Topic Summary
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 01:41:17 |
ตอนนี้ใช้ทุนมาสองปีแพลนจะเรียนต่อเฉพาะทางแต่เกิดตรวจพบเชื้อซะก่อน ชีวิตเหมือนพังทลายเลยเพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง อยากขอคำแนะนำพี่ๆในนี้หน่อยครับ ใจจริงก็อยากเรียน medicine ตอนนี้คิดไว้ว่าจะไปต่อพระมงกุฎ แต่ไม่รู้ว่าจะไปต่อได้ไหม เค้าต้องตรวจเลือดก่อนรึเปล่าครับ เครียดมากเลยครับ
|
จากคุณ: megacure |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 08:20:12 |
ไม่เห็นที่ไหนรับสมัคร dent บังคับตรวจ hiv นะ แต่ถ้ามีเหตุ post exposure ต่อ infectious material คงโดนบังคับตรวจ อย่ากังวล ไม่มีใครรู้ และไม่เป็นอันตรายต่อใคร ถ้าเราไม่ได้มี opportunistic infection โดยเฉพาะ TB
|
จากคุณ: bridge |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 08:44:13 |
ของผมสมัครเดนท์ตรวจนะครับ เท่าที่ทราบส่วนใหญ่ตรวจให้รู้จะได้เป็นหลักฐานว่าติดก่อนทำงานครับ ไม่เกี่ยวกับพิจารณาไม่รับ train ได้ครับไม่มีใครทราบด้วยนอกจากอาจารย์ที่รักษา ขึ้นกับว่าร่างกายไหวไหมกับการเทรน ถ้าทานยาแล้วอดนอนไม่ไหวผมว่าอย่าไปเทรนเลยครับ
|
จากคุณ: pracha |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 09:54:17 |
เลือกเรียน สาขาที่ไม่ต้องทำหัตถการหรือการสัมผัสโรคที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงทั้งต่อต นเองและคนไข้ครับ
|
จากคุณ: know555 |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 10:06:49 |
ยาสมัยนี้ดีครับ กินแต่เนิ่นๆยิ่งดีใหญ่ ใช้ชีวิตได้เป็นปกติสบาย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องชั่งน้ำหนักหลายอย่าง เช่นการเรียนหนักไปมั้ย(โดยเฉพาะคนหัวธรรมดา ถ้าคนหัวดีอ่านบ้างไม่อ่านบ้างจำเก่งแบบนี้จะดีกว่าเพราะเรียนสบายๆ) ถ้าไม่เรียนแต่เป็นจีพีธรรมดาจะอยู่ที่ไหนและคิดว่าจะมีความสุขได้มั้ย(ถ้าไ ด้ก็อยู่เป็นจีพีรักษาตัวและสุขภาพดีกว่) การเงินต้องการมากมั้ย(ถ้าเป็นจีพีแล้วมีเงินพอจุนเจือทุกอย่างได้ก็อย่าเรี ยนเลยเอาเวลาไปหาความสุขดีกว่าครับเช่นท่องเที่ยวกับคนที่เรารัก เดินสายทำบุญไปตามเรื่อง ) ขอให้โชคดีครับไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ถูกทุกอย่างครับ
|
จากคุณ: <<GOOD LIFE<< |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 10:35:14 |
มันอาจเป็นฟ้าลิขิต มันเป็นไปแล้ว อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิต ให้ตีความหมาย "เป็นสิ่งดี" เขาอาจกำลังให้เราค้นหาอะไรบางอย่างที่มีความหมายอยู่ ให้มองหาสิ่งดีจากสิ่งนี้
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 10:47:15 |
