แจ้งลบกระทู้ แจ้งเมื่อมีคนตอบกระทู้นี้ แนะนำกระทู้นี้ Print

 หัวข้อ 37517: โรงเรียนในสหราชอาณาจักรรั้งท้ายการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก  (จำนวนคนอ่าน 589 ครั้ง)
« เมื่อ: 03/20/19 เวลา 10:31:31 » ตอบกลับพร้อมข้อความ แก้ไขข้อความ


เนื่องในวันทันตสาธารณสุขโลกปีนี้ สมาพันธ์ทันตแพทย์โลก (FDI World Dental Federation) ได้เผยแพร่ผลการสำรวจพ่อแม่ที่มีลูกอายุ 5-16 ปี ใน 13 ประเทศ ว่าโรงเรียนของลูกให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีหรือไม่  ทั้งนี้ ปัญหาสุขภาพช่องปากส่งผลเสียต่อพัฒนาการในช่องปาก และทำให้เด็กๆขาดเรียนรวมกันมากกว่า 50 ล้านชั่วโมงในแต่ละปี [1] นอกจากนั้นยังส่งผลต่อความมั่นใจ ทักษะทางสังคม และโอกาสในการประสบความสำเร็จในชีวิตเมื่อเติบใหญ่ ดังนั้น สุขภาพช่องปากจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขอนามัยและสุขภาพโดยรวมของเด็ก  
 
     รับชมข่าวประชาสัมพันธ์ในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่
     https://www.multivu.com/players/uk/8512751-fdi-survey-uk-schools-last-in -oral-health/
 
     ผลสำรวจเผยให้เห็นว่า โรงเรียนในสหราชอาณาจักรรั้งท้ายในเรื่องการส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี เมื่อสอบถามว่าโรงเรียนของลูกได้ให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของสุขภาพช่อง ปากที่ดีหรือไม่ มีพ่อแม่เพียง 29% ในสหราชอาณาจักรที่ตอบว่าให้ ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับอีก 12 ประเทศในการสำรวจ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (53%), ออสเตรเลีย (54%), เยอรมนี (69%), จีน (77%), ซาอุดีอาระเบีย (81%), โปแลนด์ (84%), โมร็อกโก และ แอลจีเรีย (86%), อินโดนีเซีย (87%), บราซิล และ อินเดีย (91%) และเม็กซิโก (93%)
 
     นอกจากนี้ 49% ของพ่อแม่ในสหราชอาณาจักรที่ตอบแบบสอบถาม ไม่ทราบว่าโรงเรียนของลูกให้ความรู้เรื่องสุขภาพปากที่ดีบ่อยแค่ไหน ตามมาติดๆด้วยพ่อแม่ในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาที่ 35% และ 32% ตามลำดับ ตรงกันข้ามกับประเทศที่เหลือ ได้แก่ เยอรมนี (19%), ซาอุดีอาระเบีย (12%), โปแลนด์ (10%), จีน อินโดนีเซีย และ โมร็อกโก (9%), แอลจีเรีย (6%), อินเดีย (5%), บราซิล (3%) และเม็กซิโก (1%)
 
     ดร.แคทริน เคลล์ ประธาน FDI กล่าวว่า "ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่ทราบว่าลูกได้รับความรู้เกี่ยวกับสุขภาพช่องปากจากโรงเ รียน และเราต้องอุดช่องโหว่นี้ เพราะโรคในช่องปากพบได้อย่างแพร่หลายทั่วโลก และกระทบประชากรมากถึง 3.58 พันล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรโลกทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น เด็กๆ 486 ล้านคนยังมีฟันน้ำนมผุ ซึ่งอาจทำให้สูญเสียฟันก่อนวัยอันควร รวมถึงมีอาการปวดฟัน นอนไม่หลับ มีปัญหาในการกินและปัญหาสุขภาพอื่นๆตั้งแต่ยังเล็ก เราต้องสนับสนุนให้โรงเรียนสอนเด็กๆเรื่องการดูแลสุขภาพปากอย่างถูกวิธี"
 
     ข่าวดีก็คือ พ่อแม่ 71% จากทุกประเทศที่มีการสำรวจ เห็นด้วยว่าโรงเรียนควรสอนเด็กๆเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี และ 51% ตระหนักว่าพ่อแม่มีบทบาทในการให้ความรู้เรื่องสุขภาพช่องปาก
 
