Topic Summary
|
จากคุณ: anantom |
โพสเมื่อวันที่: 11/10/18 เวลา 20:03:18 |
http://news.ch7.com/detail/311461?fbclid=IwAR2IMGcyBViPw9RNwAVRLaJRcCOGN 7gSx_Jcz72SxbjvaIG_1v3g8l9rK54
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 10:01:11 |
รพ ชื่อเดียวกับถนนครับ งานเข้าเต็มๆ เป็น รพ เอกชนขนาดเล็ก เน้นรับปกส+บัตรทอง ศักยภาพไม่สูงเท่าไหร่ แต่ปกติโดนสาดน้ำกรดไม่น่าถึงกับเสียชีวิตนะ ขนาดคนตั้งใจกินฆ่าตัวตายยังไม่ค่อยมีใครตายเลย ไม่รู้รอบนี้เกิดอะไรขึ้น
|
จากคุณ: anantom |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 10:37:44 |
https://www.facebook.com/dechalaw/videos/300924430526795/
|
จากคุณ: Something in the rain |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 11:00:50 |
on 11/11/18 เวลา 10:01:11, simath wrote:รพ ชื่อเดียวกับถนนครับ งานเข้าเต็มๆ เป็น รพ เอกชนขนาดเล็ก เน้นรับปกส+บัตรทอง ศักยภาพไม่สูงเท่าไหร่ แต่ปกติโดนสาดน้ำกรดไม่น่าถึงกับเสียชีวิตนะ ขนาดคนตั้งใจกินฆ่าตัวตายยังไม่ค่อยมีใครตายเลย ไม่รู้รอบนี้เกิดอะไรขึ้น |
| เห็นว่าโดนน้ำกรดกรอกปากด้วยครับ ไม่รู้มีปัญหาair wayด้วยหรือป่าว
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 12:32:24 |
จากที่ฟัง พอจะจับได้ความได้ว่า ตรวจร่างกายที่แรก เป็น fisrt degree burn Vital sign stable ไม่เข้าเกณฑ์ UCEP เลยเข็นรถนั่งไปส่งหน้า รพ แล้วเรียกแท็กซี่ให้ ไปบางมดน่าจะประมาณ 5-10 นาทีถ้ารถไม่ติด แต่พอไปถึงก็พบว่า arrest ไปแล้ว ไม่แน่ใจว่ามีคนให้ประวัติเรื่องถูกจับกรอกน้ำกรดด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่มีใครรู้ประวัตินี้ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องโดนสาดน้ำกรดทั่วไป
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 13:30:50 |
งงเรื่องประตูอยู่แปบนึง ตอนนี้เข้าใจละ คือ ห้อง ER ที่นี่จะอยู่ชั้น 2 ด้านหน้าเป็นทางลาดสำหรับเข็นเข้าไป ด้านหลังจะต้องขึ้นบันไดมา ที่ ผอ แกย้ำว่าคนไข้มาด้านหลัง น่าจะต้องการสื่อว่าเขาเดินได้ ซึ่งผู้ป่วยเดินได้ triage เป็นสีเขียว แถมย้ำหลายรอบว่าผู้ป่วยเดินไปล้างหน้าเอง ไม่มีใครช่วย ตรงนี้บุคลากรการแพทย์ฟังน่าจะเข้าใจ ว่าหมายถึงผู้ป่วยดูดี ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่คนทั่วไปฟังคงไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่รู้วิธีที่เราประเมินคนไข้ อาจจะโกรธมากขึ้นด้วยซ้ำว่าเป็นหนักขนาดนี้ทำไมให้เดินไปล้างหน้าเองโดยไม่ช ่วย ตอนนี้ในเพจต่างๆก็มีคนด่ากันเยอะแยะ ว่าไม่รักษาเพราะเข้าผิดประตูรึไง มองว่าเป็นการแถไปอีก สรุป ผอ เตรียมบทพูดมาไม่ดี ออกมาพูดแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
|
จากคุณ: Something in the rain |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 14:25:27 |