ผมว่าเค้าตรวจเลือด/ ตรวจร่างกาย/ ตรวจประวัติอาชญากรรม/ สารเสพติด ฯลฯ... อยู่แล้วล่ะครับ ส่วนมากจะตรวจเมื่อเค้ารับเราแล้วครับ คือก่อนจะเปิดเรียน ในเดือน มิ. ย. ของทุกปี (ไม่ใช่ตรวจตั้งแต่วันที่เรามาสมัครเทรน) ซึ่งผมคิดว่าเค้าต้องการ Screen คนที่มีโรค/ ข้อห้ามต่าง ออกไปนั่นแหละครับ ดังนั้นผมคิดว่าหากเลือดบวก (ซึ่งจะมีโรคแทรกซ้อนอีกมากมายในภายหลัง) ผมว่าเค้าไม่รับเทรนแน่ๆครับ... อาจารย์/ เพื่อนๆ Residents/ พยาบาลในวอร์ด/ จนท. ใน รพ./ ผู้ป่วย/ ญาติ ฯลฯ อีกหน่อยก็ต้องรู้ความจริงไปเรื่อยๆ เพราะความลับไม่มีในโลกครับ ซึ่งจะมีปัญหาในการทำงาน/ ร่วมงาน/ ความเป็นอยู่/ การเทรนฯ ไม่มากก็น้อยแหละครับ
|
จากคุณ: Winter is coming |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 18:26:34 |
ไปเรียนสาขาที่ไม่ต้องสัมผัสคนไข้ได้ไหมครับ เช่น รังสี เวชศาสตร์ป้องกัน อาชีวอนามัย อะไรงี้ได้ไหมครับ
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 19:03:33 |
ขอบคุณนะครับ อ่านแล้วรู้สึกถึงพลังที่ส่งมอบมาให้ ทำให้อยากก้าวต่อไป ถึงแม้ว่าอนาคตอาจจะยากลำบากก็ตาม on 05/28/18 เวลา 10:35:14, <<GOOD LIFE<< wrote:มันอาจเป็นฟ้าลิขิต มันเป็นไปแล้ว อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิต ให้ตีความหมาย "เป็นสิ่งดี" เขาอาจกำลังให้เราค้นหาอะไรบางอย่างที่มีความหมายอยู่ ให้มองหาสิ่งดีจากสิ่งนี้ |
|
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 19:07:28 |
on 05/28/18 เวลา 18:26:34, Winter is coming wrote:ไปเรียนสาขาที่ไม่ต้องสัมผัสคนไข้ได้ไหมครับ เช่น รังสี เวชศาสตร์ป้องกัน อาชีวอนามัย อะไรงี้ได้ไหมครับ |
| ผมเข้าใจนะครับว่าไม่อยากให้สัมผัสกับตัวคนไข้ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็มองแนวทางเอาไว้ จริงๆไม่ได้อยากเป็นจำเลยของสังคมหรอกครับ ผมเข้าใจสถานะของตัวเอง บางอย่างก็พูดยากนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ผมก็คงแก้อะไรไม่ได้ แต่ผมก็อยากมองอนาคตที่พอจะมีหนทางได้บ้างครับ ส่วนสาขาที่เรียนจริงๆถ้าเป็นไปได้ก็อยากเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบแต่ถ้ามันมี ข้อจำกัดอย่างที่บอกก็อาจจะเลือกแนวทางที่เหมาะสมครับ
|
จากคุณ: brownie |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 23:08:41 |
เกิดอุบัติเหตุ ก็ต้องโดนบังคับตรวจ ถึงตอนนั้นความลับไม่มีในโลกครับ เมดก็ต้องเจาะ blood gas เจาะหลัง กินยาด้วย ถ้าอดนอนจะกินยายังไง หรือถ้าใช้ยาที่ต้องกินพร้อมอาหาร เกิดกินข้าวไม่ตรงเวลาจะมีปัญหามั้ย เรื่องแพร่เชื้อให้คนไข้ ผมไม่ห่วงนะ เพราะเดี๋ยวนี้ U undetectable = U untransmittable
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 05/28/18 เวลา 23:56:15 |
