แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 39101: การให้ความรู้เรื่องสุขอนามัยที่ดีแก่เด็กช่วยลดปัญหาสุขภาพในอนาคต  (จำนวนคนอ่าน 226 ครั้ง)
« เมื่อ: 10/26/21 เวลา 18:31:54 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ


การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตอกย้ำให้ทั่วโลกตระหนักถึงบทบาทของมาตรการรักษาสุขอนามัยอย่างเช่นการล้างม ือ ที่มีต่อการป้องกันการติดเชื้อ
 
ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง การล้างมือเป็นวิธีที่ประหยัดและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดการติดเชื้อท ั่วไปได้ถึง 50% อย่างไรก็ดี ผลวิจัยของ University College London แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการล้างมือเริ่มลดลง โดยในเดือนกรกฎาคม 2564 พบว่าผู้ใหญ่ 44% ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ ลดลงจาก 55% ณ สิ้นปี 2563
 
สถานที่ที่มีการรวมตัวกัน เช่น โรงเรียน มีโอกาสสูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่าง ๆ แต่โรงเรียนจำนวนมากกลับประสบความล้มเหลวในการสอนให้เด็ก ๆ รับรู้ถึงประโยชน์ของการรักษาสุขอนามัยในการป้องกันการเจ็บป่วย ผลสำรวจของ Global Hygiene Council ได้ตอกย้ำความจำเป็นของการยกระดับการให้ความรู้เรื่องการล้างมือในหมู่เด็กน ักเรียนระดับประถมศึกษา โดยระบุว่าเด็กประถม 40% ไม่ได้ล้างมือด้วยสบู่เป็นประจำ และ 47% เข้าใจผิดว่ามือที่ดูสะอาดคือมือที่ไม่มีเชื้อโรค
 
ผลวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ทางวารสาร BMC Public Health ตอกย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องเข้าไปให้ความรู้เรื่องสุขอนามัยในโรงเรียนประถม เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการล้างมือและลดการแพร่เชื้อ
 
Kelly Schmidtke จาก Warwick Medical School ผู้เขียนรายงานการวิจัย กล่าวว่า "การเข้าไปให้ความรู้จะช่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ดีขึ้น พร้อมกับสร้างเสริมพฤติกรรมในระยะยาว โดยการยกระดับการให้ความรู้และการปลูกฝังพฤติกรรมการล้างมือให้กับเด็ก ๆ จะช่วยลดอัตราการขาดเรียนรวมถึงอัตราการลาหยุดงานของพ่อแม่และครู"  
 
บรรดาหน่วยงานด้านสุขภาพต่างเตือนภัยไวรัส "สามประสาน" ที่มีแนวโน้มแพร่ระบาดในหมู่เด็ก ๆ ในช่วงนี้ ได้แก่ โควิด-19, ไข้หวัด และไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ดังนั้นจึงต้องมีการส่งเสริมพฤติกรรมการล้างมือให้มากขึ้น เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
 
โครงการ Banega Swachh India ของบริษัท Reckitt คือตัวอย่างความสำเร็จของการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องสุขอนามัยในโรงเรียน โดยโครงการนี้ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2557 และได้ให้ความรู้เรื่องสุขอนามัยที่สำคัญแก่เด็ก ๆ กว่า 20 ล้านคนในอินเดีย  
 
นอกจากนี้ ผลวิจัยจาก Warwick Medical School ยังช่วยให้ Reckitt สามารถริเริ่มโครงการใหม่ระดับโลก The Hygiene Quest เพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านสุขอนามัยผ่านหลักสูตรที่สนุกสนานในโรงเรียน โดยมีเป้าหมายในการให้ความรู้และยกระดับสุขภาพของเด็ก ๆ และครอบครัว
 
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้ออีกหลายครั้งไปจนถึงปี 2573 ดังนั้น การยกระดับการให้ความรู้เรื่องสุขอนามัยในโรงเรียนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องสุขภาพของคนรุ่นต่อไปในอนาคต
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
184.22.119.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by