หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: case burn นี่ต้อง refer ให้ plastic รักษาทุก case ไหมครับ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: ginger โพสเมื่อวันที่: 12/17/18 เวลา 17:02:31
เห็นมีข่าวศัลยกรรมหน้าอก แล้วบอกว่าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญไปผ่าได้ยังไง เห็นมีคนมาcomment กันอีกว่าถึงจบศัลยกรรมหรือ ENT ก็ไม่ใช่ plastic ไม่สามารถเสริมความงามได้
 ในคดีนี้มีการตั้งข้อหาทางอาญาว่ากระทำให้เป็นอันตรายสาหัส เลยสงสัยว่ามันไม่ได้มีกฎแพทยสภาหรือกฎหมายที่ห้ามแพทย์ทำหรือไม่ทำหัตรการอ ย่างจำเพาะเจาะจง อย่างนี่ที่เราทำงานกันอยู่ทุกวันนี้เช่น  เป็น หมอศัลทั่วไปใน รพ ที่ไม่มี plastic แล้วไปผ่าตัดอย่างอื่นเช่น ดู case burn หรือ ทำ skin graft
ผู้ป่วยสามารถเอาผิดเราได้หรือไม่ถ้าจะถือข้ออ้างว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
 
ปล. แล้วถ้าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับวุฒิบัตร ผ่าแล้วมีผลข้างเคียงเกิดกับคนไข้นี่ ศาลมีหลักในการตัดสิน ต่างกันหรือเหมือนกันกับแพทย์ที่ไม่จบสาขานั้นๆโดยตรงหรือไม่ครับ
 
 
จากคุณ: crv01 โพสเมื่อวันที่: 12/17/18 เวลา 18:03:23
เรื่องยาว.
จากคุณ: simath โพสเมื่อวันที่: 12/17/18 เวลา 18:31:51
พวกนี้ทำแล้วได้เงินน้อย ศัลยแพทย์ตกแต่งเค้าไม่อยากทำหรอกครับโยนๆให้คนอื่นไปทั้งๆที่เป็นงานตัวเอง เต็มๆ
 
ส่วนเสริมจมูก ทำตา แม้จะไม่ใช่งานตัวเองก็จะเอาไปทำ เพราะเงิน
 
เท่าที่ทราบ ENT ทุกที่มีเรียน Rhinoplasty เป็นเรื่องเป็นราวครับ แต่ตอนนี้มีแต่สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งที่ขยันโฆษณาว่าตัวเองเท่านั้นที่ทำได้
 
อยากเรียกร้องให้ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิก, ราชวิทยาลัยจักษุ,สมาคมแพทย์ผิวหนัง ออกมา Take action เรื่องนี้บ้าง ปล่อยให้ศัลยกรรมตกแต่งเอาดีเข้าตัวมานานแล้ว ถ้าปล่อยไปแบบนี้ ในอนาคตประชาชนจะเข้าใจผิดแบบกู่ไม่กลับนะครับ
จากคุณ: Auikung โพสเมื่อวันที่: 12/17/18 เวลา 19:27:16
มองที่เจตนา และสภาพการณ์
จากคุณ: Xanz โพสเมื่อวันที่: 12/17/18 เวลา 23:01:58
ชอบความคิดหมอเมืองสยามเคยตอบวิธีแก้ปัญหานะ ถ้าทำจมูก นม ตาเหลือเคสละ200 บาทรับรองไม่มีคนโวยวายทำไม plasticไม่ออกมาโวยเคสburn graft บ้างละแถมเวลาสมัครเรียนก็โครตยากเส้นเยอะถ้าอยากทำเพื่อปชช ทำไมไม่เปิดให้ทุกคนเรียนเป็นเรื่องเป็นรรว
จากคุณ: brownie โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 01:39:33
ดูที่เจตนาสิครับ ที่ทำเพื่อช่วยคนไข้ หรือทำเพราะหวังเงินทอง แค่นี้ประชาชนคนธรรมดาก็ตอบได้ ระดับปัญญาชนอย่างแพทย์ไม่น่าถาม
 
