Topic Summary
|
จากคุณ: Sandoz |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 17:36:03 |
ต่างประเทศ กำลังมีข้อถกเถียงกันว่า เทคโนโลยี AI Machine learning deep learning จะส่งผลกระทบอย่างไร กับสายที่ใช้ pattern recognition เป็นหลัก อย่าง รังสี และพาโถ บางคนเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้ จะถึงขั้น แย่งงาน ไปจนถึง กวาดล้าง (sweeping) 2 สาขานี้ได้เลย ภายในเวลาอีกไม่ถึง 10 ปี แต่บางคน เชื่อว่า จะยังไปได้ โดยเทคโนโลยีจะมาช่วย ให้ทำงานได้แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น จึงไม่ต้องกังวลใดๆ จนตอนนี้ ก็ยังถกเถียงกันอยู่ และไม่ตกผลึก เพราะต่างเป็นการคาดเดากันทั้งนั้น ถูกผิด ไม่มีใครรู้ ที่แน่ๆ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าสายอื่น ซึ่งน่าจะยังไม่ถูกท้าทาย ในช่วง 10 ปี ข้างหน้า (แต่ถ้าถึงขนาด 30-40 ปี คาดว่าคงไม่มีสาขาไหน รอดไปได้) ในไทย ยังไม่ค่อยเห็นมีการคุยกันถึงประเด็นนี้ และรังสีวินิจฉัย ก็ยังเป็นสาขาบูม ยอดนิยม แย่งกันสมัคร แย่งกันเรียนอยู่ เด็กเกียรตินิยมมากมาย ส่วนพาโถ ก็ไม่ได้กระแสหวือหวา อะไร ไม่ทราบแต่ละท่าน มีความเห็นเรื่องนี้ อย่างไรครับ เพราะนี่ถือเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น คือหมอ กำลังเสี่ยง จะตกงาน ไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ
|
จากคุณ: crv01 |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 17:56:53 |
คงใช้เวลาอีกหลายปี
|
จากคุณ: Any_Obtion |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 17:57:50 |
ปรับตัว เพิ่มเป็นคน Operate Analyse ไปได้แน่นอน
|
จากคุณ: Sandoz |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 18:07:51 |
ถึงจุดนึงที่เครื่องสามารถทดแทนครอบคลุมได้ทั้ง Job จริงอยู่ ว่าต้องมีคน operate เครื่อง แต่ความจริง ใช้เพียงแค่ technician จะพอไหม เพราะในความจริง ผู้ประกอบการ นายจ้าง ไม่มีใครอยากจ่ายเงินแพงๆ จ้างคนมา operate เครื่อง (หมอรังสี พาโถ จะกลายเป็น overqualified) และอาจจะหายไป เหลือบ้างตาม รรพ หรือสถานวิจัย ทำวิจัยเป็นหลัก แต่บทบาทใน service คงจะน้อยลง ... นี่เป็นเพียงการคาดเดา สำหรับ worst case scenario ... ครับ
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 19:58:31 |
เอาจริงๆผมGIนี่ใช้บริการpathoบ่อยมาก ส่วนตัวชอบคุยกะคนมากกว่านะ เพราะมีอะไรสงสัยโทรไปคุยกับคนได้ ปรึกษาได้ หลายโรคมันก็pathoเหมือนกันต้องอาศัยclinical correlationอ่ะ คือถ้ามีclinical suspicious +pathologyถึงจะdefinite diagnosisอ่ะนะ
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 20:04:24 |
