แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 39230: เผยเบื้องหลัง..กว่าจะเป็น “งานวิจัยวัคซีนโควิด-19” ระดับโลก  (จำนวนคนอ่าน 321 ครั้ง)
« เมื่อ: 02/03/22 เวลา 14:09:46 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

กว่าวันที่ประเทศไทยมีวัคซีนโควิด-19 อย่างเพียงพอ มีชนิดของวัคซีนให้ประชาชนได้ฉีดอย่างหลากหลายเช่นในวันนี้ วงการสาธารณสุขไทยต้องทำงานกันอย่างหนัก ไม่ว่าทีมด่านหน้าที่ต้องเผชิญกับผู้ป่วยโดยตรง หรือทีมวิชาการที่เร่งทำการวิจัยทางคลินิก” เพื่อหาคำตอบในการดูแลรักษาและป้องกันเชื้อไวรัสนี้
 
 “ศูนย์วิจัยคลินิก” คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (Siriraj Institute of Clinical Research) หรือ SICRES เป็นหนึ่งหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเพื่อทำการวิจัยทางคลินิกโดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำการวิจัยยาและเครื่องมือทางการแพทย์มามากมาย และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งผลงานล่าสุดที่ฮือฮาคือโครงการการศึกษาความปลอดภัยและการตอบสนองภูมิคุ้ มกันจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นเข็มที่ 3 : Booster Study โดยได้รับการอ้างอิงอยู่ในบทความของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ลงพิมพ์ Interim recommendations for heterologous COVID-19 vaccine schedules ใน Interim guidance โดยเป็นคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบต่างชนิดกัน หรือวัคซีนสูตรไขว้ สำหรับประเทศต่าง ๆ เมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา
 
กว่าจะได้มา...ซึ่งงานวิจัยในคน
รู้หรือไม่?! ว่ากว่าจะได้งานวิจัยที่นานาชาติให้การยอมรับข้างต้น ต้องผ่านกระบวนการและขั้นตอนมากมาย ใช้ทรัพยากรทั้งสรรพกำลังของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เพื่อให้การศึกษาวิจัยบรรลุตามเป้าหมาย โดยหนึ่งตัวแปรสำคัญของงานวิจัยทางการแพทย์ที่ต้องขอบคุณในความเสียสละ นั่นก็คือ "อาสาสมัครงานวิจัย" เพราะหากไม่มีเขาเหล่านี้ การได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติก็ไร้ความหมาย
 
ผศ.ดร.พญ.สุวิมล นิยมในธรรม รองผู้อำนวยการ SICRES เผยขั้นตอนของการทำงานตามหลักจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ว่า เริ่มจากทีมวิจัยเขียนแบบแผนการดำเนินโครงการ (Protocols) วางแผนงานวิจัยส่งให้คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนของศิริราชพิจารณาความเ หมาะสม ความจำเป็น และความปลอดภัยของการทำการวิจัยในคน ซึ่งนอกจากหลักเกณฑ์ของสถาบันในไทยแล้ว การวิจัยทางการแพทย์ต้องเป็นไปตามเกณฑ์การปฏิบัติการวิจัยทางคลินิกที่ดี (Good Clinical Practice) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานสากล อันได้รับการยอมรับจาก WHO และสถาบันต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการวิจัยทีเป็นยาใหม่ มาตรฐานความปลอดภัยต้องสูงสุด เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่ออาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการ หากได้รับการอนุมัติ จัดทำเอกสารการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลตามขั้นตอน
 
“ก่อนโครงการจะเริ่มอาสาสมัครต้องเข้าใจก่อนว่าการศึกษานี้เกี่ยวกับยาอะไร เขาต้องทำอะไรบ้าง ต้องเจาะเลือด ต้องกินยา ต้องติดตามผลการรักษา ต้องคุยกับอาสาสมัครให้เข้าใจ กรณีที่อาสาสมัครเป็นเด็ก ต้องพูดคุยกับครอบครัว เราต้องทำความเข้าใจกับอาสาสมัครเยอะมาก ถ้าเป็นงานวิจัยรักษาโรคหรือยาใหม่ ก็จะมีเกณฑ์ที่แตกต่างออกไป ทั้งระยะของโรค วิธีการรักษา การรับยา การคุมโรค ต้องตรวจร่างกาย สัมภาษณ์ เพื่อมั่นใจว่าอาสาสมัครเข้ากับโครงการได้จริง เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูงในอาสาสมัครหนึ่งคน”
 