เดี๋ยวนี้หมอจบใหม่หลายคนไม่ชอบทำหัตถการ ลองไปถามสตาฟตาม รพ.เพิ่มพูนทักษะได้  แต่ทำไมพอเป็นตกแต่ง เสริมความงาม แพทย์จบใหม่ถึงอยากทำ
บางคนที่ไปอยู่คลินิกความงาม ลาออกทั้งที่ไม่จบการเพิ่มพูนทักษะด้วยซ้ำ
 
แพทย์ที่ทำแล้วเกิด complication เนี่ย เกิดหลายรายเกิดซ้ำๆ ถ้าแพทย์มีหิริโอตัปปะก็ควรหยุดทำ และส่งตัวคนไข้ไปหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษา พร้อมจ่ายค่าเสียหาย แต่พวกนี้ไม่รับผิดชอบ บางคนใช้ตำรวจมาขู่ให้คนไข้ไม่แจ้งความ
จริงๆตั้งแต่สิ่งแวดล้อมในห้องผ่าตัดไม่เหมาะสม เครื่องมือไม่ดี ผู้ช่วยไม่มีความสามารถ ก็ไม่ควรทำแต่แรก
จากคุณ: blitzs โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 09:46:18
 ฟ้องร้อง กับ ใครรักษาอะไรได้ มันไม่เกี่ยวกัน
  การที่จะฟ้อง มีองค์ประกอบ คือ 1 คนไข้เสียหาย พิการ หรือ ตาย  2 ญาติหรือคนไข้ติดใจ ไม่พอใจการรักษา  ส่วนชนะหรือแพ้แล้วแต่ศาล เจตนาไม่เกี่ยว เพราะที่ผ่านมาแพ้ในศาลก็เจตนาดีทั้งนั้น รักษาในข้อจำกัดขาดแคลน แต่โดนโบ้ยว่าประมาทตลอด(ไม่เฉพาะทางแล้วทำ อาจโดนประมาทได้ง่าย  แต่ถ้าแซะprogress ตลอดทางก่อนตาย ยังไงก็หาช่องประมาทง่ายกว่า)  และจะมาเกี่ยงงานว่าไม่เชี่ยวชาญเลยไม่ทำ ญาติเขารู้สึกว่าเสียหาย เสียเวลาเพราะเราดึงเรื่องก็โดนฟ้องอยู่ดี
     ดังนั้น key word ตอนนี้คือทำอย่างไร ไม่ให้ไปศาล ไม่ใช่ถามว่า มีวุฒิบัตรแล้วศาลจะปล่อยไหม  มันเลยต้องมองที่ รักษายังไง ไม่ให้ตายหรือพิการ  ถ้ามีแนวโน้มจะตายหรือพิการ ก็ต้อง ส่งไปที่คนไข้เขาต้องการ หรือทำให้ญาติเขายอมรับในสิ่งที่จะเกิด ก่อนมันเกิดขึ้น  และใช้เวลาเหมาะสม ก็จะแก้ปัญหาข้อติดใจได้  ถ้าแก้สองจุดนี้ แม้จะรักษาโดยไม่เชี่ยวชาญ รักษาหลุดไกด์ไลน์ ยังไงก็ไม่โดนฟ้อง
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 10:49:57
อาจารย์แพทยสภาท่านนึงกล่าวไว้ในห้อง Lecture ที่โรงเรียนแพทย์แห่งนึงว่า คดีที่แพทย์ถุกฟ้องร้อง มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ Plastic Surgeons/ รองลงมาคือ Obstetricians/ รองลงมาอีกคือ General Surgeons...
 