     ดร.เอโดอาร์โด คาวัลลี หัวหน้าคณะทำงานวันทันตสาธารณสุขโลก กล่าวว่า "พฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้องเริ่มตั้งแต่เยาว์วัย เราต้องการปลูกฝังให้เด็กๆแปรงฟันวันละสองครั้งด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟ ลูออไรด์ รวมถึงส่งเสริมให้เด็กๆหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ตลอดจนเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เด็กๆทั่วโลกต้องขาดเรียนรวมกันหลายล้านชั่วโมงในแต่ละปีเพราะมีปัญหาสุขภาพ ช่องปาก ซึ่งส่งผลอย่างร้ายแรงต่อศักยภาพของเด็กๆในโรงเรียน พ่อแม่และครูต้องรับบทบาทสำคัญในการสอนเรื่องความสำคัญของการรักษาสุขภาพปาก และฟัน ซึ่งจะช่วยรักษาสุขอนามัยและสุขภาพโดยรวมของเด็กๆซึ่งเป็นอนาคตของเรา"
 
     เพื่อสนองต่อผลสำรวจดังกล่าว รวมถึงให้ความช่วยเหลือพ่อแม่และครู ทาง FDI ได้พัฒนา "Mouth Heroes" สื่อการสอนในรูปแบบมัลติมีเดียสำหรับเด็กวัย 5-9 ขวบ เพื่อให้เด็กๆสนใจเรียนรู้ความสำคัญของสุขภาพช่องปากที่ดี โดยตัวการ์ตูนชื่อ "Toothie" จะปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีต่อสุขภาพให้แก่เด็กๆในแบบที่สนุกสนานและน่าตื่นเ ต้น สื่อการสอนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูและสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก นอกจากนั้นยังมีสื่อให้ความรู้อีกมากมายบนเว็บไซต์วันทันตสาธารณสุขโลก ซึ่งจะช่วยให้พ่อแม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติที่จะทำให้ลูกๆมีสุขภาพ ช่องปากที่ดี  
 
     ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน: www.worldoralhealthday.org/press
 
     เกี่ยวกับวันทันตสาธารณสุขโลก
 
     วันทันตสาธารณสุขโลก (World Oral Health Day: WOHD) ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มีนาคมของทุกปี ริเริ่มขึ้นโดย FDI เพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักถึงการป้องกันและควบคุมโรคในช่องปาก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที www.worldoralhealthday.org หรือแฮชแท็ก #WOHD19 #SayAhh
 
     พันธมิตรระดับโลกของวันทันตสาธารณสุขโลกประกอบด้วย Henry Schein, Philips Sonicare, Unilever ส่วนผู้สนับสนุนวันทันตสาธารณสุขโลกประกอบด้วย 3M, Planmeca, Wrigley
 
     อ้างอิง
 
     [1] Kwan SYL, Petersen PE, Pine CM, Borutta A. Health promoting schools: an opportunity for oral health promotion. Bull World Health Org. 2005;83:677–685. Available from: https://www.who.int/bulletin/volumes/83/9/677.pdf [accessed 11 March 2019]
 
     เกี่ยวกับการสำรวจ
 
     ข้อมูลตัวเลขที่ปรากฏทั้งหมดมาจาก YouGov Plc. เว้นแต่ว่าระบุว่ามาจากที่อื่น โดยได้มาจากการสำรวจผู้ใหญ่ 16,477 คน ซึ่ง 4,367 คนในจำนวนนี้มีลูกอายุ 5-16 ปี การสำรวจโดยลงพื้นที่จริงจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม และมีการสำรวจออนไลน์ด้วย ข้อมูลมีการถ่วงน้ำหนักและเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ในประเทศออสเตรเลีย บราซิล เยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และโปแลนด์ นอกจากนี้ ข้อมูลยังมีการถ่วงน้ำหนักและเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ในโลกออนไลน์ในประเทศแอลจีเรีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย โมร็อกโก และซาอุดีอาระเบีย
 
 วิดีโอ - https://mma.prnewswire.com/media/838035/FDI_Survey.mp4
     รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/838036/FDI_World_Dental_Federation.jpg
ส่งโดย: IQ
สถานะ: Executive Member *****
จำนวนความเห็น: 1807  
   
49.228.78.*


Page(s) : 1 




Reply this Topic reserved for registed member only. Register



  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by