 
ความท้าทาย ในงานวิจัยวัคซีนโควิด-19
 
สำหรับงานวิจัยวัคซีนโควิด-19 นับเป็นโรคใหม่ และระบาดพร้อมกันทั้งโลก งานวิจัยวัคซีนต้องแข่งกับเวลา การพัฒนาความรู้ด้านการป้องกันและรักษาปรับเปลี่ยนแทบจะทุกสัปดาห์ อีกทั้งต้องคำนึงถึงประเด็นความเข้าใจของสังคมที่แตกต่างกัน มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้น จึงเน้นสื่อสารกับกลุ่มคนที่เข้าใจและสนใจที่จะเป็นอาสาสมัครเป็นสำคัญ
 
“ประเด็นหลักของงานวิจัยในประเทศไทยคือต้องอธิบายให้อาสาสมัครเข้าใจให้ได้ว ่าทำไมเราต้องทำสิ่งนี้ เพราะเป็นยาใหม่ คำถามและความห่วงใยก็มีมาก ในฐานะผู้วิจัยต้องชี้ให้เห็นแนวโน้มการรักษา และอธิบายความเสี่ยงของการรับวัคซีนให้ชัดเจน พร้อมทั้งยอมรับความคิดเห็นของอาสาสมัคร ซึ่งมีสิทธิ์ตัดสินใจและถอนตัวจากโครงการได้เสมอ ซึ่งคนไทยน่ารักมาก ส่วนใหญ่ประมาณ 95% สนใจเข้าร่วมโครงการกับเราหลังฟังข้อมูลทางวิชาการ”
 
โครงการวิจัยวัคซีนสูตรไขว้ในประเทศไทย เกิดด้วยข้อจำกัดที่เดิมทีประเทศไทยไม่มีวัคซีน mRNA แพทย์มีหน้าที่จะทำอย่างไรให้ประชากรไทยปลอดภัยที่สุดจากทรัพยากรทีมีอยู่ จึงจำเป็นต้องมีคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการ ในวัคซีนสูตรไขว้ไม่มีใครรู้ได้ว่าสูตรไหนจะได้ผลดีที่สุด อาสาสมัคร 390 คนต้องมีส่วนหนึ่งที่ยอมเสียสละฉีดสูตรที่คาดว่าจะได้ผลน้อย เพื่อให้ได้ผลการศึกษาที่ครอบคลุม ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ก็ทำให้มีงานวิจัยสูตรไขว้ในประเทศ มีประโยชน์กับประชากรในกลุ่มใหญ่  
 
“ขอบคุณความเสียสละของอาสาสมัครทุกคนที่ยินดีให้ความร่วมมือในการศึกษาทุกคร ั้ง ทำให้เราได้งานวิจัยที่เป็นข้อมูลจากคนไทยจริงๆ และผลลัพธ์ที่ได้ก็ตอบสนองกับสถานการณ์ของประเทศ ไม่เช่นนั้นคนไทยอาจจะไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 รวดเร็วขนาดนี้ และถ้าไม่มีงานวิจัยและไม่มีผลการศึกษามายืนยันว่า หลังฉีดเข็มที่สามภูมิคุ้มกันของเราจะลดลงอย่างรวดเร็ว บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศก็จะไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 เร็วขนาดนี้เช่นกัน”
 
เมื่อ ‘หมอ’ ขอใช้ตัวเองเป็นอีกหนึ่งคำตอบ
 
การตัดสินใจเป็นอาสาสมัครรับวัคซีนที่ใหม่ท่ามกลางข้อถกเถียงด้านประสิทธิภา พของตัวยา แต่  “ศ.นพ กีรติ เจริญชลวานิช” รองคณบดี ฝ่ายสร้างเสริมสุขภาพ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ก็ยินดีและตั้งใจที่จใช้ตัวเองเป็นอีกคำตอบหนึ่งของการฉีดวัคซีนสูตรไขว้
 