ถ้าเรียนต่อเชิงเวชศาสตร์ต่างๆ จะดีกว่าไหมครับ จะได้ลดการเกิดอุบัติเหตุทางการแพทย์ด้วย รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 09:53:07 |
การเรียนต่อใน Major Wards โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ ยิ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ชั้นนั้นนำนั้น 1. มีผู้สมัครเรียนมากมายกว่าจำนวนรับได้+ (อย่าง เมดจุฬาฯ สมัคร 200+ รับ 40+ คน เป็นต้น...แต่ละคนมี Profiles เลิศหรู+ เส้นใหญ่พอตัวทั้งสิ้น และตรวจเลือดแน่นอนล้าน %... คุณ จขกท. คิดว่าตัวเองจะมีคุณสมบัติพอได้เรียนเมดจุฬาฯมั้ยครับ) 2. งาน Service and Academic หนักมากๆๆๆ...ซึ่งงานก็หนักมาก และวิชาการก็เข้มข้น อาจารย์ก็อัดหนักมาก ยิ่งหากเป็น Immuno-compromised Host อยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าจะเป็นระยะ Asymptomatic AIDS ก็เถอะ จะมีปัญหาต่อสุขภาพร่างกาย+ จิตใจ ของคุณ จขกท.มากขึ้นแน่นอน 3. จากข้อข้างบนๆ ที่ โพสต์ไว้ก่อนแล้ว เมื่อมีการตรวจเลือดแล้ว มีคนอื่นทราบผลเลือดบวกของเราแล้ว พวกเค้าเหล่านั้น (ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะรู้ทั้งโรงพยาบาล) จะมีท่าทีรังเกียจ/ แหยง/ ไม่สนิทสนม ต่อคุณ จขกท. ไม่มากก็น้อยแหละครับ (ต่อให้แค่พูดคุย กินข้าวร่วมโต๊ะ สัมผัส เล็กๆน้อยๆ ซึ่งไม่ติดเอดส์ อย่างที่เรารู้ๆกันดี ก็เถอะ) เพราะงั้น อนาคต การเรียนต่อ ในแผนกใหญ่ๆ/ ในโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ไม่สดใส ราบรื่น แน่นอนครับ
|
จากคุณ: bridge |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 10:05:56 |
ผมว่าหน่วยเดียวที่ไม่อดนอนคือ patho นะครับ อันอื่น เวชศาสตร์ป้องกันยังต้องอยู่เวร หน่วยที่ไปวนปีแรก
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 15:41:29 |
ถ้าเป็นอย่างนั้นผมเป็น GP ต่อไปในอนาคตมันจะมีผลต่อสุขภาพไม่มากก็น้อย เรื่องเรียนต่ออาจจะต้องตัดใจ แนวทางนี้ผมต้องหาอาขีพสำรองไว้แต่เนิ่นๆไหมครับ ตอนนี้รู้สึกพอคิดเรื่องอนาคตแล้วจะ depression บ่อยๆ on 05/29/18 เวลา 09:53:07, Dr._Panya wrote:การเรียนต่อใน Major Wards โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ ยิ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ชั้นนั้นนำนั้น 1. มีผู้สมัครเรียนมากมายกว่าจำนวนรับได้+ (อย่าง เมดจุฬาฯ สมัคร 200+ รับ 40+ คน เป็นต้น...แต่ละคนมี Profiles เลิศหรู+ เส้นใหญ่พอตัวทั้งสิ้น และตรวจเลือดแน่นอนล้าน %... คุณ จขกท. คิดว่าตัวเองจะมีคุณสมบัติพอได้เรียนเมดจุฬาฯมั้ยครับ) 2. งาน Service and Academic หนักมากๆๆๆ...ซึ่งงานก็หนักมาก และวิชาการก็เข้มข้น อาจารย์ก็อัดหนักมาก ยิ่งหากเป็น Immuno-compromised Host อยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าจะเป็นระยะ Asymptomatic AIDS ก็เถอะ จะมีปัญหาต่อสุขภาพร่างกาย+ จิตใจ ของคุณ จขกท.