หน้าแรกเว็บบอร์ด หน้าแรกเว็บบอร์ด
   ห้องถามตอบสุขภาพ
   ทันตกรรม
   Post reply ( Re: เรื่อง sealant ครับ )
ขอเชิญเพื่อนแพทย์พูดคุย แสดงความคิดเห็นครับ
หัวข้อ:
ใส่ชื่อ:
Email:
Add YABBC tags:
Add Smileys: <more...>
ข้อความ:

Disable Smilies




Topic Summary
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/15/09 เวลา 11:07:50
สวัสดีครับ คุณหมอหนิง...
 
ไม่ได้เข้ามานานแล้ว....หมอคงสบายดีนะครับ....
1) พอดีผมจะพาลูกสาวอายุ 2 ขวบ 3 เดือนไปเคลือบหลุมร่องฟัน ดีไหมครับ...
2) รสชาดsealant เป็นยังไงครับ...
3) เมื่อเด็กโตขึ้นขนาดฟันใหญ่ขึ้น จะมีปัญหากับ sealant รึเปล่าครับ
4) หาบริเวณร่องฟันมีจุดสีน้ำตาลอ่อนๆ เคลือบ seanat ได้ไหมครับ....
5) ทำเฉพาะฟันบดเคี้ยว(ฟันที่มีหลุมร่อง) อย่างเดียวใช่ไหมครับ...
6) เด็กประมาณนี้ทำกี่ซี่ได้ครับ... ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่
7) หมอฟันที่ทำฟันเด็กโดยเฉพาะมีไหมครับ...
Cool จะทำอย่างไรให้เด็กให้ความร่วมมือครับ....ขนาดแปรงฟันต้องล่อสารพัดเลยครับ. ..ตอนนี้ต้องแปรงให้เขาอยู่ แต่ให้แกนอนลองที่พื้นบนตักผมแล้วผมแปรงให้...ถ้ายืนแปรงลำบากมากเลยครับ... .ใช้ยาสีฟันของเด็กพวกโคโดโม ใช้นิดเดียว แปรงประมาณ 1 นาทีได้ (ยาสีฟันก็กลืนหมดเลยครับ) แล้วก็ไม่ยอมแปรงอีก....
ขอบคุณครับคุณหมอ...........
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/15/09 เวลา 13:05:35
1. หากฟันกรามน้ำนมที่ยังไม่ผุ มีหลุมร่องฟันลึก ก็สามารถทำเคลือบหลุมร่องฟัน(sealant) ได้ค่ะ ไปให้คุณหมอตรวจดูก่อนนะคะ
2. ไม่มีรสชาติค่ะ แต่ระหว่างการทำ อาจมีรสเปรี้ยวๆ ออกมาจากน้ำยานิดหน่อยค่ะ
3. ฟันมีขนาดเท่าไหรก็ทำนั้นค่ะ อยู่ที่ว่าหลุมร่องฟันลึกหรือไม่มากกว่าค่ะ
4. หมออาจจะกรอเอาส่วนที่เป็นสีน้ำตาลนั้นออกก่อนจากนั้นก็อุดปิดให้เต็มจากนั้ นก็ค่อยทำเคลือบหลุมร่องฟันทับลงไปอีกทีค่ะ
5. ใช่ค่ะ (แต่ในฟันแท้ ฟันหน้าบางซี่ ก็อาจพบหลุมร่องได้ แต่สำหรับฟันน้ำนม เฉพาะฟันกรามก็พอค่ะ)
6. ให้คุณหมอตรวจดูก่อนนะคะ ว่าจำเป็นต้องทำกี่ซี่ ปกติซี่ละ 2-300 ค่ะ
7. มีค่ะ ต้องไปลองสอบถามแต่ละที่กันเองนะคะ หรือไปทีคณะทันตแพทย์ จุฬา หรือมหิดล ก็ได้ค่ะ
 
ดีแล้วค่ะที่เราจับลูกนอนบนตักแล้วแปรงฟัน เพราะเราสามารถมองเห็นฟันลูกได้ทั้งปาก ดีอยู่แล้ว 2-3 ปีแรก เราอาจต้องแปรงให้ก่อน พอโตขึ้นอีกหน่อย ลูกแปรงเอง แล้วเราแปรงให้ซ้ำ พอซักวัยประถม 6-7 ขวบ ถึงค่อยปล่อยให้แปรงเองได้
 