“ในฐานะที่เป็นนักวิชาการ โดยเฉพาะในวงการแพทย์ ก็รู้สึกว่าเราต้องการข้อมูลที่ดีและนำชุดข้อมูลที่ได้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ กับประเทศไทย และเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้ได้ในระยะต่อไป ผมเข้ามาร่วมโครงการตั้งแต่แรก ได้รับวัคซีนแบบสุ่มคือในระยะแรกไม่รู้ว่าจะได้รับวัคซีนกลุ่มไหน แต่ก็ตัดสินใจเข้าร่วมเพราะคิดว่าอย่างน้อยๆ ก็ได้ใช้ตัวเราเป็นข้อมูลพื้นฐานรวบรวมให้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย
 
“ผมได้รับวัคซีนชนิดหนึ่งมาในช่วงแรก ข้อดีของการเข้าโครงการวิจัยก็คือทำให้รู้ว่า ร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกันไหม แต่ระหว่างทางของโครงการก็มีกระแสเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนที่ต่างๆ กันไป เราก็เริ่มเครียด วิตกกังวลเล็กน้อย ว่าเราจะได้รับวัคซีนที่ดีจริงหรือเปล่า แต่ส่วนหนึ่งเราก็ปกป้องตัวเองไม่ให้ติดเชื้อด้วย จึงสบายใจขึ้น เมื่อเข้าสู่ระยะการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่สาม ก็เข้าเป็นอาสาสมัครอีก เพราะอยากให้ผลการศึกษาชัดเจนมากขึ้น เมื่อได้รับวัคซีนมา ก็รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจอยู่ต่อจนจบโปรเจ็กต์ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในอาสาสมัครในโครงการนี้
 
“สุดท้ายต้องขอบคุณความเพียรพยายามของทีมวิจัยที่อดทนต่อสถานการณ์ที่เปลี่ย นแปลงและความคาดหวังของอาสาสมัคร และจัดการระเบียบงานวิจัยได้อย่างเรียบร้อยดีมาก ขอบคุณที่ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อชาวไทย”
 
ด้าน ศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่ยกมือเป็นอาสาสมัครในโครงการวิจัยวัคซีนโควิด-19 บอกว่า ในชีวิตของการเป็นอาจารย์หมอที่ศิริราช มี 3 พันธกิจ คือสอนนักเรียน บริการ(ตรวจคนไข้) และคิดค้นโครงการวิจัย เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่จะได้มาอยู่ในฐานะอาสาสมัคร หรือเป็นคนไข้ในโครงการวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยของโรคใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกแบบนี้  
 
 “พอได้มาเป็นอาสาสมัครรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในงานวิจัย คิดว่าตัวเราได้สร้างประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลังและวงการแพทย์ หากในอนาคตถ้ามีโครงการวิจัยที่เราเข้าเกณฑ์ก็ยินดีที่จะเข้าร่วม และอยากบอกกับคนที่ลังเลหรือมีข้อมูลไม่เพียงพอให้ถามอาจารย์หรือเจ้าหน้าที ่ได้เลย เพราะทุกคนยินดีที่จะให้ข้อมูลทุกอย่างที่จะทำให้เรามั่นใจได้”  
 
สำหรับประชาชนที่สนใจอยากเข้าร่วมโครงการวิจัยในอนาคต สามารถติดตามข่าวสารต่างๆ จากศูนย์วิจัยคลินิก SICRES คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ที่ www.sicres.org หรือ facebook.com/sicresofficial นอกจากงานอาสาสมัครทางการแพทย์แล้ว คนไทยยังสามารถสนับสนุนงานวิจัยที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย  
 
ที่มา: https://www.si.mahidol.ac.th/th/hotnewsdetail.asp?hn_id=2738
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
110.77.161.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by