ยกตัวอย่างคนไข้ผมมาด้วยchronic diarrhea ครับ biopsy small intestine ออกมาเจอvillous atrophy มันคงให้โรคให้ผมไปนั่งหาต่ออีกซัก10โรคอ่ะครับ อย่างในตัวอย่าง
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 20:44:40 |
อันนี้เคสchronic diarrheaจริงครับ AI คงreport ออกมาแบบนี้
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 20:45:18 |
และก็แบบนี้ AIบอก กรูอ่านให้แระเมิงไปแปลผลเองแล้วกัน
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 20:49:15 |
แต่สิ่งที่AI ไม่มีคือส่วนนี้ครับ comment ของPathologist ซึ่งผมได้ไปซักประวัติย้อนหลัง สรุปคนไข้มีunderlying HTกินยาolmesartanมาเป็น 10 ปีแล้วเพิ่งdevelop watery diarrhea แบบ large volumeมาได้1เดือน Definite diagnosis คือ olmesartan associated enteropathyครับ แค่หยุดยาolmesartanคนไข้ก็หาย AI มีน่ะมันดีครับ อย่างน้อยการแปลผลทำได้แม่นยำขึ้น แต่สิ่งที่ต่างไปคือคงใช้เวลาอีกซักระยะใหญ่ในการพัฒนาของAI กว่าจะสามารถให้opinionได้แบบpathologistครับ
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 20:52:02 |
และradiologist ก็มีบทบาทไม่แพ้กันครับ อย่างผมจะตัดCT กะMRIซักครั้งผมจะโทรไปคุยกับradiologistก่อนว่าผมอยากได้อะไร จะได้ตัดimagingถูกprotocol และได้แบบที่ผมต้องการครับ แบบนี้AIก็ยังทำไม่ได้ครับ
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/11/19 เวลา 21:34:13 |
อันนี้อ่านกันขำๆครับสนุกดีเรื่องolmesartan induce enteropathy https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3538487/ https://www.hindawi.com/journals/crigm/2013/618071/ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5468041/ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5344475/ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3956379/
|
จากคุณ: vit |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 13:47:06 |
มีประโยชน์สำหรับที่ที่ขาดแคลนบุคลากร บทบาทหลักน่าจะเป็นการมาเสริมไม่ใช่การทดแทน ซึ่งน่าจะต้องadvanceกว่านี้มากๆและต้องพัฒนากันอีกยาวๆครับ
|
จากคุณ: Hybrid VI |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 14:36:27 |
AI แย่งงานได้ชัวร์ AI นะครับ ไม่ได้เหมือนพวกโปรแกรม interprete EKG AI สามารถเรียนรู้ปรับเปลี่ยนทักษะได้ตลอด ป้อนข้อมูลฟิล์มไปสักล้านฟิล์ม AI ที่อ่านก็เปลี่ยนไปเหนือกว่า radiologist ทุกคนในโลกแล้ว (เพราะไม่เคยมี radiologist คนไหน มีประสบการณ์อ่านฟิล์มได้ถึง 1 ล้านฟิล์ม)
|
จากคุณ: น้ำเน่าในเงาจันทร์ |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 15:00:49 |
สุดท้ายAI มันก็ชนะคนแหละครับ ถ้ามันพัฒนาถึงจุดหนึ่ง แต่ถ้าให้ทำงานด้วยผมคงเลือกทำงานกับexperience radiologist มากกว่าAI