เพราะงั้น เป็นผู้เชียวชาญก็ถูกฟ้องร้องมาก (ฟ้องร้อง GP มีน้อยกว่า 3 แผนกแรกดังกล่าวเยอะ) อยู่ดี
การเป็นผู้เชี่ยวชาญแผนกนั้นๆ จึงป้องกันการถูกฟ้องร้องไม่ได้ เพียงแต่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทำให้เราดูแลผู้ป่วยในสาขาๆนั้นๆได้ดีกว่า ลึกซึ้งกว่าคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆแค่นั้นเองครับ
จากคุณ: -=Jfk=- โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 13:03:58
on 12/18/18 เวลา 10:49:57, Dr._Panya wrote:
อาจารย์แพทยสภาท่านนึงกล่าวไว้ในห้อง Lecture ที่โรงเรียนแพทย์แห่งนึงว่า คดีที่แพทย์ถุกฟ้องร้อง มากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ Plastic Surgeons/ รองลงมาคือ Obstetricians/ รองลงมาอีกคือ General Surgeons...
 
เพราะงั้น เป็นผู้เชียวชาญก็ถูกฟ้องร้องมาก (ฟ้องร้อง GP มีน้อยกว่า 3 แผนกแรกดังกล่าวเยอะ) อยู่ดี
การเป็นผู้เชี่ยวชาญแผนกนั้นๆ จึงป้องกันการถูกฟ้องร้องไม่ได้ เพียงแต่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทำให้เราดูแลผู้ป่วยในสาขาๆนั้นๆได้ดีกว่า ลึกซึ้งกว่าคนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆแค่นั้นเองครับ

 
อันนี้ คาดว่า อาจารย์ที่สอนตอนนั้น คงคิดว่า เคส เสริมสวย มีแต่ Plastic Surgeon ทำ หรือ จะพูดกลายๆ ว่า เคส พวกเสริมความงามนี่ เปอร์เซนต์การฟ้องร้องสูง
 
แต่ถ้า เทียบกับว่า เคสผ่าตัดเสริมสวย โดย Plastic Surgeon กับ เคสเสิรมสวยที่ทำโดย GP  อันไหน%มากกว่ากัน
 
อันนี้เชื่อว่า อันหลังมากกว่า
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 14:36:09
on 12/18/18 เวลา 13:03:58, -=Jfk=- wrote:

 
อันนี้ คาดว่า อาจารย์ที่สอนตอนนั้น คงคิดว่า เคส เสริมสวย มีแต่ Plastic Surgeon ทำ หรือ จะพูดกลายๆ ว่า เคส พวกเสริมความงามนี่ เปอร์เซนต์การฟ้องร้องสูง
 
แต่ถ้า เทียบกับว่า เคสผ่าตัดเสริมสวย โดย Plastic Surgeon กับ เคสเสิรมสวยที่ทำโดย GP  อันไหน%มากกว่ากัน
 
อันนี้เชื่อว่า อันหลังมากกว่า

 
ส่วนตัวแล้ว...ผมคิดว่า การผ่าตัดเสริมความงามนั้น โดยมือของ Plastic Surgeons น่าจะมีจำนวนมากกว่า General Surgeons มั้งครับ (ยิ่งเป็นเคสใหญ่ๆหรือยากๆอย่าง ผ่าตัดเสริมเต้านม/ ทำตาสองชั้น/ แปลงเพศ) กับ GP อย่างมากก็กล้าทำ Rhinoplasty แค่นั้น ซึ่งถ้ามี Complications Remove or Re- Do แค่นั้น การฟ้องร้องจึงมีจำนวนไม่มาก เท่ากับการฟ้องร้อง Plastic Surgeons ซึ่งมีจำนวนเคสมากกว่า/ แพงกว่า (ความคาดหวังเลยมากกว่า) มั้งครับอาจารย์
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 17:23:35
หึๆ  การศัลยกรรมความงามเหมือนOasisในหนัง Madmaxไงคะ  ศัลยกรรมมันทำเงินดี
เลยมีมาเฟียมาเคลมว่าพวกข้าเท่านั้นที่ทำได้
แต่จริงๆคือไม่มีข้อห้าม  ว่าหมอGPห้ามทำอันนี้  ต้องหมอเฉพาะทางเท่านั้น
 
