« ความเห็นที่ #15 เมื่อ: 05/28/18 เวลา 18:52:26 » |
|
on 05/28/18 เวลา 18:23:15, crv01 wrote:Once you breake the promise you will breake. Another promise. In the future. ปรมาจารย์รุ่นใหญ่กล่าวกับผมตอนที่คิดจะไม่ไปใช้ทุนที่โรงบาลต่างจังหวัดแต่ เลือกที่จะย้ายมาสมัครทำงานโรงบาลรัฐในกรุงเทพ. ทำให้ผมต้องรักษาสัญญาลูกผู้ชายกลับไปอยู่ช่วยชายแดน20กว่าปี. ผมภูมิใจมากแม้นจะไม่ได้มีความก้าวหน้าในชีวิตราชการมากนัก. เกษียณในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญธรรมดา |
| ขึ้นอยู่กับการมองครับ ตามหลักสำนึกนิยม(Kantian, Kant's philosophy) กับประโยชน์นิยม(Utilitarianism) เรื่องจริยธรรมบางอย่างเป็น dilemma ตัวผมเป็นสาย Utilitarianism ตัวอย่างที่คุณยกมา หากเป็นผม ถ้าผมเบี้ยวทุนมา กทม. ทำวิจัย ช่วยคนได้ 10,000,000 คน เทียบกับผมไม่เบี้ยวทุนอยู่ ตจว. ช่วยคนได้ 1,000,000 คน ในเวลาเท่ากัน ผมเลือกเบี้ยวทุน แต่พวกสำนึกนิยมจะเลือกใช้ทุน Utilitarianism คือมุ่งผลลัพท์ for the greater good ตัวอย่างในปัจจุบันเรื่องหนึ่งคือระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งเป็นระบบบริห ารจัดการหลักของประเทศ ส่วนตัวผมมองว่ากลุ่มคนที่ทำงานได้รายได้ต่ำกว่าจริง มา round เสาร์อาทิตย์ไม่เอาเงิน มาผ่าตัดคนไข้ให้โดยไม่ได้อยู่เวร คนเหล่านี้กำลังทำให้สังคมแย่ลงเพราะไปช่วยค้ำจุนให้ระบบเฮงซวยดำเนินต่อไปไ ด้ พวกเหลือบก็เคลมเป็นผลงานหากินกันต่อไป หากทุกคนช่วยกันแสดงผลของประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้เป็นที่ประจักษ์ เช่น ไม่มี OT ก็ไม่อยู่เวร เสาร์อาทิตย์ไม่มาราวน์ ไม่อยู่เวรก็ไม่มาช่วยผ่า ภายในระยะเวลาอันสั้น ระบบสาธารณสุขของรัฐจะแสดงความห่วยแตกในทุกคนในสังคมได้เห็น และประชาชนจะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในที่สุด แต่พวกสำนึกนิยมก็จะบอกว่าคิดแบบผมมันผิด ก็ว่ากันไป
|
|