การแปรงให้ทั่วๆ ประมาณ 3 นาทีนะคะ การแปรงฟันในเด็กไม่จำเป็นต้องปัดขึ้นปัดลง แค่ถูไปถูมาก็พอ เพราะฟันน้ำนมขนาดจะสั้นๆ ควรเลือกแปรงทีขนาดพอดีปากเด็ก  
 
เรื่องยาสีฟันถ้าเด็กอายุยังไม่ถึง 3 ปี ไม่ควรใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ เพราะเด็กยังควบคุมการกลืนไม่ดี เด็กจะกลืนยาสีฟันทำให้ได้รับปริมาณฟลูออไรด์เกินจำเป็น ถ้าไม่สามารถหายาสีฟันปราศจากฟลูออไรด์ได้ ก็ให้ใช้ยาสีฟันทั่วไปแตะๆ พอมีรสชาติก็พอ
 
เรื่องสอนลูกแปรงฟัน ต้องทำเป็นตัวอย่าง ว่าพ่อก็แปรง แม่ก็แปรง ต้องบังคับ ต้องฝึกค่ะ หลอกล่อกันไป ธรรมเนียมในแต่บ้านต่างกัน ก็คงต้องปรับๆ ไปน่ะค่ะ
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/15/09 เวลา 13:24:16
ขอบคุณ คุณหมอหนิงครับ...
 
แล้วยาสีฟันสำหรับเด็กที่มีขายตามท้องตลาดมีส่วนผสมของฟลูออไรด์รึเปล่าครับ ....
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/15/09 เวลา 13:26:25
1) ในฟันน้ำนม ถ้าเคลือบหลุมร่องฟัน แล้วต้อง เคลือบฟลูออไรด์ อีกไหมครับ...
2) ฟลูออไรด์แบบหยด สมควรใช้รึเปล่าครับ
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/15/09 เวลา 14:21:55
on 07/15/09 เวลา 13:24:16, mr.Boy wrote:
ขอบคุณ คุณหมอหนิงครับ...
 
แล้วยาสีฟันสำหรับเด็กที่มีขายตามท้องตลาดมีส่วนผสมของฟลูออไรด์รึเปล่าครับ....

ต้องไปดูที่ข้างกล่องค่ะ บางชนิดมีฟลูออไรด์ บางชนิดก็ไม่มี สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ปี แนะนำชนิดที่ไม่มีฟลูออไรด์นะคะ
 
on 07/15/09 เวลา 13:26:25, mr.Boy wrote:
1) ในฟันน้ำนม ถ้าเคลือบหลุมร่องฟัน แล้วต้อง เคลือบฟลูออไรด์ อีกไหมครับ...
2) ฟลูออไรด์แบบหยด สมควรใช้รึเปล่าครับ

1. ทำได้ก็ดีค่ะ เหมือนเสริมแรงกันค่ะ การเคลือบหลุมร่องฟัน ช่วยป้องกันไม่ให้มีเชื้อโรคลงไปในหลุมร่องฟัน ส่วนการเคลือบฟลูออไรด์จะช่วยให้ผิวฟันโดยรวมได้รับฟลูออไรด์เสริมเพิ่มความ แข็งแรง อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกว่าเด็กอายุยังน้อย อาจควบคุมการกลืนไม่ดี ไว้รออายุ 3 ปีขึ้นไปแล้วค่อยไปเคลือบฟลูออไรด์ ก็น่าจะดี
2. แนะนำให้รับประทานเช่นกันค่ะ แต่การรับฟลูออไรด์แบบรับประทานควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนนะคะ เพราะมันจะมีเกณฑ์ปริมาณที่พอเหมาะที่ควรได้รับในแต่ละช่วงอายุค่ะ การรับประทานฟลูออไรด์จะช่วยให้การสร้างฟันใหม่ๆ ที่ยังไม่ขึ้น (ฟันแท้) เหมือนได้รับสารอาหารทำให้สร้างมาสมบูรณ์แข็งแรง ประมาณนั้นน่ะค่ะ
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/16/09 เวลา 13:07:10
ถามเพิ่มเติมเรื่องเคลือบหลุมร่องฟันนะครับ
 
