แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 38914: โลกสงบสุขน้อยลงเนื่องจากความไม่สงบทางสังคมเพิ่มมากขึ้น  (จำนวนคนอ่าน 347 ครั้ง)
« เมื่อ: 06/17/21 เวลา 15:20:42 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ


สถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (Institute for Economics & Peace: IEP) ซึ่งเป็นหน่วยงานมันสมองระดับโลก ได้เผยแพร่รายงานดัชนีสันติภาพโลก (Global Peace Index: GPI) ฉบับที่ 15
 
ผลการค้นพบที่สำคัญ  
 
- ความไม่สงบทางสังคมทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 10% โดยเบลารุสย่ำแย่ที่สุด ขณะที่ทั่วโลกมีการชุมนุม การประท้วง และการจลาจลรุนแรง 14,871 ครั้ง ในปี 2563  
- กว่า 60% ของคนทั่วโลกกังวลว่าจะได้รับอันตรายร้ายแรงจากอาชญากรรมรุนแรง
- ไอซ์แลนด์ยังคงเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก ขณะที่อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่สงบสุขน้อยที่สุดในโลก
- แม้ว่าสถานการณ์การขยายอิทธิพลทางทหารจะดีขึ้นนับตั้งแต่ปี 2551 แต่ตอนนี้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวโน้มดังกล่าวกำลังสวนทาง
- ความรุนแรงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในปี 2563 สู่ระดับ 14.96 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 11.6% ของจีดีพีทั่วโลก หรือเท่ากับ 1,942 ดอลลาร์ต่อคน อันเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้น
- ยอดผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายลดลงเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
 
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโควิด -19
 
- ในปี 2563 การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อความรุนแรง โดยบางปัจจัยชี้วัดก็ดีขึ้น เช่น ความขัดแย้งรุนแรง แต่บางปัจจัยชี้วัดก็แย่ลง เช่น การชุมนุมด้วยความรุนแรง โดยประเทศที่สถานการณ์แย่ลงมีมากกว่าประเทศที่สถานการณ์ดีขึ้นถึง 3 เท่า
- ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่สถานการณ์แย่ลงมีมากกว่าประเทศที่สถานการณ์ดีขึ้น 2 เท่า
- เกิดการประท้วงต่อต้านมาตรการเกี่ยวกับโควิดในวงกว้าง โดยเกิดเหตุกว่า 5,000 ครั้งทั่วโลก
- หลายประเทศ เช่น อินเดีย ชิลี อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี และแอฟริกาใต้ ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมมากเป็นพิเศษ
- สาธารณรัฐเช็ก เอสโตเนีย เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลิทัวเนีย เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สิงคโปร์ สโลวีเนีย และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ฟื้นตัวหลังโควิด-19 ได้ดีที่สุด
 
รายงานดัชนีสันติภาพโลก ฉบับที่ 15 ซึ่งเป็นรายงานชั้นนำของโลกที่ชี้วัดความสงบสุขทั่วโลก ได้เผยให้เห็นว่า ระดับความสงบสุขโดยเฉลี่ยทั่วโลกลดลงเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 12 ปี ในปี 2563 โดย 87 ประเทศมีความสงบสุขมากขึ้น ขณะที่ 73 ประเทศมีความสงบสุขลดลง นับว่าน้อยที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของการจัดทำดัชนี แต่รายงานระบุว่าความสงบสุขเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าความสงบสุขลดลง และในขณะที่ทั่วโลกมองไปที่การฟื้นตัวจากโควิด-19 ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความไม่สงบทางสังคมที่เพิ่มมากขึ้นจะเป็นประ เด็นสำคัญที่ต้องจับตา    
 
ไอซ์แลนด์ยังคงเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก โดยครองตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2551 ตามมาด้วยนิวซีแลนด์ เดนมาร์ก โปรตุเกส และสโลวีเนีย ขณะที่อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่สงบสุขน้อยที่สุดในโลกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ตามมาด้วยเยเมน ซีเรีย เซาท์ซูดาน และอิรัก นอกจากนี้ รายงานระบุว่า 8 จาก 10 ประเทศที่สงบสุขที่สุดเป็นประเทศในยุโรป นับว่าจำนวนประเทศในยุโรปที่ติดท็อป 10 มีสัดส่วนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของการจัดทำดัชนี
 
