หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: ผปค ของ นศพ ถาม อจ.ของ รรพ เก่าเเก่ ว่า ลูกรับไม่ได้ถ้า ได้ยิน" ตอ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: soon_soon โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 07:35:06
" ตอบแบบนี้ สามล้อหน้า รพ ก็ตอบได้.  และ คำพูดที่เหยียดหยาม..
เสียงตอบกลับจากเวที ก็บอกว่า คิดเสียว่า จบไปแล้ว เจอหนักกว่านี้...
ปล สมัยผม ก็ โดนแบบนี้ ก็ นอยด์+ตลกนิดหน่อย แต่ก็ผ่านมาได้
ตอนนี้ผมก็สอน นศพ ไม่เคยใช้ คำพูดทำนองนี้เลย
ลูกผมก็กำลังเรียนที่นั่น ผมก็ได้เเต่ บอกว่า อยากไปเอง ก็ต้องทำใจ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 08:37:51
เจอแบบ นั่นใช้สมองหรือหัวแม่โป้งตีนตอบ. แต่ไม่ถือนะอาจารย์สนิทกันและแกชอบพูดตลกยังเคารพเสมอมา.  คนละ โรงเรียนกัน
จากคุณ: zinc โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 09:16:18
ตอนนักศึกษาแพทย์ไปชวนน้องม.6มาเรียนก็ควรบอกความจริงให้หมดไม่ใช่บอกแต่ด้า นสวยงามสดใส  
จริงๆชีวิตแพทย์ถ้าไม่รักในการเสียสละแล้วอยู่ยากครับ
ที่อยากรวยก็ต้องไปรีดชาวบ้านต่ออีกกลายเป็นเวชพานิชย์ก็เยอะ
จากคุณ: -=Jfk=- โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 11:07:42
เฮ้ยยยยยยยยย แค่นี้ ก็เป็นประเด็นได้เหรอ
 
ประโยค ที่อจ.หรือ รุ่นพี่ชอบแซวๆ ว่า
 
อาการอย่างนี้ หรือ โรคอย่างนี้ สามล้อหน้ารพ. หรือ  คนเข็นเปล ก็รู้ ก็ตอบได้ นี่ อจ.หรือพี่ๆ ใช้กันบ่อยๆ
 
มันบอกให้รู้ว่า เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ หมอต้องควรรู้ ไม่พลาด ขนาด คนไม่ได้เรียนมา หรือ คนทั่วไป ยังรู้เลย
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 11:21:52
on 08/09/18 เวลา 11:07:42, -=Jfk=- wrote:
เฮ้ยยยยยยยยย แค่นี้ ก็เป็นประเด็นได้เหรอ
 
ประโยค ที่อจ.หรือ รุ่นพี่ชอบแซวๆ ว่า
 
อาการอย่างนี้ หรือ โรคอย่างนี้ สามล้อหน้ารพ. หรือ  คนเข็นเปล ก็รู้ ก็ตอบได้ นี่ อจ.หรือพี่ๆ ใช้กันบ่อยๆ
 
มันบอกให้รู้ว่า เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ หมอต้องควรรู้ ไม่พลาด ขนาด คนไม่ได้เรียนมา หรือ คนทั่วไป ยังรู้เลย

 
 
