หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   For MD.
   Doctor Room l ห้องพักแพทย์
   Post reply ( Re: ชีวิตที่มีความสุขมันเป็นยังไงนะครับ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 15:10:07
เป็นคนสุขยากจัง มันผ่านมาแว๊บๆตั้งอยู๋แล้วก็ดับไป
ช่วยอธิบายผมหน่อยครับ ว่าจริงๆแล้วชีวิตควรดำเนินต่อไปยังไง ตอนนี้มันเบื่อไปหมด
จากคุณ: <<GOOD LIFE<< โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 15:42:33
ยาวหน่อยนะครับ
 
#ศาสตร์แห่งความสุข  ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
 
เป้าหมายสูงสุดของมนุษย์หรือคนเรานั้นไม่ใช่เงิน  อำนาจ ชื่อเสียง  เกียรติยศ  แต่คือ  “ความสุข”  สิ่งต่าง ๆ  ที่กล่าวถึงนั้นแท้ที่จริงมันเป็นเพียง  “หนทางหรือทางผ่าน” ที่อาจจะหรือมักจะนำไปสู่ความสุขเท่านั้น   ความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่จับต้องได้แต่มันคือความรู้สึกของเรา  มันอยู่ในใจ  มันเป็นอารมณ์ที่มีแต่ “เจ้าตัว” เท่านั้นที่จะบอกได้  ความสุขนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับ “ความทุกข์” ที่ก็เป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่อยู่ในใจที่มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้สึกเอง  ตามนิยามของท่านพุทธทาสภิกขุที่ผมเคยอ่านสมัยที่เคยบวชเป็นพระในช่วงวัยหนุ่ ม  ความทุกข์ก็คือสิ่งที่เราต้องทนและอยากจะหลีกเลี่ยง  อยากจะไปให้พ้น  ส่วนความสุขนั้นเป็นอะไรที่เราไม่ต้องทน  เราอยากได้และอยากอยู่กับมันนาน ๆ   ในยุคปัจจุบันที่ความรู้ด้านของชีววิทยาก้าวหน้ามากนั้น  เรารู้ว่าความทุกข์และความสุขของมนุษย์นั้นมีรากฐานมาจากวิวัฒนาการของสิ่งม ีชีวิตผ่านยีนที่สร้างอารมณ์ทุกข์และสุขขึ้นมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาตัวรอ ดและเผยแพร่เผ่าพันธุ์  ความสุขมีไว้เพื่อกระตุ้นให้เราอยากทำในสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีโอกาสรอดและเผยแ พร่เผ่าพันธุ์ได้ดีขึ้น  ตัวอย่างเช่นอารมณ์ใคร่กระตุ้นให้คนอยากมีเพศสัมพันธ์ซึ่งจะทำให้มี “ความสุข” และในที่สุดก็นำไปสู่การมีลูก
เราทำงานเพื่อหาทรัพยากรหรือเงินเพื่อที่จะได้มีอาหารกินซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อ ให้เกิดความสุขเพื่อที่เราจะได้รอดจากการอดตาย  เวลาหิวเราจะเป็นทุกข์ซึ่งเราจะต้องทนและพยายามหลีกเลี่ยงก็โดยการรีบไปกินอ าหารซึ่งจะก่อให้เกิดความสุข  ความกังวลว่าพรุ่งนี้หรือเดือนหน้าหรือปีหน้าจะมีอะไรให้เรากินหรือใช้ไหมก็ ทำให้เราเป็นทุกข์และก็เป็นแรงกระตุ้นหรือแรงจูงใจให้เราวางแผนและทำกิจกรรม ที่จะทำให้เรามีเงินเพื่อเอาไว้กินหรือใช้ซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขในอนาคต  ดังนั้น  ทั้งความสุขและความทุกข์ต่างก็เป็นอารมณ์ที่สำคัญมากที่ทุกคนต้องมี  ถ้ามีอารมณ์แห่งความสุขหรือความทุกข์แต่เพียงอย่างเดียว  เผ่าพันธุ์ของมนุษย์หรือสัตว์รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นก็คงอยู่ไม่ได้สูญพันธุ์ ไปหมดแล้ว  ดังนั้น  คนที่เกิดมาทุกคนในปัจจุบันนี้จึงมียีนที่ผลิตฮอร์โมนของความทุกข์และความสุ ขในอัตราส่วนที่พอเหมาะหรือเหมาะสมที่สุดที่จะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์มีโอกาส อยู่ได้ยั่งยืนที่สุด  แน่นอน  แต่ละคนอาจจะมีระดับของฮอร์โมนแตกต่างกัน  แต่ความแตกต่างก็ไม่มาก  และมันก็ขึ้นกับยีนของแต่ละคน  บางคนโชคดีที่มียีนของคนที่มีความสุขมากกว่า  ดังนั้น  เขาก็อาจจะมีโอกาสมีความสุขมากกว่าคนอื่น  อย่างไรก็ตาม  ความสุขหรือทุกข์ยังขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น ๆ  อีกมากในชีวิต  ที่สำคัญและมีผลมากก็คือ  การปฏิบัติหรือพฤติกรรมของเราที่อาจจะเอื้อให้เกิดความสุขมากกว่า  เช่นเดียวกัน  สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ก็มีผลสำคัญต่อระดับความสุขหรือทุกข์ที่เราจะได้รับใน ชีวิต
เรื่องของยีนและสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อความสุขสูงนั้นบางทีเราก็ทำอะไรไม่ได้ มากนัก  ผมจึงอยากจะพูดถึงวิธีหรือการปฏิบัติตัวที่จะช่วยเพิ่มความสุขที่เป็นสิ่งที ่เราต้องการสูงสุดว่าควรจะทำอย่างไร  สิ่งที่พูดนี้  แน่นอนว่าไม่ใช่ความคิดของผมเอง  แต่มาจากการศึกษาเรื่องราวของ  “ความสุข”  จากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่มีการศึกษาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ถึงเรื่องของความ สุขของคน  ว่าที่จริงในขณะนี้เรารู้แม้กระทั่งว่าใครกำลังมีความสุขโดยการใช้เครื่องวั ดที่นำมาครอบศีรษะคนที่ยอมให้ทดลอง  ความสุขนั้นไม่ใช่เป็นเรื่อง “ในใจ” ของเจ้าตัวเท่านั้นอีกต่อไป  ความสุขเป็นเรื่องของร่างกายที่เราสามารถรู้ได้ด้วยเครื่องตรวจวัดการทำงานข องสมอง
เรื่องของความสุขนั้นกว้างและซับซ้อนมาก  ผมจึงอยากเพียงแต่สรุปหลักการใหญ่ที่เป็นหัวใจของมัน  ประเด็นแรกก็คือ  ความสุขของคนน่าจะมีสองส่วนนั่นก็คือ  ความสุขในระยะสั้นและความสุขในระยะยาว  หน้าที่ของเราก็คือพยายามทำให้ “ภาพรวม” ของชีวิตเรามีความสุขมากที่สุด  ความสุขในระยะสั้นก็คือ  ความพึงพอใจที่เราได้รับในการกระทำสิ่งต่าง ๆ  ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นสนุก  ท้าทาย  และเราประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย  เราก็จะมีความสุข  บางทีการไม่ทำอะไรเลยเอาแต่นอนก็ทำให้มีความสุขได้  เช่นเดียวกัน  การกินหรือดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์   การสูบบุหรี่หรือการเสพยาเสพติดก็เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความสุขได้  แต่ความสุขเหล่านี้ก็มักจะเป็นความสุขสั้น ๆ  หลังจากนั้นร่างกายก็ “ปรับตัว” กลับสู่ภาวะปกติ  และในอนาคตก็อาจจะนำไปสู่ความทุกข์ได้
ความสุขในระยะยาวของคนนั้นขึ้นอยู่กับการที่เรา “บรรลุเป้าหมายที่มีความหมาย” ในชีวิตของเรา  เป้าหมายที่มีความหมายของแต่ละคนก็แตกต่างกันแม้ว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างร่วม กันอยู่  คนบางคนอาจจะคิดถึงเรื่องของเงิน  อำนาจ  ชื่อเสียง การได้สร้างคุณูปการให้กับสังคมหรือคนอื่น  บางคนอาจจะคิดถึงเรื่องของการอุดหนุนเกื้อกูลศาสนาและการ “นิพพาน”   ใครก็ตามที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้  เขาก็จะมีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากขึ้น
ประเด็นสำคัญก็คือ  ความสุขในระยะสั้นนั้น  บ่อยครั้งก็มักจะขัดกับเป้าหมายหรือความสุขระยะยาวซึ่งทำให้ความสุขโดยรวมขอ งเรานั้นไม่ได้ดีขึ้น  ตัวอย่างเช่น  คนบางคนทำงานหนักมากและงานนั้นไม่ก่อให้เกิดความพึงพอใจ  เป็นงานที่ต้องทนทำ  เป็นความทุกข์แต่เขาต้องทำเพื่อที่จะทำเงินให้มากเพื่อหวังที่จะรวยเพราะหวั งที่จะได้รับความสุขในระยะยาว  ซึ่งบางทีเมื่อรวยแล้วก็กลับพบว่าความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจริง  ความรวยอาจช่วยให้สามารถซื้อสิ่งของมาปรนเปรอตัวเองได้แต่มันก็เป็นเพียงควา มสุขสั้น ๆ  ที่จะหายวับไปอย่างรวดเร็ว  มันเป็นความสุขระยะสั้น  ความสุขที่จะอยู่ “ยาว”  ก็คือกระบวนการในการเดินทางสู่เป้าหมายที่มีความหมายในชีวิต  ดังนั้น  คำพูดที่ว่า  ความสุขนั้นไม่ได้อยู่ที่เป้าหมาย  แต่ความสุขคือการเดินทางสู่เป้าหมายนั้นผมคิดว่าเป็นคำพูดที่ถูกต้องแต่จะต้ องเพิ่มอีกนึดหนึ่งว่าต้องเป็น  เป้าหมายที่ “มีความหมาย” ด้วย
การที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุขเต็มที่ตามศักยภาพของตนเองนั้นก็คือ  การพยายามทำให้กระบวนการเดินทางสู่เป้าหมายทุกอย่างนั้นก่อให้เกิดความพึงพอ ใจซึ่งจะก่อให้เกิดความสุขในระยะสั้นให้มากที่สุด และสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวมากที่สุด  แน่นอน  เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่ทำอะไรที่เราไม่พึงพอใจเลย  คนส่วนใหญ่อย่างน้อยก็ยังต้องทำงานบ้านเช่น ล้างถ้วยชามทำความสะอาดซึ่งอาจจะไม่เกิดความพึงพอใจ  วิธีแก้ก็คือ  “ทำใจ” ให้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่อง “ผ่อนคลาย” คิดเสียว่าแม้แต่ บิล เกต เองก็ยังบอกว่าตนเองชอบล้างจาน เพราะมันคลายเครียดดี  แต่สิ่งที่เราควรต้องตระหนักจริง ๆ  ก็คือ  เราจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรืองานที่ก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจสูงและ เป็นงานที่ต้องใช้เวลามาก  ตัวอย่างเช่น  งานประจำโดยเฉพาะงานที่เราต้องทำเพื่อหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันและเก็บออม ไว้ใช้ในอนาคต  สิ่งที่เราควรทำก็คือ  เราควรหางานที่เราทำแล้วรู้สึกสนุก  ท้าทาย  เป็นงานที่มีความหมาย  ในขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนเป็นเงินที่ดีหรือยอมรับได้แม้ว่าอาจจะไม่ใช่งาน ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด  นี่จะทำให้เราทำอย่างมีความสุขและอยากไปทำงานทุกวัน และมันก็ยังสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวที่มีความหมายเช่น  ความมั่นคงทางการเงิน  เป็นต้น
งานหรือเป้าหมายที่มีความหมายเองนั้น  หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นงานที่ต้อง “เสียสละ”  ความสุขของตนเองให้เป็นความสุขของผู้อื่น  นี่ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง  เพราะถ้าคุณต้องเสียสละ  มันก็จะไม่ใช่สิ่งที่คุณพอใจ  ถ้าคุณพอใจ คุณย่อมมีความสุข  มันก็ไม่ใช่การเสียสละ  มันเป็นเรื่องที่ได้กันทุกคนไม่มีคนเสีย
และนี่ก็คือเรื่องราวของความสุขแบบสั้นที่สุด  ซึ่ง VI ควรจะต้องเข้าใจและต้องแสวงหากลยุทธ์ที่จะนำเราไปสู่ความสุขที่มากกว่า  แทนที่จะเป็นเงินที่มากกว่า
จากคุณ: Thank you โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 18:52:20
ความสุขแปรผันตรงกับความสำเร็จ
 
