|
« เมื่อ: 03/05/08 เวลา 19:00:46 » |
|
10 มิถุนายน 2551 เพื่อนแพทย์ที่รัก : ขณะนี้ประเทศไทยของเราดูจะลำบากนะครับ การเมืองก็ปั่นป่วนมาก ไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร เศรษฐกิจก็แย่ลงมาก ข้าวของแพงขึ้นทุกๆ อย่าง แพทย์เราคงจะต้องลำบากอีกแล้ว เพราะคนไข้ก็จะใช้จ่ายน้อยลง ผมขอให้ทุกๆคนปรับตัวตามความเหมาะสมนะครับ ข้อสำคัญไม่รู้ว่าสภาพนี้จะยาวไปอีกกี่เดือน ต้องอดทนกันหน่วยครับ 1. พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ กำลังพิจารณาอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ดูท่าทีแล้วเรื่องยกเว้นการฟ้องอาญาในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้นคงจะยา ก ซึ่งคงจะต้องติดตามกันต่อไปครับว่าร่าง พรบ.ฉบับนี้จะสามารถปฏิบัติได้อย่างไร 2. แพทย์ที่ประกอบวิชาชีพรักษาคนไข้นอก ที่คลีนิคแต่เพียงอย่างเดียวก็ยังคงมีเรื่องที่ถูกกล่าวหาเป็นระยะๆครับ ไม่ว่าจะเป็น แพ้ยา (ซึ่งแพทย์ไม่มีวันที่จะรู้ได้ แม้จะซักประวัติว่ามีการแพ้ยาหรือไม่) รักษาแล้วโรคเลวลง และไปพบโรคร้ายซึ่งยังไม่แสดงอาการออกมาในวันเวลาที่แพทย์ให้การรักษา บางครั้งก็ถูกถามหาความรับผิดชอบ (แปลว่าเรียกร้องค่าเสียหาย) ถ้าตกลงกันไม่ได้ ก็อาจจะนำคดีไปฟ้องร้องต่อศาล ในที่ประชุมแพทยสมาคมเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะแพทยสมาคมฯ โดยอาจารย์สมศรี ได้ทำการไกล่เกลี่ย (ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็ต้องจ่ายเงิน) ไปหลายรายแล้ว โดยความเป็นจริงนั้น ตรวจคนไข้ ตามคลีนิกแต่ละรายแพทย์เก็บค่ายาได้นิดเดียวเท่านั้น แต่ถ้าดวงไม่ดี คนไข้มีปัญหาก็ถูกเรียกร้องความรับผิดชอบ แพทยสมาคมฯเลยคิดเบื้องต้นว่าสำหรับคนไข้ที่มารักษาที่คลีนิก (ยกเว้นการผ่าตัดทุกชนิด) เวลาไกล่เกลี่ยก็ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่แพทย์ได้จากคนไข้แต่ละคนก็มากกว่าเป็นร้ อยๆเท่า แพทยสมาคมฯจึงมีความคิดว่า จะทำเรื่องสวัสดิการของสมาชิกที่รักษาคนไข้ที่คลีนิกก่อน (แต่จะไม่ขอรวมถึงการทำผ่าตัด และการเสริมสวย ซึ่งจะค่อยๆพิจารณาทำให้ทีหลัง) โดยอาจจะตั้งกองทุนไว้ แต่ยังไม่แน่นอนนะครับ ที่คิดไว้คือ แพทย์คนละ 1000 บาทต่อปี สมทบเข้ากองทุนสวัสดิการคลีนิกเมื่อมีเรื่องราวจากการรักษาที่คลินิก(ยกเว้น ผ่าตัดและเสริมสวย)แพทยสมาคมฯ จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ และถ้าจำเป็นต้องจ่ายก็จะจ่ายให้จากกองทุนสวัสดิการคลินิก โดยจะจ่ายให้ทั้งหมด ถ้าไม่เกินสองแสนบาท ถ้าคนไข้เรียกร้องเกินสองแสนบาท ก็จะตกลงกับแพทย์แต่ละคนเป็นรายๆไป ถ้าคนไข้ฟ้องศาลแพทยสมาคมก็จะหาทนายและรับผิดชอบค่าทนายให้ (แต่ไม่ได้ใช้ทนายที่มีอยู่นะครับ เพราะยังไม่มีประการณ์เพียงพอ) เราจะขอทำซัก 1 ปี ก่อน หลังจากนั้นก็คงจะมีข้อมูลเพียงพอสำหรับให้กองทุนสวัสดิการคลีนิก อยู่ได้ถาวร และอาจจะมีส่วนลดจาก 1000 บาทต่อปี ถ้าแพทย์ท่านนั้นไม่มีเรื่องต้องไกล่เกลี่ยเลย ในวันนี้ผมขอเล่าความคิดที่จะทำกองทุนเพื่อให้แพทย์ได้ช่วยเหลือกันคร่าวๆก่ อนนะครับ แต่ไม่ใช่เป็นการประกันการประกอบวิชาชีพนะครับ เพราะแพทยสมาคมทำไม่ได้ ต้องให้บริษัทประกันเป็นผู้ทำ แต่เราตั้งกองทุนเพื่อช่วยกัน ช่วยกันรับความเสี่ยง แล้วแพทยสมาคมก็สามารถใช้กองทุนได้ทั้งหมด เพราะแพทยสมาคมก็ไม่ได้คิดค่าบริหารจัดการเลย เนื่องจากได้มีเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว สำหรับแพทย์ผู้ไกล่เกลี่ย ตอนนี้เรามี อาจารย์สมศรี เผ่าสวัสดิ์ , อาจารย์พินิจ หิรัญโชติ และผมก็เชื่อว่า เมื่อเราเริ่มโครงการนี้ คงจะมีแพทย์อีกจำนวนมากพร้อมที่จะมาช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ย ซึ่งอาจจะต้องมีทุกๆ จังหวัด ผมขอเรียนว่าในการประชุมแพทยสมาคมครั้งต่อไปถ้ากรรมการฯ อนุมัติโครงการและวิธีปฏิบัติแล้ว จะมีแบบฟอร์มใบสมัครและเงื่อนไข ถึงแพทย์ที่ทำคลีนิกทุกๆคนครับ ขอให้โชคดีทุกๆ คนครับ รัก&ห่วงใยเพื่อนร่วมวิชาชีพ (นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์) ---------------- 5 มีนาคม 2551 เพื่อนแพทย์ที่รัก : รัฐบาลใหม่ก็ยังไม่ทันจะพ้น 1 เดือนเลย ก็มีเรื่องยุ่งๆ ในกระทรวงสาธารณสุขอีกแล้ว แพทย์ที่รักสงบทั้งหลายคงจะต้องกลุ้มใจไปกับสถานการณ์ทั้งหมดไปด้วยนะครับ 1. ผมใคร่ขอแสดงความยินดีกับท่าน ส.