แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 38835: RDIF และ Minapharm บรรลุความตกลงผลิตวัคซีน Sputnik V 40 ล้านโดสในอียิป  (จำนวนคนอ่าน 291 ครั้ง)
« เมื่อ: 04/24/21 เวลา 11:10:37 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

กองทุน Russian Direct Investment Fund (กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย หรือ RDIF) ร่วมกับบริษัท Minapharm จากอียิปต์ ผู้นำในภูมิภาคด้านเทคโนโลยีดีเอ็นเอสายผสม และ ProBioGen AG บริษัทลูกในเบอร์ลิน ประกาศความตกลงในการผลิตวัคซีน Sputnik V วัคซีนโควิด-19 ที่ขึ้นทะเบียนเป็นรายแรกของโลก เป็นจำนวน 40 ล้านโดสต่อปี
 
ทั้งสามฝ่ายตกลงว่าจะเริ่มการส่งต่อเทคโนโลยีทันที โดยคาดว่าจะเริ่มใช้วัคซีนได้ในไตรมาสที่ 3/2564
 
ในเบื้องต้น RDIF และ Minapharm จะผลิตวัคซีนกว่า 40 ล้านโดสต่อปี โดยจะดำเนินการผลิตในศูนย์ไบโอเทคของ Minapharm ในไคโรเพื่อการจัดจำหน่ายทั่วโลก
 
ProBioGen AG บริษัทลูกในเยอรมนีของ Minapharm จะดำเนินการยกระดับประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มขนาดการผลิตต่อไป โดยจะใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีการใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral vector) และการพัฒนากระบวนการผลิตสำหรับวัคซีนและยีนบำบัด
 
ขณะนี้วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนใน 61 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมประชากรกว่า 3 พันล้านคน วัคซีน Sputnik V แสดงให้เห็นประสิทธิผล 97.6% จากการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มประชากรชาวรัสเซีย ที่ฉีดวัคซีนครบทั้งสองโดส
 
Kirill Dmitriev ซีอีโอกองทุน Russian Direct Investment Fund กล่าวว่า
 
"ความตกลงครั้งนี้ของเรากับ Minapharm ถือเป็นความร่วมมือในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) เป็นครั้งแรกของเราเพื่อผลิตวัคซีน Sputnik V กองทุน RDIF ร่วมมือกับผู้ผลิตเภสัชภัณฑ์ทั่วโลก โดยวัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนใน 61 ประเทศ วัคซีนสัญชาติรัสเซียนี้มีประสิทธิผลสูงและได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานกำ กับดูแลทั่วโลก กล่าวได้ว่าวัคซีนนี้มีส่วนช่วยในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาเป็นอย่างมาก"
 
Wafik Bardissi, PhD ประธานและซีอีโอ Minapharm กล่าวเสริมว่า
 
"ความตกลงครั้งนี้เป็นการขยายพรมแดนการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคของ Minapharm ในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โดยใช้ประสบการณ์ระดับระหว่างประเทศในด้านวิศวกรรมเซลล์และเทคโนโลยีเวคเตอร ์ชนิดใช้ Adenovirus เป็นตัวนำพาของ ProBioGen AG ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเยอรมนี เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ RDIF ในการต่อสู้กับวิกฤตโรคโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก"
 