homo Grin
จากคุณ: 6699 โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 13:18:09
ถ้าอาจารย์ด่า แสดงว่า อาจารย์เขารัก  
ถ้าอาจารย์เขานิ่งเงียบ แสดงว่ามีปัญหาแล้ว  
จากคุณ: bridge โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 13:55:00
อาจารย์ไม่เข้าใจวิธีสอนเด็ก  
การพูดดีๆไม่ให้เด็กเครียด ทำให้เด็กได้ความรู้ดีกว่า ปฎิบัติงานได้ดีกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทำงานก็ดีกว่า
แก้รุ่่นเก่าไม่ได้ รุ่นเราเลือกไม่ทำต่อได้และไม่ให้ลูกหลานไปเรียนครับ
จากคุณ: MK ลุยงานอย่างเดียว โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 15:52:15
สำหรับผมเฉยๆนะ ตอนเป็นนสพ.อาจแอบเซ็งนิดๆว่าไรวะ ทีผู้หญิงถามได้คำตอบอย่างดี แต่พอผู้ชายถามกลับได้ความว่าบ่อน้ำไม่เดินมาหาควายหรอกอะไรประมาณนั้น แต่บางหน่วยเวลา consult ต้องให้นสพ.ชายไปเพราะนสพ.หญิงไปโดนซอยทุกที ส่วนตัวไป consult แผนกที่ว่าก็โดนซอยไม่ต่างกัน แต่อาจต่างกันตรงผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดมาก (มั้ง) ครับ Grin
จากคุณ: soon_soon โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 15:58:49
อาจจจะเพราะว่า ปีที่เเล้ว นศพ โดดตึดตาย มั้ง
เลย มีการ ยกประโยคนี้มาถก กัน
ปล สำหรับผม ทำผิด ด่าได้ เเต่ ต้องสอนว่า ที่ถูก คืออะไร  
ไม่ใช่ ด่ายันเตทุกประโยค ตั้งเเต่นาทีเเรก
จากคุณ: crv01 โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 18:01:53
รุ่นใหม่ความอดทนต่ำ.  อาจารย์สอนให้ชินกับความกดดันของสังคม.  ในสังคมแรงกว่านี้ครับ.  สมัยก่อนหนักกว่านี้เยอะ.  ตอบไม่ได้ให้ไปกระโดดตึก.  หรือถาม chief. Dent. ก่อน.  แล้วไล่ไป. Dent 2.  1.  ตอบไม่ได้ถึงจะไปถามนศพ.  โหขายหน้ามากเพราะนศพดันตอบได้.   ตอนหลังชิฟเดนท์บอกน้องๆว่าถ้าพี่ตอบไม่ได้พวกเองต้องบอกว่าไม่ทราบ.   อาจารย์นี้เจอไม้นี้เข้าจุกเลย
จากคุณ: Ines_de_BK โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 18:44:42
ห้ามไล่ไปโดดตึก เพราะโดดจิง
อยากทราบว่าการพูดสอนดีๆให้กำลังใจ ตามตำรา med ed
คือมองตามความเป็นจริงนะ
จบไปเด็กจะcultural shock กว่าเดิมไหม มีใครทำการศึกษาหรือมีงานวิจัยรองรับในบริบทประเทศไทยไหม
 
ต้องการทราบจริงๆ
จากคุณ: Hippo โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 18:48:10
ผมยังคุยกับเพื่อนว่า เราควรจะฝึกแพทย์ให้เหมือนหน่วยซีลไหม ไม่มีอ่อน ไม่มีปราณี ไม่มีลดเกณฑ์เพื่อให้ผ่าน ไม่งั้นคุณภาพออกไปไม่คับแก้ว
แต่หมอเราคงไม่ถึงขั้นนั้น คงต้องมีทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง  Grin
จากคุณ: Ines_de_BK โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 18:51:55
เพราะบริบทหมอภาครัฐของไทยที่ต้องการตอนนี้คือพวกอดทนสิบล้อชนไม่ตายนะ
 