1) ต่อซี่ใช้เวลาทำนานไหมครับ
2) ทำเสร็จสามารถใช้งานได้เลยไหมครับ
3) อายุการใช้งานเท่าไหร่ครับ
4) จำนวนครั้งในการเคลือบสำหรับฟันน้ำนม และฟันแท้ ประมาณกี่ครั้งได้ครับ
หรือว่าช่วงอายุเด็กสักประมาณเท่าไหร่ควรเคลือบหลุมรองฟันครับ
 
ขอบคุณครับคุณหมอ....
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/16/09 เวลา 13:45:21
1. ไม่น่าค่ะ ไม่เกินซี่ละ 2-3 นาที ถ้าเด็กให้ความร่วมมือ ไม่ดิ้น นะคะ Smiley
2. ได้เลยค่ะ
3. ประมาณ 6 เดือน ถ้าไม่หลุดร่อนไปก่อน บางคนก็อยู่ได้หลายปี
4. ขึ้นอยู่กับว่า มันสึกกร่อน หลุดร่อนไปหรือเปล่า หากไปหาคุณหมอฟันทุก 6 เดือนอยู่แล้ว หมอเขาจะตรวจดูแล้วพิจารณาว่าควรทำซ้ำหรือไม่น่ะค่ะ
4.1 ไม่มีช่วงอายุที่แน่นอนในการเคลือบหลุมร่องฟัน เพราะขึ้นกับว่า ฟันของเด็กมีหลุมร่องลึกหรือไม่ บางคนไม่มีหลุมร่องลึก ก็ไม่จำเป็น เด็กบางคนฟันสึกเพราะใช้งานมามากจนหลุมร่องลึกหายหมด แบบนี้ก็ไม่จำเป็น อย่างไรก็ดี เมื่อฟันแท้ซี่แรกเริ่มขึ้นตอนอายุประมาณ 6 ปี เป็นฟันกรามค่ะ ฟันกรามซี่นี้มักมีหลุมร่องลึกและผุง่าย ควรจะทำการเคลือบหลุมร่องฟัน ฟันซี่นี้เสมอ ค่ะ Smiley
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/16/09 เวลา 15:59:17
นอกเรื่องหน่อยครับ...
หมอว่า หน้ากากอนามัย 3M N95 สามารถป้องกันไวรัสหวัด 2009 ได้ไหมครับ....
และ หน้ากากนี้เมื่อไม่ใช้สามารถตากแดด ผึ่งลม แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้รึเปล่าครับ...
 Smiley Smiley Smiley Smiley
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/16/09 เวลา 17:39:14
หน้ากากแบบปกติ สีเขียวๆ ฟ้าๆ กันฝุ่น กันละอองน้ำ เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียได้ แต่ไวรัสขนาดเล็กระดับไมครอนไม่ได้
 
แต่หน้ากาก N95 นั้นมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกันอนุภาคที่เล็กขึ้น แต่เวลาใส่ก็หายใจลำบากหน่อยนะคะ
 
หน้ากากโดยทั่วไป เมื่อสกปรกและชื้น ประสิทธิภาพจะลดลง ก็ให้พิจารณาเอาค่ะ หน้ากาก N95 มีราคาสูง บ้างบอกใช้ได้นานถึง 3 สัปดาห์ แต่ความเห็นส่วนตัว หน้ากากหากใช้วันละ 1 ชิ้นก็น่าจะโอเคกว่าที่จะนำกลับมาใส่ซ้ำข้ามวันข้ามคืน
 
**เพิ่มเติมข้อมูลนิดนึง
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/17/09 เวลา 14:32:55
แล้วหน้ากากอนามัย... ใช้กันไวรัสเข้ามา หรือ ว่าป้องกันไวรัสแพร่กระจายออกไปครับ สงสัยจริงๆๆ....
 