ความสำเร็จเท่ากับ สิ่งที่ได้รับ/ความคาดหวัง
 
ถ้าตัวหารใกล้เคียงศูนย์ และค่าคงที่สูงมากๆ
 
คุณจะมีความสุขกว่าคนที่มีทุกอย่างเหมือนคุณ แต่คาดหวังและไม่มีความสุขกับสิ่งเล็กๆรอบตัว เป็นไปได้ว่า ทำนองนั้น
 
โดยส่วนตัวผมไม่มีความสุขนักเพราะอ่านเว็บของหมอที่ประสบความสำเร็จระดับชาว นาเซ็ง
จากคุณ: postgrad โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 19:05:37
ความสุขในโลกนี้ไม่มีจริงหรอกค่ะ มีแค่ทุกข์น้อย กับทุกข์มาก และความสุข ความพอใจทั้งหลายก็ไม่ยั่งยืน เป็นของชั่วคราว ตั้งอยู่ไม่ได้นานหรอกค่ะ
ถ้าเรา รู้ตามความจริงของมัน  ว่าธรรมดาชีวิตก็เป็นแบบนี้ ( และเราก็หลงแบบนี้มาหลายชาติ หลายภพจนนับไม่ได้แล้วค่ะ )  การฝึกใจให้ไม่ยึดมั่นกับสิ่งใด ปล่อยวาง เบื้องต้น ใจก็พอมีความสุขได้ค่ะ  
   ผู้ที่เห็นความจริง และชี้บอกทางให้เรา ได้พบความสุขที่ยั่งยืน ไม่มีเกิด ดับ อีกแล้ว ก็พระพุทธเจ้า นั่นเอง หากเราพิจารณาและเดินตามที่ท่านสอน เก็บสะสมไปเรื่อยๆ  ความสุข ความเย็นใจ ก็จะเกิดขึ้นในจิตของเรา ซึ่งผู้เดินตามนั้นจะรู้ได้ด้วยตนเอง  จนวันหนึ่ง บารมีเราเต็มพร้อม ก็ตัดเข้า นิพพานไป ไม่ต้องมาเกิด ตาย วนเวียนอีก ค่ะ ถึงตอนนี้ก็มีความสุขที่ยั่งยืน ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีขึ้น มีลง ไม่สะเทือน ไม่หวั่นไหว ไปกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในสามโลกแล้ว
จากคุณ: -=Jfk=- โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 20:14:22
on 04/03/18 เวลา 19:05:37, postgrad wrote:
ความสุขในโลกนี้ไม่มีจริงหรอกค่ะ มีแค่ทุกข์น้อย กับทุกข์มาก และความสุข ความพอใจทั้งหลายก็ไม่ยั่งยืน เป็นของชั่วคราว ตั้งอยู่ไม่ได้นานหรอกค่ะ
ถ้าเรา รู้ตามความจริงของมัน  ว่าธรรมดาชีวิตก็เป็นแบบนี้ ( และเราก็หลงแบบนี้มาหลายชาติ หลายภพจนนับไม่ได้แล้วค่ะ )  การฝึกใจให้ไม่ยึดมั่นกับสิ่งใด ปล่อยวาง เบื้องต้น ใจก็พอมีความสุขได้ค่ะ  
        ผู้ที่เห็นความจริง และชี้บอกทางให้เรา ได้พบความสุขที่ยั่งยืน ไม่มีเกิด ดับ อีกแล้ว ก็พระพุทธเจ้า นั่นเอง หากเราพิจารณาและเดินตามที่ท่านสอน เก็บสะสมไปเรื่อยๆ  ความสุข ความเย็นใจ ก็จะเกิดขึ้นในจิตของเรา ซึ่งผู้เดินตามนั้นจะรู้ได้ด้วยตนเอง  จนวันหนึ่ง บารมีเราเต็มพร้อม ก็ตัดเข้า นิพพานไป ไม่ต้องมาเกิด ตาย วนเวียนอีก ค่ะ ถึงตอนนี้ก็มีความสุขที่ยั่งยืน ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีขึ้น มีลง ไม่สะเทือน ไม่หวั่นไหว ไปกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในสามโลกแล้ว

 
มองกลับ อีกมุม ความทุกข์ อาจจะไม่มี
 
แค่ สุขน้อย หรือสุขมาก
 
คนเรามีไม่เท่ากัน
 
ถ้าพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี  ใช้ชีวิตอยู่กับมัน
 
แบ่งปันส่วนที่เหลือให้คนอื่นบ้าง
 
ความสุขจากการให้ ก้อเป็นสุขอีกแบบ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 20:20:06
คุณpostgrad ก็ทราบแต่มันหลงไงครับ เบื่อไม่ทราบสาเหตุ คือไม่ทุกข์ แต่มันอึนๆ ไม่ค่อยอยากทำอะไร ไม่อยากได้อยากมีอะไร แต่มันดันไม่เบาสบาย มันโหวงเหวง จนบางทีสงสัยจะเป็นโรคซึมเศร้าเหมือนน้องในนี้เคยบอกหาือเปล่า ควรพบจิตแพทย์มั้ย หาทางออกไม่เจอ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 20:25:27
on 04/03/18 เวลา 20:14:22, -=Jfk=- wrote:

 
มองกลับ อีกมุม ความทุกข์ อาจจะไม่มี
 
แค่ สุขน้อย หรือสุขมาก
 
คนเรามีไม่เท่ากัน
 
ถ้าพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมี  ใช้ชีวิตอยู่กับมัน
 
แบ่งปันส่วนที่เหลือให้คนอื่นบ้าง
 
ความสุขจากการให้ ก้อเป็นสุขอีกแบบ

ชีวิตตอนนี้พอเพียงแล้วครับพี่เจ แบ่งปันคนอื่นตลอดมาแต่ไม่เคยคาดหวังสิ่งตอบแทน ทำดีเพราะชอบที่จะเป็นคนดีเฉยๆ ส่วนตัวการให้ก็ไม่ได้สุขอะไรมากนะครับ มันเฉยๆ
จากคุณ: Supernoid โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 21:30:38
ผมคงอธิบายเรื่องความสุขมากไม่ได้เพราะผมมองโลกในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี
 
แต่ตอนนี้ผมออกไปเจอเพื่อนเก่า
 
ได้เรียนสิ่งใหม่ๆ
 
ผมอาจเรียกมันว่าความสุขได้ไม่เต็มปากนัก
 
แต่ก็ไม่ทุกข์เหมือนก่อนครับ
 
เงินน้อยกว่าเดิมมาก
 
แต่รู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น
 
มีความสุขง่ายขึ้น พาพ่อแม่ไปกินข้าวก็มีความสุข
 
นั่งเรือไปทำงานก็มีความสุข
 
ไม่ได้อยู่เวรแต่พยาบาลขอให้ดูคนไข้ที่วอร์ดก่อนหมอเวรจะมาก็มีความสุข
 
ไม่ค่อยเหมือนแต่ก่อนครับ
 
ผมว่าพี่มีพร้อมทุกอย่างน่าจะทุกข์น้อยกว่าผมนัก
 
เป็นกำลังใจให้ครับ
จากคุณ: Alice โพสเมื่อวันที่: 04/03/18 เวลา 22:48:57
สุข ทุกข์ อยู่ที่จิตเราปรุงแต่งขึ้นทั้งนั้น  
ถ้าเราคิดว่ามีความสุข เราก็จะมีความสุขค่ะ
ถ้าเราคิดว่าทุกข์ เราก็จะทุกข์  
ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ  
บางคนคิดว่ามีเงินแล้วจะมีความสุข
แต่มันก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เมื่อมีแล้วก็อยากขวนขวาย ดิ้นรนหามาอีก
หาไม่ได้ก็ทุกข์ใจอีก กับอีกคน ใช้ชีวิตเรียบง่าย
ไม่ต้องขวนขวายเพื่อเงินมากมาย อยู่แบบพอเพียง  
ไม่มีหนี้สิน เขาก็อาจจะมีความสุขในระดับนึงค่ะ  
แต่บางทีเขาอาจมีความทุกข์เรื่องอื่นก็ได้  
ดังนั้น ไม่มีใครที่จะสุขตลอดหรอกค่ะเฮีย  
จิตเราทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ที่คิดไป เบื่อๆ ก็ลองไปบวชดูไหมคะเฮีย
เผื่อทำให้อะไรๆดีขึ้นค่ะ  Grin
จากคุณ: natalieplee674 โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 08:05:51
You are getting close to enlightenment. Happiness and suffering are not permanent. Listen to Bhante Pramote Pramojo or Dhamma.com website, seriously recommend.
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 09:25:15
เป็น Dysthymia
ขาด serotonin
ชีวิตก็ไม่มีความสุข
รักษาด้วยการกินยาครับ
Google เอาเองละกัน
จากคุณ: Supernoid โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 09:31:56
on 04/04/18 เวลา 09:25:15, muji wrote:
เป็น Dysthymia
ขาด serotonin
ชีวิตก็ไม่มีความสุข
รักษาด้วยการกินยาครับ
Google เอาเองละกัน

 
 
สวัสดีครับพี่
 
สบายดีนะครับ
จากคุณ: gabb26 โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 10:22:27
สุข หรือ ทุกข์ ขึ้นอยู่กับความจิต ของเราค่ะ  ปกติเราไม่ทุกข์เลย ใช้ชีวิตปกติ จนเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สูญเสียคนรักแบบกระทันหัน  ชีวิตเปลี่ยน เข้าใจคำว่าทุกข์ มันทุกข์ไปทุกลมหายใจจริงๆ แม้จะพยายามคิดว่า การจากลา ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ  แต่....ก็ยังทุกข์เหมือนเดิมค่ะ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 11:07:30
on 04/04/18 เวลา 09:25:15, muji wrote:
เป็น Dysthymia
ขาด serotonin
ชีวิตก็ไม่มีความสุข
รักษาด้วยการกินยาครับ
Google เอาเองละกัน

สวัสดีครับพี่ muji วินิจฉัยง่าย รักษาให้เปิดกูเกิ้ลเลยนะครับ แต่ว่าไม่ได้นะครับ ตรงเป๊ะ วันนี้ไปหาจิตแพทย์ดีกว่า
welcome back นะครับ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 11:11:25
on 04/04/18 เวลา 08:05:51, natalieplee674 wrote:
You are getting close to enlightenment. Happiness and suffering are not permanent. Listen to Bhante Pramote Pramojo or Dhamma.com website, seriously recommend.