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 16:41:18 |
ผมมองว่าทั้ง RadioDx และ Patho มีโอกาสที่งานจะลดลงครับ แต่คงไม่ถึงขนาดตกงาน เพราะงานหลายๆอย่างยังต้องอาศัยแพทย์อยู่
|
จากคุณ: philosophy |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 20:39:00 |
ผมมอง ว่า WIN WIN AI = Technician AI = Levelarge อย่างหนึ่ง สุดดท้ายแล้วต้องให้ หมอเซ็น กำกับ รับผิดชอบ ลงท้ายอยู่ดี เพราะต้องมีคนรับผิดชอบกรณีฟ้องร้อง เหตุผล เพราะ มนุษย์ ไม่เชื่อมั่นในเครื่องจักร ขนาดให้ตัดสินชีวิต แต่ จะช่วยให้หมอสาขานั้นๆ ทำงานสบายมากขึ้น ทำปริมาณงานได้มากขึ้น จงอยู่ร่วมกับ AI และใชัมันให้เป็นประโยชน์ ต่อไป echocardiography cardiologist ก็ไม่ต้องทำเองแล้ว ให้พยาบาลแค่เอ่ probe มาถู ที่หน้าอก AI จะจับภาพและอ่านเอง ดู EF + other เอง cardiologist แค่มาสรุป ตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา
|
จากคุณ: positive |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 21:29:20 |
AI มาแน่ครับ และ จะชนะขาดลอย แบบไม่มีวันเชื่อถือมนุษย์อีกเลย สิ่งที่จะเป็นปัจจัยหลักคือ พฤติกรรม ผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไป กับเทคโนโลยี 5G ผมกำลังคิดว่า ถ้าทุกวันนี้เราเก็บข้อมูลคนไข้ได้มากขึ้น real time การวินิจฉัยโรค ก็อาจจะเปลี่ยนไปอีก จนทฤษฎีเดิมอาจใช้ไม่ได้ องค์ความรู้ก็อาจจะเปลี่ยนไป จนทำให้แนวทางการรักษา ที่ควบคู่ไปการติดตามอาการแบบ real time จะสร้างความได้เปรียบ ที่แพทย์ไม่สามารถทำได้ แม้แต่จะวิเคราะห์ก็ไม่ได้ เพราะข้อมูลมากเกินไป ต้องใช้ Ai อยู่ดี ผู้บริโภคจะเริ่มซึมซับแนวทางนี้ พอใช้ไปมากเข้า สุดท้าย ก็ใช้ AI ทั้งหมด หมอแบบเดิมๆจะหายไปหมดครับ เกิดหมอแบบใหม่
|
จากคุณ: x101 |
โพสเมื่อวันที่: 03/12/19 เวลา 22:07:54 |
ทำไม รู้สึก ว่าตรงกันข้าม มีความต้องการหมอ xray มากขึ้น งานเยอะขึ้นอ่ะ
|
จากคุณ: 6699 |
โพสเมื่อวันที่: 03/13/19 เวลา 13:35:04 |
โปรแกรมหมากรุกไทย ขนาดแค่ 421 K แต่เรายังเอาชนะไม่ได้เลย โกดัก ต้องเสียแชมป์ไปให้กล้องดิจิทัล ทั้งที่ตัวเองเป็นคนคิดเรื่องนี้ เพราะโกดัก ไม่เชื่อว่า ดิจิทัลจะเอาชนะบริษัทโกดักได้ ในยุคนี้ อะไรที่เป็นดิจิทัล เอาชนะอานาล๊อกได้เสมอ
|
จากคุณ: positive |
โพสเมื่อวันที่: 03/13/19 เวลา 13:51:12 |
AI อาจทำให้ปัญหาการฟ้องร้อง ลดลงได้ หากเราทำให้ผู้บริโภค เข้าใจว่าการรักษาเป็นเรื่องที่คนไข้ สามารถเลือกที่จะรับความเสี่ยงของตัวเองได้ โดยไม่มีหมอมาเกี่ยวข้อง อาจจะมีนโยบายเยียวยา หากได้รับผลกระทบจาก AI
|
จากคุณ: Innominate |
โพสเมื่อวันที่: 03/16/19 เวลา 01:20:13 |