สรุปคนสาดน้ำกรด ไม่มีใครพูดถึง
|
จากคุณ: peaupo |
โพสเมื่อวันที่: 11/11/18 เวลา 18:29:44 |
หมอเค้าไม่ใช่เป็นคนสาดน้ำกรดนะครับ ไม่ไปเอาผิดกับผัวที่สาดน้ำกรดล่ะ ทำเหมือนกับหมอเค้าเป็นคนสาดน้ำกรดฆ่าคนไข้เอง
|
จากคุณ: yui |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 09:09:39 |
โดนน้ำกรดสาด มีแผลแค่แสบร้อน แล้วเสียชีวิต. นึกออกได้แค่กรดเดียวคือ hydrofluoric acid. ที่ทำให้มี calcium และ magnesium ในเลือดต่ำ ทำให้หัวใจหยดเต้น เสียชีวิตได้ http://www.summacheeva.org/index_thaitox_hydrofluoric_acid.htm
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 09:11:38 |
เหมือนกับกรณี 1. รถชนกัน...รถใหญ่ ผิดเสมอ 2. ผู้ป่วยตาย...โรงพยาบาล/ แพทย์ ผิดเสมอ
|
จากคุณ: megacure |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 09:14:59 |
on 11/12/18 เวลา 09:11:38, Dr._Panya wrote:เหมือนกับกรณี 1. รถชนกัน...รถใหญ่ ผิดเสมอ 2. ผู้ป่วยตาย...โรงพยาบาล/ แพทย์ ผิดเสมอ |
| คงต้องหาทางเพิ่มระดับสติปัญญาของประชาชนโดยรวม ระดับ IQ, PISA score, อัตราการรู้หนังสือ, การขาดไอโอดีนและทุพโภชนาการ ควรเป็นวาระของชาติ
|
จากคุณ: doreus |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 10:31:49 |
ทำความเข้าใจกันใหม่ 1 ฆาตกรโดนตำรวจจับไปแล้วใช่มั้ย? 2 เวลานั้นคนไข้เจอหมอหรือไม่ เพราะเจ้าของไข้บอกว่าเจ้าหน้าที่โทรรายงาน 3 หมอที่ERตรวจคนไข้ไม่รู้ว่าคนไข้โดนน้ำกรดกรอกปาก?? 4 เคสนี้เป็นคดีสาหัส ทำไมไม่มีตำรวจมาเกี่ยวข้องที่รพ. 5 ทำไมต้องให้ตังค์เด็ก40บาทค่าแท็กซี่. งงกับอีประกันสังคมรวยแสนล้านทำไมต้องให้รถโรงพยาบาลอื่นมารับตัวให้ยุ่งยาก ผู้ป่วยเกิดเหตุตรงไหนก็ให้โรงพยาบาลรีเฟอร์ไปส่งสิบ้าหรือเปล่า ปล เคยอยู่เวรโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก มีเครื่องมือcpr แต่ใช้การไม่ได้ โชคดีคนไข้ไม่เสียชีวิต ลาออกทันที รัฐต้องมีการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีกว่านี้
|
จากคุณ: philosophy |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 16:03:04 |
ขอเสียใจกับน้องที่สูญเสียแม่ด้วยครับ รวมถึงขอแสดงความเสียใจ กับความ Zวย ของหมดที่อยู่เวรวันนั้นด้วย **************************************************** ประเด็น 1. หมอ คนที่อยู่เวรคอนซัลต์ อย่างZวย หากผล vital sign ถูกต้อง ไม่มีการแก้ไข ฺ130/80 mmhg PR 80/min ฆฯ2 99 %? vital sign แบบนี้ ไม่มี สัญญาณว่าจะตายในเวลาอันใกล้อย่างชัดเจน เป็นผม ผมก็ให้ไปเอง หาก vital sign แบบนี้ ประวัติแค่ถูกน้ำร้อนราด 2.ประวัติที่ให้ผิดชัดเจน โทษใคร? ประวัติ ถุกน้ำกรดสาด ถุกน้ำร้องราด กับถูก กรอกน้ำกรดเข้าปาก นี้มันคนละเรื่องคนละวัด กัน เลย หาก ถูกน้ำกรดกรองเข้าปาก แล้วกลืนไป โอกาสตายสูงมาก เกิด mediastinitis myocarditis ARDS อยางเร็ว ผมมองว่าไม่น่าเกี่ยวกับ hypocalcemia อย่างน้อยก็น่าจะเห็นมือจีบหรือชักบ้าง ต่อให้ ไป ร.