คือมันไม่ใช่ enlightenment แน่ๆครับน้อง เพราะนั่นมันต้องเปี่ยมไปด้วยปัญญา แต่นี่มันหลงชัดๆ คือ ชีวิตทุกอย่างมัน unnecessary ไปหมด แม้แต่เป้าไปนิพพานไรนั่นก็ไม่มีข้ออ้างคือมันยากเกินไป ชีวิตแสวงหาแต่อะไรที่simple  เหมือนล่องลอยไปวันๆมากกว่า
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 11:13:59
on 04/03/18 เวลา 21:30:38, Supernoid wrote:
ผมคงอธิบายเรื่องความสุขมากไม่ได้เพราะผมมองโลกในแง่ร้ายมากกว่าแง ่ดี
 
แต่ตอนนี้ผมออกไปเจอเพื่อนเก่า
 
ได้เรียนสิ่งใหม่ๆ
 
ผมอาจเรียกมันว่าความสุขได้ไม่เต็มปากนัก
 
แต่ก็ไม่ทุกข์เหมือนก่อนครับ
 
เงินน้อยกว่าเดิมมาก
 
แต่รู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น
 
มีความสุขง่ายขึ้น พาพ่อแม่ไปกินข้าวก็มีความสุข
 
นั่งเรือไปทำงานก็มีความสุข
 
ไม่ได้อยู่เวรแต่พยาบาลขอให้ดูคนไข้ที่วอร์ดก่อนหมอเวรจะมาก็มีความสุข
 
ไม่ค่อยเหมือนแต่ก่อนครับ
 
ผมว่าพี่มีพร้อมทุกอย่างน่าจะทุกข์น้อยกว่าผมนัก
 
เป็นกำลังใจให้ครับ

ยินดีกับน้องนอยด์ด้วยนะครับที่ใกล้จะหาตัวเองได้และเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้จักขาวรู้จักดำรู้จักเทา รู้จักทุกข์ รู้จักเหตุของทุกข์รู้จักการบรรเทาทุกข์
อีกหน่อยพี่ว่าน้องก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดีคนนึง
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 11:15:17
on 04/03/18 เวลา 22:48:57, Alice wrote:
สุข ทุกข์ อยู่ที่จิตเราปรุงแต่งขึ้นทั้งนั้น  
ถ้าเราคิดว่ามีความสุข เราก็จะมีความสุขค่ะ
ถ้าเราคิดว่าทุกข์ เราก็จะทุกข์  
ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ  
บางคนคิดว่ามีเงินแล้วจะมีความสุข
แต่มันก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เมื่อมีแล้วก็อยากขวนขวาย ดิ้นรนหามาอีก
หาไม่ได้ก็ทุกข์ใจอีก กับอีกคน ใช้ชีวิตเรียบง่าย
ไม่ต้องขวนขวายเพื่อเงินมากมาย อยู่แบบพอเพียง  
ไม่มีหนี้สิน เขาก็อาจจะมีความสุขในระดับนึงค่ะ  
แต่บางทีเขาอาจมีความทุกข์เรื่องอื่นก็ได้  
ดังนั้น ไม่มีใครที่จะสุขตลอดหรอกค่ะเฮีย  
จิตเราทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ที่คิดไป เบื่อๆ ก็ลองไปบวชดูไหมคะเฮีย
เผื่อทำให้อะไรๆดีขึ้นค่ะ  Grin

พระอาจารย์พี่ชวนไปอยู่วัดพี่ยังไม่ไปเลยครับน้องalice กลัวลำบาก เป็นคนติดสุขติดสบาย หรือเรียกว่าประมาทนั่นเอง .
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 11:18:01
on 04/04/18 เวลา 10:22:27, gabb26 wrote:
สุข หรือ ทุกข์ ขึ้นอยู่กับความจิต ของเราค่ะ  ปกติเราไม่ทุกข์เลย ใช้ชีวิตปกติ จนเมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สูญเสียคนรักแบบกระทันหัน  ชีวิตเปลี่ยน เข้าใจคำว่าทุกข์ มันทุกข์ไปทุกลมหายใจจริงๆ แม้จะพยายามคิดว่า การจากลา ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ  แต่....ก็ยังทุกข์เหมือนเดิมค่ะ

 
น้องgabb26 พี่เข้าใจนะครับ เคยมีประสบการณ์มาก่อน เพียงแต่ขอให้พบแสงสว่างในแบบของน้อง gabb26 เร็วๆ ทุกคนมีทางออกของตนจะช้าจะเร็วขึ้นกับปัญญา ขอให้แสงสว่างแห่งปัญญาพึงอยู่กับน้องgabb26 ครับ
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 11:18:18
    ความทุกข์เป็นช่องโหว่ของความสุข  แปลว่า คุณปกติดีครับ(อย่าห่วง).....
จากคุณ: -=Jfk=- โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 12:02:46
on 04/04/18 เวลา 11:18:18, หมอเมืองสยาม wrote:
                        ความทุกข์เป็นช่องโหว่ของความสุข  แปลว่า คุณปกติดีครับ(อย่าห่วง).....

 
อันนี้ ของหมอหยาม เจ๋งครับ คม ชอบ
จากคุณ: <<GOOD LIFE<< โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 12:07:57
เข้าสู่การเป็นผู้เบิกบาน
 
เริ่มด้วยการเป็น ผู้รู้ กลายเป็นผู้ตื่น จึงจะเป็นผู้เบิกบาน  
 
....................................................  
 
สมถะ(สมาธิ)มีจิตตั้งมั่น ได้ตัวรู้(สติ)ขึ้นมา....(เป็นผู้รู้)  
 
วิปัสสนา(สติ) ได้ปัญญา....(เป็นผู้ตื่น)  
 
ผู้ตื่น..เห็นความจริงของกายของใจว่าเป็นทุกข์ล้วนๆ (ไม่หลง ไม่มัวเมา)  
วางมันลง  
 
หมดความยึดถือกายยึดถือใจ....(ผู้เบิกบาน) อยู่เหนือสุขและทุกข์ทั่วๆไป  
เข้าถึงความสุขที่แท้จริง  
 
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 12:35:42
พี่ว่าพี่เป็น dysthymia แหละครับขอบคุณทุกคนมากนะครับ
จากคุณ: RabbitCommando โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 13:55:48
สุข คือ ทุกข์ที่จางลงแต่ก็ยังเหลืออยู่ดี
อยากพ้นทุกข์ ก็ ศีล สมาธิ ปัญญา
อยากทำก็ทำ ไม่ทำก็อยู่แบบสุขๆดิบๆต่อไปขะ
จากคุณ: postgrad โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 14:32:25
  มรรคผล นิพพาน ยังมีอยู่ ไม่ได้สูญหายไปไหนนะคะ อย่าไปปรุงแต่งก่อนว่า ยาก หรือสูงไป เราไปไม่ได้ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวก ครูบาอาจารย์ที่มีในประเทศไทย ท่านก็เป็นคนอย่างเราๆ แต่ก็สามารถไปถึงฝั่งนั้นได้  ( ความเห็นนี้ตนเองไม่ได้คิดเอง ฟังมาจากหลวงตามหาบัว และครูบาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้และท่านก็ปฏิบัติได้จนมั่นใจได้ว่า  ท่านไม่มาเกิดในโลกทั้ง 3 อีกแล้วค่ะ  ท่านสอนไว้และยืนยันไว้)
  การปฏิบัติธรรม หากแน่วแน่ จำเป็นต้องมีครูบาอาจารยืคอยให้คำสั่งสอนอย่างใกล้ชิด  แก้ไขข้อติดขัดในจิตใจเราได้ ชี้ทางที่เหมาะสมกับพื้นฐานเราได้  แม้อารมณ์ที่พี่ doreus เป็นอยู่นี้  ก็เป็นกิเลส อารมณ์ตัวหนึ่ง หากได้ครูบาอาจารย์แนะนำก็จะปลดปลงความรู้สึกนี้ ให้เป็นไปในทางที่ถูกได้ค่ะ
  ผู้ที่ได้เกิดในประเทศไทย ได้พบพระพุทธศาสนา อยู่ในพุทธวงศ์นี้ ถือว่าโชคดีที่สุด  อย่าให้เสียโอกาสแห่งการรู้ธรรม เห็นธรรม แต่ทั้งนี้ ก็คงเป็นไปตามบุญและวาสนา  ทุกคนมีกรรมของตน และเลือกทำกรรมทั้งหลายด้วยตนเองค่ะ
จากคุณ: gabb26 โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 14:45:43
on 04/04/18 เวลา 11:18:01, doreus wrote:

 
น้องgabb26 พี่เข้าใจนะครับ เคยมีประสบการณ์มาก่อน เพียงแต่ขอให้พบแสงสว่างในแบบของน้อง gabb26 เร็วๆ ทุกคนมีทางออกของตนจะช้าจะเร็วขึ้นกับปัญญา ขอให้แสงสว่างแห่งปัญญาพึงอยู่กับน้องgabb26 ครับ

 
 
ขอบพระคุณมากค่ะพี่   ตอนนี้พยายามทำใจ ให้คิดถึงเค้าแล้วเรามีความสุขค่ะ และใส่บาตร ทำบุญทุกเช้า คิดดี ทำดี ส่งบุญถึงเค้า  จะพยายามไม่ทุกข์ ไม่ให้เค้าห่วงเราค่ะ  (แต่ก็ทำยากมาก คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะค่ะ)
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 15:09:33
on 04/04/18 เวลา 13:55:48, RabbitCommando wrote:
สุข คือ ทุกข์ที่จางลงแต่ก็ยังเหลืออยู่ดี
อยากพ้นทุกข์ ก็ ศีล สมาธิ ปัญญา
อยากทำก็ทำ ไม่ทำก็อยู่แบบสุขๆดิบๆต่อไปขะ

ขู่กันเหมือนพวกขายตรงเลยนะครับ อยากทำก็ทำไม่ทำก็อยู่จนๆต่อไปขะ Smiley Smiley Smiley
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 15:13:22
on 04/04/18 เวลา 11:18:18, หมอเมืองสยาม wrote:
                        ความทุกข์เป็นช่องโหว่ของความสุข  แปลว่า คุณปกติดีครับ(อย่าห่วง).....

