แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 38244: ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราชเดินหน้าวิจัย ‘ยาคลอโรควิน’ รักษาโควิด-19  (จำนวนคนอ่าน 417 ครั้ง)
« เมื่อ: 05/11/20 เวลา 14:48:04 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ

IQ-SICRES.jpg
‘ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช’ เดินหน้าวิจัย ‘ยาคลอโรควิน’ เพื่อรักษาโควิด-19 เปิดรับอาสาสมัครเพื่อทดลองยาแล้ว 400 คน
 
 
          ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล หรือ SICRES (Siriraj Institute of Clinical Research) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมที่มีความเกี่ย วข้องกับงานวิจัยทางคลินิก เผยพบหลักฐานว่า ยาคลอโรควิน (chlorquine) ซึ่งเป็นยารักษามาลาเรียเป็นหนึ่งในตัวยาที่ถูกนำมาปรับใช้ในการรักษาโรคโคว ิด-19 โดยพบว่า ยาคลอโรควินสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ และมีการศึกษาเบื้องต้นยืนยันประสิทธิภาพในคน ล่าสุด ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราชจึงได้จัดตั้งโครงการวางแผนวิจัย เพื่อนำยาคลอโรควินมาทดลองในมนุษย์ และขณะนี้ได้เปิดรับอาสาสมัคร ซึ่งเป็นผู้อาศัยร่วมบ้านกับผู้ป่วยโควิดแล้ว จำนวน 400 คน คาดว่า จะใช้เวลา 1 เดือน
 
 
          ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิก หรือ SICRES กล่าวว่า SICRES ได้ทุ่มเททำการศึกษาค้นคว้าเพื่อหาคำตอบเพื่อหาวิธีป้องกันการแพร่ระบาดของเ ชื้อโควิด -19 ในประเทศไทย จากการวิจัยเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พบว่าการติดเชื้อประมาณ 70-80% เกิดจากการติดต่อกันในครอบครัว เมื่อมีสมาชิกในครอบครัวป่วยหนึ่งคน โอกาสเสี่ยงของสมาชิกคนอื่นๆ จะมีสูงมากที่จะติดโควิด ทั้งแบบที่แสดงอาการหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันสมาชิกในบ้านไม่ให้ติดเชื้อเพิ่มเติม และไม่ไปแพร่เชื้อต่อ จึงเกิดการค้นคว้าเอายาต้านเชื้อโควิด มาป้องกันผู้ที่อยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ซึ่งมีหลักฐานว่า ยาคลอโรควิน (chloroquine) ซึ่งเป็นยารักษามาลาเรียมากว่า 70 ปีที่พบว่ามีความปลอดภัยสูง กลายเป็นหนึ่งในตัวยาแห่งความหวังที่นำมาปรับใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 หลังจากมีการศึกษาในหลอดทดลองแล้วพบว่า สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ และมีการศึกษาเบื้องต้นยืนยันประสิทธิภาพในคน แต่ประสิทธิผลที่แน่ชัดในคนกำลังมีการศึกษาอยู่
 
 
          “ศูนย์วิจัย SICRES เริ่มเขียนแบบแผนการดำเนินโครงการ (Protocols) วางแผนงานวิจัย ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนจะส่งให้คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนของศิริราชพิจารณาอนุมัติโครงกา รวิจัย จัดทำเอกสารการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล จนกระทั่งปัจจุบันมีความพร้อมที่จะนำยาคลอโรควินมาทดลองในคน ซึ่งขณะนี้โครงการได้เปิดรับอาสาสมัคร ซึ่งต้องเป็นผู้อาศัยร่วมบ้านกับผู้ป่วยโควิด จำนวน 400 คน”
 
