แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 39187: ผลสำรวจพบตัวเลขผู้ศัลยกรรมเสริมความงามลดลงเพราะโควิด-19  (จำนวนคนอ่าน 706 ครั้ง)
« เมื่อ: 01/01/22 เวลา 11:01:36 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

    การปิดให้บริการเวชปฏิบัติอันเป็นผลจากโควิด-19 ส่งผลให้มีการศัลยกรรมลดลง 10.9%
     สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือ ISAPS) เปิดเผยผลการสำรวจประจำปีในด้านศัลยกรรมตกแต่งและเวชศาสตร์ความงาม ซึ่งแสดงให้เห็นผลกระทบที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีต่อการทำศัลยกรรมความงามทั่วโลกตลอดทั้งปี 2563
     ไฮไลท์น่าสนใจ
     การผ่าตัดเสริมความงามปรับตัวลดลง 10.9% ในปี 2563 โดยศัลยแพทย์ 77.8% ทั่วโลกต้องปิดให้บริการเวชปฏิบัติชั่วคราวขณะโรคโควิด-19 แพร่ระบาด โดยการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด (ส่วนใหญ่เป็นการฉีดฟิลเลอร์และกำจัดขน) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็เพิ่มขึ้นน้อยกว่าหลายปีที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 5.7% ในปี 2563 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 7.6% ในปี 2562) เมื่อคำนวณรวมกันแล้วเท่ากับว่ายอดการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตั ดปรับตัวลดลง 1.8%
     ดร. Arturo Ramirez-Monta?ana ประธานคณะกรรมการจัดทำแบบสำรวจของ ISAPS กล่าวว่า "แนวโน้มขาลงนี้สอดคล้องกับผลการค้นพบในการสำรวจของเรา ซึ่งพบว่าผู้ป่วยมีความต้องการเสริมความงามลดลงเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และฐานะทางการเงินในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ในขณะเดียวกัน แพทย์หลาย ๆ คนก็มีลูกค้ามากขึ้นเพราะตัวลูกค้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีโอกาสพักฟื้นตัวได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งยังเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่า 'ซูมเอฟเฟกต์' ด้วย ซึ่งพบมากเป็นพิเศษในการดูแลปรนนิบัติผิวหน้า"
     การเสริมความงาม
     การผ่าตัดเสริมความงามที่พบมากที่สุดทั่วโลกยังคงเหมือนเดิมในปี 2563 โดยมีผู้เข้ารับการเสริมหน้าอกคิดเป็นสัดส่วน 16% ของการผ่าตัดทั้งหมด ส่วน 15.1% เป็นการดูดไขมัน, 12.1% เป็นการผ่าตัดเปลือกตา, 8.4% เป็นการผ่าตัดเสริมจมูก และ 7.6% เป็นการทำหน้าท้อง
     สำหรับการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับแรกก็ยังคงเหมือนกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ การฉีดโบท็อกซ์ (43.2% ของการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดทั้งหมด), กรดไฮยาลูโรนิก (28.1%), การกำจัดขน (12.8%), การลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด (3.9%) และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว (3.6%) โดยการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดนั้นมีลูกค้าเป็นผู้หญิงประมาณ 85% จากทั้งหมด
     แม้ตัวเลขการผ่าตัดเสริมความงามปรับตัวลดลง แต่การทำศัลยกรรมจมูกและผ่าตัดยกคิ้วยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การฟื้นฟูผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.9% หลังจากที่ปรับตัวลดลงในปี 2562 และ 2561
     ในภาพรวมนั้น การเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดปรับตัวเพิ่มขึ้น ยกเว้นการฉีดโบท็อกซ์ กรดไฮยาลูโรนิก และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว (ลดลง 0.9%, 6.1% และ 11.3% ตามลำดับ)
     ส่วนการผ่าตัดเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ชายยังคงเป็น การศัลยกรรมเปลือกตา การดูดไขมัน การผ่าตัดลดขนาดเต้านม ศัลยกรรมจมูก และผ่าตัดแก้หูกาง
     เมื่อดูข้อมูลการเสริมความงามตามกลุ่มอายุแล้ว การเสริมจมูก  (67.9%) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในคนอายุ 19-34 ปี ขณะที่การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมมากที่สุดในผู้ที่มีอายุ 35-50 ปี (50.2% ของทั้งหมด)
     ในช่วงเวลาที่ทำแบบสำรวจนี้ มีศัลยแพทย์เพียง 45% ที่มีจำนวนลูกค้าดีดตัวขึ้นแตะระดับก่อนการแพร่ระบาด โดยดร. Ramirez-Monta?ana กล่าวว่า "แม้เราเผชิญกับการแพร่ระบาดอันโหดร้าย แต่ก็ดูเหมือนกับว่าศัลยแพทย์ความงามส่วนใหญ่กำลังกลับมาให้บริการเวชปฏิบัต ิใกล้เคียงกับระดับปกติ และผมมั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นไปในทางที่ดี ทั้งสำหรับแวดวงศัลยกรรมเสริมความงาม และการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด"
     สถิติประเทศต่าง ๆ
     สหรัฐอเมริกามีการเสริมความงามเพิ่มขึ้นทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ครองตำแหน่งประเทศที่มีผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุดในโลก (14.7% ของทั้งหมด) และมีผู้เข้ารับการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดมากที่สุดในโลก (22.1% ของทั้งหมด) นำเหนือบราซิล
     ประเทศที่มีการเสริมความงามมากที่สุด 10 อันดับแรกของปี 2563 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น ตุรกี เม็กซิโก อาร์เจนตินา อิตาลี รัสเซีย และอินเดีย ตามด้วยสเปน กรีซ โคลอมเบีย และไทย
     ประเทศที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติมากที่สุดในปี 2563 ได้แก่ เม็กซิโก (28.2%) ตุรกี (25.8%) และโคลอมเบีย (21.8%) ส่วนแชมป์เก่าอย่างไทยร่วงลงไปอยู่อันดับสี่ (20.9%)
     การผ่าตัดยังคงดำเนินการในโรงพยาบาลเป็นหลัก (43.8% ทั่วโลก) ยกเว้นสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการผ่าตัดในคลินิกเป็นสัดส่วน 45% และผ่าตัดในศูนย์ศัลยกรรมอิสระ 34.3%
     ระเบียบวิธีการสำรวจ
     ผู้ตอบแบบสำรวจได้ตอบแบบสอบถามที่เน้นถามเรื่องจำนวนการเสริมความงามทั้งแบบ ผ่าตัดและไม่ผ่าตัดในปี 2563 รวมถึงคำถามที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สถิติประชากรของศัลยแพทย์ และความแพร่หลายของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยได้ส่งแบบสอบถามดังกล่าวถึงศัลยแพทย์ความงามประมาณ 25,000 รายในฐานข้อมูลของ ISAPS จนได้ข้อมูลจากศัลยแพทย์ความงามรวมกัน 1,081 ราย ผลลัพธ์ดังกล่าวได้รับการรวบรวม เรียบเรียง และวิเคราะห์โดย Industry Insights บริษัทวิจัยอิสระในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ ISAPS เป็นเพียงองค์กรเดียวที่รวบรวมข้อมูลด้านความงามดังกล่าวในระดับโลกเป็นประจ ำทุกปี สามารถรับชมสำเนาของผลการสำรวจฉบับเต็มได้ที่ https://www.isaps.org/medical-professionals/isaps-global-statistics/
     โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1038963/ISAPS_Logo.jpg
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
96.30.79.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by