หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: ทำไม แพทย์ รพ.เอกชนเสียภาษีน้อยกว่า แพทย์ รพ.รัฐ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 08/18/18 เวลา 17:37:41
เห็นทุกปี  
แพทย์ รพ.รัฐ บอกให้เสียภาษีในมาตรา 40 (1) ที่หักค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้สูงสุด 100,000 บาท เท่านั้น
แต่ แพทย์ รพ.เอกชน กลับเสียภาษีในมาตรา 40 (6) ซึ่งหักค่าใช้จ่ายได้ถึง 60% ของเงินได้ ไม่มีเพดาน  
มันต่างกันยังไง ผมคำนวณให้ดู
 
แพทย์ ก. ทำงาน รพ.รัฐ ได้เงินเดือนเดือนละ 80,000 บาท ไม่มีลดหย่อนอื่น ดังนั้น มีเงินได้ 960,000 บาท/ปี  
ต้องเสียภาษีในปีนั้น 75,000 บาท
 
แพทย์ ข. ทำงาน รพ.เอกชน ได้เงินเดือนเดือนละ 150,000 บาท ไม่มีลดหย่อน ดังนั้น มีเงินได้ 1,800,000 บาท/ปี  
ต้องเสียภาษีเพียง 51,500 บาท
 
What ?? รายได้มากกว่า แพทย์ รพ.รัฐเกือบ 2 เท่าตัว แต่จ่ายภาษีเงินได้น้อยกว่าอีก
จากคุณ: only2b โพสเมื่อวันที่: 08/18/18 เวลา 18:04:45
อยู่จังหวัดนึง สรรพกรจับหมอไปอบรม ว่า 40 (6) จะเข้มงวดขึ้น ถ้าตรวจใน ร.พ.ต้องเป็นสัญญาเช่าที่ ร.พ.เอกชน ถึงจะได้ และมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะ ถ้าจำไม่ผิดเช่นมีใบเสร็จต่างหากของหมอคนนั้น    และถ้ามีประกันรายได้ขั้นต่ำต้องใช้ 40 (1)  สงสัยถังใกล้จะแตก เลยต้องรีดกันใหญ่
 
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 00:33:58
ต้องให้หมอรพ รัฐ เลิกรับเงินเดือนเปลี่ยนมาเป็นเช่ารพ ประกอบคลินิค
ยกเลิก กบข บำนาญด้วยจะได้เหมือนกัน เท่ากัน
จากคุณ: yui โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 03:57:40
แพทย์ รพ รัฐได้เงินเดือน. คือเงินที่ได้แต่ละเดือนแน่นอน. หมายถึงถ้าหยุดงานทั้งเดือนก็ยังได้เงิน. จึงถูกตีความว่าเป็น 40(1)
 
แพทย์เอกชนมีหลายแบบคะ
ถ้าทำงานรับเงินเป็นเคส เป็น doctor fee อันนี้ถ้าหยุดงานรายได้คือ0 กลุ่มนี้ตีเป็น 40(6) ลดหย่อนได้ 60%
ถ้าอยู่เป็นเวร. เช่นแพทย์เวรกลางคืน. แพทย์เวรรถพยาบาล. แพทย์ออกหน่วยตรวจสุขภาพ. ได้เงินเป็นเวรแน่นอน อันนี้ 40(2) (ถ้าจำไม่ผิดนะ)
แพทย์ตำแหน่งบริหาร. มีเงินเดือน 40(1) 40(2)
แพทย์มีการันตีขั้นต่ำต่อเดือน. เงินที่ได้จากการตรวจคนไข้เป็น 40(6). ถ้าเดือนนั้นทำไม่ได้ถึงการันตี โรงพยาบาลออกเงินให้เพิ่ม ส่วนที่เพิ่มคือ 40(1)
 
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 09:13:44
on 08/19/18 เวลา 03:57:40, yui wrote:
แพทย์ รพ รัฐได้เงินเดือน. คือเงินที่ได้แต่ละเดือนแน่นอน. หมายถึงถ้าหยุดงานทั้งเดือนก็ยังได้เงิน. จึงถูกตีความว่าเป็น 40(1)
 