 
ตอนแรกไม่ห่วง พอพี่หยามบอกปกติ นี่เริ่มห่วงๆละ  อิอิ เค้าล้อเล่น
จากคุณ: อาร์ตสุดติ่ง โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 19:51:28
มีเมียเด็ก
จากคุณ: อาร์ตสุดติ่ง โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 19:52:09
อย่าคิดแต่เงิน
จากคุณ: nicenick โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 22:27:59
on 04/04/18 เวลา 11:18:18, หมอเมืองสยาม wrote:
                        ความทุกข์เป็นช่องโหว่ของความสุข  แปลว่า คุณปกติดีครับ(อย่าห่วง).....

I'm sitting here alone while I'm thinking of you Cry
จากคุณ: Alice โพสเมื่อวันที่: 04/04/18 เวลา 23:20:23
เฮียลองไปบริจาคสิ่งของ ตามโรงเรียนขาดแคลน หรือสถานที่ๆเขาต้องการความช่วยเหลือดูสิคะ
น่าจะทำให้เฮียมีความสุขบ้างนะคะ ความสุขจากการให้ก็เป็นสิ่งที่ดีค่ะเฮีย สุขทั้งผู้ให้และผู้รับเลยนะ
 Smiley
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 04/05/18 เวลา 00:13:39
on 04/04/18 เวลา 22:27:59, nicenick wrote:

I'm sitting here alone while I'm thinking of you Cry

ไม่งามเลยค่ะ ออเจ้า
ออกตัวแรง คิดถึงผู้ชายเนี่ย
จากคุณ: dysthymia โพสเมื่อวันที่: 04/05/18 เวลา 08:51:28
on 04/04/18 เวลา 12:35:42, doreus wrote:
พี่ว่าพี่เป็น dysthymia แหละครับขอบคุณทุกคนมากนะครับ

 
พี่ doreus จะกลายเป็นผม ( dysthymia ) ไปได้อย่างไร
 
สุขสัมพัทธ์ สุขสัมบูรณ์  
ความสุขเท่ากับสิ่งที่ได้รับลบสิ่งที่คาดหวังครับ
ถ้าเพิ่มสิ่งที่ได้ไม่ได้ ต้องไปดูว่าเราหวังมากไปไหม
ออกกกำลังกายช่วยได้ครับ
จากคุณ: know555 โพสเมื่อวันที่: 04/05/18 เวลา 15:25:39

 
 
เป็นเรื่องของวัยมั้งครับ เขาเรียก50 year syndrome Grin
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/05/18 เวลา 16:08:30
on 04/05/18 เวลา 08:51:28, dysthymia wrote:

 
พี่ doreus จะกลายเป็นผม ( dysthymia ) ไปได้อย่างไร
 
สุขสัมพัทธ์ สุขสัมบูรณ์  
ความสุขเท่ากับสิ่งที่ได้รับลบสิ่งที่คาดหวังครับ
ถ้าเพิ่มสิ่งที่ได้ไม่ได้ ต้องไปดูว่าเราหวังมากไปไหม
ออกกกำลังกายช่วยได้ครับ

อ่าวเหรอครับ สิ่งที่คาดหวังเป็นศูนย์ สิ่งที่ได้รับไม่ยี่หระกับมัน ออกกำลังกายทุกวันครับ ถึงได้สงสัยว่ามันผิดปกติไงครับ เหมือนถึงจุดที่น่าจะมีความสุขแล้ว แต่เอ๊ะไมมันเป็นอย่างนี้หว่า
ตกลงพี่แย่งตำแหน่งdysthymia นะครับ พี่ขาดdopamine กับ norepinephrine กำลังจะเริ่มยาวันนี้ ร้ายดีอย่างไรจะนำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/05/18 เวลา 16:10:41
on 04/05/18 เวลา 15:25:39, know555 wrote:

 
 
เป็นเรื่องของวัยมั้งครับ เขาเรียก50 year syndrome Grin

มีจริงป่ะเนี่ย เอามาดูหน่อยซิ แก่แล้วมีแต่โรค
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/05/18 เวลา 20:18:37
เริ่มไปอ่าน cognitive behavior therapy ชักรู้สึกไม่ใช่และ เราไม่ได้เพี้ยนขนาดนั้น สรุปเริ่มกลัวยาละว่าควรกินหรือเปล่า เพราะน้องเค้าบอกว่ายามันสำหรับคนเป็นเยอะๆ แต่ลองเอาไปกินดู เริ่มไม่แน่ใจซะละ มันแยกยังไงเนี่ย dysthymiaกับคนปกติ
จากคุณ: Supernoid โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 07:51:11
ผมขอแชร์ประสบการณ์นะครับ
 
สำหรับตัวผมแล้วบางทีการทำให้ตัวเองทุกอย่างกลับไม่มีความสุข
 
พอทำเพื่อคนอื่นกลับมีความสุขครับ
 
และการทำนั้นมักจะเป็นการลงแรงหรือให้เวลากับคนอื่น
ไม่ใช่ด้วยตัวเงินเพราะมันง่ายไป
 
นี่คือสำหรับตัวผมเองนะครับ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 10:30:20
สรุปเด็กสองคนนี้จะตามไปทะเลาะกันทุกกระทู้เลยใช่ป่ะครับ
ฝึกพรหมวิหาร4 กันได้แล้ว อย่างน้อยก็เป็นบุญต่อตัวเอง มีเสน่ห์น่ารัก เอานะ ถือว่าพี่ขอ เป็นของขวัญวันสงกรานต์
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 11:45:55
   ความสุข , เป็นไง(อยากรู้)? - " เหมือนตอน...กกอีหนู ครับ"
จากคุณ: Supernoid โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 14:17:23
on 04/06/18 เวลา 10:30:20, doreus wrote:
สรุปเด็กสองคนนี้จะตามไปทะเลาะกันทุกกระทู้เลยใช่ป่ะครับ
ฝึกพรหมวิหาร4 กันได้แล้ว อย่างน้อยก็เป็นบุญต่อตัวเอง มีเสน่ห์น่ารัก เอานะ ถือว่าพี่ขอ เป็นของขวัญวันสงกรานต์

 
 
ขออภัยครับ ผมเห็นเค้าเหน็บแนมพี่แล้วผมไม่ชอบ
ก็เลยตอบโต้ไป
 
ถ้าทำแล้วไม่มีประโยชน์ พี่ก็ไม่ได้รู้สึกดี. แถมผมดูแย่อีก
 
ไม่ทำน่าจะดีกว่าครับ
จากคุณ: philosophy โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 15:58:34

 
หนังสือเสียง 7 กฎทางจิตวิญญาณแห่งความสำเร็จ คือ หลักการแห่งความสำเร็จเจ็ดประการที่ เขียนโดย ดีพัค โชปรา ในหนังสือ The Seven Spiritual Laws of Success – A Practical Guide to the Fulfillment of Your Dreams ที่พิมพ์ออกมาเมื่อ ค.ศ. 1994 โดยหลักการจะมีพื้นฐานมาจากศาสนาฮินดูและแนวคิดทางจิตวิญญาณที่ว่า ความสำเร็จของคนไม่ได้มีผลมาจากการทำงานหนัก การวางแผนที่ชัดเจน หรือ ความทะเยอทะยาน แต่มาจากความเข้าใจธรรมชาติในฐานะของมนุษย์ และ เข้าใจวิธีการที่จะปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ
 
1. กฎของศักยภาพที่บริสุทธิ์ (The Law of Pure Potentiality)
ใช้เวลาอยู่เงียบๆ แค่อยู่. ฝึกสมาธิ ครั้งละ 30 นาที 2 ครั้งต่อวัน. สังเกตปรัชญาในชีวิตต่างๆอย่างเงียบ. ฝึกการที่จะไม่ตัดสิน (practice non-judgement).
 
2. กฎของการให้ (The Law of Giving)
แต่ละวัน ให้ของขวัญกับใครก็ตามที่คุณเจอ อาจจะเป็น คำชม หรือ ดอกไม้. รับของขวัญอย่างยินดี. ให้รักษาความมั่งคั่งให้หมุนเวียนโดยการให้และรับ ความห่วงใย ความชอบพอ ความซาบซึ้งเห็นคุณค่า และ ความรัก ระหว่างกัน.
 
3. กฎของกรรม (The Law of Karma)
ทุกๆการกระทำจะสร้างแรงหรือพลังงานที่จะย้อนกลับมาในลักษณะคล้ายๆกัน. การเลือกการกระทำที่จะนำความสุขและความสำเร็จไปให้ผู้อื่น จะเป็นการรับรองว่าจะมีกระแสของความสุขและความสำเร็จกลับมาหาคุณ.
 
4. กฎของการพยายามน้อยที่สุด (The Law of Least Effort)
ยอมรับผู้คน สถานะการณ์ เหตุการณ์ ต่างๆ ในแบบที่เป็น. มีความรับผิดชอบต่อสถานะของคุณ ต่อเหตุการณ์ทุกๆอย่างที่อาจจะเป็นปัญหา. ปล่อยวางความต้องการที่คุณจะเถียงอธิบายมุมมองของคุณ.
 
5. กฎของความมุ่งมั่น (The Law of Intention and Desire)
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในทุกๆความมุ่งมั่นปรารถนา คือ กลไก สำหรับการเติมเต็ม. เขียนรายการของสิ่งที่คุณปรารถนา. เมื่อสิ่งต่างๆไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคิด ให้เชื่อว่ามันมีเหตุผลของมัน.
 