มากขึ้นแน่นอน 3. จากข้อข้างบนๆ ที่ โพสต์ไว้ก่อนแล้ว เมื่อมีการตรวจเลือดแล้ว มีคนอื่นทราบผลเลือดบวกของเราแล้ว พวกเค้าเหล่านั้น (ซึ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะรู้ทั้งโรงพยาบาล) จะมีท่าทีรังเกียจ/ แหยง/ ไม่สนิทสนม ต่อคุณ จขกท. ไม่มากก็น้อยแหละครับ (ต่อให้แค่พูดคุย กินข้าวร่วมโต๊ะ สัมผัส เล็กๆน้อยๆ ซึ่งไม่ติดเอดส์ อย่างที่เรารู้ๆกันดี ก็เถอะ) เพราะงั้น อนาคต การเรียนต่อ ในแผนกใหญ่ๆ/ ในโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ไม่สดใส ราบรื่น แน่นอนครับ |
|
|
จากคุณ: ~Mr.Sniper~ |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 15:50:18 |
จิตเวชก็มีโอกาส transmission น้อยครับ เพราะหัตถการไม่มีสัมผัสผู้ป่วยเท่าไร เช่น ECT และยังได้อยู่กับคนไข้ อดนอนเล็กน้อยโดยเฉพาะเด้นท์ 1 แต่ไม่เหนื่อยเท่าอายุรกรรมแน่ครับ และรายได้อาจไม่มากครับ ถ้าจบแล้วมาทำงานใน รพ. ที่มีหอผู้ป่วยอาจมีอดนอนบ้างแต่ก็ไม่มากเช่นกันครับ
|
จากคุณ: brownie |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 17:34:03 |
จิตเวช ก็ดีนะครับ เพื่อนผมที่เป็นจิตแพทย์ไปเที่ยวเมืองนอกบ๊อยบ่อย patho ก็เสี่ยงติด tb จากชิ้นเนื้อหรือศพเหมือนกัน
|
จากคุณ: Innominate |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 19:41:53 |
ผมว่าถ้าภูมิไม่ดี เลือกเรียนสาขาที่ไม่ต้องใกล้ชิดผู้ป่วย อาจจะดีกว่า(สำหรับตัวเองด้วย) เพราะลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากผู้ป่วย เพื่อนๆผมแข็งแรงดียังติด TB กันหลายคน ถ้าเรียนสาขาที่ต้องเจอคนเยอะๆ ตรวจคนไข้วันละร้อย ผมว่าโอกาสเสี่ยงมาก ยิ่งเป็น GP ก็ต้องตรวจคนไข้วันนึงเยอะมาก ผมว่าพวก patho xray นิติเวช อาจจะดีกว่า
|
จากคุณ: simath |
โพสเมื่อวันที่: 05/29/18 เวลา 22:47:24 |
on 05/29/18 เวลา 19:41:53, Innominate wrote:ผมว่าถ้าภูมิไม่ดี เลือกเรียนสาขาที่ไม่ต้องใกล้ชิดผู้ป่วย อาจจะดีกว่า(สำหรับตัวเองด้วย) เพราะลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากผู้ป่วย เพื่อนๆผมแข็งแรงดียังติด TB กันหลายคน ถ้าเรียนสาขาที่ต้องเจอคนเยอะๆ ตรวจคนไข้วันละร้อย ผมว่าโอกาสเสี่ยงมาก ยิ่งเป็น GP ก็ต้องตรวจคนไข้วันนึงเยอะมาก ผมว่าพวก patho xray นิติเวช อาจจะดีกว่า |
| +1 โรคทาง med หลายๆอย่าง ขนาดหมอที่แข็งแรงดียังกลัวเลย ถ้า immunocompromise แล้วไปเรียนสาขาที่ต้องใกล้ชิดกับเชื้อมากๆ จะยิ่งไม่ดีกับตัวเองนะครับ
|
จากคุณ: jengirl |
โพสเมื่อวันที่: 05/30/18 เวลา 08:23:25 |