พ. แพทย์ที่มีเครื่องไม้เครื่องมืือพร้อมก็ ไม่รอด ครับ แต่ อาจเสียชีวิตช้าหน่อย แต่จะทรมานนานขึ้นอีกกน่อย เพราะอย่างน้อยได้ใส่ tube แต่สุดท้าย ก็ ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี 3. การ เยียวยาความขัดแย้งอยู่ในขั้นแย่ มากๆ อาจจะไม่มีประสบการณ์ แพทยสภา ควรเตรียมในจุดนี้ให้มากๆ โรงพยาบาลรัฐค่อนข้างชำนาญกับเรื่องแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามจะคุยง่ายกว่าเอกชนมาก ไม่ควรเอาญาติ ไม่ควรเอาสื่อมวลชน เข้ามาในห้องเดียวกัน เพราะจะเห็นว่า เหมือนมวย ชก แต่ไม่มีกรรมการ มีแต่กองเชียร์ ไม่มีใครได้ ทั้ญาติ และ โรงพยาบาล มีแต่สื่อ หรือกองเชียร์ เท่านั้นที่ได้ การเลี่ยงการประทะ หรือว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมดีที่สุด เพราะ ถึงจะเจรจาหรือไม่ เขาก็ฟ้องอยู่แล้ว ทางที่ดี ควรจะคุยในประเด็น บรรเทาทุกข์ให้ ลูกของผู้เสียชีวิตดีกว่า อย่างอื่นก็ให้ไปตามกระบวนการยุติธรรม
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 16:31:38 |
on 11/12/18 เวลา 09:14:59, megacure wrote: คงต้องหาทางเพิ่มระดับสติปัญญาของประชาชนโดยรวม ระดับ IQ, PISA score, อัตราการรู้หนังสือ, การขาดไอโอดีนและทุพโภชนาการ ควรเป็นวาระของชาติ |
| ใช่เลยครับ 555
|
จากคุณ: WeaReGroot |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 22:10:04 |
เอกชนนิสัยเสียมันเยอะไง ปกติดูดตังจาก พรบ แล้วเตะหัวส่ง รพ รัฐ แต่กรณีนี้ดูดตังไม่ได้เลยเตะส่งไปก่อน คนหน้างานเค้ารู้ดีแต่พูดไม่ได้
|
จากคุณ: Blitz |
โพสเมื่อวันที่: 11/12/18 เวลา 23:04:43 |
รพ เขาแก้ว่าจะadmitแล้ว แต่คนไข้จะไปรพ อื่นเอง ถ้าคนไข้เซ็นชื่อไว้จะรอดไหม ประวัติผิด แต่ตรวจร่างกายแผลกลิ่น มันจะเป็นข้อโต้แย้งว่าตรวจไม่ดีได้ไหม ถ้าถอดบทเรียน มีใครเข้ามาในER ต้องobserve จนคนไข้หนีไปเอง. กรณีป่วยไม่มาก. ไม่ก็ต้องหารถ รพ อื่นมารับไปเท่านั้น. จะตรวจเพิ่มหรือเอารถไปส่งก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีเจ้าภาพจ่ายสำหรับเอกชน เจรจาต่อหน้าสื่อเป็นเรื่องพลาดจริงๆ. ฝ่ายกล่าวหาจะด่าอะไรก็ได้ แต่ฝ่ายตอบพลาดไปมีแต่เสียรูปคดี ปล ปัญหาคือสังคมเสียความรู้สึกกับสิ่งที่เกิด เราต้องมองปัญหาด้วย EQ มองแบบหมอด้วยIQ ขึ้นศาลก็เสร็จอยู่ดี
|
จากคุณ: Auikung |
โพสเมื่อวันที่: 11/13/18 เวลา 14:23:41 |
ชีวิตคนสำคัญนะ ควรแก้นิยามคำว่าฉุกเฉินเสียใหม่ ทุกรพ.ควรให้การรักษา อย่างน้อยใน 24 ชม.แรก สปสช. ประกันสังคม กรมบัญชีกลาง ต้องมีแนวทางจ่ายเงินให้รพ.เอกชน หรือรพ.รัฐที่รับการรักษา อย่างเสมอภาคกัน ไม่งั้นก็จะเจอเรื่องปฏิเสธคนไข้แบบนี้ เมื่อ "เงิน" กับ "มนุษยธรรม" เป็นเรื่องที่สวนทางกัน จริยธรรมทางวิชาชีพ คงมาถึงจุดหายนะ