หน้ากากที่เป็นผ้าหากทำให้เปียกน้ำ จะกันฝุ่นละอองได้ดีไม่ใช่รึครับ...เหมือนเวลาไฟไหม้เขาให้ใช้ผ้าชุบน้ำแล้ว ปิดจมูกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกันฝุ่นควันไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมคุณหมอว่าหน้ากากชื้นประสิทธิภาพจะลดลงครับ....
 
ขอบคุณครับ...
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/17/09 เวลา 14:47:38
- ก็กันทั้ง 2 ด้าน กันไม่ให้เข้า กันไม่ให้ออก ถ้าให้ดี ก็ใส่ทั้งคนที่เป็นและคนที่ไม่เป็น
 
- เพราะผ้าก็คือผ้า และหน้ากากอนามัยก็ไม่ใช่ผ้า เป็นโพลีเมอร์ และจุดประสงค์ของหน้ากากก็ใช้กันเชื้อโรค ไม่ได้กันฝุ่นควันไฟ คนละจุดประสงค์ในการใช้งาน หน้ากากที่ชื้นก็ทำให้เชื้อโรคมันมาเกาะได้ง่าย มาเกาะก็เจริญเติบโต ประมาณนี้น Smiley
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/17/09 เวลา 15:03:04
สงสัยเรื่องยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์  
 
หัวข้อ เราจะป้องกันฟันผุจากขวดนมได้อย่างรwww.siamdental.com/indexbible.htm
เริ่มแปรงฟันให้เด็กทันทีที่ ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นมาในช่องปาก ซึ่งโดยปกติจะเมื่อเด็กอายุได้ 6 เดือน ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบ ร่วมกับการทำความสะอาดและนวดเหงือก ให้เด็กในบริเวณที่ฟันยังไม่ขึ้น  
 
และที่หมอบอกว่า เด็กอายุยังไม่ถึง 3 ปี ไม่ควรใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์  
 
ไม่ค่อยเข้าใจครับว่าควรเลือกยาสีฟันแบบใด
 
ขอบคุณครับ
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/17/09 เวลา 15:14:36
นอกเรื่องอีกนะครับ...
คือผมเป็นหวัดบ่อยมากเลยครับ...สงสัยติดจากลูกสาววัย 2 ขวบ 3 เดือน ลูกสาวอยู่เนิร์สเซอรี่ครับ... ลูกสาวก็เป็นหวัดบ่อยเหมือนกัน ผมและลูกสาวจะฉีดวัคซีนป้องกันหวัดได้รึเปล่าครับ/สมควรรึเปล่า...ไม่ทราบมี แบบไหนบ้าง...ราคาเท่าไหร่ได้ครับ
ขอบคุณครับ.....คุณหมอใจดี Cheesy
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/17/09 เวลา 15:37:22
on 07/17/09 เวลา 15:03:04, mr.Boy wrote:
สงสัยเรื่องยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์  
 
หัวข้อ เราจะป้องกันฟันผุจากขวดนมได้อย่างรwww.siamdental.com/indexbible.htm
เริ่มแปรงฟันให้เด็กทันทีที่ ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นมาในช่องปาก ซึ่งโดยปกติจะเมื่อเด็กอายุได้ 6 เดือน ด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบ ร่วมกับการทำความสะอาดและนวดเหงือก ให้เด็กในบริเวณที่ฟันยังไม่ขึ้น  
 
และที่หมอบอกว่า เด็กอายุยังไม่ถึง 3 ปี ไม่ควรใช้ยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์  
 
ไม่ค่อยเข้าใจครับว่าควรเลือกยาสีฟันแบบใด
 
ขอบคุณครับ

ในนั้น จำเป็นต้องให้ความรู้แบบกว้างๆ ครอบคลุมในเด็กทุกช่วงอายุ เพราะเด็กอาจไม่ได้รับทันตสุขศึกษาอีกแล้ว จึงจำเป็นต้องสอนแบบผู้ใหญ่ไปเลย
 
แต่ถ้าในกลุ่มผู้ปกครองที่ใส่ใจ ติดตามข่าวสารสุขศึกษาอยู่เสมอ ก็จะแนะนำให้ละเอียดขึ้น เป็นแต่ละช่วงอายุ  
 