 
          “โดยทันทีที่ทราบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 1 ราย เราจะรีบไปเชิญสมาชิกในบ้านที่ยังไม่ป่วยให้มาเข้าร่วมการศึกษาก่อนที่จะป่ว ยตามไปก่อน โดยจะให้สมาชิกร่วมบ้านกับผู้ป่วยกินยาคลอโรควิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม โดยครั้งแรกคือทันทีที่รู้ว่ามีคนในบ้านป่วยเป็นโควิด-19 หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ให้กินครั้งที่สอง หากการศึกษานี้ได้ผลดีตามที่คาด จะเป็นการป้องกันการแพร่ของเชื้อที่ได้ผลมาก เพราะการแพร่เชื้อในบ้านจุดที่ทำให้เกิดการกระจายเชื้อสู่ชุมชนเป็นวงที่กว้ างขึ้น เด็กๆที่ติดเชื้อจากที่บ้าน ก็อาจเอาไปแพร่ต่อในโรงเรียน การป้องกันการแพร่เชื้อในบ้านที่ได้ผลดี จึงเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดที่ได้ผลดี ผู้ป่วยเองก็ไม่ต้องกังวลว่า คนที่รักที่บ้านจะป่วยตามเพราะสามารถกินยาป้องกันได้
 
 
          “การศึกษานี้ถ้าได้ผลดี  ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์แต่มวลมนุษยชาติยังได้ประโยชน ์จากการศึกษานี้ด้วย ประชาชนเข้าถึงยาได้ในราคาถูก และปลอดภัย สำหรับระยะเวลาในการศึกษาขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีจำนวนอาสาสมัครที่จะเข้าร่วม โครงการศึกษานี้ได้เร็วเพียงใด หากมีอาสาสมัครครบ 400 คนแล้ว คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน”
 
 
          “ทั้งนี้ ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศไทยมีสถิติดีขึ้น มีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ลดลงมาก ทำให้ระยะเวลาการศึกษากับกลุ่มอาสาสมัครในเมืองไทยอาจยาวนานกว่าที่คาดการณ์  แต่ถ้ามีการระบาดระลอกที่สอง เราก็อยากจะได้คำตอบรอไว้ใช้งานเลย”
 
 
          “เรามีความร่วมมือกับองค์กรที่ดำเนินงานด้านโควิด-19 อีกหลายแห่ง อาทิ องค์กรเพื่อการริเริ่มจัดหายาสำหรับโรคที่ถูกละเลย (Drugs for Neglected Diseases initiative, DNDi) ซึ่งทางองค์กรได้ขอนำโมเดลการศึกษานี้ของ SICRES ไปใช้ศึกษาในต่างประเทศด้วย ซึ่งศิริราชยินดีและให้ความร่วมมือ โดยในระยะเวลาอันใกล้ โดยผลการศึกษาจากการนำโมเดลนี้ไปใช้ในประเทศที่กำลังมีการแพร่ระบาดอย่างได้ ผล จะสะท้อนความสำเร็จของนักวิจัยไทย”  
 
 
          ผู้อำนวยการศูนย์ SICRES กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตั้งคำถามวิจัย สู่การเขียนโครงการและการประเมินจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน ทุกขั้นตอนต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และต้องมีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ซึ่งเมื่อเปิดโครงการศึกษาปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ความเชื่อมั่นของผู้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร และทุนสนับสนุนการวิจัย ซึ่งประเทศไทยยังพบว่ามีอุปสรรคพอสมควร
 
 
          “งานวิจัยไม่ใช่งานส่วนตัว แต่จะกลายเป็นงานที่มีเป้าหมายสูงสุดเพื่อผู้ป่วย เพื่อประเทศ และเพื่อมนุษยชาติ หากมีระบบการจัดการสนับสนุนที่จริงจังจะนำไปสู่งานนวัตกรรมที่ออกสู่ตลาดได้  หมออยากให้คนไทยรู้ว่าประเทศเราไม่น้อยหน้าใครในเรื่องงานวิจัย อยากให้คนไทยเห็นความสำคัญของการสร้างงานวิจัย ต่อยอดงานวิจัย และมั่นใจได้ว่างานวิจัยในมนุษย์ของประเทศไทยมีคุณภาพสูงมาก มีคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน ที่ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยของอาสาสมัคร ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเป็นหนูทดลอง เพราะมีระบบรองรับดูแลอย่างดี ที่สำคัญอยากให้ประชาชนคนไทย ได้เข้าใจว่า งานวิจัยคือหัวใจของการพัฒนายาและวิธีการรักษาผู้ป่วย การรักษาทางการแพทย์ในปัจจุบันที่มีพัฒนาการและมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาโรคยากๆได้ ก็ล้วนได้มากจากผลงานวิจัยทั้งสิ้น งานวิจัยต้องทำในประเทศไทยจึงจะทราบแน่ชัดว่าได้ผลกับคนไทย จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการสนับสนุนงานวิจัยทางการแพทย์ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการปฏิบัติการอื่นๆทางการแพทย์ ซึ่งศิริราชให้ความสำคัญกับงานวิจัยเพื่อผู้ป่วยเป็นอย่างมาก”
 