แพทย์เอกชนมีหลายแบบคะ
ถ้าทำงานรับเงินเป็นเคส เป็น doctor fee อันนี้ถ้าหยุดงานรายได้คือ0 กลุ่มนี้ตีเป็น 40(6) ลดหย่อนได้ 60%
ถ้าอยู่เป็นเวร. เช่นแพทย์เวรกลางคืน. แพทย์เวรรถพยาบาล. แพทย์ออกหน่วยตรวจสุขภาพ. ได้เงินเป็นเวรแน่นอน อันนี้ 40(2) (ถ้าจำไม่ผิดนะ)
แพทย์ตำแหน่งบริหาร. มีเงินเดือน 40(1) 40(2)
แพทย์มีการันตีขั้นต่ำต่อเดือน. เงินที่ได้จากการตรวจคนไข้เป็น 40(6). ถ้าเดือนนั้นทำไม่ได้ถึงการันตี โรงพยาบาลออกเงินให้เพิ่ม ส่วนที่เพิ่มคือ 40(1)
 

 
ถ้าเป็นอย่างนั้น พ.รพ.รัฐ ที่ได้รับเบี้ยเลี้ยง หรือ พตส. น่าจะตีความว่า ส่วนนั้นเป็น 40(6) หรือเปล่าครับ เพราะถ้าวันทำการไม่ครบ ก็ไม่ได้ในส่วนนั้น  
อีกอย่างคือ ส่วนของเวร OPD นอกเวลา ที่ได้ตาม case ไม่ตรวจจะไม่ได้ อย่างนี้สามารถตีความเข้า 40(6) ได้ไหมครับ
จากคุณ: Dr._Panya โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 09:25:22
นอกจากเงินเดือนประจำของแพทย์ที่เสียภาษีในหมวด 40(1) ที่แม้อาจจะได้น้อยกว่า แต่ว่ามั่นคงและแน่นอนกว่า แพทย์ 40(6) ครับ
แพทย์ 40(1) ก็ยังมีสวัสดิการต่างๆ/ อื่นๆ อีก
แต่ว่าแพทย์ 40(6) จะไม่มีสวัสดิการใดๆเลยครับ (เพราะว่าถ้าได้รับสวัสดิการใดๆจากนายจ้างแม้แต่ข้อเดียว ก็จะกลายเป็นแพทย์ 40(1) หรือ 40(2) ซึ่งจะเสียภาษีแพงขึ้นกว่าแพทย์ 40(6) ทันทีเลยครับ)
จากคุณ: bridge โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 11:39:59
จริงๆระบบเป็นอย่างนี้ตั้งนานละครับ ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกอย่างไร  
 
อยู่เอกชนถ้าวางแผนไว้ก่อนเรียนจบเฉพาะทาง สามารถเป็น  40/6 โดยต่อประกันสังคมมาตรา 39 ได้โดยได้ปกสโรงเรียนแพทย์ ที่มั่นใจว่าได้เตียงแน่นอนเพราะรพเป็นเจ้าภาพ ซึ่งดีกว่าสิทธิราชการอาจไม่ได้เตียงใน รร แพทย์
 
