นทุนความรู้เหนือกว่าพวกไม่ได้เรียน
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 06/09/19 เวลา 15:15:31 |
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเลือกฟิกวอร์ดแบบสอบบอร์ดได้ครับ ถ้าเรียนจบอายุ 24 ฟิกสอบบอร์ดอายุ 28 มาสมัครเรียน fellow จะจบ subboard ตอนอายุ 30 ปีแบบไม่มีภาระใช้ทุนใดๆ ขณะที่คนที่ไปใช้ทุนแล้วขอทุนมาเรียนต่อจะจบบอร์ดตอน 30 กลับไปใช้ทุนอีก กว่าจะจบ subboard ก็ 35 ปี (การสมัครเรียน resident แบบฟรีเทรนยากกว่าสมัครฟิกสอบบอร์ดมากครับ ถ้าโปรไฟล์ไม่เทพจริงอย่าหวัง) ก็ลองพิจารณาดูครับว่าเวลา 5 ปีสำหรับเรามันมีค่ามากน้อยแค่ไหน เพราะความจริงคือจบแบบฟิกหรือ resident เครดิตมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ อาจารย์แพทย์ในสถาบันริมน้ำหรือริมสวนลุมหลายท่านก็จบแบบฟิกวอร์ดมา สำหรับผม กรณีเดียวที่จะไม่สนับสนุนให้ฟิกสอบบอร์ดก็คือกรณีที่เราไม่แน่ใจว่าชอบจริง ไหม แต่ถ้าแน่ใจแล้วก็ลุยเลยครับ
|
จากคุณ: 6699 |
โพสเมื่อวันที่: 06/09/19 เวลา 16:27:25 |
on 06/09/19 เวลา 15:15:31, simath wrote:ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเลือกฟิกวอร์ดแบบสอบบอร์ดได้ครับ ถ้าเรียนจบอายุ 24 ฟิกสอบบอร์ดอายุ 28 มาสมัครเรียน fellow จะจบ subboard ตอนอายุ 30 ปีแบบไม่มีภาระใช้ทุนใดๆ ขณะที่คนที่ไปใช้ทุนแล้วขอทุนมาเรียนต่อจะจบบอร์ดตอน 30 กลับไปใช้ทุนอีก กว่าจะจบ subboard ก็ 35 ปี (การสมัครเรียน resident แบบฟรีเทรนยากกว่าสมัครฟิกสอบบอร์ดมากครับ ถ้าโปรไฟล์ไม่เทพจริงอย่าหวัง) ก็ลองพิจารณาดูครับว่าเวลา 5 ปีสำหรับเรามันมีค่ามากน้อยแค่ไหน เพราะความจริงคือจบแบบฟิกหรือ resident เครดิตมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ อาจารย์แพทย์ในสถาบันริมน้ำหรือริมสวนลุมหลายท่านก็จบแบบฟิกวอร์ดมา สำหรับผม กรณีเดียวที่จะไม่สนับสนุนให้ฟิกสอบบอร์ดก็คือกรณีที่เราไม่แน่ใจว่าชอบจริง ไหม แต่ถ้าแน่ใจแล้วก็ลุยเลยครับ |
| ถ้ามุมมองจากความเห็นนี้ การรับแพทย์พี่เลี้ยง อาจจะต้องทำให้แพทย์พี่เลี้ยงในรพ.ของตัวเอง สามารถสอบบอร์ดได้ จะได้เป็นเงื่อนไขให้คนมาเป็นแพทย์พี่เลี้ยงที่รพ.ของตนเองมากขึ้น
|
จากคุณ: jumpoo |
โพสเมื่อวันที่: 06/09/19 เวลา 17:40:28 |
ควรมองให้สูงคะ เป็น สส ได้ยิ่งดี เพราะจบมาทำงานก็....แย่อยู่ดี
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 06/09/19 เวลา 19:21:28 |
เป็นผมถ้าผมรู้ว่าชอบด้านไหนแน่ๆนะ ผมจะเลือกfix ward แล้วสอบบอร์ด รรพ ต่างจังหวัดเช่น มอ มข มช แล้วเรียนfellow ต่อที่สถาบันที่ไปfix นั่นแหละ จบมาแล้วไม่ได้ต่างกันมากครับ คนไข้ไม่เคยถามว่าจบมาจากไหน เค้ารู้แค่ว่าเรารักษาเค้าหายหรือเปล่าแค่นั้นครับ ยิ่งจบเร็วก็ยิ่งมีชีวิตเป็นคนธรรมดาได้เร็วครับ
|
จากคุณ: positive |
โพสเมื่อวันที่: 06/10/19 เวลา 10:00:00 |
on 06/09/19 เวลา 19:21:28, น้ำเน่าในเงาจันทร์ wrote:เป็นผมถ้าผมรู้ว่าชอบด้านไหนแน่ๆนะ ผมจะเลือกfix ward แล้วสอบบอร์ด รรพ ต่างจังหวัดเช่น มอ มข มช แล้วเรียนfellow ต่อที่สถาบันที่ไปfix นั่นแหละ จบมาแล้วไม่ได้ต่างกันมากครับ คนไข้ไม่เคยถามว่าจบมาจากไหน เค้ารู้แค่ว่าเรารักษาเค้าหายหรือเปล่าแค่นั้นครับ ยิ่งจบเร็วก็ยิ่งมีชีวิตเป็นคนธรรมดาได้เร็วครับ |
| เห็นด้วยสุดๆ
|
จากคุณ: philosophy |
โพสเมื่อวันที่: 06/10/19 เวลา 20:16:37 |
ทุกอย่างมีข้อดี ในตัวเอง ไม่ว่า fix ward หรือ ไปใช้ทุน แล้วค่อยไปเรียน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองในมุมไหน ในแง่รายได้ ในแง่ประสบการณ์ ในแง่สังคม etc ส่วน ตัว การใช้ทุน นั้นมีคุณค่ามากกว่าที่เห็น สำหรับโดยส่วนตัว พบว่าความสุขของการเป็นแพทย์ในช่วงชีวิตของการ เป็นแพทย์ พบว่าช่วงชีวิตของการมีความสุขมากที่สุดเเมื่อมองย้อนกับไปกลับเป็นช่วงที่ก ำลังใช้ทุนอยู่ ประสบการณ์ชีวิตมากมายอย่างหาค่าไม่ได้ รวมทั้งได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งได้ทำงานร่วมกับกองทุนสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถวายงานมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่สำคัญ ทำให้เปลี่ยนมุมมอง มองผู้ป่วยว่าเป็นมนุษย์ มากกว่ามองผู้ป่วยว่าเป็นคนไข้หรือคนที่เป็นโรค ก็มาจากใช้ทุน แต่อย่างว่า คนเราไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าตัวเองจะมองชีวิตแบบไหน
|
จากคุณ: Any_Obtion |
โพสเมื่อวันที่: 06/11/19 เวลา 16:15:34 |
ใช้ทุน................. Start C 4 รายได้ OK ได้เพิ่มประสบการณ์ ได้ความรู้ รู้ตัวตนว่าชอบอะไรแน่ๆ เรียนต่อก็ไม่ได้ช้า
|
จากคุณ: หมอเมืองสยาม |
โพสเมื่อวันที่: 06/12/19 เวลา 12:28:26 |
เส้นทางแพทย์จบใหม่ ? - ทางที่ไปได้สวยก็ไม่แย่ ถ้าทางที่แย่ก็จะไม่ร้ายนัก ครับ , อย่าห่วง...
|