ผมว่าเอาเข้าจริง หมอทั่วไปก็น่ากลัวจะตกงานเหมือนกัน เพราะ AI เจอโรคง่าย typical รักษาตาม guideline ได้เลย โรคยากคัดกรองแยกโรค ส่งต่อไปหา specialist ได้เลยไม่ต้องรอคิวตรวจ GP หมอสาขาหัตถการน่าจะสบายใจได้มากที่สุด เพราะขนาดเครื่องบินมี auopilot ร่วมกับนักบินยังตก รถไร้คนขับยังมีคนกลัวกันเกิน 70% กว่าจะให้หุ่นยนต์รักษาแทนมนุษย์ 100% คงอีกสัก 50+ ปี แต่แพทย์ต้องหัดควบคุมหุ่นยนต์ให้เป็น ภายใน 20 ปีนี้ robotic assist จะมาเป็น main stream แทน minimally invasive surgery patho/x-ray dx ช่วงนี้วิกฤติสุด นอกจากคนจะล้นงานแล้ว ยังมีตัดราคาจนถึงขั้นต้องกำหนด ราคาขั้นต่ำ ของแต่ละงาน ราชวิทยาลัยอื่นๆเค้ามีแต่กำหนดราคาขั้นสูงกันทั้งนั้น ต่อไปคนจะยิ่งล้นเพราะมี AI assist หุ่นช่วยอ่านพวกงาน routine หมอมา confirm อย่างเดียวยิ่งอ่านได้ไวขึ้นไปอีก
|
จากคุณ: Sandoz |
โพสเมื่อวันที่: 03/16/19 เวลา 02:24:53 |
on 03/16/19 เวลา 01:20:13, Innominate wrote:ผมว่าเอาเข้าจริง หมอทั่วไปก็น่ากลัวจะตกงานเหมือนกัน เพราะ AI เจอโรคง่าย typical รักษาตาม guideline ได้เลย โรคยากคัดกรองแยกโรค ส่งต่อไปหา specialist ได้เลยไม่ต้องรอคิวตรวจ GP หมอสาขาหัตถการน่าจะสบายใจได้มากที่สุด เพราะขนาดเครื่องบินมี auopilot ร่วมกับนักบินยังตก รถไร้คนขับยังมีคนกลัวกันเกิน 70% กว่าจะให้หุ่นยนต์รักษาแทนมนุษย์ 100% คงอีกสัก 50+ ปี แต่แพทย์ต้องหัดควบคุมหุ่นยนต์ให้เป็น ภายใน 20 ปีนี้ robotic assist จะมาเป็น main stream แทน minimally invasive surgery patho/x-ray dx ช่วงนี้วิกฤติสุด นอกจากคนจะล้นงานแล้ว ยังมีตัดราคาจนถึงขั้นต้องกำหนด ราคาขั้นต่ำ ของแต่ละงาน ราชวิทยาลัยอื่นๆเค้ามีแต่กำหนดราคาขั้นสูงกันทั้งนั้น ต่อไปคนจะยิ่งล้นเพราะมี AI assist หุ่นช่วยอ่านพวกงาน routine หมอมา confirm อย่างเดียวยิ่งอ่านได้ไวขึ้นไปอีก |
| ตอนนี้คนไม่ได้ล้นงานนะครับ สำหรับ patho ตำแหน่งราชการใน กทม ยังว่างอยู่หลายตำแหน่ง แบบไม่ต้องแย่ง พตส ยังได้เรทสูงสุด 15,000 อยู่ และตอนนี้ในไทย รวมถึงที่อเมริกา ยังไม่มี system ที่ approve ให้อ่านสไลด์แทน pathologist นะครับ ที่ต้องประกันราคาขั้นต่ำ เพราะโครงสร้างราคาแล็บเอกชน เก็บกันแบบ ประมูลราคา ดังนั้นใครประมูลถูกกว่า ก็ชนะ ที่เหลือไปกด DF หมอเอา ตอนนี้เลยต้องมีการประกันราคาออกมา ปัญหานี้มีมานานเกิน 10 ปีแล้วครับ และไม่ได้เกี่ยวกับไอเอ แต่งอย่างใด แต่แน่นอนครับ อนาคต เอไอจะส่งผลอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าติดตาม
|
จากคุณ: Xanz |
โพสเมื่อวันที่: 03/16/19 เวลา 13:49:25 |
ทำไมถึงชอบกังวลสิ่งทั้ยังไม่เกิดอะ แบบถ้าอนาคตใกล้4-5ปีว่าไปอย่างนี่อีกกี่สิบกว่านั้นคงเกษียรแล้วมั้ง
|
จากคุณ: Any_Obtion |
โพสเมื่อวันที่: 03/16/19 เวลา 16:17:47 |
