หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: ยุค AI & BIG DATA ..หมออะไรตกงานก่อน? )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: dr_bond โพสเมื่อวันที่: 05/22/19 เวลา 21:54:13
พี่ๆน้องๆ คิดอย่างไร...ช่วยกันโหวตหน่อยนะ
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 05/22/19 เวลา 23:39:32
radiologist ล่ะครับ ตกงานก่อนเพื่อน
เพราะงานเป็นสิ่งที่ AI สามารถเรียนรู้ได้โดยไม่ซับซ้อน  
AI สามารถฝึกฝนอ่านฟิล์มนับล้านฟิล์มได้โดยใช้เวลาไม่กี่วัน ซึ่งไม่มี radiologist คนไหนทำได้
จากคุณ: Sandoz โพสเมื่อวันที่: 05/22/19 เวลา 23:55:01
Radiologist Pathologist งานเทือกเดียวกันครับ pattern recognition
ที่ว่าต่างจากคน เป็นจุดชูโรงของมนุษย์ คือเรื่อง clinical correlation คิดกันว่า AI มัน correlate ไม่ได้หรอก
เอ่อ จะไปยากอะไรสำหรับ AI ครับ จริงอยู่ว่าการวิเคราะห์รูปมันง่ายกว่าการ correlate แต่สักวันนึง ทำอัลกอริทึมดีๆ สุดท้ายก็ทำได้
 
อ้อ Pathologist อาจจะได้เปรียบหน่อย คือมีขั้นตอนของ specimen handling ซึ่งก็คือขั้นตอนที่เป็นเนื้อจาก OR มาตรวจ gross กับ sampling ตรงนี้คิดว่าถ้าจะมีอะไรมาแทนได้ก็น่าจะเป็นขั้นตอนที่ clinician เริ่มถูกแท่ที่ครับ
 
ลำดับ disruption ที่ผมคาดไว้ ไล่จากเร็วไปช้า (นับจากเวลาปัจจุบันไปถึงจุดที่ FDA approve หลังจาก approve แล้วการแทนที่จะค่อยๆ เกิดขึ้น จนสุดท้ายหมอที่เป็นคนในสาขานั้น ก็จะตกงาน 100% ของอัตรา)
***เมืองไทยมีข้อดี!! คือเหมือนทุกๆ การเปลี่ยนแปลงในทุกวงการ จะเกิดกับฝรั่งก่อน และจะมีดีเลย์นานประมาณหนึ่งถึงจะลามมาไทย เยื่องจากประเทศเรายากจน ต้องรอให้ cost เทคโนโลยีมัน drop มาประมาณหนึ่ง เราถึงจะ apply ได้ หมอไทยเราได้เปรียบ ตกงานข้ากว่าหมอฝรั่งแน่นอน ฟันธง***
Image/tissue diagnosis (radiologist/pathologist) ~ 10 years for FDA approval
Clinical correlation (radiologist/pathologist) ~ 15 years for FDA approval
Non-invasive clinical experience ~ 20 years (internal medicine/pediatric) for FDA approval
Non-surgical treatment machine ~ 20 years for FDA approval
Surgical treatment machine ~ 30 years for FDA approval (total replacement of surgeons’ jobs หมายรวมถึงทุกสาขาที่จับมีด)
สาขาที่ไม่น่าจะโดน disrupt หรือโดนช้าไปกว่านี้ คือสาขาที่ต้องมีหมอเป็นคน แบบมีอารมณ์ร่วม น่าจะเป็นจิตเวช กับเวชศาสตร์ฟื้นฟู สาขาอื่นให้ผมรักษากับหุ่นผมโอเค แต่ถ้าให้ไปปรึกษาปัญหาทางจิต หรือวางแผนฟื้นฟูหลัง stroke กับหุ่น อันนี้ไม่โอเคครับ 55
 
ส่วนสาขาอื่นๆ ไม่ต้องกังวล เพราะถึงตอนนั้น white collar อาชีพอื่นๆ ก็ไม่รอดเหมือนกัน มีเพื่อนตกงานเยอะแยะเลย 555
จากคุณ: brownie โพสเมื่อวันที่: 05/23/19 เวลา 00:43:22
radio แหละครับ น่าจะกระทบสุด
ก็เหลือแต่ไถ ultrasound ถ้าไม่โดนหมอสาขาอื่นแย่ง
intervention
แต่วินิจฉัย ยังไงก็ต้องมีหมอ confirm  หมอคงได้ DF ลดลง
จากคุณ: 6699 โพสเมื่อวันที่: 05/23/19 เวลา 07:10:00
น่าจะมีข้อเลือก จิตแพทย์ ที่ให้คำปรึกษา ร่วมด้วย
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 05/23/19 เวลา 08:34:10
เวรจะน้อยลงป่าว  ว่าแต่ตอนนี้ หมอ pathoเพียงพอรึยังคะ
ถ้าหมอ มารักษาแทนคนเลยละ เป็นaiภามตอบ จะทำได้ในกี่ปีคะ
จากคุณ: Any_Obtion โพสเมื่อวันที่: 05/23/19 เวลา 11:45:42
ก็พัฒนาตัวเองไปเป็นผู้ Operate เตรื่องพวกนั้นซิ
 