เหมือนที่ หมอเฉพาะทางบางคนทำคือ  ถ้ามีไข้ consult medทุกเคส
แต่พอหมอไปอยู่คลีนิก  ตรวจได้หมดทุกโรค  
หมอศัลย์ รับออกOPD ตรวจสุขภาพที่เอกชน  ปรับยาเบาหวานความดันเองที่คลีนิก   หรือ หมอmedผ่าซิส  กรีดหนองที่คลีนิก
แต่พอหมอพวกนี้มาเจอคนไข้ที่โรงบาลรัฐ  ทุกอย่างที่ไม่ใช่สาขาตัวเอง  คือโยนมาให้GPทำหมด   ไม่เห็นมีใครมาแย่งตรวจเบาหวาน ความดันเลย
จากคุณ: -=Jfk=- โพสเมื่อวันที่: 12/18/18 เวลา 17:35:41
on 12/18/18 เวลา 14:36:09, Dr._Panya wrote:

 
ส่วนตัวแล้ว...ผมคิดว่า การผ่าตัดเสริมความงามนั้น โดยมือของ Plastic Surgeons น่าจะมีจำนวนมากกว่า General Surgeons มั้งครับ (ยิ่งเป็นเคสใหญ่ๆหรือยากๆอย่าง ผ่าตัดเสริมเต้านม/ ทำตาสองชั้น/ แปลงเพศ) กับ GP อย่างมากก็กล้าทำ Rhinoplasty แค่นั้น ซึ่งถ้ามี Complications Remove or Re- Do แค่นั้น การฟ้องร้องจึงมีจำนวนไม่มาก เท่ากับการฟ้องร้อง Plastic Surgeons ซึ่งมีจำนวนเคสมากกว่า/ แพงกว่า (ความคาดหวังเลยมากกว่า) มั้งครับอาจารย์

 
แต่ที่เป็นข่าวๆ กันตอนนี้ ส่วนใหญ่ เป็นพวก GP มากกว่านะครับ คุณหมอ
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 12/19/18 เวลา 01:06:30
on 12/18/18 เวลา 01:39:33, brownie wrote:
ดูที่เจตนาสิครับ ที่ทำเพื่อช่วยคนไข้ หรือทำเพราะหวังเงินทอง แค่นี้ประชาชนคนธรรมดาก็ตอบได้ ระดับปัญญาชนอย่างแพทย์ไม่น่าถาม
 
เดี๋ยวนี้หมอจบใหม่หลายคนไม่ชอบทำหัตถการ ลองไปถามสตาฟตาม รพ.เพิ่มพูนทักษะได้  แต่ทำไมพอเป็นตกแต่ง เสริมความงาม แพทย์จบใหม่ถึงอยากทำ
บางคนที่ไปอยู่คลินิกความงาม ลาออกทั้งที่ไม่จบการเพิ่มพูนทักษะด้วยซ้ำ
 
แพทย์ที่ทำแล้วเกิด complication เนี่ย เกิดหลายรายเกิดซ้ำๆ ถ้าแพทย์มีหิริโอตัปปะก็ควรหยุดทำ และส่งตัวคนไข้ไปหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษา พร้อมจ่ายค่าเสียหาย แต่พวกนี้ไม่รับผิดชอบ บางคนใช้ตำรวจมาขู่ให้คนไข้ไม่แจ้งความ
จริงๆตั้งแต่สิ่งแวดล้อมในห้องผ่าตัดไม่เหมาะสม เครื่องมือไม่ดี ผู้ช่วยไม่มีความสามารถ ก็ไม่ควรทำแต่แรก