สรุปในเด็กอายุไม่ถึง 3 ปี แนะนำใช้ยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ในท้องตลาดมีขายแน่นอน เพราะหมอยังซื้อให้ลูกๆ หลานๆ ใช้อยู่
 
แต่หาไม่ได้จริงๆ ก็แปรงโดยไม่ใช้ยาสีฟันก็ได้ เพราะเด็กคงยังไม่รู้เรื่อง หรืออาจเคยได้ยินว่า ให้ใช้ผ้าขาวบาง หรือผ้าก๊อซ เช็ดถูกฟันแทนการแปรงฟันก็ยังได้ (แต่การแปรงฟันจะดีที่สุดเพราะซอกซอนดี ยิ่งถ้าฟันขึ้นหลายซี่แล้วยิ่งควรใช้แปรง)  
 
ไม่ใช้ยาสีฟัน หรือจะให้ใช้ยาสีฟันปกติ (มีฟลูออไรด์ก็ได้) แต่ใช้แต่น้อย แตะๆ พอไม่เหม็นขี้ฟันเวลาถู เด็กจะได้ยอมให้แปรง
 
on 07/17/09 เวลา 15:14:36, mr.Boy wrote:
นอกเรื่องอีกนะครับ...
คือผมเป็นหวัดบ่อยมากเลยครับ...สงสัยติดจากลูกสาววัย 2 ขวบ 3 เดือน ลูกสาวอยู่เนิร์สเซอรี่ครับ... ลูกสาวก็เป็นหวัดบ่อยเหมือนกัน ผมและลูกสาวจะฉีดวัคซีนป้องกันหวัดได้รึเปล่าครับ/สมควรรึเปล่า...ไม่ทราบมี แบบไหนบ้าง...ราคาเท่าไหร่ได้ครับ
ขอบคุณครับ.....คุณหมอใจดี Cheesy

วัคซีนไข้หวัดทั่วไป ไม่มี มีแต่วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เข็มละ 500 ขึ้นไป ไม่แน่ใจในราคาค่ะ เด็กและผู้ใหญ่สามารถฉีดได้
 
เรื่องหวัดในเด็ก พบได้บ่อยๆ เพราะเด็กยังมีภูมิต้านทานต่ำ แต่หมอก็สนับสนุนให้เด็กได้เล่น ได้คลุกดินบ้างนะคะ การปล่อยให้เด็กได้เผชิญกับสิ่งต่างๆ บ้าง ร่างกายเด็กจะได้สร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ดีกว่าเด็กที่เลี้ยงอย่างไข่ในหิน นู่นก็แพ้นี่ก็แพ้ ในฐานะคนเป็นแม่คงลำบากใจแย่ ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงไม่มีลิมิต คือเราก็ต้องสอนเรื่องการล้างมือ ไม่หยิบอะไรเข้าปาก ไม่ขยี้ตา ดูดนิ้ว ฯลฯ การแปรงฟัน การไม่กินของหวาน ถึงกินก็ต้องแปรงฟัน หมอให้ลูกกินช็อกโกแล็ตค่ะ แต่คุมให้แปรงฟันทุกครั้ง นานๆ ไป ลูกไม่อยากกินช็อคโกแล็ตค่ะ เพราะขี้เกียจแปรงฟัน Smiley Smiley ลองเอาไปใช้ดูนะคะ อิอิ
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/18/09 เวลา 10:50:30
- ไปทำฟันจะติดหวัด2009 ไหมครับ (สังเกตุว่าอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อใช้แล้วไม่ได้เปลี่ยนใหม่)
- ว่ายน้ำจะติดหวัด 2009 ไหมครับ
 
ขอบคุณครับ
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/18/09 เวลา 12:38:35
คุณ mr.Boy ต้องพยายามเข้าใจว่า ไข้หวัด 2009 ก็คือ ไข้หวัดใหญ่อีกสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งคุณ mr.Boy อาจเคยได้ยินคำว่า species หรือคำว่า mutation มาบ้าง
 