เห็นด้วยกับการฝึกแบบซีล แกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ
จากคุณ: Tennoji โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 20:11:24
ผมว่าอาจารย์เขาก็เน้นฮาๆ ไม่น่าเอามาเป็นประเด็นอะไรนะ ถ้าต้องสอนแบบระวังมาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็แตะไม่ได้ ผมว่า คงต้องไปเรียนกะ robot ก็แล้วกัน
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 22:09:17
โลกกำลังจะหมุนเปลี่ยน แต่เห็นหลายคนยังยึดติดกับความคิดเดิมๆ  
การไปเบลมอาชีพอื่น การดูถูกดูแคลนอาชีพอื่น ต่อไปจะเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และไม่สมควรจะออกมาจากปากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์แพทย์ที่ นศพ.จะยึดถือเป็น Role model แล้วครับ  
สมมติไปพูดอย่างนั้นหน้าเตียงคนไข้ บังเอิญคนไข้ที่นอนอยู่ทำอาชีพสามล้อ คิดว่าจะมีดราม่าไหม ถ้าเขาลุกขึ้นถามว่า "คุณหมอคิดว่าคนถีบสามล้่อโง่มากเลยเหรอครับ" จะทำหน้ายังไง  
ยิ่งเห็นข้อความที่พยายามบอกประมาณว่า "ตอนผมเรียนเจอยิ่งกว่านี้"  
มันจะต่างอะไรกับคำพูดของ ผบห.กระทรวง ที่มักจะบอกว่า "ตอนผมเป็นหมอผมอยู่เวรทุกวันยังอยู่ได้" ที่เรามักจะยกคำพูดแนวนั้นมาด่า ผบห.ล่ะครับ
จากคุณ: 921684 โพสเมื่อวันที่: 08/09/18 เวลา 22:49:40
คณะอื่นเขาพูดกันดีๆ ได้ ใช้เหตุผลในการสอน วิศวะ บัญชี นิติ อักษร ฯลฯ
แต่กลายเป็นว่า คณะหมอ พูดเหมือนลูกศิษย์ไม่ใช่คน คิดว่าคนไม่ใช่คน เออ ก็แปลกดีค่ะ
จากคุณ: brownie โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 00:01:37
ด่าแบบนี้ เจ็บกว่า  พูดขำๆให้ออกไปทางหน้าต่างอีกครับ (นอกหน้าต่างมีระเบียง ไม่ตกตึกครับ)
 
การพูดเปรียบเทียบ ใช้คำหยาบ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ยิ่งคนทำงานหนักมาทั้งคืนอย่าง dent ยิ่งทำให้เขาเสียใจ ถ้าจะเรียกมาว่ากล่าวตักเตือน รอให้เขาพร้อมที่จะฟังก่อน
จากคุณ: MuanN โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 00:03:09
สอนกันปาวๆ ให้รักษาคนไข้อย่างมีหัวใจเป็นมนุษย์...
จากคุณ: Sazuke โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 08:24:16
เด็กสมัยนี้คิดมากไปรึเปล่าครับ ตย.ที่ว่าอันนี้ผมว่าอ.พูดแซวขำๆเอง ถ้าจริงจังกันขนาดนั้นคงไม่ต้องสอนกันละ  ผู้ใหญ่ว่าอะไร ล้ออะไรไม่ได้เลยเพราะegoสูงกันหมด ?
จากคุณ: Something in the rain โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 08:32:32
งานวิจัยของ อาจารย์ท่านหนึ่งที่ให้ นศพ. ตอบแบบสอบถาม
เรียงลำดับจากคะแนนมากไปน้อยคือ
1 ละเมิดทางวาจา หรือที่เค้าเรียกว่า ‘กินหัว’ verbal abuse (59.0%) เช่น ดุ ติ ทำให้อับอาย
2 เลือกปฎิบัติ discriminative behavior (51%) คือ ตามเพศ หรือ ความชอบส่วนตัว
3 ใช้อำนาจกดขี่ power abuse (18.1%)
4 ละเมิดทางกาย physical abuse (12.7%) เช่น ตี หยิก ขว้างของใส่
5 sexual harassment การปฏิบัติที่ส่อไปในทางเพศ แบบไม่เหมาะสม เช่น ใช้วาจาหยาบโลน สัมผัส ลูบคลำ เอ่อ มีถึง 5% เชียวนะคะ
 
ส่วนตัวเคยโดนทั้ง verbal abuse , discriminative behavior , physical abuse แต่ก็ผ่านมันมาได้ แต่ก็มีdepressไปพักนึงกว่าจะกลับมาได้ก็เป๋ไปเหมือนกัน
 
ถามว่าวัฒนธรรมแบบนี้ควรจะมีอยู่ในองค์กรแบบนี้ใช่ไหมครับ
เมื่อทำอะไรผิดพลาด แค่พูดตักเตือนเบาๆทั้ง นศพ resident fellowก็รู้สึกผิดมาก จิตตกไปนานแล้วครับ  
 
ผมยังเชื่อว่าไม่ pain ก็ gainได้ครับ
ผมเคยเห็นบางคนตอนเป็น นศพ. ทำตัวเกเร ชอบเที่ยว ไม่ค่อยรับผิดชอบ แต่พอเค้าเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เริ่มมีครอบครัว มีลูก ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก  ตอนมาเรียนresidentก็สอบได้ที่หนึ่งบอร์ดครับ
 
คนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ครับ ถ้าเป็นอาจารย์แล้วก็มีหน้าที่สั่งสอน ให้อยู่ในลู่ทางที่ควรจะเป็นครับ เรียกมาตักเตือน สั่งสอน พูดคุยดีๆเป็นการส่วนตัวก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องไปประจานหรือทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนอื่น    
 
เรื่องไม่ดีให้เอามาคุยในที่ลับ  เรื่องดีให้เอามาคุยในที่แจ้ง
จากคุณ: Something in the rain โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 08:35:05
คำพูด ต่างๆที่กล่าวมามันขึ้นอยู่กับ น้ำเสียง ท่าทางคนพูดด้วยครับ ว่าพูดขำๆล้อเล่น  หรือ ด่าจริงจัง มีเจตนาทำให้อับอาย  คนฟังเองเป็นคนรู้สึกได้ครับ
จากคุณ: jumpoo โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 11:39:43
วงการหมอ มันมีพวกขี้แซะเยอะ
จากคุณ: bridge โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 11:59:37
ถ้าสถานการณ์กลางวงราวด์  
Young staff สอน dent อยู่แล้ว old staff บอกว่า สอนแบบนี้สามล้อก็สอนได้  
คิดว่าโอเคไหมครับ ถ้าบอกว่า old staff รักและหวังดี
จากคุณ: positive โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 15:17:01
อะไรควรปรับปรุง ก็คือควรปรับปรุงครับ เห็นด้วยกับคุณ Something in the rain  ที่ว่าไม่ pain ก็ gain ได้  
 
อาจารย์ ก็ใช้คำที่เหมาะสมมากขึ้น เป็นประโยชน์กับตัวอาจาย์เอง พูดดีๆ ก็เป็นมงคลกับตัวเอง
 
สำหรับน้อง นศพ. เขาไม่ชอบคำแบบนี้แน่ ไม่มีใครชอบวิธีนี้    แต่ไม่ควรถึงกับ รับไม่ได้ เพราะอนาคตเจออีกมาก ไม่ตบหัวแล้วลูบหลังเหมือนอาจารย์-ลูกศิษย์  คนข้างนอก เขาตบหัว แล้วชักปืนจ่อครับ  
 
ชีวิตไม่เคยง่าย แต่อย่าลืมว่าเรา อาจจะเปลี่ยน หรือ ควบคุมสังคมรอบตัวเรา ในช่วงปัจจุบัน 5-10 ปีข้างหน้าไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะมีทัศนคติที่เป็นประโยชน์กันตัวเรา หรือ ทำให้เราทุกข์น้อยได้ครับ แล้วเรียนรู้ ที่จะไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ชอบกับคนอื่น
จากคุณ: bridge โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 17:24:41
ทำไมถึงคิดแทนคนอื่นว่าออกไปข้างนอกลำบากกว่าโรงเรียนแพทย์ครับ สำหรับผมแล้วชีวิตที่แย่ที่สุดเป็นโรงเรียนแพทย์นะครับ ออกไปข้างนอกชีวิตดีกว่าเยอะ  
อีกอย่างผมไม่คิดว่าระบบแย่ๆแก้ได้ด้วยการทนนะครับ
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 17:59:42
on 08/10/18 เวลา 15:17:01, positive wrote:
อะไรควรปรับปรุง ก็คือควรปรับปรุงครับ เห็นด้วยกับคุณ Something in the rain  ที่ว่าไม่ pain ก็ gain ได้  
 
อาจารย์ ก็ใช้คำที่เหมาะสมมากขึ้น เป็นประโยชน์กับตัวอาจาย์เอง พูดดีๆ ก็เป็นมงคลกับตัวเอง
 
สำหรับน้อง นศพ. เขาไม่ชอบคำแบบนี้แน่ ไม่มีใครชอบวิธีนี้    แต่ไม่ควรถึงกับ รับไม่ได้ เพราะอนาคตเจออีกมาก ไม่ตบหัวแล้วลูบหลังเหมือนอาจารย์-ลูกศิษย์  คนข้างนอก เขาตบหัว แล้วชักปืนจ่อครับ  
 