ความสงบสุขเพิ่มขึ้นมากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เนื่องจากความขัดแย้งลดลงอย่างมาก ถึงกระนั้นก็ยังเป็นภูมิภาคที่มีความสงบสุขน้อยที่สุดในโลก ทั้งนี้ อิรักเป็นประเทศที่มีความสงบสุขเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองแค่ยูเครน ส่วนบูร์กินาฟาโซมีความสงบสุขลดลงมากที่สุดในโลก โดยร่วงลงมาถึง 13 อันดับ
 
ปัจจัยชี้วัดที่ย่ำแย่ลงมากที่สุดในดัชนีสันติภาพโลกประจำปี 2564 คือค่าใช้จ่ายทางทหาร (105 ประเทศ), การนำเข้าอาวุธ (90 ประเทศ), ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง (46 ประเทศ) และการชุมนุมด้วยความรุนแรง (25 ประเทศ) ส่วนปัจจัยชี้วัดที่ดีขึ้นมากที่สุดประกอบด้วยการก่อการร้าย (115 ประเทศ), ความขัดแย้งภายใน (21 ประเทศ) และการเสียชีวิตจากความขัดแย้งภายใน (33 ประเทศ)  
 
Steve Killelea ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ IEP กล่าวว่า "การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความสงบสุขทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าระดับความขัดแย้งและการก่อการร้ายจะลดลงในปี 2563 แต่ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและการชุมนุมด้วยความรุนแรงกลับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผลกระทบของโควิดที่มีต่อเศรษฐกิจจะก่อให้เกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในประเทศที่ลำบากอยู่แล้วก่อนเกิดโรคระบาด"  
 
ความไม่สงบทางสังคมและโควิด -19
 
แนวโน้มเชิงลบที่สำคัญในปีที่ผ่านมาคือความไม่สงบทางสังคมที่เพิ่มขึ้นทั่วโ ลก ซึ่งย่ำแย่ลงเพราะสถานการณ์โรคระบาด
 
ภูมิภาคที่ความสงบสุขลดลงมากที่สุดคืออเมริกาเหนือ อันเป็นผลมาจากความไร้เสถียรภาพทางการเมือง การฆาตกรรม และการชุมนุมด้วยความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น โดยเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เช่น การบุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐ และการประท้วง Black Lives Matter ทั่วประเทศ ทำให้ความไม่สงบทางสังคม ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง และความขัดแย้งภายในเพิ่มมากขึ้นในปี 2563  
 
ในขณะที่ทั่วโลกประกาศล็อกดาวน์ ระดับความไม่สงบทางสังคมและการเมืองก็เพิ่มขึ้น โดยในระหว่างเดือนมกราคม 2563 ถึงเดือนเมษายน 2564 เกิดเหตุรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดมากกว่า 5,000 ครั้ง และปัจจัยชี้วัดในส่วนของการชุมนุมด้วยความรุนแรงก็ย่ำแย่ลงใน 25 ประเทศ และมีเพียง 8 ประเทศที่ดีขึ้น นอกจากนี้ คะแนนการชุมนุมด้วยความรุนแรงยังอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชน ีขึ้นมา โดยประเทศที่ย่ำแย่ลงที่สุดประกอบด้วยเบลารุส เมียนมา รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐคีร์กีซ
 
ในช่วงที่เกิดโรคระบาดนั้น ประเทศที่มีความสงบสุขมากกว่าจะมีความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า  โดยประเทศที่มีความสงบสุขในระดับสูง หรือ High Peace* มีจำนวนชั่วโมงทำงานลดลงไม่ถึง 7% ส่วนประเทศที่มีความสงบสุขในระดับต่ำมีจำนวนชั่วโมงทำงานลดลงถึง 23% จากรายงานธุรกิจและสันติภาพประจำปี 2564 ของ IEP  
 
การฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบหลังสถานการณ์โรคระบาดไม่อาจเกิดขึ้นโดยเร็วหรือง ่ายดาย และมีแนวโน้มว่าจะไม่เท่ากันในแต่ละประเทศ โดยประเทศที่มีสภาพการเงินอ่อนแอจะลำบากกว่าประเทศอื่น ทั้งนี้ อิเควทอเรียลกินี เซียร์ราลีโอน และลาว เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่ความสงบสุขจะลดลงอย่างมาก
 
แม้ว่ายุโรปจะเกิดการประท้วงหลายครั้งในปีที่ผ่านมา แต่ภูมิภาคนี้ยังคงมีความสงบสุขมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองก็เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาค รวมถึงปัจจัยชี้วัดสำคัญอย่างการขยายอิทธิพลทางทหาร ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายทางทหาร การนำเข้าอาวุธ แสนยานุภาพทางนิวเคลียร์และอาวุธหนัก
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
125.26.174.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by