แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 39243: โนวาแวกซ์ประกาศผลเชิงบวกจากการศึกษาวัคซีนโควิดในกลุ่มเด็กวัยรุ่น  (จำนวนคนอ่าน 202 ครั้ง)
« เมื่อ: 02/15/22 เวลา 13:00:39 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

    - โครงการ PREVENT-19 ซึ่งขยายกลุ่มการทดลองไปยังเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-17 ปี ได้บรรลุผลลัพธ์หลักด้านประสิทธิผลที่เปรียบเทียบกันได้กับประชากรวัยผู้ใหญ ่
     - การทดลองแสดงประสิทธิภาพทางคลินิก 82% กับโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
     - การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในวัยรุ่นสูงกว่าในผู้ใหญ่ประมาณ 2-3 เท่าเมื่อเทียบกับทุกสายพันธุ์ที่ทำการศึกษา
     - กลุ่มทดลองทนต่อวัคซีนได้ดีโดยไม่พบสัญญาณความเสี่ยง
     - โนวาแวกซ์มีแผนยื่นเอกสารต่อฝ่ายกำกับดูแลทั่วโลกเพิ่มเติม ด้วยข้อมูลเด็กวัยรุ่นในไตรมาสที่ 1 ปี 2565
     - บริษัทจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนักลงทุนทางโทรศัพท์วันที่ 10 ก.พ. เวลา 16 :30 - 17:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
     โนวาแวกซ์ อิงค์ (Novavax, Inc.) (Nasdaq: NVAX) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพผู้พัฒนาและจำหน่ายวัคซีนรุ่นใหม่สำหรับโรคติดเชื้อรุ นแรง ประกาศว่า NVX-CoV2373 วัคซีนโควิด-19 ของโนวาแวกซ์ซึ่งเป็นวัคซีนอนุภาคนาโนลูกผสมที่ทำจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้ อนั้น ได้บรรลุผลลัพธ์หลักด้านประสิทธิผลในการทดลองเฟส 3 ของโครงการ PREVENT-19 ที่มีการขยายกลุ่มการทดลองไปยังเด็กวัยรุ่น และแสดงประสิทธิภาพโดยรวม 80% ในช่วงเวลาที่สายพันธุ์เดลตาเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐ การศึกษาครั้งนี้ได้รับสมัครวัยรุ่น 2,247 คนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปีจากสถานที่ 73 แห่งในสหรัฐ เพื่อประเมินความปลอดภัย ประสิทธิผล (การตอบสนองภูมิคุ้มกัน) และประสิทธิภาพ โดยเน้นให้กลุ่มผู้เข้าร่วมมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ได้สัดส่วนกัน
     นายแพทย์ฟิลิป ดูโบฟสกี (Filip Dubovsky) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของโนวาแวกซ์ กล่าวว่า "เรารู้สึกมีกำลังใจจากผลการทดลองในวัยรุ่นกลุ่มนี้ เมื่อนับว่าเราจำเป็นต้องมีตัวเลือกทางวัคซีนโควิด-19 อื่น ๆ ในขณะนี้" และเพิ่มเติมว่า "เราเชื่อว่าวัคซีนโนวาแวกซ์มอบตัวเลือกและเทคโนโลยีที่แตกต่างออกไปสำหรับว ัยรุ่นกลุ่มนี้ เนื่องจากใช้เทคโนโลยีวัคซีนที่ทำจากโปรตีนซึ่งใช้กันในยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว และมีผลตอบสนองทางบวกกับสายพันธุ์ต่าง ๆ ด้วย"
     การทดลองหลักในเฟส 3 ของโครงการ PREVENT-19 นั้นมีขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยมีการเผยแพร่ผลการศึกษาไปแล้วในวารสาร The New England Journal of Medicine (NEJM) โครงการดังกล่าวมีอาสาสมัครเข้าร่วมประมาณ 30,000 รายในสหรัฐและเม็กซิโก NVX-CoV2373 ปรากฏให้เห็นประสิทธิภาพโดยรวม 90.4% ทั้งยังมีความปลอดภัยและทนต่อผลข้างเคียงได้ดี สำหรับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงและรุนแรงนั้นปรากฏให้เห็นน้อยครั้ง และไม่ต่างกันมากระหว่างกลุ่มที่ได้วัคซีนและกลุ่มที่ได้ยาหลอก โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้บ่อยที่สุดในการทดลองทางคลินิกกับกลุ่มผู้ใหญ ่ (นับเฉพาะความถี่ระดับที่เกิดบ่อยครั้ง มากกว่าหรือเท่ากับ 1/10) คือปวดศีรษะ คลื่นไส้หรืออาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อาการปวดหรืออาการกดเจ็บบริเวณจุดฉีด เหนื่อยล้า และป่วยไข้ โนวาแวกซ์จะเดินหน้ารวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้งานจริงต่อไป ทั้งจากการทดลองกลุ่มหลักในโครงการ PREVENT-19 และกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงการติดตามความปลอดภัยและประเมินการกลายพันธุ์ของไวรัสเมื่อแจกจ่ายวัค ซีนไปแล้ว
     ทั้งนี้ NVX-CoV2373 ยังไม่ได้รับการอนุมัติในประชากรกลุ่มวัยรุ่น โดยโนวาแวกซ์คาดว่าจะยื่นเอกสารสำหรับข้อบ่งชี้ในเด็กวัยรุ่นอายุ 12-17 ปีต่อฝ่ายกำกับดูแลทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 นอกจากนี้ โนวาแวกซ์ยังคาดว่าจะเริ่มทำการศึกษาเพิ่มเติมทั่วโลก เพื่อประเมินผลในกลุ่มอายุที่น้อยกว่านี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2565
     จนถึงปัจจุบัน NVX-CoV2373 ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งทั่วโลก รวมถึง การอนุมัติให้วางจำหน่ายแบบมีเงื่อนไขจากคณะกรรมาธิการยุโรป สำนักงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร และขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUL) กับองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งอย่างหลังนี้จะทำให้มีโอกาสได้รับการอนุมัติในกว่า 170 ประเทศ โดยอาจครอบคลุมถึงชีวิตคนได้มากกว่า 6 พันล้านคน นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานกำกับดูแลอีกหลายแห่งทั่วโลกที่กำลังพิจารณาวัคซีนตัวนี้ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA)
     ผลลัพธ์: ประสิทธิภาพทางคลินิกสอดคล้องกันระหว่างอาสาสมัครวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่
     ในการทดลองครั้งนี้ อาสาสมัครวัยรุ่นถูกแบ่งเป็นกลุ่มที่ได้วัคซีนที่ออกฤทธิ์และกลุ่มที่ได้ยาห ลอกแบบสุ่ม 2:1 โดยมีการควบคุมด้วยยาหลอก และผู้ถูกทดลองไม่รู้ว่าได้รับยาอะไร จากนั้นจะทำการสลับกลุ่มกันโดยที่ผู้ถูกทดลองไม่ทราบหลังจากเก็บข้อมูลด้านค วามปลอดภัยที่จำเป็นแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้รับวัคซีนที่ออกฤทธิ์ และในช่วงสังเกตการณ์การทดลองในกลุ่มที่ควบคุมด้วยยาหลอก NVX-CoV2373 แสดงให้เห็นประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 โดยรวมที่ 79.5% (95% CI: 46.8, 92.1) โดยประสิทธิภาพมีความสอดคล้องกันในทุกกลุ่มอายุ และผู้ทดลองที่อยู่ในกลุ่มได้รับวัคซีนนั้นมีอาการไม่รุนแรงตามที่กำหนดไว้ใ นเกณฑ์วิจัย
     ผลลัพธ์หลักด้านประสิทธิผลได้รวบรวมไว้ในระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม ถึง 27 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาครองการแพร่ระบาดสูงสุดในสหรัฐ โดยมีอัตราการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรคในระดับสูง ข้อมูลลำดับพันธุกรรมของกลุ่มทดลอง 11 คนจากทั้งหมด 20 คนที่ติดเชื้อพบว่าเป็นสายพันธุ์เดลตา 100% ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาอยู่ที่ 82.0% (95% CI: 32.4, 95.2)
 
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
101.109.182.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by