ชีวิตไม่เคยง่าย แต่อย่าลืมว่าเรา อาจจะเปลี่ยน หรือ ควบคุมสังคมรอบตัวเรา ในช่วงปัจจุบัน 5-10 ปีข้างหน้าไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะมีทัศนคติที่เป็นประโยชน์กันตัวเรา หรือ ทำให้เราทุกข์น้อยได้ครับ แล้วเรียนรู้ ที่จะไม่ทำในสิ่งที่เราไม่ชอบกับคนอื่น

 
ข้างนอกตบหัวแล้วเอาปืนจ่อ ก็ใช้กฎหมายแจ้งความเอาผิดสิครับ
อ๋อ.. เรียนมาแบบนี้ เวลาจบออกมาเจอแบบนั้นก็สอนกันให้ยอมๆ กันไป หรือไม่ก็เอากระเช้าไปกราบเท้าเขาเหรอครับ
จากคุณ: อาร์ตสุดติ่ง โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 18:12:04
มันกินหัวต่อๆกันมานานแล้ว&#8203;จนสืบสันดาน
 
ไม่สามารถเลิกได้.เเละจะมีต่อไป&#8203;
จากคุณ: Humble_guy โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 21:48:19
การกินหัวเป็นการเรียกร้องความสนใจรูปแบบหนึ่ง คนพวกนี้มักมีความผิดปกติในการพูดคุยสื่อสารกับผู้อื่นอย่างที่คนปกติทั่วไป เค้าทำกัน  Grin
 
เคยรู้จักอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นักกินหัวคนหนึ่ง แต่ตอนอยู่บ้านโดนทั้งเมียทั้งลูกแกล้งสารพัดน่าสงสาร
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 08/10/18 เวลา 23:05:35
กลุ่มแพทย์จำเอาพฤติกรรมการกินหัว การดูถูกเหยียดหยามมาจากอาจารย์แพทย์ จบมาก็เอามาใช้กับวิชาชีพอื่นต่อ ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้เป็นลูกน้องเรา เขาเป็นผู้ร่วมงาน แต่ก็ทำกันจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว  
ทำไมไม่ปรับเปลี่ยน ตั้งแต่ รพ.แพทย์ล่ะครับ ให้พฤติกรรมแบบนั้นมันหมดไป เพราะไม่มีการวิจัยไหนเลยที่บอกว่า การกินหัว ทำให้ นศพ.จำได้ดีขึ้น หรือขยันขึ้น แพทย์ยึดถือคติ first do no harm แต่การกินกินหัว เป็นพฤติกรรมที่ harm แถมไม่ได้ประโยชน์ จะทำทำไม ..??
จากคุณ: Innominate โพสเมื่อวันที่: 08/13/18 เวลา 00:31:58
การ abuse เป็นปัญหาของ med ed. ทั่วโลกครับ ไม่รู้ว่าสั่งสอนกันมายังไงถึงได้เป็นแบบนี้ แต่หลังๆเริ่มมีการวิจัยที่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดเหมือนที่เม้นข้างบนพูดม าเยอะขึ้น  
 
ถ้าอ.เก่าๆคิดแต่จะสอนแบบเก่าๆก็เหมือนกับคนที่พูดว่า ผมก็เคยโดนซ่อมแต่ไม่ตาย นั่นแหละครับ  Grin
จากคุณ: Hybrid VI โพสเมื่อวันที่: 08/13/18 เวลา 19:40:21
on 08/13/18 เวลา 00:31:58, Innominate wrote:
การ abuse เป็นปัญหาของ med ed. ทั่วโลกครับ ไม่รู้ว่าสั่งสอนกันมายังไงถึงได้เป็นแบบนี้ แต่หลังๆเริ่มมีการวิจัยที่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูดเหมือนที่เม้นข้างบนพูดม าเยอะขึ้น  
 
ถ้าอ.เก่าๆคิดแต่จะสอนแบบเก่าๆก็เหมือนกับคนที่พูดว่า ผมก็เคยโดนซ่อมแต่ไม่ตาย นั่นแหละครับ  Grin

 
กดไลค์..  Grin


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by