« ความเห็นที่ #13 เมื่อ: 04/25/10 เวลา 21:15:19 » |
|
on 04/11/10 เวลา 12:05:47, may wrote:แต่หนูก็มีอาการปวดตรงหน้าหูด้วยนะคะ รวมไปถึงกกหูเลยคะ อันตรายไหมคะ บวมไม่ยุบเลย แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ หนูเป็นคนที่ชอบเน้นฟันเวลาเล่นกับเจ้าสุนัขตัวโปรดของหนูคะ มันหน้ามันเขี้ยวมากคะ ทำให้หนูเผลอตัวมารู้สึกตัวอีกที ตอนปวดนะคะ หนูนี่แย่จริงๆๆเลย |
| อาการเจ็บดังกล่าว อาจเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร ที่เรียกว่า tmd (temporomandibular disorder) ค่ะ เกิดจากเอ็นที่รองข้อต่อขากรรไกรหย่อน แล้วไปขวางการเคลื่อนที่ของข้อต่อขากรรไกร ข้อต่อขากรรไกรเลยเสียดสีกับกระดูกข้างใต้ เกิดเสียงดังก๊อกๆ ส่วนสาเหตุของเอ็นหย่อน มีหลายอย่าง เช่น การใช้งานหนัก การนอนกัดฟัน การใช้งานผิดประเภท เช่น จากการเคี้ยวอาหารข้างเดียวเป็นเวลานานๆ การคุยโทรศัพท์หนีบหูกับไหล่ การสีไวโอเลิน การหาวกว้าง การอ้าปากกว้าง ฯลฯ อะไรก็ตามที่มีการใช้ขากรรไกรมากเกิน และสาเหตุที่สำคัญ คือ ความเครียด ความวิตกกังวล นอนน้อย ฉะนั้น โรคนี้จึงมักพบในวัยรุ่น วัยทำงาน นอกจากนี้การจัดฟันก็อาจกระตุ้นอาการดังกล่าวได้เช่นกัน รักษาด้วยการใส่เครื่องมือที่เรียกว่า เฝือกสบฟัน หรือ occlusal splint ซึ่งเป็นเครื่องมือคล้ายๆ กับฟันยางนักมวย แต่แข็งกว่า เครื่องมือนี้จะช่วยหย่อนขากรรไกร เมื่อขากรรไกรหย่อนก็ทำให้ขากรรไกรได้พัก ต้องรักษานานนะคะ กว่าจะดีขึ้น แต่บางคนที่หายเร็วค่ะ นอกจากนี้ก็ต้องมีการปรับพฤติกรรมในการใช้ชิวิตใหม่ ด้วยนะคะ ลองไปหาหมอที่คณะทันตแพทย์ จุฬา แถวสยามสแควร์ หรือ มหิดล แถวอนุสาวรีย์ นะคะ คุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เรื่องว่าคุณหมอทันตกรรมบดเคี้ยว หรือ occlusion ค่ะ on 04/25/10 เวลา 20:03:17, gift wrote:หนูน่าจะเป็นขากรรไกรเคลื่อนเป็นมานานเกือบ 3 ปีแล้ว มันจะเป็นอันตรายไหมถ้าไม่รักษา จะทำให้หน้าเราเบี้ยวไหมค่ะ เพราะว่า การรักษาโดยการใส่ spint ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง มีวิธีอื่นที่จะรักษาไหมค่ะ เครียดมากค่ะ :'( |
| โดยทั่วไป ไม่ถึงกับทำให้หน้าเบี้ยว แต่ถ้าเป็นนานๆ หรือมีความผิดปกติอะไรอย่างอื่น อาจเกิดขากรรไกรยึดและเป็นอันตรายได้ แต่เกิดน้อย ถ้าอาการรุนแรงอย่างนั้น อาจรู้สึกเหมือนหน้าเบี้ยวได้ การรักษาโรคนี้มักใช้การใส่สปริ้นท์ หากไม่สามารถทำได้ อาจใช้วิธีหลีกเลี่ยงการทำอันตรายขากรรไกร การสร้างสุขนิสัยที่ดีต่อขากรรไกร การบริหารขากรรไกร การประคบร้อน/เย็น แนะนำว่าคนไข้ควรไปหาคุณหมอเพื่อตรวจดู จะได้ข้อมูลอย่างละเอียดกว่าทางอินเตอร์เน็ตนี้ค่ะ
|
|