ที่จะอธิบายก็คือ ไข้หวัดใหญ่ เป็นเชื้อไวรัส influenza ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ (species) ทีนี้ มันเกิดการกลายพันธุ์ (mutation) ทำให้ร่างกายมนุษย์ไม่คุ้นเคย จึงเกิดอาการผิดปกติ คณะวิจัยก็พยายามค้นคว้าเพื่อหาทางเอาทำลายมัน ก็เท่านั้นเอง ก็เหมือนสมัยก่อนที่โลกมนุษย์ยังมีโรคฝีดาษ โรคอหิวาห์ อยู่ ปัจจุบันก็ไม่มีแล้ว เป็นต้น
 
เดี๋ยวในอนาคต ก็จะมีโรคใหม่ๆ เกิดขึ้น อีกเป็นแน่
 
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็เหมือนการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อน ทานน้ำให้มากๆ ออกกำลังกาย ฯลฯ อะไรทำนองนี้ เขาให้พยายามหลีกเลี่ยงแหล่งชุมนุมชน ก็เพราะเราไม่อาจทราบว่ามีผู้ติดเชื้อหวัดอยู่หรือเปล่า ใส่หน้ากากก็เพื่อกันเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่ให้กังวลจนเกิดเหตุ หมอพยายามชี้ให้เห็นว่าควรใช้ชีวิตตามปกติน่ะค่ะ
 
ปล. ไวรัสฟุ้งกระจายไปกับละอองน้ำ ละอองไอจามเสมหะ ถ้าเกิดโชคร้าย มีคนป่วยมาทำฟัน ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเชื้อโรคฟุ้งอยู่ แต่ก็เป็นไปได้ยากหน่อย คนป่วยคงไม่มาทำฟัน ขูดหินปูนกระมังคะ? แต่เรื่องไม่เปลี่ยนเครื่องมือ คิดว่าเป็นไปไม่ได้เลย เพราะต้องเปลี่ยนทุกเคสอยู่แล้ว
ปล.2 เรื่องว่ายน้ำก็ในทำนองเดียวกัน คงไม่มีคนป่วยไปว่ายน้ำกระมัง แต่ถ้ามีจริงๆ ก็เป็นไปได้ ทางการแพทย์อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้คนๆ หนึ่งป่วยเป็นโรค อยู่บ้านก็ป่วยได้เช่นกัน ถ้าเกิดโชคร้ายมีเชื้อลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วร่างกายเราไม่แข็งแรง เราได้รับเชื้อก็อาจป่วย Smiley
ปล.3 ขอย้ำอีกครั้งว่า ใช้ชีวิตตามปกติ ป้องกันตามสมควร สุขภาพกายไม่ป่วย ระวังสุขภาพใจป่วยนะคะ Smiley
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/18/09 เวลา 13:54:25
ไข้หวัดใหญ่2009 การป้องกันได้ตามที่หมอบอก......
- แต่หากติดแล้ว ร่างกายเราต่อให้แข็งแรงแค่ไหนก็ไม่หายใช่หรือเปล่าครับ..(เพราะร่างกายยังไ ม่มีภูมิคุ้มกันเจ้าไวรัสนี้)
 
- ส่วนเรื่องเครื่องมือเช่นพวก กระจกกลมๆ เล็กๆ ส่องฟันในปาก หรือ พวกเหล็กแหลมเล็กๆ ที่หมอใช้เคี่ยฟัน เขาจะเปลี่ยนในแต่ละเคสด้วยรึเปล่าครับ เพราะไข้หวัดใหญ่2009 ติดผ่านน้ำลายด้วยใช่ไหมครับ....
 
- เจ้าไวรัสนี่มันอยู่ในอากาศได้นานแค่ไหนครับ
 
- หากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะลดโอกาสเป็นไข้หวัดธรรมดารึเปล่าครับ...
 
ขอบคุณครับ
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/18/09 เวลา 13:59:56
ผมเข้าใจในสิ่งที่หมอบอกว่าอยู่ที่ไหนก็ติดได้
 
แต่ที่สงสัยคือการว่ายน้ำ คนที่เริ่มเป็นไปว่ายน้ำ และมีการบ้วนน้ำลาย เสมหะ น้ำมูก ปัสสาวะ ต่างๆ ลงในน้ำ จะทำให้คนที่ว่ายน้ำใกล้เคียงติดด้วยรึเปล่า เสมือนว่าน้ำเป็นตัวนำเชื้อนะครับ....
 