on 03/16/19 เวลา 13:49:25, Xanz wrote:ทำไมถึงชอบกังวลสิ่งทั้ยังไม่เกิดอะ แบบถ้าอนาคตใกล้4-5ปีว่าไปอย่างนี่อีกกี่สิบกว่านั้นคงเกษียรแล้วมั้ง |
| 555 จริง
|
จากคุณ: Sandoz |
โพสเมื่อวันที่: 03/16/19 เวลา 16:31:27 |
บางคนจบบอร์ดใหม่ๆ เขายังเหลือเวลาต้องทำงานอีก 30 ปี เอาเข้าจริงในยุคนั้น อาจต้องทำงานนานกว่านั้น เพราะจะเป็นสังคมผู้สูงอายุ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน จะน่ากลัวแค่ไหน เมื่อตัวเองรู้ว่า สาขาที่ตัวเองจบมา อาจเลี้ยงตัวเองถึงแก่เฒ่า ... ไม่ได้ครับ
|
จากคุณ: jengirl |
โพสเมื่อวันที่: 03/17/19 เวลา 03:31:42 |
ส่วนตัวคิดว่า AI มาแน่ แต่ไม่ถึงกับแย่งงานค่ะ มันจะมาช่วยเรามากกว่า แต่เราต้องปรับตัว สาขาไม่หัตถการก็ไม่ได้จะโดนแย่งงานในเร็ววันนี้แน่ๆค่ะ เพราะในเรื่องการ Dx, treatment มันไม่ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้น ทุกวันนี้ที่เรา practice กัน เราก็ไม่ได้ตาม guidelines มันมีความซับซ้อนอะไรอีกเยอะที่เราต้องเอา knowledge base, evidence รวมไปถึง experience ต่างๆมา apply อีกทีอยู่แล้ว
|
จากคุณ: Any_Obtion |
โพสเมื่อวันที่: 03/19/19 เวลา 21:23:19 |
เกาะอยู่กับระบบราชการไว้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง แม้จะอีก 30 ปี แม้งานนอกเวลาอาจน้อยลงบ้าง แต่ถ้าปรับตัวได้ รายได้อาจมากขึ้นทำงานง่ายขึ้นก็ได้
|
จากคุณ: Innominate |
โพสเมื่อวันที่: 03/23/19 เวลา 23:20:56 |
on 03/16/19 เวลา 02:24:53, Sandoz wrote: ตอนนี้คนไม่ได้ล้นงานนะครับ สำหรับ patho ตำแหน่งราชการใน กทม ยังว่างอยู่หลายตำแหน่ง แบบไม่ต้องแย่ง พตส ยังได้เรทสูงสุด 15,000 อยู่ และตอนนี้ในไทย รวมถึงที่อเมริกา ยังไม่มี system ที่ approve ให้อ่านสไลด์แทน pathologist นะครับ ที่ต้องประกันราคาขั้นต่ำ เพราะโครงสร้างราคาแล็บเอกชน เก็บกันแบบ ประมูลราคา ดังนั้นใครประมูลถูกกว่า ก็ชนะ ที่เหลือไปกด DF หมอเอา ตอนนี้เลยต้องมีการประกันราคาออกมา ปัญหานี้มีมานานเกิน 10 ปีแล้วครับ และไม่ได้เกี่ยวกับไอเอ แต่งอย่างใด แต่แน่นอนครับ อนาคต เอไอจะส่งผลอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าติดตาม |
| ถ้าแลบเอกชนมีคนน้อยกว่างาน แล้วมากด DF ได้แสดงว่ามีหมอเยอะกว่าตำแหน่งงานในเอกชนน่ะสิครับ เพราะถ้าหมอน้อย หมอก็เรียกค่าตัวได้ แต่ถ้าเรียกแล้วเค้าไปหาคนอื่นอ่านแทนได้ก็แสดงว่า supply มันล้นแล้ว ส่วนตำแหน่งภาครัฐเงินเดือนคงไม่พอที่จะอยู่กทม.ได้แบบสบายๆต้องไปหางานข้าง นอกทำกันทั้งนั้น ซึ่งก็จะเข้าสู่การ oversupply อยู่ดี ส่วน AI ในช่วงนี้คงเป็นตัวช่วย เช่นให้ AI กวาดตาสักรอบ ระหว่างที่หมอก็ไปอ่านอีกแผ่น ตรงไหน AI ไม่แน่ใจก็ถ่ายภาพไว้เอามาปรึกษาแพทย์ พอแพทย์สอนไป AI ก็เก่งขึ้นทุกครั้ง
|