 
ฉีดโบท็อกกากๆ ครั้งเดียวใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ได้ตังค์ 6,000 บาท ไม่เสียภาษี
อยู่ ER รพ.รัฐ วิ่งดูคนไข้ทั้งวัน 24 ชม.ได้ตังค์ 3300 บาท หักฐานภาษี 20% เหลือได้จริงๆ 2,640 บาท
 
ค่าตอบแทน OT นอกเวลา ที่ไม่ขึ้นอีกเลยตั้งแต่สมัยสมัครเป็นนายกตอนปี 2551 แล้วก็ไม่มีใครสนใจจะขึ้นค่าตอบแทน OT อีกเลย มาเป็นเวลา 10 ปี
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 12/19/18 เวลา 19:08:37
on 12/17/18 เวลา 17:02:31, ginger wrote:
เห็นมีข่าวศัลยกรรมหน้าอก แล้วบอกว่าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญไปผ่าได้ยังไง เห็นมีคนมาcomment กันอีกว่าถึงจบศัลยกรรมหรือ ENT ก็ไม่ใช่ plastic ไม่สามารถเสริมความงามได้
 ในคดีนี้มีการตั้งข้อหาทางอาญาว่ากระทำให้เป็นอันตรายสาหัส เลยสงสัยว่ามันไม่ได้มีกฎแพทยสภาหรือกฎหมายที่ห้ามแพทย์ทำหรือไม่ทำหัตรการอ ย่างจำเพาะเจาะจง อย่างนี่ที่เราทำงานกันอยู่ทุกวันนี้เช่น  เป็น หมอศัลทั่วไปใน รพ ที่ไม่มี plastic แล้วไปผ่าตัดอย่างอื่นเช่น ดู case burn หรือ ทำ skin graft
ผู้ป่วยสามารถเอาผิดเราได้หรือไม่ถ้าจะถือข้ออ้างว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
 
ปล. แล้วถ้าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับวุฒิบัตร ผ่าแล้วมีผลข้างเคียงเกิดกับคนไข้นี่ ศาลมีหลักในการตัดสิน ต่างกันหรือเหมือนกันกับแพทย์ที่ไม่จบสาขานั้นๆโดยตรงหรือไม่ครับ
 
 

 
นั่นสิ  สงสัยเหมือนผมเลย  ว่าจะเอามาถามหลายทีละ
 
งง ที่ตำรวจยัดข้อหาอาญาให้ด้วยนะ   เขาเป็นแพทย์ย่อมมีสิทธผ่าตัด และยังไม่มีกฎหมายอะไรมาควบคุมชัดเจนว่าใครควรทำอะไร  และใครทำอะไรไม่ได้       เรื่องทำแล้วนมเน่าหรือผลลัพท่ไม่ดีมันก็เป็นเรื่องรับผิดทางแพ่งไม่ใช่เหรอ     ทำไมตั้งข้อหาเหมือนทำร้ายร่างกายให้สาหัสแบบนั้(ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า ทำให้ผู้เสียหายรวมตัวกันมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปราบปรามอาชญา กรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก สำหรับผู้ต้องหา ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายนั้น ได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณหรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ” และความผิดตาบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์)
 
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1944974
 
 
อันหลังที่โฆษณาเกินจริงว่าใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นพอรับได้  แต่ข้อหาทำร้ายนี่ผมว่เกินไปนะ
จากคุณ: brownie โพสเมื่อวันที่: 12/20/18 เวลา 00:40:15
on 12/19/18 เวลา 19:08:37, know555 wrote:

 
 