 
          “เพราะแม้ว่าศูนย์วิจัย SICRES จะได้รับทุนดำเนินงานจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แต่เพราะงานวิจัยจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง การศึกษาวิจัยมีความจำเป็นต้องใช้เงินสมทบทุนจากส่วนอื่นๆ มาช่วยสนับสนุนการศึกษา หากมีผู้บริจาคเข้ากองทุนวิจัยโดยตรง ภาระของศิริราชก็น้อยลง การพัฒนาโรงพยาบาลก็ทำได้คล่องตัวมากขึ้น ไปพัฒนางานบริการได้มากขึ้น” ศ.พญ.กุลกัญญา กล่าว
 
 
          “สุดท้ายแล้ว อยากให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมในงานวิจัยเพื่อการแพทย์ ผู้ที่มีโอกาสเป็นอาสาสมัคร ขอให้มีความเต็มใจ และภาคภูมิใจว่า ได้มีส่วนทำให้เกิดความรู้และการพัฒนาทางการแพทย์ และนอกจากการเข้าร่วมวิจัยจะให้ผลดีการรักษาหรือป้องกันโรคแก่ตัวท่านเองแล้ ว ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยที่ท่านเข้าร่วม อาจจะช่วยชีวิตผู้อื่นๆต่อไปได้ การสนับสนุนจากทุกคน ไม่ว่าจะด้วยการเป็นอาสาสมัคร หรือการช่วยแพร่ความรู้ รวมทั้งการสนับสนุนด้านเงินบริจาค ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น” ศ.พญ.กุลกัญญา กล่าวทิ้งท้าย
 
 
          สามารถร่วมสมทบทุนเพื่อต่อยอดงานวิจัย ต้านภัยโควิด โดยศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช ได้ที่ “กองทุนวิจัยเพื่อผู้ป่วย”สำหรับสนับสนุนงานวิจัยเพื่อลดการแพร่กระจายไวรัส โควิด-19 ศิริราช ธนาคารกรุงเทพ สาขารพ.ศิริราช ปิยะมหาราชการุณย์ 901-7-06257-2 ชื่อบัญชี ศิริราชมูลนิธิ ทุนวิจัยเพื่อผู้ป่วย D004015 สอบถามรายละเอียด โทร. 02-419-7658-60 ต่อ 101-104 หรือ donate_siriraj@hotmail.com
 
 
          เกี่ยวกับศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช
          ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่การวิจัยที่ต้องทำในคน และเชื่อมโยงให้เกิดนวัตกรรมและต่อยอดจากผลงานวิจัย ช่วยให้นักวิจัยได้ทำการค้นคว้าหาคำตอบที่นำไปสู่การดูแล รักษา และป้องกันผู้ป่วยจากโรคต่างๆได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการค้นคว้าทดสอบเรื่องยา วิธีการรักษา หรือเครื่องมือใหม่ๆที่จะนำมาใช้กับผู้ป่วย SICRES เป็นหน่วยงานที่มีอิสระในการบริหารจัดการ คิดค้นงานวิจัยได้หลากหลาย ไม่ติดกรอบ แต่ขณะเดียวกันก็มีบุคลากรที่เปี่ยมประสิทธิภาพของศิริราช และมหาวิทยาลัยมหิดล โดยให้บริการเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางคลินิกให้แก่บุคลากรทั้งหน่วยงานทั้ง ภายในคณะแพทยศาสตร์ศิริราช พยาบาล หน่วยงานจากภาครัฐและเอกชน
 
 
          ชมคลิปกองทุนวิจัยเพื่อผู้ป่วย เพื่อลดการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 รพ.ศิริราช  https://youtu.be/E5SBXl7Euk8
« แก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ: 05/29/20 เวลา 10:22:39 by IQ »
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
110.77.162.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by