วัคซีน Sputnik V มีจุดแข็งหลักอยู่หลายประการ
 
วัคซีน Sputnik V มีประสิทธิผล 97.6% จากการวิเคราะห์ข้อมูลอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มประชากรชาวรัสเซีย ที่ฉีดวัคซีน Sputnik V ครบทั้งสองโดสตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2562 จนถึง 31 มีนาคม 2564
วัคซีน Sputnik V พัฒนาจากแพลตฟอร์มเวคเตอร์ชนิดใช้ Human adenovirus เป็นตัวนำพาซึ่งผ่านการพิสูจน์และศึกษามาอย่างดี ไวรัสดังกล่าวเป็นสาเหตุของโรคหวัดทั่วไปและมีอยู่มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
วัคซีน Sputnik V ใช้เวคเตอร์ที่แตกต่างกันสองชนิดสำหรับการฉีดทั้งสองโดส ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันได้ยาวนานกว่าวัคซีนที่ใช้กลไกการนำส่งแบบเดียวกันสำหร ับทั้งสองโดส
 ความปลอดภัย ประสิทธิผล และการไม่มีผลข้างเคียงเชิงลบในระยะยาวของวัคซีนที่ใช้ Adenovirus เป็นตัวนำพาได้รับการพิสูจน์ในการศึกษาวิจัยเชิงคลินิกกว่า 250 โครงการในระยะเวลากว่า 20 ปี
ไม่มีอาการภูมิแพ้รุนแรงที่เกิดจากวัคซีน Sputnik V
อุณหภูมิการจัดเก็บ Sputnik V ที่ +2+8 องศาเซลเซียสทำให้วัคซีนสามารถจัดเก็บได้ในตู้แช่เย็นทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้อ งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิเพิ่มเติม
วัคซีน Sputnik V มีราคาต่ำกว่า 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อเข็ม ทำให้สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก
Russian Direct Investment Fund (RDIF) คือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 เพื่อการร่วมลงทุนในตราสารทุนในรัสเซียเป็นหลัก ร่วมกับนักลงทุนเชิงการเงินและเชิงกลยุทธ์ระหว่างประเทศที่เป็นที่นับถือ RDIF ทำหน้าที่เป็นผู้เร่งการลงทุนทางตรงในระบบเศรษฐกิจรัสเซีย โดยมีบริษัทบริหารจัดการในมอสโก ปัจจุบัน RDIF มีประสบการณ์การดำเนินโครงการที่ประสบความสำเร็จกว่า 80 โครงการร่วมกับคู่ค้าจากต่างประเทศ รวมมูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้าน RUB ใน 95% ของภูมิภาคต่างๆในสหพันธรัฐรัสเซีย บริษัทในพอร์ตฟอลิโอของ RDIF มีพนักงานกว่า 800,000 คนและสร้างรายได้คิดเป็น 6% ของ GDP ของรัสเซีย นอกจากนี้ RDIF ได้ดำเนินความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ร่วมกับนักร่วมลงทุนระดับแนวหน้าจากกว่า 18 ประเทศ รวมมูลค่ากว่า 40,000 ล้านเหรียญ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ rdif.ru
 
Minapharm Pharmaceutical คือบริษัทเภสัชภัณฑ์ชั้นนำในอียิปต์และตะวันออกกลาง และเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นหนึ่งในแอฟริกา โดยมีประสบการณ์กว่า 20 ปีในด้านวิศวกรรมเซลล์และวิศวกรรมกระบวนการชีวภาพ Minapharm มีสำนักงานใหญ่ในไคโร โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ช่วยชีวิตและเสริมสร้างชีวิตกว่า 100 รายการ ตั้งแต่โมเลกุลขนาดเล็กไปจนถึงโปรตีนที่ผ่านกระบวนการพันธุวิศวกรรมอย่างซับ ซ้อน พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกันบำบัดที่น่าประทับใจ ด้าน ProBioGen AG บริษัทลูกในเบอร์ลินของ Minapharm นั้นเป็นองค์กรรับจ้างพัฒนาและผลิตตามสัญญา (CDMO) อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Cell line-engineering และเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีโปรตีนและ Viral vector ที่เป็นกรรมสิทธิ์แก่บริษัทเภสัชภัณฑ์ขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ของโลก Minapharm มีโมเดลธุรกิจแบบบูรณาการ จึงเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ที่ครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่ยีนจนถึงตลาดแห่งเดี ยวในภูมิภาค โดยมีพนักงานกว่า 1,400 คนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Cairo and Alexandria (สัญลักษณ์: MIPH) ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที www.minapharm.com
 
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1493091/Sputnik_V.jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1492894/Minapharm_Pharmaceuticals_Logo. jpg
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1492895/RDIF_Logo.jpg
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
49.49.247.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by