งง ที่ตำรวจยัดข้อหาอาญาให้ด้วยนะ   เขาเป็นแพทย์ย่อมมีสิทธผ่าตัด และยังไม่มีกฎหมายอะไรมาควบคุมชัดเจนว่าใครควรทำอะไร  และใครทำอะไรไม่ได้       เรื่องทำแล้วนมเน่าหรือผลลัพท่ไม่ดีมันก็เป็นเรื่องรับผิดทางแพ่งไม่ใช่เหรอ     ทำไมตั้งข้อหาเหมือนทำร้ายร่างกายให้สาหัสแบบนั้(ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า ทำให้ผู้เสียหายรวมตัวกันมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ปราบปรามอาชญา กรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหากับพวก สำหรับผู้ต้องหา ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายนั้น ได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณหรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ” และความผิดตาบ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์)
 
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1944974
 
 
อันหลังที่โฆษณาเกินจริงว่าใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นพอรับได้  แต่ข้อหาทำร้ายนี่ผมว่เกินไปนะ

 
มีใบ ว. ผู้ป่วยเซ็น consent ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรคนไข้ก็ได้นี่ครับ   รู้ทั้งรู้ว่ายัด foreign body เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ สิ่งแวดล้อมในห้องสกปรก ผู้ช่วยไม่ใช่บุคลากรที่ถูกฝึก sterile technique มาดี  ทั้งหมดยิ่งเพิ่มความเสี่ยง  แต่ยังทำ มันก็จงใจแล้วครับ
เคยมีคนแฉสภาพห้องผ่าตัดในคลินิกพวกนี้แล้ว
ถ้ามีเจ้าหน้าที่ไปตรวจ แล้วทั้งหมดไม่ได้มาตรฐาน มันก็สมควรเอาผิดหมอที่ทำได้แล้ว
แถมถ้ามีสถิติว่าคนที่ทำกับคลินิกนี้ติดเชื้อเท่าไร ก็ชัดเจน
ประเด็นมันอยู่ที่เรื่องปัจจัยต่างๆไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้อยู่ที่มีบอร์ดหรือไม่มี แต่ถ้ามีบอร์ดก็อาจหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองได้ มีราชวิทยาลัยช่วยเป็นพยานให้ได้
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 12/20/18 เวลา 10:17:29
on 12/20/18 เวลา 00:40:15, brownie wrote:

 
มีใบ ว. ผู้ป่วยเซ็น consent ไม่ได้หมายความว่าทำอะไรคนไข้ก็ได้นี่ครับ   รู้ทั้งรู้ว่ายัด foreign body เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อ สิ่งแวดล้อมในห้องสกปรก ผู้ช่วยไม่ใช่บุคลากรที่ถูกฝึก sterile technique มาดี  ทั้งหมดยิ่งเพิ่มความเสี่ยง  แต่ยังทำ มันก็จงใจแล้วครับ
เคยมีคนแฉสภาพห้องผ่าตัดในคลินิกพวกนี้แล้ว
ถ้ามีเจ้าหน้าที่ไปตรวจ แล้วทั้งหมดไม่ได้มาตรฐาน มันก็สมควรเอาผิดหมอที่ทำได้แล้ว
แถมถ้ามีสถิติว่าคนที่ทำกับคลินิกนี้ติดเชื้อเท่าไร ก็ชัดเจน
ประเด็นมันอยู่ที่เรื่องปัจจัยต่างๆไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้อยู่ที่มีบอร์ดหรือไม่มี แต่ถ้ามีบอร์ดก็อาจหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองได้ มีราชวิทยาลัยช่วยเป็นพยานให้ได้

 
ครับไม่ได้มาตรฐานก็ว่ากันไป  แต่ไม่ใช่ข้อหาทำร้ายร่างกายนะครับ
จากคุณ: simath โพสเมื่อวันที่: 12/20/18 เวลา 19:52:50
สมัยอยู่ รพศ เป็นอินเทิร์นเมด มีเคสนึง Pressure ulcer gr.IV consult plastic ก็บอกไม่ว่างไปทำ ให้พยาบาลทำแผลไปเรื่อยๆก่อน จนวันนึง septic shock ในเวร โทรรายงานพลาสติก(น่าจะอยู่คลินิกส่วนตัว) ก็รายงานไป ผมว่าต้อง Debride แล้วนะครับ ท่านตอบมาสั้นๆแค่ว่า น้องก็ Debride ไปสิ จะบอกพี่ทำไม
 