6. กฎของการปล่อยวาง (The Law of Detachment)
ยอมให้ตัวคุณเองและคนอื่นๆมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง. อย่าบังคับทางออก ให้ทางออกมันเกิดขึ้นมาแบบของมัน. ความไม่แน่นอนเป็นสิ่งจำเป็น และ มันเป็นเส้นทางไปสู่อิสรภาพของคุณ
 
7. กฎของธรรมะ (The Law of Dharma)
ค้นหาตัวตนภายในที่สูงกว่าของคุณเอง. ค้นหาความสามารถที่พิเศษของคุณ. ถามตัวเองว่าคุณจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ดีที่สุดอย่างไร. การใช้ความสามารถพิเศษของคุณในการช่วยเหลือผู้อื่นจะนำมาซึ่ง ความสุขใจ และ ความ สมบูรณ์
 
หวังว่าข้อมูลและสาระที่มีให้คงจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย
ถ้าสาระเหล่านี้มีประโยชน์โปรดแชร์ให้คนที่ท่านรักรอบๆตัวได้อ่าน
ขอให้สนุกกับการพัฒนาตัวเองและความรู้ทุกท่านนะครับ
จากคุณ: SantaNiCo โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 18:53:22
พรหมวิหาร4มีอะไรบ้าง
จงอภิปราย
จากคุณ: candy girl โพสเมื่อวันที่: 04/06/18 เวลา 23:56:07
เตรียมตัวตายทุกลมหายใจเจ้าค่ะ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/07/18 เวลา 10:39:16
on 04/06/18 เวลา 14:17:23, Supernoid wrote:

 
 
ขออภัยครับ ผมเห็นเค้าเหน็บแนมพี่แล้วผมไม่ชอบ
ก็เลยตอบโต้ไป
 
ถ้าทำแล้วไม่มีประโยชน์ พี่ก็ไม่ได้รู้สึกดี. แถมผมดูแย่อีก
 
ไม่ทำน่าจะดีกว่าครับ

พี่ดูอยู่นานแล้วครับ พี่ว่าเค้าคือเจ้ากรรมนายเวรของน้องนะ มันมาแบบไม่มีเหตุผล คนเราจะมาด่ากันมันต้องมีที่มาที่ไปนี่มันไม่มี  การที่ เราจะ  หยุด   มันดีกว่าที่เราจะไปเพิ่มกรรม ในชีวิตประจำวันน้องต้องเจอคนพวกนี้อีกเยอะ พี่ใช้หลัก มันไม่มี  แล้วไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่โต้ตอบ เพราะมัน ไม่มี ส่วนคนเหน็บแนมพี่ น้องไม่ต้องห่วง บางทีพี่ตอบเสร็จ แล้วก็ไม่กลับมาดูอีก หรือดูแล้วสิ่งที่พูดคงไม่ก่อปัญญาแล้ว พี่ก็เลิกไม่ไปยุ่งหรือสุงสิงอีก คนดีดีในนี้หลายคนนะครับ กระทู้เค้าอ่านแล้วก่อปัญญาจนบางทีเราจดจำชื่อเค้าไปตลอดชีวิต น้องลองเลียนแบบเค้าก็ได้เอาเรื่องดีดีที่ได้พบมาแบ่งปันกัน แทนที่จะตั้งกระทู้ถาม ลองเปลี่ยนเป็นนำเสนอเรื่องราวดีดีบ้าง น่าจะลอง
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/07/18 เวลา 10:44:02
on 04/06/18 เวลา 15:58:34, philosophy wrote:

 
หนังสือเสียง 7 กฎทางจิตวิญญาณแห่งความสำเร็จ คือ หลักการแห่งความสำเร็จเจ็ดประการที่ เขียนโดย ดีพัค โชปรา ในหนังสือ The Seven Spiritual Laws of Success – A Practical Guide to the Fulfillment of Your Dreams ที่พิมพ์ออกมาเมื่อ ค.ศ. 1994 โดยหลักการจะมีพื้นฐานมาจากศาสนาฮินดูและแนวคิดทางจิตวิญญาณที่ว่า ความสำเร็จของคนไม่ได้มีผลมาจากการทำงานหนัก การวางแผนที่ชัดเจน หรือ ความทะเยอทะยาน แต่มาจากความเข้าใจธรรมชาติในฐานะของมนุษย์ และ เข้าใจวิธีการที่จะปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ
 
1. กฎของศักยภาพที่บริสุทธิ์ (The Law of Pure Potentiality)
ใช้เวลาอยู่เงียบๆ แค่อยู่. ฝึกสมาธิ ครั้งละ 30 นาที 2 ครั้งต่อวัน. สังเกตปรัชญาในชีวิตต่างๆอย่างเงียบ. ฝึกการที่จะไม่ตัดสิน (practice non-judgement).
 
2. กฎของการให้ (The Law of Giving)
แต่ละวัน ให้ของขวัญกับใครก็ตามที่คุณเจอ อาจจะเป็น คำชม หรือ ดอกไม้. รับของขวัญอย่างยินดี. ให้รักษาความมั่งคั่งให้หมุนเวียนโดยการให้และรับ ความห่วงใย ความชอบพอ ความซาบซึ้งเห็นคุณค่า และ ความรัก ระหว่างกัน.
 
3. กฎของกรรม (The Law of Karma)
ทุกๆการกระทำจะสร้างแรงหรือพลังงานที่จะย้อนกลับมาในลักษณะคล้ายๆกัน. การเลือกการกระทำที่จะนำความสุขและความสำเร็จไปให้ผู้อื่น จะเป็นการรับรองว่าจะมีกระแสของความสุขและความสำเร็จกลับมาหาคุณ.
 
4. กฎของการพยายามน้อยที่สุด (The Law of Least Effort)
ยอมรับผู้คน สถานะการณ์ เหตุการณ์ ต่างๆ ในแบบที่เป็น. มีความรับผิดชอบต่อสถานะของคุณ ต่อเหตุการณ์ทุกๆอย่างที่อาจจะเป็นปัญหา. ปล่อยวางความต้องการที่คุณจะเถียงอธิบายมุมมองของคุณ.
 
5. กฎของความมุ่งมั่น (The Law of Intention and Desire)
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในทุกๆความมุ่งมั่นปรารถนา คือ กลไก สำหรับการเติมเต็ม. เขียนรายการของสิ่งที่คุณปรารถนา. เมื่อสิ่งต่างๆไม่ได้เป็นไปตามที่คุณคิด ให้เชื่อว่ามันมีเหตุผลของมัน.
 
6. กฎของการปล่อยวาง (The Law of Detachment)
ยอมให้ตัวคุณเองและคนอื่นๆมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง. อย่าบังคับทางออก ให้ทางออกมันเกิดขึ้นมาแบบของมัน. ความไม่แน่นอนเป็นสิ่งจำเป็น และ มันเป็นเส้นทางไปสู่อิสรภาพของคุณ
 
7. กฎของธรรมะ (The Law of Dharma)
ค้นหาตัวตนภายในที่สูงกว่าของคุณเอง. ค้นหาความสามารถที่พิเศษของคุณ. ถามตัวเองว่าคุณจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ดีที่สุดอย่างไร. การใช้ความสามารถพิเศษของคุณในการช่วยเหลือผู้อื่นจะนำมาซึ่ง ความสุขใจ และ ความ สมบูรณ์
 
หวังว่าข้อมูลและสาระที่มีให้คงจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย
ถ้าสาระเหล่านี้มีประโยชน์โปรดแชร์ให้คนที่ท่านรักรอบๆตัวได้อ่าน
ขอให้สนุกกับการพัฒนาตัวเองและความรู้ทุกท่านนะครับ

ขอบคุณมากครับ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/07/18 เวลา 11:31:20
on 04/06/18 เวลา 18:53:22, SantaNiCo wrote:
พรหมวิหาร4มีอะไรบ้าง
จงอภิปราย

ธรรมะของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว คงไม่กล้าอภิปรายเนื่องจากเขลาด้วยปัญญา น้องลองอ่านดูไม่ต้องปฎิบัติทั้งหมดพร้อมกัน เลือกมาใช้ทีละข้อ
https://th.m.wikipedia.org/wiki/พรหมวิหาร_4
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/07/18 เวลา 12:25:48
สุขๆทุกข์ๆ , แก้ไขยังไง ? - ทุกข์เป็นสะพานเชื่อมความสุขเข้าหากัน    ทุกข์เป็นรายจ่ายของความสุข   คือว่า คู่กัน  แก้ไขไม่ได้หรอก ครับ....
จากคุณ: dysthymia โพสเมื่อวันที่: 04/07/18 เวลา 22:02:24
on 04/05/18 เวลา 16:08:30, doreus wrote:

อ่าวเหรอครับ สิ่งที่คาดหวังเป็นศูนย์ สิ่งที่ได้รับไม่ยี่หระกับมัน ออกกำลังกายทุกวันครับ ถึงได้สงสัยว่ามันผิดปกติไงครับ เหมือนถึงจุดที่น่าจะมีความสุขแล้ว แต่เอ๊ะไมมันเป็นอย่างนี้หว่า
ตกลงพี่แย่งตำแหน่งdysthymia นะครับ พี่ขาดdopamine กับ norepinephrine กำลังจะเริ่มยาวันนี้ ร้ายดีอย่างไรจะนำมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

 
ตัวเราเข้าใจยากครับ หลายครั้งที่ผมหงุดหงิด โดยไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร ที่แย่กว่านั้น หลายครั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดแต่คนรอบข้างเขารู้กันหมด แต่อารมณ์เบื่อเศร้าคนนอกก็มักมองไม่ออก แต่ผมเองมักรู้ตัวเอง ว่าเบื่อเศร้า
 
หัวหน้า ซึ่งก็หมอด้วยกันก็ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ต้องหมอจิตเวชจริงๆ ผมก็ไม่กล้าหาหมอจิตเวช
 
ผมใช้วิธีออกกำลังกาย แต่ ผมต้องออกกำลังกายหนักจนheart rate. zone. 4-5 ถึงจะโล่ง แค่โซน 2-3. ไม่โล่งครับ แต่ก็เหนื่อยมากตอนออกกำลัง  
 
ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะได้ผลไหมนะครับ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 01:45:31
on 04/07/18 เวลา 22:02:24, dysthymia wrote:

 
ตัวเราเข้าใจยากครับ หลายครั้งที่ผมหงุดหงิด โดยไม่รู้ว่าหงุดหงิดอะไร ที่แย่กว่านั้น หลายครั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดแต่คนรอบข้างเขารู้กันหมด แต่อารมณ์เบื่อเศร้าคนนอกก็มักมองไม่ออก แต่ผมเองมักรู้ตัวเอง ว่าเบื่อเศร้า
 
หัวหน้า ซึ่งก็หมอด้วยกันก็ไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ต้องหมอจิตเวชจริงๆ ผมก็ไม่กล้าหาหมอจิตเวช
 
ผมใช้วิธีออกกำลังกาย แต่ ผมต้องออกกำลังกายหนักจนheart rate. zone. 4-5 ถึงจะโล่ง แค่โซน 2-3. ไม่โล่งครับ แต่ก็เหนื่อยมากตอนออกกำลัง  
 
ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะได้ผลไหมนะครับ

พี่ว่าคงได้ผลนะ เพราะออกกำลังกายมันได้สารความสุขออกมา พี่ลองยาแล้วไม่ไหวจริงๆ คนเรามีทางออกหลายๆแบบน้องโชคดีที่เจอในแบบของน้อง ว่าแต่เป็นหมอไม่กล้าไปพบจิตแพทย์จริงๆเหรอครับ พี่ไปบ่อยแต่ไม่เคยเจอที่คลิก เสียที เอาไว้เจอที่ได้ผลดีจริงๆจะมาแบ่งปันนะครับ
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 10:16:58
พี่ว่าลางเนื้อลางยาครับ
 
มียาที่ได้ผลดี ฤทธิ์ข้างเคียงน้อย เลือกเอาเองได้จากเปเปอร์ครับ
 
http://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(17)32802-7/fulltext
 
อย่าลืมพก Periactin ติดตัวซัก 2 เม็ด เผื่อเป็น serotonin syndrome ครับ
 
เอาใจช่วยครับ
จากคุณ: SeReE โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 11:24:41
หายไวๆ นะคะ
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 12:47:55
   ทุกข์ , สาเหตุ? - คำตอบ " จะดี-สะอาด-บริสุทธิ์เยอะไปไหน   สกปรกบ้างก็ได้ "...
จากคุณ: 9123342 โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 17:04:01
https://www.youtube.com/watch?v=IYVCgMXfNE0
 
“ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความสงบ”
 
ถาม : ผมอยากจะเรียนถามพระอาจารย์สักเล็กน้อย คือผมไปเข้าสัมมนาของฝรั่งนี่เขาก็สอนว่าชีวิตคนเราจะมีความสุขเราต้องตั้งเ ป้าหมาย แล้วก็ต้องคล้ายๆ มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน แล้วก็ต้องคิดตั้งโกล (goal) ที่เราต้องการ เช่นอยากมีเงินเดือนเท่านี้ อยากมีบ้านอย่างโน้นอย่างนี้ อยากมีรถอย่างนี้ แล้วก็เหมือนกับให้เราคิดถึงมันทุกวันอะไรอย่างนี้ แล้วก็เราเหมือนพยายามผลักตัวเองไปให้ถึงอย่างนี้ แล้วเราจะมีความสุขอย่างนี้มัน แต่พอมาคิดทางพุทธ พุทธเหมือนกับว่าให้เราอยู่สันโดษ พอใจในสิ่งที่มี แล้วเราก็มีความสุข มันก็เหมือนว่ามันก็เป็นความคิดที่ตรงกันข้ามกันอย่างนี้ พระอาจารย์มีความเห็นอย่างไรครับ
 
พระอาจารย์ : ก็ความคิดหนึ่งเขาเรียกว่าความคิดผิดไง มิจฉาทิฐิ ความคิดหนึ่งเป็นความคิดถูก เหมือนสมัยก่อนคนคิดว่าโลกแบน กับคนที่คิดว่าโลกกลม มันก็เป็นความคิดที่ถูกอันหนึ่ง แล้วก็ต้องผิดอันหนึ่ง ใช่ไหม ทีนี้คนสมัยก่อนเขาไม่มีปัญญาเขาไม่สามารถมองเห็นว่าเป็นโลกกลมเขาก็เลยคิดว ่าเป็นโลกแบน เขาก็เลยอยู่แบบโลกแบน เขาไม่กล้าไปไหน นั่งเรือก็ไม่กล้าออกไปไกล กลัวจะตกขอบทะเล แล้วก็เลยทำให้เขาอยู่แบบไม่ตรงกับความเป็นจริง ตอนหลังมารู้ว่าเป็นโลกกลมนี่สามารถไปรอบโลกได้ ไปไหนมาไหนได้ อันนี้ก็เหมือนกัน คนที่พิสูจน์ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความสงบความปราศจากความอยากของใจ อันนี้ไม่มีใครรู้ มีคนเดียวที่รู้ก็คือพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าพวกเราทุกคนก็จะคิดว่าความสุขของเราอยู่ที่การได้ทำตามค วามอยากต่างๆ ทีนี้พวกนี้เขาเป็นพวกที่ไม่เคยได้สัมผัสกับคำสอนของพระพุทธเจ้า เขาเชื่อในความคิดเห็นของเขา เหมือนเขาเชื่อว่าโลกนี้แบน เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังจากนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโลกนี้มันไม่ แบน มันกลม เขาก็อยู่ไปตามทฤษฎีของเขา ทฤษฎีของโลกแบน เขาก็มองคนที่ไม่มี คนได้สัมผัสรับรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าก็อยู่ในทฤษฎีว่าความสุขอยู่ที่เกิดจา กการที่ได้ทำตามความอยาก ใช่ไหม อยากได้โน่นอยากได้นี่ก็พยายามทำให้มันเกิดขึ้นมา พอได้ก็มีความสุข แต่ไม่ได้มองว่ามันสุขไม่นานเท่าไหร่ สุขเดี๋ยวเดียว แล้วสิ่งที่ได้มาก็กลายเป็นความทุกข์ เพราะอะไร ต้องคอยดูแลรักษาคอยกังวล เพราะของที่ได้มาโดยธรรมชาติของมันมันจะต้องเสื่อม มันจะต้องสิ้น มันจะต้องหมด จะต้องจากเราไป อันนี้มันไม่คิดกัน พอได้ความสุขมาแล้วก็ได้ความทุกข์พ่วงมาด้วยโดยไม่รู้สึกตัว
 
ถาม : คือผมก็มาเทียบ คืออย่างพระพุทธเจ้าก็สอนเรื่องวิริยะ การมีความเพียร
 
พระอาจารย์ : ความเพียรทำบุญไง เพียรทำความสุขใจ ไม่ได้เพียรไปในการสร้างความทุกข์ใจ แบบทำตามความอยากต่างๆ วิริยะคนละแบบ
 
ถาม : แล้วอย่างนี้การตั้งเป้าหมายในชีวิตนี่ มันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีครับ
 
พระอาจารย์ : ก็ดี แต่ให้มันถูกเป้าซิ อย่าไปตั้งเป้าที่ผิด ตั้งเป้าผิดมันก็จะไปเจอความทุกข์ ตั้งเป้าถูกก็จะเจอความสุข ตั้งเป้าด้วยการทำบุญ ๑๐ ประการที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราทำ อันนี้จะได้ความสุขแน่ๆ ถ้าตั้งเป้าไปที่ลาภยศสรรเสริญ ก็จะต้องเจอความทุกข์ ต่อให้เป็นนายกก็ทุกข์ น่ะไปถามนายก ทุกวันนี้สุขหรือทุกข์ เวลาได้เป็นใหม่ๆ ก็สุขนะ แล้วตอนนี้ก็ถูกคนคอยมาเขี่ยมาเตะมากระแหนะกระแหนมาอะไรอยู่ทุกวันทุกเวลา มีความสุขที่ไหน ใช่ไหม เข้าใจหรือยัง.
 
ธรรมะบนเขา
 
วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๑
 
จากคุณ: samco โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 20:40:42
ผมlogin เก่าแก่ จำได้ว่า  พี่เคยมาปรึกษาแนวๆนี้เมื่อหลายปีก่อน  
 
คิดว่าความทุกข์ยังไม่หายขาด
   
ผมแนะนำพี่ลองศึกษาแนวทางของ หลวงพ่อปราโมทย์ดูครับ  
 
https://www.dhamma.com/thdownloads/
 
หรือจะ search  ชื่อท่านใน youtube ใน google ก็ได้ครับ    
ลองฝึกดูจิต  ลองปฏิบัติตามดูซักระยะ  ซักสามเดือนครับ    
แนะนำ  ฝึกง่าย  ไม่ต้องไปวัด   ทำที่ไหนก็ได้  ท่านเน้นให้ทำในชีวิตประจำวันครับ    
 
 
ผมอ่านเรื่องพูทธศาสนามานาน  เห็นจุดขัดแย้งมากมาย เช่นศาสนาพูทธ ทำไมรู้สึกว่าเห็นแก่ตัวเอาแต่ตัวรอด  เรื่องศีลบางครั้งทำไมขัดกับเรื่องบุญ  นั่งสมาธิทำไมถึงได้บุญ ไม่เห็นได้ช่วยใครเลย  
 
แต่พอมาศึกษาคำพูดท่าน  รู้สึกว่าตอบโจทย์ได้ทุกเหลี่ยมที่ผมอ่านแล้วรู้สึกแย้งในใจครับ  เลยลองปฏิบัติตาม
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 23:01:28
on 04/08/18 เวลา 20:40:42, samco wrote:
ผมlogin เก่าแก่ จำได้ว่า  พี่เคยมาปรึกษาแนวๆนี้เมื่อหลายปีก่อน  
 
คิดว่าความทุกข์ยังไม่หายขาด
    
ผมแนะนำพี่ลองศึกษาแนวทางของ หลวงพ่อปราโมทย์ดูครับ  
 
https://www.dhamma.com/thdownloads/
 
หรือจะ search  ชื่อท่านใน youtube ใน google ก็ได้ครับ    
ลองฝึกดูจิต  ลองปฏิบัติตามดูซักระยะ  ซักสามเดือนครับ    
แนะนำ  ฝึกง่าย  ไม่ต้องไปวัด   ทำที่ไหนก็ได้  ท่านเน้นให้ทำในชีวิตประจำวันครับ    
 
 
ผมอ่านเรื่องพูทธศาสนามานาน  เห็นจุดขัดแย้งมากมาย เช่นศาสนาพูทธ ทำไมรู้สึกว่าเห็นแก่ตัวเอาแต่ตัวรอด  เรื่องศีลบางครั้งทำไมขัดกับเรื่องบุญ  นั่งสมาธิทำไมถึงได้บุญ ไม่เห็นได้ช่วยใครเลย  
 
แต่พอมาศึกษาคำพูดท่าน  รู้สึกว่าตอบโจทย์ได้ทุกเหลี่ยมที่ผมอ่านแล้วรู้สึกแย้งในใจครับ  เลยลองปฏิบัติตาม

ตอนนี้ชีวิตsamco เป็นอย่างไรบ้างครับ พอถึงจุดสามเดือนมันเป็นอย่างไร ในชีวิตที่routine เหมือนเดิมแม้จะดีแต่น่าเบื่อ พบความสุข สงบ เย็นและเป็นประโยชน์ ตลอดเวลา หรือว่า พบทุกข์ แล้วควบคุมมันได้ พบกิเลสแล้วควบคุมมันได้ พบความหลงแล้วควบคุมมันได้ แต่การควบคุมมัน คือมันไม่หายไปแต่อยู่ภายในป่ะ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/08/18 เวลา 23:34:57
on 04/08/18 เวลา 10:16:58, muji wrote:
พี่ว่าลางเนื้อลางยาครับ
 