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 11/13/18 เวลา 17:01:27 |
on 11/13/18 เวลา 14:23:41, Auikung wrote:ชีวิตคนสำคัญนะ ควรแก้นิยามคำว่าฉุกเฉินเสียใหม่ ทุกรพ.ควรให้การรักษา อย่างน้อยใน 24 ชม.แรก สปสช. ประกันสังคม กรมบัญชีกลาง ต้องมีแนวทางจ่ายเงินให้รพ.เอกชน หรือรพ.รัฐที่รับการรักษา อย่างเสมอภาคกัน ไม่งั้นก็จะเจอเรื่องปฏิเสธคนไข้แบบนี้ เมื่อ "เงิน" กับ "มนุษยธรรม" เป็นเรื่องที่สวนทางกัน จริยธรรมทางวิชาชีพ คงมาถึงจุดหายนะ |
| เคสนี้ปัญหาไม่น่าจะอยู่ที่เงิน แต่น่าจะอยู่ที่การประเมินมากกว่าครับ ทางโรงพยาบาลไม่ได้ประวัติเรื่องโดนน้ำกรดกรอกปาก ดันเข้าใจว่าน้ำร้อนราด จึงประเมินว่าไม่ฉุกเฉิน หรือจะปรับเกณฑ์ UCEP เป็นใช้ได้กับทุกโรคใน 24 ชั่วโมงแรก ถ้าแบบนั้น คงมีคำถามตามมาอีกเยอะ เช่น คนไข้โดนสุนัขกัด น้ำร้อนลวก มีดบาด สิทธิ์อยู่ราชวิถี ขอใช้ฉุกเฉินที่พญาไทได้ไหม ฯลฯ
|
จากคุณ: anantom |
โพสเมื่อวันที่: 11/13/18 เวลา 17:22:25 |
การปฎิเสธผู้ป่วยฉุกเฉินแม้ไม่ปรากฏบาดแผลร้ายแรงที่มองเห็นจากภายนอก ก็ถือว่าทำละเมิดต่อผู้ป่วยต้องรับผิดในผลเเห่งความตาย คำพิพากษาที่ 11332/55 จำเลยเป็นผู้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล บุตรของโจทก์ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่นั่งซ้อนท้ายชนแผงเ หล็กกั้นทางโค้งปากทางเข้าหมู่บ้านเมืองเอก และผู้ขับขี่ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ บุตรของโจทก์มีอาการเจ็บปวด มีภาวะการบอบช้ำของสมองและโลหิตออกในสมอง จะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แม้ไม่ปรากฏบาดแผลร้ายแรงที่มองเห็นจากภายนอก แต่พยาบาลเวรซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยกลับให้ผู้ช่วยพยาบาลตรวจค้นหลักฐานในต ัวบุตรของโจทก์ว่ามีบัตรประกันสังคม บัตรประกันสุขภาพ 30 บาท หรือบัตรประกันชีวิตหรือไม่ เมื่อไม่พบหลักฐานใด จึงสอบถามเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิที่เป็นผู้นำส่งว่าใครจะรับผิดชอบค่าใ ช้จ่าย เมื่อไม่มีคำตอบ จึงปฏิเสธที่จะรับบุตรของโจทก์ไว้รักษา โดยแนะนำให้ไปรักษายังโรงพยาบาลของรัฐ การที่พยาบาลเวรลูกจ้างของจำเลยปฏิเสธไม่รับบุตรของโจทก์เข้ารับการรักษาดัง กล่าว ถือได้ว่าเป็นผลโดยตรงที่ทำให้บุตรของโจทก์ถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นนายจ้าง เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล มีหน้าที่ต้องควบคุมและดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ป่วยพ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 36 แต่กลับไม่ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของลูกจ้างดังกล่าว จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
|