ทำฟัน ก็เหมือนกัน พวกเครื่องมือจะเป็นตัวนำเชื้อรึเปล่า และอีกอย่างที่ไม่แน่ใจคือแก้วที่ใช้บ้วนน้ำเวลาที่ทำฟัน รู้สึกว่าจะไม่เปลี่ยนรึเปล่าครับ....
 
ขอบคุณครับ...คุณหมอ
จากคุณ: หมอหนิง โพสเมื่อวันที่: 07/18/09 เวลา 17:59:27
on 07/18/09 เวลา 13:54:25, mr.Boy wrote:
ไข้หวัดใหญ่2009 การป้องกันได้ตามที่หมอบอก......
- แต่หากติดแล้ว ร่างกายเราต่อให้แข็งแรงแค่ไหนก็ไม่หายใช่หรือเปล่าครับ..(เพราะร่างกายยังไ ม่มีภูมิคุ้มกันเจ้าไวรัสนี้)
 
- ส่วนเรื่องเครื่องมือเช่นพวก กระจกกลมๆ เล็กๆ ส่องฟันในปาก หรือ พวกเหล็กแหลมเล็กๆ ที่หมอใช้เคี่ยฟัน เขาจะเปลี่ยนในแต่ละเคสด้วยรึเปล่าครับ เพราะไข้หวัดใหญ่2009 ติดผ่านน้ำลายด้วยใช่ไหมครับ....
 
- เจ้าไวรัสนี่มันอยู่ในอากาศได้นานแค่ไหนครับ
 
- หากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะลดโอกาสเป็นไข้หวัดธรรมดารึเปล่าครับ...
 
ขอบคุณครับ

- หายสิคะ ร่างกายมนุษย์มหัศจรรย์ ระบบภูมิต้านทานของเราจะพยายามเรียนรู้และกำจัดเชื้อไวรัสได้ แต่เนื่องจากเป็นเชื้อใหม่ร่างกายเราไม่รู้จัก ก็ต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิขึ้นมา ช่วงนั้นร่างกายเราจะอ่อนแอ ก็ให้รักษาตามอาการเช่น เชื้อโรคทำให้เรามีไข้ ก็ให้เช็ดตัว ทานยา ถ้าอ่อนเพลียก็พักผ่อน เหมือนตอนเราป่วยด้วยไข้หวัดปกติ จึงจะเห็นได้ว่าจากตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศออก จะมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก หลายรายปล่อยให้กลับบ้านได้ มีผู้ป่วยหนักต้องเฝ้าระวังไม่กี่ราย จึงเป็นที่มาของข่าวลือที่น่ากลัวว่าอาจมีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่มากมาย บางข่าวลือบอกอาจมีถึง 3 แสนคน นั่นก็เพราะว่า ถึงแม้คนจะได้รับเชื้อแต่ไม่เกินอาการ เหมือนมีอาการก็น้อย รู้สึกเหมือนไข้หวัดปกตินั่นเอง การจะวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัด 2009 หรือไม่ต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์การแพทย์เท่านั้นจึงจะทราบ อาการภายนอกทั่วไปนั้นใกล้เคียงกับไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ทั่วไปมาก ดังที่เคยกล่าวว่า มันแค่สายพันธุ์ต่างกัน แค่นั้น เหมือนเสือดาว สิงโต แต่ก็เป็นสัตว์ตระกูลแมวเหมือนๆ กัน
- เครื่องมือหมอ เปลี่ยนทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนคนไข้ค่ะ ไม่ใช้ซ้ำ ทุกครั้งที่เปลี่ยนก็จะนำไปฆ่าเชื้อ ที่ได้มาตรฐานว่าฆ่าเชื้อได้หมด ไวรัสดูเหมือนน่ากลัว แต่ตายง่ายสุด อุณหภูมิ 60-70 ก็ตายแล้วล่ะ จริงๆ แล้ว  
- ไวรัส ต้องอาศัยอยู่ในพาหะ เช่น ละอองน้ำ เสมหะ เลือด ไม่ได้ลอยไปลอยมา ได้เอง ฉะนั้นจะได้รับเชื้อ ก็ต้องได้รับโดยตรง เช่น หายใจรดกัน โดนไอจามใส่อะไรทำนองนี้ หมอไม่ทราบเวลาที่เชื้อไวรัสจะอยู่ในอากาศได้นานเท่าไหร่ แต่คิดว่าไม่กี่นาที เพราะไวรัสดูเหมือนติดง่าย แต่มันก็ติดยากอยู่ในที ต้องมีปัจจัยที่เหมาะสมจึงจะติดได้
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็ป้องกันเฉพาะไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้ป้องกันไข้หวัดบ้านๆ และป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นั้นๆ เท่านั้น ไข้หวัดใหญ่เองก็มีหลายสายพันธุ์ ที่ประเทศฉีดให้ก็เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดบ่อยๆ ในประเทศไทย เราคงไม่ฉีดยาที่มีสายพันธุ์ของแอฟริกา เป็นต้น การป้องกันไข้หวัด คือการทำร่างกายให้แข็งแรง ฯลฯ ดังที่ทราบๆ กัน
on 07/18/09 เวลา 13:59:56, mr.Boy wrote:
ผมเข้าใจในสิ่งที่หมอบอกว่าอยู่ที่ไหนก็ติดได้
 