โดยหลักการจะกลัว healthcare providers แพร่เชื้อไปให้คนไข้มากกว่าค่ะ ดังนั้นจะแนะนำให้เลี่ยงสาขาที่ต้องทำหัตถการทั้งหมด แต่สามารถเรียนสาขาที่ไม่สัมผัสคนไข้โดยตรงได้ เรื่องอื่นเชื่อว่าไม่มีปัญหาค่ะ กินยา follow up ตามกำหนดก็น่าจะโอเค อาจจะต้องพักผ่อนเยอะๆด้วย เลี่ยงสาขาที่หนักๆหน่อย เรื่องการตรวจก่อนเข้าเทรนนี่ไม่ทราบ policy นะคะ
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 05/30/18 เวลา 18:43:58 |
ถ้าไปเชิงทาง PhD มีคำแนะนำไหมครับ
|
จากคุณ: Dr._Panya |
โพสเมื่อวันที่: 05/31/18 เวลา 13:10:24 |
เป็นผมๆ จะสมัครเรียน Pure Science เช่น เลข/ ฟิสิกส์/ ภาษาต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น จีน เยอรมัน/ การเงิน- การลงทุน จนแตกฉาน หรือจบ ปริญญาเอกไปเลย ครับ
|
จากคุณ: 921684 |
โพสเมื่อวันที่: 06/04/18 เวลา 08:34:41 |
ไปเรียนการลงทุน แบบเชี่ยวชาญไปเลย น่าสนนะคะ ดีกว่ารู้งูๆ ปลาๆ อ่านหนังสือไม่กี่เล่มแล้วบอกว่าเป็นเซียนหุ้น
|
จากคุณ: Fairfai |
โพสเมื่อวันที่: 06/12/18 เวลา 08:33:59 |
Med เชียงใหม่ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ไม่ใช้ผลเลือด HIV ในการตรวจสุขภาพนะคะ มีแค่ Heptitis ธรรมศาสตร์เอง ก็ใช้แค่ผลเลือด hepatitis, VZV ค่ะ คือเราเอง คิดว่า HIV ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการเรียนต่อเลยค่ะ Med ไม่ได้มีความเสี่ยงเอาเลือดเราไปสัมผัสคนไข้ แต่เป็นห่วงว่าน้องเองสัมผัสคนไข้ high risk พวก TB, herpes บ่อยๆ อาจไม่ปลอดภัยกับตัวเองมากกว่า แต่ถ้าใจรักจริง ลองสมัครดูก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าให้เจาะเลือดก็สละสิทธิ์ หรือไม่งั้นก็คุยกับกรรมการไปเลย ไม่น่ามีปัญหา
|
จากคุณ: JB. |
โพสเมื่อวันที่: 06/12/18 เวลา 09:24:04 |
ผมเปรียบเทียบโรคเอดส์กับเบาหวานให้ ถ้าไม่รักษา : เป็นเบาหวาน อยู่ได้ 1-2 ปี ก็ตายแล้ว ติดเชื้อเอดส์ จะใช้เวลา 7 ปี ถึงจะกลายเป็นเอดส์เต็มขั้น แล้ว ใช้เวลาอีก 1 ปี ถึงจะตาย ถ้ารักษา : เป็นเบาหวาน ต่อให้รักษา อายุเฉลี่ยก็สั้นกว่าคนปกติ เบาหวานต้องกินยาตลอดชีวิต วิธีหายขาดมีวิธีเดียวคือทำ pancrease transplant แต่ติดเชื้อเอดส์ , ประวัติศาสตร์มันเป็นแบบนี้ เราใช้เวลา 15 ปี ในการวิจัย จนพบว่า สามารถทำให้ตรวจไม่พบเชื้อในเลือดได้ เราใช้เวลาอีก 15 ปี ในการศึกษา จนพบว่า คนที่ติดเชื้อเอดส์ อายุยืนเท่าคนปกติ เดี๋ยวมาต่อ ไปตรวจคนไข้ก่อนครับ
|
จากคุณ: JB. |
โพสเมื่อวันที่: 06/12/18 เวลา 12:34:25 |