นึกแล้วก็ขำ เคส shock เสี่ยง arrest จะให้ intern ทำ แต่พอเป็นเคส cosmetic เกิดเป็นห่วงเป็นใยคนไข้ขึ้นมาเชียว ต้องทำกับศัลยกรรมพลาสติกเท่านั้น ห้าม GP ทำ ต่อให้เป็น eye ent หรือ genSx ก็ไม่ได้ ตามไม่ทันเลยว่าหมอพวกนี้เค้าห่วงหรือไม่ห่วงคนไข้กันแน่ Huh
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 12/20/18 เวลา 21:12:20
on 12/20/18 เวลา 19:52:50, simath wrote:
สมัยอยู่ รพศ เป็นอินเทิร์นเมด มีเคสนึง Pressure ulcer gr.IV consult plastic ก็บอกไม่ว่างไปทำ ให้พยาบาลทำแผลไปเรื่อยๆก่อน จนวันนึง septic shock ในเวร โทรรายงานพลาสติก(น่าจะอยู่คลินิกส่วนตัว) ก็รายงานไป ผมว่าต้อง Debride แล้วนะครับ ท่านตอบมาสั้นๆแค่ว่า น้องก็ Debride ไปสิ จะบอกพี่ทำไม
 
นึกแล้วก็ขำ เคส shock เสี่ยง arrest จะให้ intern ทำ แต่พอเป็นเคส cosmetic เกิดเป็นห่วงเป็นใยคนไข้ขึ้นมาเชียว ต้องทำกับศัลยกรรมพลาสติกเท่านั้น ห้าม GP ทำ ต่อให้เป็น eye ent หรือ genSx ก็ไม่ได้ ตามไม่ทันเลยว่าหมอพวกนี้เค้าห่วงหรือไม่ห่วงคนไข้กันแน่ Huh

 
เดี๋ยวนะครับ  
Pressure sore เนี่ย consult debride ให้ consult Gen Sx.ไม่ใช่เหรอครับ
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 12/21/18 เวลา 09:25:56
on 12/20/18 เวลา 21:12:20, Hybrid VI wrote:

 
เดี๋ยวนะครับ  
Pressure sore เนี่ย consult debride ให้ consult Gen Sx.ไม่ใช่เหรอครับ

 
ส่วนตัวแล้ว...ผมก็คิดว่าการทำ Debridement น่าจะเป็นงานของแผนก General Surgery มั้งครับ...แล้วถ้า Base Tissue ดีพอที่จะทำ Flap ได้แล้ว ก็ค่อยแจ้งแผนก Plastic Surgery
จากคุณ: Innominate โพสเมื่อวันที่: 12/21/18 เวลา 23:44:03
on 12/20/18 เวลา 21:12:20, Hybrid VI wrote:

 
เดี๋ยวนะครับ  
Pressure sore เนี่ย consult debride ให้ consult Gen Sx.ไม่ใช่เหรอครับ

 
ผมคิดว่าแล้วแต่โรงพยาบาลนะครับ รพ.ที่ผมเคยอยู่และปัจจุบันอยู่ก็ consult plastic ครับ ตอนเรียนได้เรียนพวกการใช้สาร หรือแผ่น promote wound healing ต่างๆก็ตอนผ่าน plastic ครับ  
จากคุณ: jengirl โพสเมื่อวันที่: 12/31/18 เวลา 01:32:04
จริงๆควร consult ทุกเคสค่ะ เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา
 
เรื่อง pressure ulcer นี่ปกติ debridement เรา consult gen sx นะคะ (ต่างประเทศ) ถ้าเค้าจะ con plastic มาปิด flap ต่อก็เห็นศัลย์ไปจัดการกันเอง


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by