ดูในหนัง Startrek   ก็ยังต้องใช้หมออยู่ดี
จากคุณ: simath โพสเมื่อวันที่: 05/24/19 เวลา 13:44:51
น่าจะเริ่มจาก RadioDx ตามด้วย Patho
 
Skin พวกดู lesion คงแพ้ AI แต่ก็ยังเหลืองานพวกเลเซอร์ ปลูกผม ทำหน้า ฯลฯ จึงไม่น่าจะตกงาน
 
แล้วถึงคิว Internal Med
 
พวกที่ต้องลงมือ คือ Surgeon ทุกสาย ทั้งศัลย์ สูติ ออร์โถ eye ENT คือลำดับท้ายๆ
 
และสุดท้ายจริงๆคือจิตเวชกับหมอเด็ก เพราะเด็กไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ที่สามารถกรอกอาการป่วยตัวเองลงคอมได้ จึงจำเป็นต้องมีหมอตัวเป็นๆไปตรวจมากกว่า med
จากคุณ: Dr.ER โพสเมื่อวันที่: 05/24/19 เวลา 13:45:32
รพช.ที่หมอมีไม่กี่คน อยากให้มี AI หมอ ไว้รับตรวจและ consult โรคนอกเวลา ส่วนหมอจริงเอาไว้มาดูคนไข้ที่AI ทำไม่ได้ครับ Smiley
 
แต่กว่าจะทำได้ต้องรอระเบียบและงบประมาณ
จากคุณ: only2b โพสเมื่อวันที่: 05/24/19 เวลา 16:15:18
หมอที่ทำงานด้านกระดาษและเอกสาร หมอสปสช หมอผู้ทรง(คุณวุฒิ ไม่ใช่ผู้ทรงเจ้าเข้าผี)
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 05/24/19 เวลา 19:05:45
หุ่นยนต์ไม่มีทางแทนคนได้ครับ ไม่ว่าด้านใด Cheesy
จากคุณ: philosophy โพสเมื่อวันที่: 05/24/19 เวลา 20:22:18
on 05/22/19 เวลา 23:55:01, Sandoz wrote:
Radiologist Pathologist งานเทือกเดียวกันครับ pattern recognition
ที่ว่าต่างจากคน เป็นจุดชูโรงของมนุษย์ คือเรื่อง clinical correlation คิดกันว่า AI มัน correlate ไม่ได้หรอก
เอ่อ จะไปยากอะไรสำหรับ AI ครับ จริงอยู่ว่าการวิเคราะห์รูปมันง่ายกว่าการ correlate แต่สักวันนึง ทำอัลกอริทึมดีๆ สุดท้ายก็ทำได้
 
อ้อ Pathologist อาจจะได้เปรียบหน่อย คือมีขั้นตอนของ specimen handling ซึ่งก็คือขั้นตอนที่เป็นเนื้อจาก OR มาตรวจ gross กับ sampling ตรงนี้คิดว่าถ้าจะมีอะไรมาแทนได้ก็น่าจะเป็นขั้นตอนที่ clinician เริ่มถูกแท่ที่ครับ
 