ว.ที่เป็นแพทย์ อ.พรพรรณ บุณยรัตนพันธุ์ , อ.พินิจ กุลละวณิชย์ , อ.วิรัตน์ พาณิชย์พงษ์ , นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ (จ.เพชรบุรี) และจากการเลือกตั้ง นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ (จ.สุรินทร์) , นพ.จตุรงค์ ธีระกนก (จ.ร้อยเอ็ด) , นพ.สุรพงษ์ ตันธนศรีกุล (จ.กาญจนบุรี) ซึ่งพวกเราทุกๆ คนคงจะอุ่นใจได้แน่นอนครับ และผมกล้ายืนยันได้ว่าท่าน ส.ว.ทุกๆ คน เข้าใจปัญหาความทุกข์ยาก และความหวาดกลัวในการประกอบวิชาชีพของเราเป็นอย่างดี ซึ่งคงจะแก้ไขปัญหาให้เราได้โดยเต็มความสามารถของทุกๆ ท่าน 2. ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนะครับว่าตอนนี้เรามีทนายมาประจำที่แพทยสมาคมฯ และนะครับ เพื่อนๆ ต้องการใช้บริการ ติดต่อมาได้เลยครับ (แต่ขอให้โชคดี ไม่ต้องใช้บริการ) ทนายจะไปพบเพื่อนๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนทั่วประเทศไทย 3. ในการประชุมครั้งแรกของแพทยสมาคมฯ ในวาระของผมนี้ ที่ประชุมได้เล็งเห็นว่า ยังมีเพื่อนแพทย์อีกจำนวนมากประมาณ 50% ของแพทย์ทั้งหมดยังไม่ได้เป็นสมาชิกของแพทยสมาคมฯ และเนื่องในวโรกาศเฉลิมฉลอง 80 ชันษาขององศ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แพทยสมาคมฯ จะถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุดถ้าเพื่อนๆ จะกรุณาสมัครเป็นสมาชิกตลอดชีพ ของแพทยสมาคมฯ โดยได้รับค่ายกเว้นค่าธรรมเนียมตลอดชีพ 2,000 บาท ผมใคร่ขอร้องให้เพื่อนๆ ให้ช่วยกรุณากรอกแบบสอบถามมาเพียง 4-5 บรรทัดเท่านั้น (แบบฟอร์มจะถูกกระจายไปตามสื่อของแพทยสภา , ราชวิทยาลัย , ชมรมศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป , หรือจะโหลด เอาจา www.mat.or.th ก็ได้ครับ) และช่วยส่งกลับมายังแพทยสมาคมฯ ด้วยครับ และไม่ต้องไปคิดเลยครับว่าเป็นสมาชิกแล้วหรือยัง ช่วยเซ็นส่งกลับมาเถอะครับ ถ้าเป็นสมาชิกอยู่แล้วก็จะได้เป็นการ update ที่อยู่ใหม่เลย การที่แพทย์ทั้งหมดรวมตัวกันนี้แพทยสมาคมฯ ก็จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น และแสดงถึงความสามัคคีที่ดีเยี่ยม จะคิดอ่านทำอะไรก็ง่ายครับ 4. สมาคมโรงพยาบาลเอกชนจะจัดอบรมเรื่อง ทฤษฎีของการไกล่เกลี่ย ในวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2551 เวลา 08.30 18.00 น. เพื่อให้ความรู้แก่เพื่อนแพทย์ เนื่องจากปัจจุบันนี้แพทย์ได้ถูกฟ้องจากการรักษาเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการฟ้องร้องจึงต้องมีการแก้ปัญหาโดยการไกล่เกลี่ย ซึ่งการไกล่เกลี่ยทำอย่างไรที่จะให้เป็นที่พอใจของผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้อง ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเห็นว่าปัญหาดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่ต ้องมาทำความเข้าใจและหาแนวทางในการปฏิบัติได้ถูกต้อง ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้เชิญอาจารย์วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันพระปกเกล้า และอาจารย์นพพร โพธิรังสิยากร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ ซึ่งวิทยากรทั้ง 2 ท่านนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์เป็นอย่างมาก มาเป็นวิทยากรในการอบรมครั้งนี้ หากท่านสนใจที่จะเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ กรุณาติดต่อที่สมาคมโรงพยาบาลเอกชน โทรศัพท์ 02-716-7058 , 02-716-7470 ขอให้โชคดีทุก ๆ คนครับ (นายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์)
|
|