มียาที่ได้ผลดี ฤทธิ์ข้างเคียงน้อย เลือกเอาเองได้จากเปเปอร์ครับ
 
http://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(17)32802-7/fulltext
 
อย่าลืมพก Periactin ติดตัวซัก 2 เม็ด เผื่อเป็น serotonin syndrome ครับ
 
เอาใจช่วยครับ

อ่านเปเปอร์แบบนี้ไม่เป็นอ่ะครับ พี่สรุปให้หน่อย เอาที่ผลข้างเคียงน้อย ไม่เอากลุ่ม tricyclic กลัว อัลไชเมอร์  เอาอะไรดีครับ ตอนนี้กินvortioxetin อยู่แค่1/3 ไม่ไหวมีความรู้สึกคลื่นไส้ ขนลุก หนาวๆร้อนๆเหมือนเป็นไข้ตลอดเวลา  
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 09:27:01
ดูตามรูปครับ
 
http://www.thelancet.com/cms/attachment/2119160130/2089961221/gr3.jpg
 
A อันบน ยาตัวไหนที่อยู่เยื้องไปทางขวาเยอะๆ แปลว่า ได้ผลดีกว่า
 
B อันล่าง ยาตัวไหนที่อยู่เยื้องไปทางขวาเยอะๆ แปลว่า คนไข้ทนฤทธิ์ข้างเคียงได้มากกว่า
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 09:45:13
พี่ว่าการสั่งยาให้คนไข้ " VIP. "
 
ปกติเราจะสั่งตัวที่เราคุ้นเคย ใช้มาเกิน 3-5 ปี  
 
สั่งไปแล้วเราคาดเดาได้เลยว่า กี่สัปดาห์จะเริ่มได้ผล คนไข้จะบ่นอะไรบ้าง
 
ดูชื่อยาที่น้องกิน กับ ปีที่ยาออกจำหน่าย พี่เดาว่าน้องอาจจะกำลังโดนเป็นหนูทดลองยา หาประสบการณ์ให้ผู้รักษา
 
Vortioxetine was approved by the U.S. FDA for the treatment of major depressive disorder (MDD) in adults in September 2013, and it was approved in Europe later that year.
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 13:35:26
     นิพานคืออะไร? - นิพานก็เหมือนการเคาะกะลาให้ลิงเต้น(ดีใจ)  , ลวงโลก ครับ.....
จากคุณ: morasaya โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 14:38:46
ลุง ลองฝึกสมาธิ ดูบ้างดิ แต่ก่อนอื่น ฝึกตัวให้มีศีล5 ให้เป็นพื้นฐานด้วย อาจทําได้ตกๆหล่น ก็ยังดีนะลุง จากป้าที่ปลงแล้ว
จากคุณ: drclinic โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 15:49:56

อาจเพราะพี่โด ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานดีอยู่แล้ว
 
จึงขาดแรงบันดาลใจก็ได้นะคะ
 
ลองหางานอดิเรกทำก็ดีนะคะ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 15:54:29
on 04/09/18 เวลา 14:38:46, morasaya wrote:
ลุง ลองฝึกสมาธิ ดูบ้างดิ แต่ก่อนอื่น ฝึกตัวให้มีศีล5 ให้เป็นพื้นฐานด้วย อาจทําได้ตกๆหล่น ก็ยังดีนะลุง จากป้าที่ปลงแล้ว

ปฎิบัติอยู่แล้วครับป้า สมาธิไม่ได้ทำครับ สวดมนต์เอา
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 16:20:43
on 04/09/18 เวลา 09:27:01, muji wrote:
ดูตามรูปครับ
 
http://www.thelancet.com/cms/attachment/2119160130/2089961221/gr3.jpg
 
A อันบน ยาตัวไหนที่อยู่เยื้องไปทางขวาเยอะๆ แปลว่า ได้ผลดีกว่า
 
B อันล่าง ยาตัวไหนที่อยู่เยื้องไปทางขวาเยอะๆ แปลว่า คนไข้ทนฤทธิ์ข้างเคียงได้มากกว่า

แบบนี้ผมเลือก fluoxitine เลยถูกใช่มั๊ยครับอาจารย์ ??
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 16:25:58
on 04/09/18 เวลา 15:49:56, drclinic wrote:

อาจเพราะพี่โด ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานดีอยู่แล้ว
 
จึงขาดแรงบันดาลใจก็ได้นะคะ
 
ลองหางานอดิเรกทำก็ดีนะคะ

งานอดิเรกทำอะไรดีครับน้อง dr clinic พี่ว่างและติดอินเตอร์เน็ทหนักมาก  
สะสมสิ่งที่ชอบก็แพงไปหน่อย แล้วได้มาก็เฉยๆ เอาจริงๆปัญหาขาดแรงบันดาลใจนี่ถูกเผงเลยครับ แต่ไม่รู้จะทำอะไร เล่นหุ้นก็ไม่ไหว หนักกว่างานประจำอีก แล้วไม่ชอบด้วย น้องทำงานอดิเรกเป็นอะไรครับ พี่ว่าน้องน่าจะยุ่งเลี้ยงลูกใช่มั๊ยครับ
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 17:33:43
ถ้าตัวไหนกินแล้วดีแปลว่ามันถูกกะเรา
 
ถ้าตัวไหนกินแล้วไม่ดีแปลว่ามันไม่ถูกกะเรา
 
แต่อย่าลืมว่าเราวัดผลที่สองเดือน
 
เหมือนเวลาให้ยาลดไขมัน ก็วัดผลที่สามเดือน
 
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ กู๊กเกิ้ลเอาล้วนๆ โปรดใช้วิจารณญาณเอาเอง
 
พี่ไม่มี clinical skill เพราะวันๆสั่งแต่ยาหัวใจ
 
อ่านอย่างเดียวไม่ใช่ EBM.
 
ต้อง practice clinical ด้วย
 
คือต้องมี clinical skill ด้วย ถึงจะรักษาเป็นครับ
จากคุณ: Alice โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 18:29:18
เฮียเบื่อๆใช่มั้ย ไม่ไปเที่ยวบ้างอะคะ ไปดูชีวิตผู้คนตามต่างจังหวัด  
ไปเที่ยวด้วย เฮียอาจจะดีขึ้นนะคะ สู้ๆค่ะเฮีย เดาว่าเฮียเป็นคนติดบ้าน
ไม่ค่อยชอบออกไปไหน บางทีออกไปเที่ยวอาจทำให้เฮียหายเบื่อ หายเซง หรือออกไปเจอเพื่อนๆบ้างค่ะเฮีย Grin
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 18:45:11
on 04/09/18 เวลา 17:33:43, muji wrote:
ถ้าตัวไหนกินแล้วดีแปลว่ามันถูกกะเรา
 
ถ้าตัวไหนกินแล้วไม่ดีแปลว่ามันไม่ถูกกะเรา
 
แต่อย่าลืมว่าเราวัดผลที่สองเดือน
 
เหมือนเวลาให้ยาลดไขมัน ก็วัดผลที่สามเดือน
 
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ กู๊กเกิ้ลเอาล้วนๆ โปรดใช้วิจารณญาณเอาเอง
 
พี่ไม่มี clinical skill เพราะวันๆสั่งแต่ยาหัวใจ
 
อ่านอย่างเดียวไม่ใช่ EBM.
 
ต้อง practice clinical ด้วย
 
คือต้องมี clinical skill ด้วย ถึงจะรักษาเป็นครับ

นั่นไงครับอาจารย์ผมถึงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ แต่googleอาจารย์ก็มีประโยชน์มากทีเดียวเข้าใจว่าตอนเรียนคงไม่มีสอนอ่ะ หรือผมโง่จำไม่ได้ไม่รู้ แต่จะลองคุยกับน้องดูว่าไม่ไหวเปลี่ยนเป็น fluoxitine ได้มั๊ย
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/09/18 เวลา 18:49:52
on 04/09/18 เวลา 18:29:18, Alice wrote:
เฮียเบื่อๆใช่มั้ย ไม่ไปเที่ยวบ้างอะคะ ไปดูชีวิตผู้คนตามต่างจังหวัด  
ไปเที่ยวด้วย เฮียอาจจะดีขึ้นนะคะ สู้ๆค่ะเฮีย เดาว่าเฮียเป็นคนติดบ้าน
ไม่ค่อยชอบออกไปไหน บางทีออกไปเที่ยวอาจทำให้เฮียหายเบื่อ หายเซง หรือออกไปเจอเพื่อนๆบ้างค่ะเฮีย Grin

เฮียอยู่ตจว.อ่ะครับ เบื่อชีวิตผู้คนตจว.แย่แล้ว ส่วนเที่ยวเฮียก็เที่ยวจนเบื่อแล้ว ชีวิตติดบ้านมั๊ย ก็ไม่นะ ไปเที่ยวกทม.เกือบทุกอาทิตย์ ตปท.ก็ปีละสองครั้ง เพื่อนเฮียยังอยู่ในวัยทำงานกันหมดเลยไม่มีว่างซักคน แต่วันๆเม๊าท์กับคนไข้ทั้งวันอยู่แล้ว คนไข้น่ารักของฝากเฮียเต็มร้าน ไม่เหงาด้วยนะเพราะอยู่กับแฟน คือเฮียก็งงๆตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมมันไม่มีความสุข คือเฮียจะเอาอะไรอีก งงตัวเอง
จากคุณ: morasaya โพสเมื่อวันที่: 04/10/18 เวลา 12:03:42
หางานอดิเรกมันๆทําหรือหาเพื่อนฝูงไปเที่ยวบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไปสกีกะก๊วนเพื่อนศิริราชเมื่อปลายกพ. ปีหน้าไปอีก ถ้าลุงสนไปด้วยกันได้นะ
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/10/18 เวลา 12:51:25
     นิพาน(ไร้ทุกข์ไร้กิเลส) ? - เหมือนฝันของพวกขี้ยา  ลึกๆมีไว้หลอกคนรู้ไม่เท่าถึงการณ์ (มีกระผมรวมอยู่ด้วย) ครับ
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/10/18 เวลา 13:48:02
on 04/10/18 เวลา 12:03:42, morasaya wrote:
หางานอดิเรกมันๆทําหรือหาเพื่อนฝูงไปเที่ยวบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ไปสกีกะก๊วนเพื่อนศิริราชเมื่อปลายกพ. ปีหน้าไปอีก ถ้าลุงสนไปด้วยกันได้นะ

ป้าเก่งจังเลยครับ. ผมเล่นกีฬามาตลอด แต่สกีเนี่ย ล้มไม่เป็นท่า ทั้งเจ็บทั้งหนาว เข็ดเลยทีเดียวครับ ยิ่งอยู่ตปท ถ้าขาแข้งหักนี่โคตรทรมานเลย รอหมอ4-5 ชั่วโมง
จากคุณ: nicenick โพสเมื่อวันที่: 04/10/18 เวลา 19:14:09
จับแมวต้มพะโล้กินอาจจะหายเครียดนะ  หมอบางคนกล่าวไว้
จากคุณ: drclinic โพสเมื่อวันที่: 04/11/18 เวลา 08:30:58
on 04/09/18 เวลา 16:25:58, doreus wrote:

งานอดิเรกทำอะไรดีครับน้อง dr clinic พี่ว่างและติดอินเตอร์เน็ทหนักมาก  
สะสมสิ่งที่ชอบก็แพงไปหน่อย แล้วได้มาก็เฉยๆ เอาจริงๆปัญหาขาดแรงบันดาลใจนี่ถูกเผงเลยครับ แต่ไม่รู้จะทำอะไร เล่นหุ้นก็ไม่ไหว หนักกว่างานประจำอีก แล้วไม่ชอบด้วย น้องทำงานอดิเรกเป็นอะไรครับ พี่ว่าน้องน่าจะยุ่งเลี้ยงลูกใช่มั๊ยครับ

 
ใช่ค่ะ เลี้ยงลูก อ่านหนังสือการ์ตูนนิยาย  
ก็เลยหันมาจับงานซื้อขายหนังสือมือสอง กับของเล่นมือสองค่ะ
รู้สึกว่าวันๆเวลาไม่ค่อยมี ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองยุ่งตลอดเวลาไม่เหงาเลยค่ะ
 
ติดอินเตอร์เนตก็อาจจะมีส่วนนะคะทำให้เราใช้สมองและเวลากับความรู้สึกกับสิ่ งในอินเตอร์เนตมากไปจนโลกความจริงนอกอุปกรณ์สื่อสารลดบทบาทลง
 
ลองวิธีแก้ซึมเศร้าแบบไม่ต้องใช้ยาเช่น ออกไปกลางแจ้งตากแดดบ่อยๆให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นสร้างสารต้านซึมเศร้า
ออกกำลังกายที่ชอบ ปลูกต้นไม้แบบจริงจัง ก็น่าสนุกนะคะ
จากคุณ: drclinic โพสเมื่อวันที่: 04/11/18 เวลา 08:38:06
Smiley
 
หนูไปสิงกลุ่มนี้ล่ะค่ะดราม่ามีบ่อยด้วยสนุกดี ซื้อขายก็คึกคัก
จากคุณ: doreus โพสเมื่อวันที่: 04/11/18 เวลา 09:15:53
on 04/10/18 เวลา 19:14:09, nicenick wrote:
จับแมวต้มพะโล้กินอาจจะหายเครียดนะ  หมอบางคนกล่าวไว้

พี่ว่าอันนี้คงเกินจุดที่เครียดไปแล้วอ่ะครับ Grin Grin อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ
จากคุณ: nicenick โพสเมื่อวันที่: 04/11/18 เวลา 11:06:46
on 04/11/18 เวลา 09:15:53, doreus wrote:

พี่ว่าอันนี้คงเกินจุดที่เครียดไปแล้วอ่ะครับ Grin Grin อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

แต่อ่านละหายเครียดดีนะคะ  เปิดอ่านมาน้ำพุ่งสำลักเลย  ที่เครียดๆหายเป็นปลิดทิ้งเลย
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/11/18 เวลา 13:32:23
     นิพาน คืออะไร ? - เหมือนหมูกลิ้งในโคลน ครับ...
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/12/18 เวลา 11:02:19
        เวลาเบื่อ....แก้ไง ? - " ซักกางเกงในด้วยปาก ครับ"
จากคุณ: nicenick โพสเมื่อวันที่: 04/12/18 เวลา 19:13:59
on 04/12/18 เวลา 11:02:19, หมอเมืองสยาม wrote:
                                 เวลาเบื่อ....แก้ไง ? - " ซักกางเกงในด้วยปาก ครับ"

 Wink
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/13/18 เวลา 11:24:28
        ทำไง...มีความสุข ? - " เอากาแฟสาดหน้าตัวเอง - ตาสว่าง-เปิดกะลา    "
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/14/18 เวลา 14:03:29
       มีความสุข  ทำไง ? - " อ้อที่ลู่ตามลม"...
จากคุณ: samco โพสเมื่อวันที่: 04/15/18 เวลา 06:01:02
on 04/08/18 เวลา 23:01:28, doreus wrote:

ตอนนี้ชีวิตsamco เป็นอย่างไรบ้างครับ พอถึงจุดสามเดือนมันเป็นอย่างไร ในชีวิตที่routine เหมือนเดิมแม้จะดีแต่น่าเบื่อ พบความสุข สงบ เย็นและเป็นประโยชน์ ตลอดเวลา หรือว่า พบทุกข์ แล้วควบคุมมันได้ พบกิเลสแล้วควบคุมมันได้ พบความหลงแล้วควบคุมมันได้ แต่การควบคุมมัน คือมันไม่หายไปแต่อยู่ภายในป่ะ

 
ขออภัยตอบช้าครับ  เที่ยวต่างประเทศ   Grin
ชีวิตเป็ยอย่างไร    ตอนนี้ผมรู้สึกคือ   ชีวิตที่มีความสุขครับ   ตามหัวข้อมู้ที่พี่ doreus ถาม  
 
ปฏิบัติตามหลวงพ่อปราโมทย์  จะเห็นเรื่องไตรลักษณ์ครับ  
ไม่มีคำว่าตลอดเวลา  ถาวร  ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อเอาสงบ  หรือสุขถาวร  
แต่จะรู้สึกว่าทุกอย่างอะไรที่จะเกิดขึ้นมาก็ชั่วคราว  ยึดติดน้อยลง    
เวลาเห็นทุกข์ก็ให้รู้ทุกข์ไม่ได้ให้หนีจากทุกข์   แต่ให้เห็นทุกข์ในใจตน  ทุกข์เป็นสิ่งอีกสิ่งที่แทรกเข้ามา ไม่ใช่ตัวเรา  
  สิ่งที่ได้จากการรู้คือ ผมรู้สึกว่าทุกข์มันสั้นลง    มันมาแล้วก็ได้  เกิดแล้วก็ดับ   หรือโมเม้นที่ทุกข์อยู่  ก็รู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็ไป  (เพราะมั่นใจในเรื่องที่ว่าเกิดแล้วต้องดับ  ทุกข์ไม่ใช่ตัวเรา) ก็ไม่จมกับมันมาก  ก็ไม่ได้ดิ้นรนพยายามหาวิธีหนีทุกข์อะไร  เพราะรู้ว่าไง เดี๋ยวทุกข์ก็มาแน่ๆ แหงมๆ  
 
ช่วงเวลามีความสุขก็รู้ว่าเดี๋ยวมาแล้วก็ไปเหมือนกัน  แต่พอฝึกความรู้สึกตัวตามแนวทางหลวงพ่อ  ก็จะเห็นความสุขในสจตนชัดขึ้น  โมเม้นช่วงที่มีความสุขในชีวิต  ก็รู้สึกสุขมากขึ้นครับ  
 
ช่วงเวลาที่รู้สึกเฉยๆ  ก็ฝึกรู้ตัวไปครับ    
 
เวลามีกิเลส  ก็รู้ว่าเรามีกิเลสครับ  เวลาหลง  ก็รู้ว่าเราหลวงไปครับ   หลวงพ่อไม่ได้ให้ว่าพยายามควบคุมมันครับ  ให้รู้ไปเฉยๆครับ  แต่อย่าผิดศีลครับ  พอฝึกรู้บ่อยๆ ก็จะรักษาศีลง่ายขึ้นไปเองครับ  
จากคุณ: muji โพสเมื่อวันที่: 04/15/18 เวลา 10:42:52
พี่ก็ใช้ไตรลักษณ์เหมือนกันครับ
แต่เรียงเป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
อันดับแรก ทุกขัง คือ ใดๆในโลกล้วนเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีทุกข์ ให้ถือว่า " เป็นเรื่องปกติ "
อนิจจัง คือ อะไรๆมันก็ไม่นิ่ง " รวมทั้งความทุกข์ด้วย "
อนัตตา คือ ถ้าเราเอาทุกข์ออกจากตัวไม่ได้ ก็เอาตัวออกจากทุกข์แทน เพราะตัวเรามันไม่มีอยู่จริง ปล่อยให้ความทุกข์เป็นไวรัสที่ไม่มี Host สมน้ำหน้า อยากเกาะดีนัก
 
เท่าที่อ่านมา พระพุทธเจ้าสอนแต่วิธีลดความทุกข์ ไม่เห็นสอนวิธีเพิ่มความสุข
พี่ก็เลยไม่มีปัญญาให้คำแนะนำว่าทำยังไงมันถึงจะสุข
แต่จากประสบการณ์คือ เมื่อไหร่ที่พี่อยากมีความสุข ความทุกข์แม่งบังเกิดเดี๋ยวนั้นเลยทุกที
 
ปล. ยินดีกับน้อง samco ด้วยที่สามารถฝึกจนรู้ตนแล้ว เก่งมากครับ
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/15/18 เวลา 11:43:38
      สุข-ทุกข์ กระผมคิดยังไง? -  ชีวิตสุขๆทุกข์ๆไม่จีรังก็จริง  แต่ทุกข์ยาวนานกับสุขยาวนานนั้นต่างกันมาก...
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/16/18 เวลา 10:51:37
     สุขนานๆ...ทำไง? - " ไม่ทำตัวเหลวแหลกบ้าง  ชีวิตก็ทุกข์นาน ครับ "
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/17/18 เวลา 17:01:37
         เหตุแห่งทุกข์ ? - " ศรัทธาทั้งหลายแห่ง  เช่น  
 ความดี , ศาสนา, แบบเรียน ฯลฯ.."...
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/18/18 เวลา 14:50:13
     ศาสนา , นิยาม -ซากเดนจากยุคมืด....
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/20/18 เวลา 12:51:28
         ทำไง...ชีวิตมีสุข ? - " รู้จักตัวคุณเอง "
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/25/18 เวลา 13:05:17
         ความสุข เป็นไง? - ละลายเร็วกว่าไอติมบนชายหาด ครับ...
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/27/18 เวลา 13:03:52
  เบื่อๆทำอะไรดี? - " ก้อต้องทำอะไรสนุกๆแก้เซ็ง ครับ เช่น ตบหน้าสิงโต -เตะช้าง- จูบจรเข้ "
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 04/30/18 เวลา 12:25:37
    ความสุข เป็นไง(อยากรู้)? - " ก้อคล้ายๆจับแท่งสอดถูไปตามร่องสวรรค์ที่เปียกเยิ้ม ครับ"
จากคุณ: หมอเมืองสยาม โพสเมื่อวันที่: 05/02/18 เวลา 13:18:23
     ความสุข ยังไง ? - เหมือนนั่งจู๋โด่ , แตกในรู  อะไรเทือกนั้น...


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by