« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: 01/19/21 เวลา 04:59:16 » |
|
on 01/18/21 เวลา 22:06:32, พุฝอยสาหร่าย wrote:หมอไม่ได้เห็นกับตาตนเองว่าเขากำลังเสพเคนมผงต่อหน้า หรือไปที่บ้านแล้วเจอผงที่เขียนชื่อติดไว้ว่าเคนมผง. คนไข้มาด้วยอาการtoxidrome เราก็รักษาไปตามอาการ ยกเว้นว่าจะตรวจปัสสาวะหรือเลือดเผื่อยืนยันชนิดของยา ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นหมอสั่งให้แจ้งความ ถ้าคนไข้มาโรงพยาบาลเองเพราะมีอาการพิษของยาเสพติด เคยเห็นแจ้งตำรวจแต่เคสที่กินถุงยางรัดยาบ้า แล้วแตกในท้อง พอผ่าตัดมันออกมาเป็นเม็ดยา อันนี้ต้องแจ้งตำรวจเพราะการที่หมอครอบครองยาบ้าไว้ มันผิดกฎหมายชัดเจน น่าคิดว่า หากหมอแจ้งความคนไข้ทุกรายที่ตรวจพบว่าปัสสาวะมียาเสพติด อีกหน่อยคนไข้ก็จะไม่กล้ามารพ เช่น ฉีดเฮโรอีนแล้วน็อคไป ก็จะไม่กล้ามารพ เพราะกลัวว่าหมอจะเอาติดคุก คนไข้คงตายอยู่ที่บ้านมากครับ แนวคิดว่าผู้เสพคือผู้ป่วย น่าจะดีกว่าไหมครับ? แล้วส่งเขาไปบำบัดยาเสพติดต่อ ยกเว้นว่าคนไข้จะขายยาเสพติดในโรงพยาบาลอันนี้แจ้งความแน่ๆครับ เคยอ่านในประเทศชาวผิวขาว เขามีหน่วยเคลื่อนที่ไปตั้งรถพยาบาลในย่านที่คนเสพยากันเยอะ. เรียกว่าถ้าจะเสพยาให้มาฉีดใกล้ๆรถพยาบาลนี่แหละ. ถ้าน็อกไป พยาบาลจะฉีดnaloxneแก้ไขให้เลย ก็มีคำถามว่า เฮ้ นี่มันส่งเสริมให้คนเล่นยาเสพติดหรือเปล่า? แต่บางประเทศเขามองว่า มันห้ามไม่ได้. การปราบปรามก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่บางที่มันเข้าไปไม่ถึงจริงๆ พวกเขาก็เล่นยากัน ตายกันไปหมด. ทางหมอเลยไปเปิดรถพยาบาลรักษากันไปเลยครับ อันนี้ก็แปลกดีครับ กฎหมายถ้าตีความตามตัวอักษรแล้ว หมอต้องแจ้งความ ไม่อย่างนั้นเราก็ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าเอากฎหมายมามองในแง่มุมจรรยาบรรณแพทย์ ในแง่มุมความเป็นบิดาในการรักษาบุตร มองในมุมกฎหมายตามธรรมชาติ ก็ควรถือว่าผู้เสพคือผู้ป่วยที่ต้องรับการบำบัด ไม่ใช่รับการกุมขังจากเรือนจำ ความเห็นส่วนตัวครับ. ประเด็นน่าสนใจมากครับ น่าเอาไปสอบนักศึกษาแพทย์นะครับ |
| ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากครับ ใจผมนะปล่อยมันตายไปให้หมดน่ะดีแล้วครับ ถ้าพวกเสพยาตายหมด สังคมเราจะเสียอะไรบ้างครับ? ผมว่าข้อดีมากกว่าข้อเสียแน่ๆ ต้องขอโทษแต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ https://www.matichon.co.th/region/news_2474148
|
|