|
Topic Summary
|
|
จากคุณ: sakuna555hi |
โพสเมื่อวันที่: 05/09/16 เวลา 00:55:03 |
|
ตั้งแต่ผ่ามาวันนี้เข้าวันที่5 แต่ตัวแผลที่ผ่ายังปวดและบวมมากลามไปถึงบริเวณหูเลยค่ะ เวลานอนนอนไม่ได้เลยปวดเหมือนจี๊ดๆที่แผลเวลากลืนน้ำลายตลอด อาการดูไม่ดีขึ้นเลยค่ะ ได้กิน brufen 400*2 3มื้อ amoxy 500*1 3มื้อ ซื้อยาลดบวมมากินค่ะ denzo 5mg 1 เม็ด 3มื้อ ตอนนี้บริเวณแผลเริ่มมีกลิ่นปากแล้วด้วยค่ะ คือทานยาก็ยังไม่หาย ไปหาหมอฟันที่ไม่ใช่คนที่ผ่านะคะ บอกให้กินอัดไทลินอลเพิ่มไป คือกินจนกลัวจะเกินขนาดแล้วอ่ะค่ะ ตอนนี้แก้มก็ปวดบวมไม่หายด้วย ช่วยตอบหน่อยนะคะ พอดีว่าปวดมากๆ จะไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ นี้ยังต้องผ่าอีกซี่อีกนะคะ เป็นแนวนอนด้วย เจออันนี้ไปเข็ดเลยไม่กล้าผ่าอีกเลยค่ะ
|
|
จากคุณ: sakuna555hi |
โพสเมื่อวันที่: 05/09/16 เวลา 03:51:24 |
เข้ามาบอกเพิ่มเติมค่ะ ตำแหน่งซี่ขวาล่างด้านในสุด ลักษณะใกล้จะเบียดกับฟันข้างๆ แต่ยังไม่โดนกันนะคะ ดูจากฟิล์ม คือฟันของหนูซี่ค่อนข้างใหญ่ค่ะหมอหนิง ใหญ่กว่าฟันจริงเสียอีก ออกมาทั้งซี่เลยค่ะ ยาชา3เข็มเฉพาะตรงที่ผ่านะคะ นี่หนูนอนได้ถึงเท่านี้จริงๆค่ะ ปวดมากๆ จับบริเวณคางที่ผ่าคือบวมเเบบเจ็บเลยอ่ะค่ะ จี๊ดทุกการกลืนน้ำลายเลยอ่ะค่ะ อ้าปากกว้างไม่ได้ด้วยค่ะ แต่หนูพยายามอ้าอยู่กลัวมันจะยึด มันก็ปวดตามรอยเดิมเลยค่ะจี๊ดดดดเหมือนทั้งเส้น แล้วก็ปวดแผลค่ะ กินของเหลวมาตลอดเลยค่ะหมอตั้งแต่วันผ่า
*ลืมบอกหมอหนิงค่ะว่าน่าจะมีการกรอกระดูกด้วยค่ะได้ยินพี่ผู้ช่วยบอก แล้วคือหลังผ่าเลือดไหลไม่หยุด ก็เลยกลับไปที่คลีนิกอีกรอบ หมอเลยใส่ยาห้ามเลือดแล้วเย็บอีกรอบให้ค่ะ
|
|
จากคุณ: หมอหนิง |
โพสเมื่อวันที่: 05/09/16 เวลา 09:22:22 |
เท่าที่อ่านยังหาคำถามไม่เจอ?