เลือกได้ครับว่าจะไปอยู่ที่ไหนที่ระบบออกแบบให้ชีวิตดีกว่า
 
ถ้าอยากได้ 40/6 ให้คุยกับโรงพยาบาลครับ เพราะ clinic บางที่จ้างตรวจเป็น garanttee ก็ออกเป็น /6 ให้หมดหรือโรงเรียนแพทย์ที่เปิดแบบกึ่งเอกชนก็ออกให้เป็น 40/6 ให้
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 12:35:11
ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะครับ
จากคุณ: yui โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 14:42:27
ถ้าสงสัยว่าเงินรายได้ที่ได้ เป็น 40(1) หรือ 40(6) ต้องส่งเรื่องไปให้สรรพากรตีความ. อย่านึกไปเอง. เพราะมีหมอบางท่านนึกไปเองว่าตัวเองเป็น 40(6) พอไปเสียภาษี สรรพากรตรวจสอบเจอ จะโดนปรับย้อนหลัง. เถียงสรรพกรก็แพ้ทุกที
จากคุณ: simath โพสเมื่อวันที่: 08/19/18 เวลา 14:42:44
สมัยทำงานราชการอย่างเดียว ผมก็เคยนึกสงสัยแบบนี้นะครับ
 
แต่พอตอนนี้ เป็นข้าราชการที่ได้รับเงินทั้ง 40(1) จากรัฐบาล และ 40(6) จากเอกชนที่ไปรับนอดเวลา ก็ทำให้เข้าใจเหตุผล และความจำเป็นที่เป็นแบบนี้ทันที
 
ไม่ใช่แค่วิชาชีพแพทย์นะครับ สาขาอื่นๆอย่าง นิติกร บัญชี ฯลฯ ก็เหมือนกัน คือถ้ารับเงินจากราชการเป็น (1) แต่รายได้ข้างนอก รับเป็น (6)
จากคุณ: zinc โพสเมื่อวันที่: 08/20/18 เวลา 08:52:30
ตอนนี้แพทย์เอกชนกำลังถูกจ้องเก็บภาษีเพิ่มโดยการต้องมีหลักฐานการเช่าที่รพ .และรายละเอียดอื่นๆอีกมากอยู่ นัยว่าจะถูกบีบให้เสียแบบ40(1)
เป็นค่าจ้างหรือค่าแรงมากกว่าเช่าที่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว ใบเสร็จก็ต้องระบุให้ชัดเจนเป็นค่าอะไร
ก็ต้องดูว่าปีหน้าจะเป็นยังไงแน่
จากคุณ: bridge โพสเมื่อวันที่: 08/20/18 เวลา 09:20:44
on 08/20/18 เวลา 08:52:30, zinc wrote:
ตอนนี้แพทย์เอกชนกำลังถูกจ้องเก็บภาษีเพิ่มโดยการต้องมีหลักฐานการ เช่าที่รพ.และรายละเอียดอื่นๆอีกมากอยู่ นัยว่าจะถูกบีบให้เสียแบบ40(1)
เป็นค่าจ้างหรือค่าแรงมากกว่าเช่าที่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัว ใบเสร็จก็ต้องระบุให้ชัดเจนเป็นค่าอะไร
ก็ต้องดูว่าปีหน้าจะเป็นยังไงแน่

 
เอกชนใหญ่ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับเค้าออกใบเสร็จละเอียดเป็นค่าแพทย์ ค่าวิชาชีพเลย มีสัญญาเช่าที่โรงพยาบาลด้วย  
ถ้าต้องให้เสียเงินเช่าจริงเดี๋ยวก็จ่ายแบบมีใบเสร็จเอาที่หัก 10% ออกเป็นหลักฐานให้แพทย์ได้  
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 08/22/18 เวลา 13:38:51
on 08/19/18 เวลา 00:33:58, jumpoo wrote:
ต้องให้หมอรพ รัฐ เลิกรับเงินเดือนเปลี่ยนมาเป็นเช่ารพ ประกอบคลินิค
ยกเลิก กบข บำนาญด้วยจะได้เหมือนกัน เท่ากัน

 Grin
จากคุณ: Auikung โพสเมื่อวันที่: 08/31/18 เวลา 15:29:25
ยื่น 40(6) ไม่ง่ายนะ ยกเว้นคลินิกส่วนตัว
 
เพราะเอกชนมันยืดหยุ่นมากกว่าราชการ เลยมีช่องให้ทำได้
เมื่อก่อนก็ใช้พวกคณะบุคคลมาเลี่ยงเสียภาษี
สักพักก็คงจะโดนบีบอีกแน่นอน


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by