อนาคต เบาหวาน - ต่อให้ transplant ได้ ก็ต้องกินยากดภูมิตลอดชีวิต ยกเว้น cloning ตับอ่อนตัวเอง เอดส์ - ปัจจุบัน เราหายาที่รักษาหายขาดเจอแล้ว คือ ตามไปฆ่าเชื้อให้หมดจด ไม่เหลือซากในตัวเราอีกต่อไป รอวิจัยเสร็จก็ทำขายได้เลย อนาคต คนที่ติดเชื้อเอดส์ จะเป็นโรคที่รักษาได้ หายขาด หายแล้วหยุดยาได้ ไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นน้องไม่ต้องกังวล กินยาให้ครบตรงเวลาทุกวัน รอฝรั่งทำยามารักษาเราให้หายขาด ปล. ใครที่โพสว่า จะสมัครเรสิเดนท์ ต้องตรวจโรคเอดส์ ช่วยระบุสถาบันด้วย หรือถ้าไม่ระบุสถาบัน ช่วยบอกหน่อยว่าคุณเป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์จริงๆ ไม่ได้มั่วคิดเอาเอง
|
จากคุณ: Yuut |
โพสเมื่อวันที่: 12/14/18 เวลา 15:34:10 |
ขอบคุณครับอาจารย์ on 06/12/18 เวลา 12:34:25, JB. wrote:อนาคต เบาหวาน - ต่อให้ transplant ได้ ก็ต้องกินยากดภูมิตลอดชีวิต ยกเว้น cloning ตับอ่อนตัวเอง เอดส์ - ปัจจุบัน เราหายาที่รักษาหายขาดเจอแล้ว คือ ตามไปฆ่าเชื้อให้หมดจด ไม่เหลือซากในตัวเราอีกต่อไป รอวิจัยเสร็จก็ทำขายได้เลย อนาคต คนที่ติดเชื้อเอดส์ จะเป็นโรคที่รักษาได้ หายขาด หายแล้วหยุดยาได้ ไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นน้องไม่ต้องกังวล กินยาให้ครบตรงเวลาทุกวัน รอฝรั่งทำยามารักษาเราให้หายขาด ปล. ใครที่โพสว่า จะสมัครเรสิเดนท์ ต้องตรวจโรคเอดส์ ช่วยระบุสถาบันด้วย หรือถ้าไม่ระบุสถาบัน ช่วยบอกหน่อยว่าคุณเป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์จริงๆ ไม่ได้มั่วคิดเอาเอง |
|
|
จากคุณ: Marshallvet |
โพสเมื่อวันที่: 09/21/20 เวลา 20:40:32 |
อยากทราบว่าตอนนี้ พี่ มีแนวทาง การตัดสินใจเลือกเรียนต่อ ยังไง ครับ พอดี ผม ก็เจอปัญหา คล้ายกัน แต่ตอนนี้ undetecable แล้ว ครับ ขอบคุณครับ on 05/28/18 เวลา 01:41:17, Yuut wrote: ตอนนี้ใช้ทุนมาสองปีแพลนจะเรียนต่อเฉพาะทางแต่เกิดตรวจพบเชื้อซะก่อน ชีวิตเหมือนพังทลายเลยเพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง อยากขอคำแนะนำพี่ๆในนี้หน่อยครับ ใจจริงก็อยากเรียน medicine ตอนนี้คิดไว้ว่าจะไปต่อพระมงกุฎ แต่ไม่รู้ว่าจะไปต่อได้ไหม เค้าต้องตรวจเลือดก่อนรึเปล่าครับ เครียดมากเลยครับ |
|
|
จากคุณ: Marshallvet |
โพสเมื่อวันที่: 09/21/20 เวลา 20:47:49 |
อยากทราบว่า ตอนนี้ พี่มีแนวทางการตัดสินใจ และ เลือกเรียนยังไง ครับ ผมก็อยู่ในสถานะคล้ายพี่ ครับ ตอนนี่ ก็ undetectableแล้ว ครับ on 05/28/18 เวลา 01:41:17, Yuut wrote: ตอนนี้ใช้ทุนมาสองปีแพลนจะเรียนต่อเฉพาะทางแต่เกิดตรวจพบเชื้อซะก่อน ชีวิตเหมือนพังทลายเลยเพราะไม่รู้จะไปต่อยังไง อยากขอคำแนะนำพี่ๆในนี้หน่อยครับ ใจจริงก็อยากเรียน medicine ตอนนี้คิดไว้ว่าจะไปต่อพระมงกุฎ แต่ไม่รู้ว่าจะไปต่อได้ไหม เค้าต้องตรวจเลือดก่อนรึเปล่าครับ เครียดมากเลยครับ |
|
|
จากคุณ: 6699 |
โพสเมื่อวันที่: 09/22/20 เวลา 07:56:56 |
เจ้าของกระทู้ถามเพื่อนว่า ถ้าจะเรียนต่อ พระมงกุฎฯ แผนก med ตอนสมัครต้องมีการตรวจเลือด ตรวจ HIV หรือไม่ ฟังหลายคำตอบ ยังไม่ทราบเลย
|