สรุปอาการคือ เพิ่งไปผ่าฟันคุดมา ประมาณ 3 วัน ฉะนั้นอาการที่คนไข้เจอ ก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ ในช่วง 2-3 วันแรก มากน้อยในคนไข้แต่ละคนก็แตกต่างกัน เพราะร่างกายคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ความยากง่ายในการรักษาก็มีส่วน
สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ
1. ให้กัดผ้าก๊อสไว้นิ่งๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงด้วยแรงปานกลาง
2. ห้ามบ้วนเลือดและน้ำลายออกมาเพราะแรงบ้วนจะชักนำให้เลือดไหลออกมามากขึ้น เลือดและน้ำลายกลืนได้โดยไม่มีอันตราย หลังเอาผ้าก๊อสออกแล้วก็ยังห้ามบ้วนเพราะแรงบ้วนอาจชักนำให้เลือดไหลอีก
3. ห้ามเปลี่ยนผ้าก๊อสบ่อยๆ จริงๆ ไม่ต้องเปลี่ยนเลยเพราะการวางผ้าก๊อส แห้งๆ ลงไปยิ่งเป็น การซับให้เลือดไหลซึมออกมาอีก
4. หลังเอาผ้าออกให้ทานยาที่จัดให้
5. แปรงฟันได้ตามปกติโดยแปรงเบาๆ และบ้วนน้ำได้เพียงเบาๆห้ามบ้วนแบบกลั้วปากการบ้วนแรงเกินไปทำให้ก้อนเลือดท ี่ปิดปากแผลหลุดเลือดอาจไหลใหม่ทำให้แผลหายช้า
6. ห้ามใช้น้ำยาบ้วนปากทุกชนิดเพราะจะทำให้ระคายเคืองแผลก็จะหายช้า
7. ทานอาหารได้ตามปกติหรืออาจเลีอกชนิดอาหารที่ทานง่ายไม่ต้องเคี้ยวมากและหลีก เลี่ยงอาหารที่มีรสจัด
8. ออกกำลังกายได้แต่ต้องไม่หนักเกินไปเพราะแรงดันเลือดที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เล ือดไหลอีก
9. ห้ามแคะแผลด้วยคัตตอนบัตหรือเครื่องมือใดๆ เพราะจะเป็นการรบกวนการหายของแผลและอาจทำให้ติดเชื้อโรคได้
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหายของแผล
การหยุดไหลของเลือดจากแผลผ่าตัดหรือแผลถอนฟัน ปกติแล้วเลือดจะหยุดไหลด้วยกลไกการแข็งตัวของเลือด โดยใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที เลือดจะจับตัวเป็นก้อนปิดปากแผล และอาจมีเพียงการซึมของเลือดออกมาเพียงจางๆพอได้กลิ่นซึ่งถือเป็นปกติ
ยาที่จัดให้จะประกอบด้วยยาแก้ปวดและยาปฎิชีวนะ(ยาแก้อักเสบ) โดยยาแก้ปวดทานเท่าที่จำเป็นส่วน ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ป้องกันการติดเชื้อหรือรักษาอาการติดเชื้อต้องทานให้หมด การแปรงฟันก็เพียงพอให้ปากสะอาดโดยไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปากใดๆ แต่ถ้าไม่แปรงฟันเลยอาจ
ทำให้ปากไม่สะอาดแผลอักเสบได้
แผลที่ดีต้องมีก้อนเลือดขังเต็มในเบ้าแผลซึ่งก้อนเลือดนี้จะเปลี่ยนเป็นเนื้ อเยื่อปกติต่อไป ดังนั้นจึงไม่บ้วนแรงจนก้อนเลือดหลุดหรือแคะแผลจนเป็นหลุม การที่แผลเป็นหลุมยิ่งทำให้อาหารที่ทานไปติดที่
แผล อย่างไรก็ตามการเป็นหลุมเพียงเล็กน้อยมีเศษอาหารติดแผลอยู่บ้างก็ถือเป็นเรื ่องปกติที่ร่างกายจะซ่อมแซมจนหายสนิทได้
ระหว่างการหายของแผลจะมีคราบเหลืองๆ ติดอยู่ด้ายบนของแผล ซึ่งเป็นเนื้อเยื้อที่ถูกสร้างขึ้นมาเหมือนสะเก็ดแผลตามผิวหนัง ไม่ใช่หนองและอาจมีกลิ่นจางๆแต่จะหายไปเองเมื่อแผลหายสนิท
การประคบเย็นที่ข้างแก้มจะลดอาการบวมได้บ้าง แนะนำให้ใช้วิธีการนี้เพียง 48 ชั่วโมง อาการปวดแผลถอนฟันน่าจะมีเพียง1-2วัน ไม่เกิน3วัน หากเป็นแผลผ่าฟันคุดหรืออื่นๆ อาจนานวันกว่า ในช่วง แรกให้ใช้ยาแก้ปวดเพื่อลดอาการดังกล่าว ระยะถัดมาจะไม่ปวดแต่ถ้าใช้ลิ้นดุนจะยังปวดอยู่ซึ่งถือว่า
ปกติ เมื่อผ่านไป1 สัปดาห์มักจะหายปวดแล้ว ถัดจากนั้น 3-4 สัปดาห์ แผลจะหายสนิท
หรือ หากคนไข้รู้สึกผิดปกติมาก อาจกลับไปหาคุณหมอเพื่อตรวจดูอาการ จะทำให้แน่ใจได้ดีที่สุดค่ะ
|
หน้าแรกเว็บบอร์ด
ห้องถามตอบสุขภาพ