ลำดับ disruption ที่ผมคาดไว้ ไล่จากเร็วไปช้า (นับจากเวลาปัจจุบันไปถึงจุดที่ FDA approve หลังจาก approve แล้วการแทนที่จะค่อยๆ เกิดขึ้น จนสุดท้ายหมอที่เป็นคนในสาขานั้น ก็จะตกงาน 100% ของอัตรา)
***เมืองไทยมีข้อดี!! คือเหมือนทุกๆ การเปลี่ยนแปลงในทุกวงการ จะเกิดกับฝรั่งก่อน และจะมีดีเลย์นานประมาณหนึ่งถึงจะลามมาไทย เยื่องจากประเทศเรายากจน ต้องรอให้ cost เทคโนโลยีมัน drop มาประมาณหนึ่ง เราถึงจะ apply ได้ หมอไทยเราได้เปรียบ ตกงานข้ากว่าหมอฝรั่งแน่นอน ฟันธง***
Image/tissue diagnosis (radiologist/pathologist) ~ 10 years for FDA approval
Clinical correlation (radiologist/pathologist) ~ 15 years for FDA approval
Non-invasive clinical experience ~ 20 years (internal medicine/pediatric) for FDA approval
Non-surgical treatment machine ~ 20 years for FDA approval
Surgical treatment machine ~ 30 years for FDA approval (total replacement of surgeons’ jobs หมายรวมถึงทุกสาขาที่จับมีด)
สาขาที่ไม่น่าจะโดน disrupt หรือโดนช้าไปกว่านี้ คือสาขาที่ต้องมีหมอเป็นคน แบบมีอารมณ์ร่วม น่าจะเป็นจิตเวช กับเวชศาสตร์ฟื้นฟู สาขาอื่นให้ผมรักษากับหุ่นผมโอเค แต่ถ้าให้ไปปรึกษาปัญหาทางจิต หรือวางแผนฟื้นฟูหลัง stroke กับหุ่น อันนี้ไม่โอเคครับ 55
 
ส่วนสาขาอื่นๆ ไม่ต้องกังวล เพราะถึงตอนนั้น white collar อาชีพอื่นๆ ก็ไม่รอดเหมือนกัน มีเพื่อนตกงานเยอะแยะเลย 555

 

โดยส่วนตัว ความคิดนี้ถูก  ถ้าไม่มีมนุษย์เป็นคนคุมเกมส์
 
แต่ โลกปัจจุบัน ที่ยุ่งอยู่เพราะการเมือง  ดังนั้น
 
ต้องมองในมุมกลับ
 
จะมีการปกป้องผลประโยชน์  โดยแพทยสมาคม แต่ละสาขาของประเทศนั้นๆ

 
หมายถึงถ้า  FDA  approve แล้ว
 
แต่  การที่จะเอาผลไปใช้นั้นต้องมีแพทย์ ในสาขานั้นๆ เป็นคนเซ้นรับรองความถูกต้องอีกครั้ง
 
พูดง่ายๆ คือไ่มีใครตกงานเพิ่มแต่ ใช้robot เป็น เครื่องมือในการทำงาน
 
และหมอจะมีเวลามากขึ้น  สามารถอ่านฟิล์ม ได้ในปริมาณมาก
 
พร้อมกับรายได้ ที่เพิ่มมากขึ้น
 
เหมือนหมอ patho จะออกผลได้ ต้อง มีลายเซ็น รับรองโดยแพทย์
 
เพราะ
 
ธุรกิจ robot ที่อ่านฟิลม์ คง ชอบเฉพาะรับ   แต่ ชอบ คือเงิน
 
แต่ถ้าผิดพลาด เขาก็ไม่อยากเจ๊ง  เพราะ ถ้าอ่านผลพลาด
 
บริษัท  robot จะถูกฟ้อง หลายกรณีอาจล้มละลายได้
 
 
ดังนั้นแนวโน้มสูงที่  การรับผิดจะถูกแชร์ ให้ แพทย์สาขานั้นๆ  
 
เป็ฯคนกำกับ  หากผิดพลาด แพทย์สาขานั้นก็จะถุกฟ้อง
 
 
เนื่องจากมีความรับผิดชอบกำกับอยู่  ส่ิงที่หมดได้จะมาพร้อมกับผลตอบแทน
จากคุณ: Dr.Mae โพสเมื่อวันที่: 05/25/19 เวลา 00:48:46
สาขาที่ค่าใช้จ่ายค่าจ้างสูงๆแพงๆ ตกงานก่อน  เพราะคนทำ AI  ต้องเลือกผลิตทำมาเพือต้องการเซฟค่าใช้จ่ายสูงๆ ให้รพ ก่อน    ส่วนอันไหนที่จ้างคนถูกกว่า(ถูกและดี)  จะไปเสียเวลาทำ AI ทำไม
 รพ เอกชน มีกำไรเพิ่มขึ้น  แต่แพทย์รายได้ลดลง
แพทย์ต่อยอดสาขาที่ อยู่ท้ายน้ำตกงานก่อน  แพทย์บางคนที่ได้รับงานเซ้นรับรองจะร่ำรวยมหาศาล ซึ่งจะมีเพียงไม่กี่คน หากไม่ทำไร
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 05/26/19 เวลา 08:53:06
เอามาจ่ายยา tb ก่อนเลย ส่งเสมหะตรวจ จ่ายtb ไม่ก็ตามcxr ลด การ contact
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 05/26/19 เวลา 16:40:00
on 05/24/19 เวลา 20:22:18, philosophy wrote:

 

โดยส่วนตัว ความคิดนี้ถูก  ถ้าไม่มีมนุษย์เป็นคนคุมเกมส์
 
แต่ โลกปัจจุบัน ที่ยุ่งอยู่เพราะการเมือง  ดังนั้น
 
ต้องมองในมุมกลับ
 
จะมีการปกป้องผลประโยชน์  โดยแพทยสมาคม แต่ละสาขาของประเทศนั้นๆ

 
หมายถึงถ้า  FDA  approve แล้ว
 
แต่  การที่จะเอาผลไปใช้นั้นต้องมีแพทย์ ในสาขานั้นๆ เป็นคนเซ้นรับรองความถูกต้องอีกครั้ง
 
พูดง่ายๆ คือไ่มีใครตกงานเพิ่มแต่ ใช้robot เป็น เครื่องมือในการทำงาน
 
และหมอจะมีเวลามากขึ้น  สามารถอ่านฟิล์ม ได้ในปริมาณมาก
 
พร้อมกับรายได้ ที่เพิ่มมากขึ้น
 
เหมือนหมอ patho จะออกผลได้ ต้อง มีลายเซ็น รับรองโดยแพทย์
 
เพราะ
 
ธุรกิจ robot ที่อ่านฟิลม์ คง ชอบเฉพาะรับ   แต่ ชอบ คือเงิน
 
แต่ถ้าผิดพลาด เขาก็ไม่อยากเจ๊ง  เพราะ ถ้าอ่านผลพลาด
 
บริษัท  robot จะถูกฟ้อง หลายกรณีอาจล้มละลายได้
 
 
ดังนั้นแนวโน้มสูงที่  การรับผิดจะถูกแชร์ ให้ แพทย์สาขานั้นๆ  
 
เป็ฯคนกำกับ  หากผิดพลาด แพทย์สาขานั้นก็จะถุกฟ้อง
 
 
เนื่องจากมีความรับผิดชอบกำกับอยู่  ส่ิงที่หมดได้จะมาพร้อมกับผลตอบแทน

 
ถ้าแพทย์ radio สามารถดูฟิล์มได้มากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของ AI
ดังนั้น demand ความต้องการแพทย์ radio จะลดลงตามลำดับ ส่งผลให้อาจจะตกงานได้  
ยกตัวอย่างเช่น จากวันนึงอ่านได้ 30 แผ่น หลังจากมี AI สามารถอ่านได้ 60 แผ่น
เท่ากับว่า แพทย์ 1 คน+AI ทำงานได้เท่ากับแพทย์ 2 คน  
ดังนั้น แพทย์คนนึงตกงาน
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 05/26/19 เวลา 23:20:36
https://www.techmoblog.com/japan-robot-hotel-laid-off-half-robot-employe es/
จากคุณ: WeaReGroot โพสเมื่อวันที่: 05/27/19 เวลา 00:12:42
หมอรังสี รพ.ผม อยากตกงานแย่ละ  
นอกเวลาแม่งไม่เคยอ่านเลย นอนได้ค่าเวรชิวๆ ขอผลอ่าน CT หรือ ultrasound นอกเวลาแม่งยังกับขอส่วนบุญ
ทำงาน Emer ในเวลาหนักนิดหน่อยก็งอแง ยังกับคนอื่นไม่ต้องทำงั้นแหละ
 Grin
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 05/27/19 เวลา 08:48:12
on 05/27/19 เวลา 00:12:42, WeaReGroot wrote:
หมอรังสี รพ.ผม อยากตกงานแย่ละ  
นอกเวลาแม่งไม่เคยอ่านเลย นอนได้ค่าเวรชิวๆ ขอผลอ่าน CT หรือ ultrasound นอกเวลาแม่งยังกับขอส่วนบุญ
ทำงาน Emer ในเวลาหนักนิดหน่อยก็งอแง ยังกับคนอื่นไม่ต้องทำงั้นแหละ
 Grin

อย่างนั้นจะได้ตกงานจริงๆ ครับ  
เพราะทีนี้ หมอรังสีคนเดียว+AI สามารถรับอ่านได้ทั้งจังหวัด
จากคุณ: philosophy โพสเมื่อวันที่: 05/29/19 เวลา 20:10:03
on 05/26/19 เวลา 16:40:00, Hybrid VI wrote:

 
ถ้าแพทย์ radio สามารถดูฟิล์มได้มากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของ AI
ดังนั้น demand ความต้องการแพทย์ radio จะลดลงตามลำดับ ส่งผลให้อาจจะตกงานได้  
ยกตัวอย่างเช่น จากวันนึงอ่านได้ 30 แผ่น หลังจากมี AI สามารถอ่านได้ 60 แผ่น
เท่ากับว่า แพทย์ 1 คน+AI ทำงานได้เท่ากับแพทย์ 2 คน  
ดังนั้น แพทย์คนนึงตกงาน

 
ส่วนตัว มันน่าจะถูกถูก แค่ครึ่งเดียวอีก ที่หมายถึงคือ ถูก
 
ในสถาณการณ์ที่ถูก fix ไว้คงที่
 
แต่โลกปัจจุบันเป็น dynamic คือมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
 
การมาของ AI ใันจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา จากการอ่านของ AI
 
ทำให้งานของหมอรังสี เพิ่มแน่นอน
 
และอีกอย่าง ทั่วโลกจะเข้าสู้ง aging society  ก็จะทำให้งานหมอรังสี มากขึ้นไปอีก
 
สรุปงานเพิ่ม แต่มี AI ช่วย  ดังนั้น  ทุกอย่างจะผลักเข้าสู่จุดสมดุลย์
 
โดยหมอรังสี   โอกาส ตกงาน  คงามน่าจะเป็ฯโดยส่วนตัวผทให้น้อยกว่า 5 %
 
กุมารแพทย์เสียอีกผมว่าน่าห่วงกว่า
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 05/30/19 เวลา 10:50:12
Interventional radiologists กำลังขาด น่าเรียนมากครับ
 
https://www.jvir.org/article/S1051-0443(1Cool31582-3/fulltext
จากคุณ: a_few_good_men โพสเมื่อวันที่: 06/01/19 เวลา 01:30:59
หมอที่ไม่มี compassionate caring  
ขาดความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์
จะตกงานก่อน  เพราะไม่ต่างอะไรกับ AI
จากคุณ: Innominate โพสเมื่อวันที่: 06/02/19 เวลา 23:17:21
on 05/22/19 เวลา 23:55:01, Sandoz wrote:

สาขาที่ไม่น่าจะโดน disrupt หรือโดนช้าไปกว่านี้ คือสาขาที่ต้องมีหมอเป็นคน แบบมีอารมณ์ร่วม น่าจะเป็นจิตเวช กับเวชศาสตร์ฟื้นฟู สาขาอื่นให้ผมรักษากับหุ่นผมโอเค แต่ถ้าให้ไปปรึกษาปัญหาทางจิต หรือวางแผนฟื้นฟูหลัง stroke กับหุ่น อันนี้ไม่โอเคครับ 55
 
ส่วนสาขาอื่นๆ ไม่ต้องกังวล เพราะถึงตอนนั้น white collar อาชีพอื่นๆ ก็ไม่รอดเหมือนกัน มีเพื่อนตกงานเยอะแยะเลย 555

 
จิตเวชเดี๋ยวนี้มี chatbot มาคุยด้วย คนกล้าคุยกับบอทมากกว่าหมอจริงๆนะครับ เพราะคล้ายๆเป็นไปคุยแบบ annonymous เหมือนเอาปัญหามาถามในพันทิป แทนที่จะไปหาหมอเป็นๆ ซึ่งถ้าใช้ได้ดีอาจช่วยลดงานของหมอจิตเวชลง เช่นจากเดิมคุย 1 ชม.ก็เหลือคุยกับหมอครึ่งชม.ก็พอ ที่เหลือคุยกับหุ่นตั้งแต่ก่อนมารพ.เพื่อให้หมอรู้เรื่อง  
จากคุณ: devilmanToT @.โหมดลั้นลา โพสเมื่อวันที่: 06/03/19 เวลา 19:32:10
ตอนนี้ AI แบบสมบูรณ์ยังไม่มา  หมอหลายคนก็เริ่มปวดหัวกับ หมอกูเกิ้ลแล้วครับ  ไหนจะหมอแชร์เฟสบุ๊คอีก มะนาวโซดารักษามะเร็ง  เป็นอัมพาตให้เอาเข็มเจาะเลือดปลายนิ้ว
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 06/04/19 เวลา 14:25:30
  ชามข้าวแตก...มั้ย ? -  แพทย์จะยืนโรงตลอดไป (อย่าห่วง)
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 06/05/19 เวลา 15:21:19
ยังไม่ค่อยแม่นหรอกค่ะ ขนาดคนไข้ ให้ประวัติยังต้องตีความเลย  ลองai ต้องซักประวัติ เองได้ก่อน
จากคุณ: tarusx1 โพสเมื่อวันที่: 07/17/19 เวลา 15:12:09
Smiley


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by