แต่ที่สงสัยคือการว่ายน้ำ คนที่เริ่มเป็นไปว่ายน้ำ และมีการบ้วนน้ำลาย เสมหะ น้ำมูก ปัสสาวะ ต่างๆ ลงในน้ำ จะทำให้คนที่ว่ายน้ำใกล้เคียงติดด้วยรึเปล่า เสมือนว่าน้ำเป็นตัวนำเชื้อนะครับ....
 
ทำฟัน ก็เหมือนกัน พวกเครื่องมือจะเป็นตัวนำเชื้อรึเปล่า และอีกอย่างที่ไม่แน่ใจคือแก้วที่ใช้บ้วนน้ำเวลาที่ทำฟัน รู้สึกว่าจะไม่เปลี่ยนรึเปล่าครับ....
 
ขอบคุณครับ...คุณหมอ

เรื่องว่ายน้ำ ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็เป็นไปได้ แต่คิดถึงปริมาณเชื้อที่เจือจาง และปัจจัยอื่นๆ ดังที่กล่าว ทุกอย่างต้องพอเหมาะ  
 
เรื่องเครื่องมือทำฟัน ในฐานะที่เป็นหมอเอง หมอว่าคงไม่มีหมอคนไหนกล้าถึงขนาดนำเครื่องมือที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำ เพราะมันผิดมหันต์ และไม่น่าจะเป็นหมอได้ แก้วน้ำก็เปลี่ยนทุกครั้งค่ะ บางที่อาจใช้ชนิดใช้แล้วทิ้ง เรื่องโรคติดต่อ อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่คนไข้ที่กลัว หมอเองก็กลัวโรคจากคนไข้เช่นกันนะ อิอิ Smiley
จากคุณ: mr.Boy โพสเมื่อวันที่: 07/19/09 เวลา 22:56:17
ขอบคุณมากๆ ครับคุณหมอหนิง หมอใจดี....หายคาใจสักทีครับ.... Cheesy Grin Cheesy Grin


  • ข้อความและรูปภาพที่ท่านเห็นส่วนใหญ่ ได้ถูกส่งมาจาก ทางบ้าน
    ทางเว็บไซต์ Thaiclinic.com ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของข้อความและรูปภาพที่ถูกส่งมา

  • ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชนและส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ
    เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง
    ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง

  • ถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมหรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล
    หรือหน่วยงานใด กรุณาส่ง email มาที่ webmaster@thaiclinic.com หรือ กดแจ้งที่ปุ่ม
    "แจ้งลบกระทู้"
    เพื่อให้ทีมงานทราบและทำการลบข้อความนั้นออกจากระบบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันทำให้สังคมน่าอยู่ครับ

ThaiClinic.Com . All Rights Reserved. !--BEGIN WEB STAT CODE-->

Powered by